หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 61



ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 61 “ลุ้นระทึกกลางดึก!?...เมื่อสาวสวยน่ากลัวกว่าผี!!!!

“ก่อนที่น้องจะใช้พลังพันธนาการท่านพี่...กรุณาบอกเหตุผลที่น้องรับฟังได้...จะอธิบายว่าอย่างไรเจ้าคะ?”
“พี่ก็บอกแล้วว่ามันเป็นแค่...ผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน”
“...................................................”
“ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ”
“เท่านี้หรือเจ้าคะ?”
“อืม--...อ๊ะๆ...อย่าเชียวนะ!!...พี่มีออกตรวจตอนบ่ายอีก”
“วานให้หมอคนอื่นทำแทนก็ได้ส่วนท่านพี่จงนอนหลับอยู่แต่ภายในห้องนี้เสียเถิด...ใบหน้ายามหลับนั่นช่างงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ”
“เฮ่ยเอาจริงน่ะ!?...แน่~~...ล้อพี่เล่นใช่ม๊า?”
“...น้องกำลังโกรธอยู่นะเจ้าคะ”
“ไหมๆๆๆ...อย่ามัวอยู่เฉยๆช่วยฉันด้วย!!!
“คุณหนูรองเจ้าคะ...ดิฉันว่า...”
“หุบปากบัดเดี๋ยวนี้!!...เจ้าก็มีความผิดที่ช่วยท่านพี่ปกปิดเรา...สงสัยอยู่แล้วเทียวว่าทำไมเจ้าถึงพาเราไปโน่นไปนี่ที่แท้ก็เป็นการถ่วงเวลา”
“...................................................”
“น่าๆ...อีตาผอ.มะเขือเผานั่นมันแค่การละเล่นฆ่าเวลา”
“น้องเบื่อจะฟังท่านพี่ที่พูดแก้ตัวเช่นนี้มามิรู้กี่ครั้ง...เอาล่ะ”
“?”
“หากยังมิเลิกข้องเกี่ยวกับเฒ่าหัวงูผู้นั้นอีกก็อย่าหาว่าน้องใจร้ายล่ะกัน”
“เฮ่!!
“...................................................”
“โอ๊ะไม่ได้การ!!...ต้องไปออกตรวจแล้ว”
“น้องยังพูดมิจบนะเจ้าคะท่านพี่!!!
“หนีไวจัง”
“คอยดูเถิดไหม...มันผู้ใดที่จะเข้าใกล้ท่านพี่ด้วยเพราะมีเจตนาสกปรกลามกต้องพบกับจุดจบที่น่าสมเพช...ท่านพี่เป็นของเรา!!!
“คุณหนูใหญ่ก็มีเหตุผลเป็นของตัวเองเจ้าค่ะ”
“เหตุผลที่หาได้มีความเข้าท่าแต่อย่างใดไม่น่ะหรือ?”
“...................................................”
“เราจะไปเรียนส่วนเจ้าคอยดูแลท่านพี่”
“เจ้าค่ะ”
“...................................................”
“...................................................”
“ไหมๆ”
“คุณหนูใหญ่!?
“ม่อนไปแล้วใช่มั้ย?”
“เพิ่งออกไปเมื่อกี้เจ้าค่ะ”
“เฮ้อ~~...ช่วยบอกมันด้วยว่าอย่าไปทำอะไรอีตาผอ.นั่นเลยเพราะตอนนี้แพ้ภัยตัวเองไปนอนในห้องไอซียูเรียบร้อยแล้ว”
“หา?”
“มีประวัติเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแต่สาเหตุที่แท้จริงก็เป็นเพราะขึ้นเตียงกับฉันนั่นแหละ...เธอเองก็อย่าเอะอะไปเชียวนะ”
!?
..................................................................................................................................

“กินข้าวกลางวันมาหรือยัง?”
“...เรียบร้อยครับ”
“นั่งเป็นเพื่อนพี่ก่อน...เดี๋ยวจะไปส่งที่ห้อง”
“..................................................”
...พี่แคทมาอยู่ที่ร้านอาหารหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัย?...ไม่แวะก็ไม่ได้เพราะสาวเจ้าผมยาวโทรจี้เข้ามือถือ...
(ไม่รู้ตั้งใจมาดักรอหรือเปล่าเพราะที่นี่มันก็ใกล้อาคารที่หล่อนเรียนอยู่เหมือนกัน!?)
“นายท่านคะ...พวกเราขอตัวกลับนะคะ”
“อืม”
“โอ--...แค่ไปพบกับคุณพัตราครั้งแรกในฐานะ...ว่าที่ผู้นำรุ่นสามก็ดูจะเพลินติดลมบน”
“..................................................”
“หนูจ๊ะ...ข้าวได้แล้ว”
...พี่แคทลุกไปหยิบอาหารที่สั่งไว้ส่วนผมเดินไปซื้อน้ำอัดลมกระป๋องโดยตั้งใจซื้อมาเผื่อเธอด้วยแต่ทว่า...
“ไม่ได้สั่งสักหน่อย”
“งั้นผมเก็บไปฝากฝนก็ได้”
“..................................................”
“ข้าวคะน้าผัดปลาอินทรีย์”
“ป้าเค้าทำอร่อย”
“แต่ผมอยากกินอาหารฝีมือพี่มากกว่า”
“ห๊ะ?”
...อึ้งไปเลยพี่สาวผม...หึๆ...ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอทำอาหารไม่ได้เรื่องแต่อยากจะ(เอาคืน)แหย่เล่นเฉยๆ...
“เย็นนี้พี่ทำให้ผมกินนะ”
“พี่ทำเป็นที่ไหน?...ไปขอให้ฝนทำโน่น”
“แย่จัง...ผู้หญิงที่ไม่มีฝีมือปลายจวักใครจะมาขอไปเป็นแม่บ้านแม่เรือน?...น่าขันมากถ้าใครๆรู้ว่าคุณหนูสองผู้สูงส่งแห่งวิษณุมนตรีจะไร้ความสามารถที่ผู้หญิงส่วนใหญ่พึงมี”
“โห~~...แล้วไงต่อ?”
“นี่เรื่องใหญ่ครับ...อย่าล้อเล่น”
...เปรียบเปรยกับน้องสาว,แม่บ้านแม่เรือน,ชีวิตหลังแต่งงาน...ผมสบช่องยกมาถล่มเป็นระลอกทว่าญาติสาวผู้พี่วัย 22 นิ่งสงบกว่าที่คาดทั้งที่จี้แทงปมด้อยของหล่อนเต็มเปา...เอ๋!?...ยังก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรอะ?...
“...ความเห็นของเธอน่าสนใจทีเดียวแต่มันไม่สำคัญสำหรับพี่”
“เพราะมีฝนหรือ?”
“ไม่ใช่...ถ้าจะไปฝึกทำอาหาร...”
“?”
“พี่ว่าเอาเวลามาคอยจับตาดูคนชอบปิดบังความผิดของตัวเอง...มันน่าสนุกกว่าเยอะเลย”
!?”
“ไปเอาน้ำให้หน่อยซิ”
“ก็ยังมีอยู่ในแก้ว...”
“..................................................”
“ครับๆๆ”
“ขอบใจ...เอ้า!!...สักคำ”
“ผมไม่หิว”
“สุภาพบุรุษที่ดีไม่สมควรปฏิเสธคำขอของสุภาพสตรีนะจ๊ะ”
“..................................................”
(เออๆ...กินก็ได้ฟะ!!)
“หืม?...โอ้วววววววว...เผ็ด...เผ็ดๆๆๆ...โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยย”
...หลงกลพี่แคทที่แกล้งเอาพริกขี้หนูมาให้กินจนผมตาลีตาเหลือกคว้าแก้วน้ำแทบไม่ทัน...
“เห็นมะ?...ดื่มหมดในอึดใจเดียวเลย”
“อะ...อะไรของพี่เนี่ย!?
“พี่รู้สึกว่าเธอชักจะพูดมากก็เลยอยากให้หุบปากลงซะมั่ง”
“..................................................”
“ไปทำอะไรมาอีกล่ะ?”
“ทำอะไร?...ผมก็บอกแล้วว่าไปพบคุณพัตรา...หากสงสัยนักก็เชิญไปเช็คเลย”
“พี่ไม่ได้สงสัยประเด็นที่ว่าพบจริงหรือเปล่าแต่ไอ้การที่ขับรถผ่านหน้าบริษัทตั้งสามสี่รอบน่ะมันอะไร?”
!!!
“อย่าบอกว่าตื่นเต้นที่ไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ครั้งแรกเลยขอเวลาเตรียมใจ”
“...นังปิศาจ!!
“หึ!
“ผมว่าพี่ๆยังจะมาหัวเราะเยาะ!!!
“งั้นบอลก็พูดมา”
“แค่มันยังไม่ถึงเวลานัดหมายเลยสั่งให้ศุกร์ขับรถวนฆ่าเวลาก็เท่านั้น”
“ฆ่าเวลา?...ทำอะไรที่มันดูเด็กๆจัง”
“แล้วอะไรครับที่ดูเป็นผู้ใหญ่?...แกล้งเอาพริกให้คนอื่นกินอย่างนี้ใช่มั้ย?”
(ปากท้าทายแต่ความจริงกลัวแทบหยุดหายใจ...อะไรดลใจให้เรายื่นมือไปจับคางพี่แคทกันนะ?)
“โดนยั่วว่าทำอาหารไม่เป็นเข้าหน่อยก็แอบยัดพริกขี้หนูให้ผมกิน...ใช้วิธีหน่อมแน้มนี่น่ะเหรอ?”
“งั้นบอลจะให้พี่เปลี่ยนไปใช้วิธีโหดๆไหม?”
“...............................................”
“...มือสั่นนะ”
“ผมจะไปรอที่รถ!!
...แสดงว่ามีสาย(ลับ)แฝงตัวอยู่ในบริษัทคุณพัตราซึ่งยัยพี่สาวจอมป่วนประสาทก็คงจะบอกเลขทะเบียนรถที่ผมนั่งไป...รู้ถึงขนาดขับรถวนผ่านหน้าบริษัทถึงสามรอบแต่จะเป็นใคร?...
(มีแนวโน้มสูงว่าจะเป็นยามหน้าประตูเพราะสามารถสังเกตรถทุกคันที่แล่นผ่านหรือวิ่งเข้ามา)
“ยังพอมีเวลาเหลือ...พี่ขอถามอะไรหน่อย”
“ก็พูดมาซะตรงนี้เลยสิครับ”
“ที่นี่ไม่ค่อยเหมาะ”
...พี่แคทเลี้ยวรถเข้าไปในถนนลูกรังสายนอกที่สามารถไปถึงอาคารที่ผมจะเรียนได้ซึ่งปกติไม่ค่อยมีใครใช้เส้นทางนี้เพราะมันเปลี่ยวกับไม่มีเสาไฟอยู่เลยโดยเฉพาะเวลากลางคืน...หญิงสาวนำรถเก๋งคู่ใจจอดชิดขอบถนนแล้วเปิดประตูออกไป...
(ถึงกับต้องหยุดรถเชียว?)
“...ลงมา”
“มีอะไรจะถามครับ?”
“เธอกับศิมีอะไรกันหรือยัง?
(โอ้โห!?...ช่างไม่รู้จักอ้อมหรือเลี้ยวซะบ้างเลยจ้องจะพุ่งตรงอย่างเดียว!!!)
“ผมคงไม่ต้องตอบมั้งเพราะพี่จะตั้งธงไว้ในใจก่อนเสมอฉะนั้นถึงพูดไปพี่ก็ไม่เชื่อ?”
“ก็ลองพูดมาก่อน”
“มีแล้วครับ”
!?
“พี่หูไม่ฝาดหรอก”
...ว่ากันว่าคนที่ฉลาดเป็นกรดมักจะไม่เชื่อคำตอบกับประโยคแรกที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาดังนั้นผมจึงพูด(ความจริง)ทันทีและคอยดูว่าญาติสาวผู้พี่จะมีปฏิกิริยายังไงต่อ...
“เรียกไปปรนนิบัติหรือ?”
“ปรนนิบัติ...ก็ประมาณนั้นแต่ผมไม่บังคับและปล่อยให้ศิตัดสินใจเอาเองครับ”
“ต่อให้เต็มใจแต่หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ...โตป่านนี้แล้วทำอะไรไม่รู้จักคิด”
“ฮ้า!?
(เฮ้ย!!!...ไหงผลมันถึงออกมาตรงกันข้าม?)
“อย่าโกหก...ฮื่อ~~...ผมรู้ว่าพี่ไม่เชื่อ”
“แต่คราวนี้ฉันเกิดอยากจะเชื่อขึ้นมาน่ะ”
“เหตุผลล่ะ?”
“แววตาที่ศิมองเธอ...”
“แค่นั้นเองน่ะเหรอ?”
“อย่าดูถูก Sense ของผู้หญิงให้มันมากนัก...พี่ไม่เคยพูดว่าตัวเองฉลาดกว่าใครแต่การสังเกตอาการคนอื่นนี่ถือเป็นเรื่องถนัดและเธอน่ะมองออกง่ายมากหรืออีกความหมายคือ...ดูปราดเดียวก็รู้”
“..................................................”
...ประสาทจะกิน!!!...หวังให้สาวเจ้าวัย 22 ตกหลุมพรางเพราะความเฉลียวฉลาดของตนแต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นผมเสียเอง...
“งั้นที่ขับรถวนอยู่หลายรอบก็แสดงว่าเธอกับศิกำลัง...”
“อย่ามาเดาส่งเดช!!
“แต่ไอ้นี่น่ะ...”
“โอ๊ะ!?...ปะ...ปล่อยนะ!!!!
“อ่อนยวบยาบแบบนี้...แสดงว่ารีดพิษมันออกไปแล้วสิ?”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่...ปัทโธ่เว้ย!!!...คิดพิเรนทร์อะไรจู่ๆก็มาจับจู๋ผม?”
“แค่ภายนอกเอง...ไม่ได้จับตรงๆสักหน่อย”
“จะตรงหรือจะเลี้ยวมันก็ใช่ที่ๆนึกอยากจับก็จับได้ตามใจหรือไง?”
“จู่ๆก็รักนวลสงวนตัวขึ้นมาซะงั้น?”
“หยุดแดกดันกันซะที!!
“พี่เปล่านะ...ก็ถ้าเธอไม่ไปมีอะไรกับใครมันจะต้องแข็งตัวนี่?”
“มันใช่ซะที่ไหน?...กรอด!!!
“น่า--...อย่าลืมว่าพี่นุ่งกระโปรงสั้นแล้วตอนนั่งในรถเธอก็เหลือบมองขาอ่อนพี่ตั้งหลายครั้งฉะนั้นตามความเป็นจริงเธอย่อมเกิดความรู้สึกแล้วไอ้นั่นจะต้องขยายใหญ่ขึ้นบ้างแต่นี่ไม่เลย”
วิธีพิสูจน์บ้าๆแบบนี้มันไม่ได้ผลหรอก
เอ--...มันก็น่าจะช่วยสันนิษฐานเบื้องต้นได้ไม่ใช่รึ?”
นี่ไม่รู้จริงหรือว่าแกล้งโง่กันแน่?...งั้นผมทำกับพี่บ้างจะเป็นยังไงล่ะ?”
“...................................................”
“พี่ยังไม่รู้จักผู้ชายดีพอ...เริ่มมาก็จับไอ้นั่นหมับพี่มั่นใจว่ามันจะต้องแข็งตัวทันทีงั้นเรอะ?...คิดตื้นๆ...นี่ถ้าไม่ใช่ผมล่ะก็น่ากลัวพี่โดนจับข้อหาทำอนาจารไปแล้วแน่!!!
“งั้นเธอช่วยอธิบายหน่อยถือเป็นการประดับความรู้”
“...ผู้ชายน่ะต่อให้สำเร็จความใคร่มาแล้วแต่ก็ใช่ว่าอวัยวะเพศจะอ่อนยวบยาบไม่หือไม่อือไปหลายชั่วโมงอย่างที่พี่เข้าใจโดยเฉพาะหนุ่มวัยรุ่นความรู้สึกไวจะตาย...ต่อให้เอาผู้หญิงมาแล้วแต่อวัยวะเพศก็สามารถแข็งตัวได้เมื่อหัวสมองคิดกับเห็นสิ่งเร้าอารมณ์”
“แล้วทำไมของเธอไม่แข็งทั้งที่แอบดูขาพี่?”
“ใครว่า?...ผมไม่ใช่อิฐใช่ปูนแต่มันสงบใจได้ต่างหาก”
“สงบใจ”
“แบบพอได้เห็นหน้าของพี่ผมก็แทบจะหมดอารมณ์ทันที...เฮอะๆ”
“อะไร!?...นี่ใบหน้าฉันดูน่าเกลียดขนาดนั้นเชียว?”
“ไม่ใช่ๆ...ความหมายของผมคือพี่ชอบปั้นหน้าบึ้งใส่คนอื่นใครๆก็เลยกลัวจนหดไงครับแล้วอย่างเมื่อกี้ผมก็ตกใจด้วยที่อยู่ๆพี่แคทก็เล่นอะไรสัปดน”
“โอ--...หมายความว่าพี่เข้าใจผิดมาตลอด?”
“ตรงนั้นของผู้ชายไม่ใช่ประเภทจับปุ๊บก็โด่ปั๊บ...ไปศึกษามาใหม่เถอะพี่เป็นคนฉลาดรับรองไม่นานก็เข้าใจ”
“ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก...”
“?”
“ไม่มีอะไร...บอลช่วยขับรถให้ทีสิ”
...อื้อหือ?...ดูคุณเธอทำหน้าเข้า...ท่าทางจะใช้ความคิดเป็นจริงเป็นจังเสียเหลือเกินจนไม่มีกะใจจะขับรถ...
“ช้าๆ...ถนนแถวนี้ไม่ค่อยดี”
“.................................................”
“.................................................”
“มองหน้าผมทำไม?”
“พี่ยอมรับว่ายิ้มไม่ค่อยเก่งทำตาเซ็กส์ซี่ก็ไม่เป็น...พอจะบอกได้ไหมล่ะว่าพวกเพื่อนๆของบอลเวลาเห็นพี่แล้วเขามีอาการยังไงมั่ง?”
“...ให้พูดจริงๆเหรอ?
“อื้ม!!
“สัญญามาก่อนว่าพี่อย่าโกรธหรือไปทำอะไรพวกมันนะ”
“ได้”
“พวกมัน...อยากมีอะไรกับพี่มากครับ”
“.................................................”
“พี่แคท?”
“พูดต่อ”
“พวก...พวกมันชอบมองตอนที่พี่นั่งกับเดินไปเดินมา...สังเกตดีๆก็จะรู้ว่าแววตางี้หื่นกระหายกันทั้งนั้น”
“ทำไม?”
“เพราะเวลานั่ง...เอ่อ--...อย่างที่เห็นๆกันว่าพี่มักจะใส่กระโปรงสั้นรัดรูป...เอ่อ...”
“ก็มันทำไมเล่า?”
“จะ...จะเห็นขอบกางเกงใน”
“ขอบกางเกงใน!?...ได้เห็นแค่นั้นพวกเพื่อนของเธอก็มีความสุขกันงั้นหรือเนี่ย?...แล้ว...ตอนพี่เดินล่ะ?”
“ก็...ก็บั้นท้ายของพี่ไง...ผมคงไม่ต้องอธิบายนะ”
“...ทะลึ่งกันจัง”
“นี่ยังน้อย...ทุกส่วนสัดในร่างกายพี่แคทล้วนแต่โดนพวกผู้ชายในมหาลัยเก็บเอาไปฝันกันหมดแล้ว...เชื่อมั้ยว่าแม้แต่อาจารย์ผู้ชายก็ชอบมองพี่?”
“หึ!!...ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จะเรียกว่าน่าหัวเราะหรือน่าสงสารดี...อืม--...จะว่าไปพี่เซคก็เคยเปรยๆไว้เหมือนกัน”
“เรียกว่าความบันเทิงใจอย่างหนึ่งจะดีกว่าครับ...พวกผู้หญิงก็ยังชอบพูดถึงร่างกายผู้ชายนี่นา?”
“พี่พูดอยู่หลายครั้งว่าเห็นแล้วยังไงเอาไปก็ไม่ได้ด้วย...แม้แต่หน้าอกพี่ก็เหมือนกันสิ?”
“ก็บอกว่าทุกส่วน”
“แค่เห็นยกทรงหรือกางเกงในวับๆแวมก็ชอบใจกันใหญ่”
“แต่ผมไม่ตื่นเต้นหรอก”
“เพราะเห็นอยู่บ่อยๆใช่มั้ย?”
“หา?”
“นับว่าเธอโชคดีกว่าคนอื่นเพราะไม่ได้เห็นแค่ขอบรางๆแต่มันชัดแบบเต็มตัว”
“แล้วนั่น...พี่...จะปลดกระดุมทำไม?”
“ทำแบบนี้...เธอน่าจะเกิดอารมณ์บ้าง”
...พี่แคทปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาสองเม็ดเผยให้เห็นยกทรงสีชมพูอ่อนพลางมองหน้าผมไม่กระพริบ...เธอคิดอะไรอยู่กันแน่?...มันจะทำให้ผมฟุ้งซ่านจนไม่มีสมาธิขับรถต่อและอาจเกิดอันตราย...
(หูยแม่คุณเอ้ย!!!...นมเต่งเป็นกระเปาะแถมมีตั้งสองเต้า...ว้ากกกกกกกกก~~...นี่ใช่เวลามาดูที่ไหนเล่า!?)
“ผม...ผมขับรถอยู่”
“ก็ถึงบอกให้ช้าๆไง”
“พี่...พี่ตั้งใจ?”
“อ่ะ!...ดูให้ดีๆ”
“ว้าว~~...อุ๊บ!!
“ชอบหรือเปล่า?”
“ผะ...ผะ...ผม”
“อย่าคิดมาก...เป็นการขอโทษที่พี่ถือวิสาสะจับของเธอ”
...จะไม่ให้คิดมากยังไงไหวเล่า?...สาวเจ้าผมยาวเลิกกระโปรงจีบสั้นขึ้นเกือบครึ่งจนกางเกงในสีชมพูแผลมออกมา...อู๊ย~~...ขนสีดำที่ซ่อนอยู่ด้านหลังผืนผ้าอันบางเบานั้น...บ้าจริง!!!...ตัวของผมร้อนขึ้นเรื่อยๆคล้ายกับเป็นไข้และเหงื่อเม็ดโป้งๆก็ผุดขึ้นทั่วร่างกายทั้งที่ในรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ...
“ใหญ่ขึ้นนี่...”
“อย่ามอง!!
“เธอดูของพี่ซะตาแทบถลนแต่ทีพี่จะมองมั่งทำเป็นห้าม...เอาเปรียบ--
“ถึง...ถึง...ถึงอาคารแล้ว...ผมลงล่ะ!!!
(โธ่ว้อยควยแข็งปั๋งเลย!!!!...ถ้าขืนเราขับต่ออีกไม่กี่เมตรมีหวังทั้งคนทั้งรถได้ปีนขอบทางเท้าพุ่งเข้าชนประตูอาคารเรียนแหงๆ)
“แล้วก็อย่าไปบอกฝนนะ...จะหาว่าพี่ไม่เตือน”
“ติดกระดุมเสื้อเถอะ...อยากจะโชว์ไปถึงไหน?”
“พี่กะว่า...จะโชว์ให้ผู้ชายแถวๆนี้น้ำลายหกเล่นอีกสักหน่อย...ดีไหม?”
“.................................................”
...พี่แคทเอ่ยพลางมองด้วยแววตาคล้ายๆจะยิ้มเยาะผม!?...ผู้ชายแถวๆนี้ในความหมายของเธอไม่มี “ใครอื่น” หรอก...
(ยิ้มไม่ค่อยเก่งรึ?...ทำตาเซ็กส์ซี่ไม่ค่อยเป็นรึ?...ทว่าไอ้ที่พี่ทำให้ดูเมื่อกี้นี่ถือเป็นอาวุธที่ร้ายกาจขนาดทำให้ชายหนุ่มมากมายคลั่งตายได้เลยนะ!!!!)
.....................................................................................................................................

“ตกลงมึงกับน้องฝนเป็นอะไรกันแน่?”
“เป็นลูกพี่ลูกน้องแน่เรอะ?”
“ถามอะไรไม่เข้าท่า”
“ก็เห็นมาคอยเฝ้าอยู่ทุกวันนี่หว่า...มึงรู้มั้ยว่าเค้าลือกันไปทั่วแล้ว?”
“พวกมึงก็เชื่อ?”
“เปล่า--...กูไม่สงสัยเหตุผลของพี่แคทแต่”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละโว้ย!!!
“...ทำเพื่อพี่สะใภ้อย่างงั้นเหรอ?”
“..............................................”
“พักเบรกสิบนาทีนะครับ...กลับมาอาจารย์จะทดสอบบทเรียนที่สอนไป”
...ฉิบหา-แล้วไง!!...บทเรียนไม่เข้าหัวสมองเลยเพราะมัวแต่ไปคิดถึงซอตเด็ดกระชากใจของพี่แคทซ้ำไปซ้ำมาจนปวดกระดอไปหมดแล้วทีนี้จะทำประการใดดีเล่าไอ้คุณเอกคเชนทร์?...
“ลงไปเดินเล่นข้างล่างกันเถอะ”
“ไม่ล่ะฉันต้องทบทวนบทเรียน...เดี๋ยวจะสอบย่อย”
“แหงะ!!...เวลาเรียนมัวทำอะไรอยู่น่ะ?”
“ก็...”
“?”
...อึ๋ย!!...ฟุ้ง...ผมฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว!!!...เห็นหน้าฝนเป็นพี่แคทไปเสียได้แต่พวกเธอก็พี่น้องกันนี่หว่า...เอ๊ะผมกำลังบ่นบ้าอะไร?...
(ตั้งใจท่องหนังสือสิโว้ย!!!)
“วิ...วิธีที่นิยมใช้กันมากคือ...เฮ้ย!!
“อะไรอ่ะ?”
“มานั่งใกล้ฉันทำไมเล่า?”
“เอ๋?...ทุกทีเค้าก็อยู่กับตัวเองตลอดนิ”
“ออกไปห่างๆก่อน...ฉันไม่มีสมาธิ”
“แปลกคนจังเลย~~
...แต่แทนที่จะไปให้ลับสายตาล่ะก็เปล่า...สาวน้อยจอมแก่นแค่ลุกไปนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วก็มองผมตาแป๋วแหวว...ฝนน่ะไม่รู้เรื่องรู้ราวหรอกแต่ผมนั่นแหละที่หยุดคิดไม่ได้และผลของการสอบย่อยก็คือผ่านแบบฉิวเฉียดชนิดเจียนอยู่เจียนไป...
“นี่!!...ที่ตัวเองบอกว่าอยากให้เจ๊ทำคะน้าผัดปลาอินทรีย์ให้กิน...จะบ้าบิ่นไปรึป่าว?”
“แย่มากเลย?”
“ไม่อยากนึกภาพเชียวละ...เจ๊เค้าไร้ทักษะด้านนี้และมือก็หนักเกินไปด้วยคือคุ้นเคยกับดาบมากกว่ามีดทำครัว...ครั้งนึงเค้าเคยให้เจ๊ช่วยหั่นเนื้อแต่เพราะความที่ใช้มีดไม่ถนัดจึงยกแขนขึ้นสูงสับเอาๆจนเขียงขาดเป็นสองท่อนเลยขอบอก”
“ฮะๆๆ...ตลกชะมัด”
“ฉะนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่า...ถ้าบอลอยากกินฝนจะทำให้”
“.................................................”
“เลิกเร็วนะ”
(อุ!!...เขินจนไม่กล้ามองหน้าหญิงสาวเจ้าของยกทรงสีชมพูกับหน้าอกขาวอวบและกางเกงในสีชมพูกับเส้นขนดำขลับ...น่าเจ็บใจตัวเองจริงๆทำไมเราถึงไม่ดูให้นานกว่านี้ว๊า!?)
“เจ๊...ไปตลาดซื้อของ”
“อืม”
“ตัวเองเหม่ออะไรอีกน่ะ?...ขึ้นรถสิ”
“อะ...เอ้อ!!
...........................................................................................................................................

...พวกเราแวะซื้ออาหารสดที่ตลาดนัดใกล้บ้าน...ที่นี่คนไม่เยอะพลุกพล่านและราคาก็ไม่แพงเพราะส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเอาผลผลิตที่ปลูกเองมาขาย...
“หนูเอาไข่มดแดงมั้ยจ๊ะ?”
“โอ้!...น่ากินจัง”
“จะไปทำยังไงล่ะ?”
“ก็แกงผักหวานใส่ไข่มดแดงไง”
“วันนี้พี่สาวไม่มาเหรอ?”
“มาจ้ะมา...เห็นเดินอยู่ตรงนั้น...อ้าว!?
“หายไปไหนไม่รู้”
“คงจะอยู่แถวๆนี้แหละ...ลุงจ๋า~~...ผักวันนี้สวยมั้ยอ่ะ?”
“ยังสวยสู้หนูไม่ได้ร้อก!!...ฮ่าๆๆ”
“ว้ายตายล่ะ!!...ระวังป้าเค้าได้ยินจะตีหัวแตกนะเออ~~
“ฮะๆๆ...สำหรับสาวน้อยน่ารักอย่างหนูน่ะลุงเต็มใจ”
...มาอยู่แถวนี้ยังไม่ถึงเดือนแต่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างรู้จักฝนกันเกือบหมดแล้วเพราะความที่เจ้าหล่อนมีอัธยาศัยดีชอบพูดชอบคุยและก็ไม่ถือตัวดังนั้นเวลามาซื้อของจึงมักจะได้ของแถมกลับไปด้วย...
“ซื้อปลาเนื้ออ่อนมั้ยเดี๋ยวน้าแถมให้?”
“อืม--...ปลายังสดใหม่...เอาไปทอดก็ดีนะบอล”
“ทำต้มยำก็อร่อย”
“น้าต้องแถมให้หนูจริงๆนา?”
“จะเพิ่มให้เป็นพิเศษเลย...ว่าแต่พี่สาวไม่มารึ?”
“มาจ้ะแต่อยู่ไหนไม่รู้”
“พี่หนูนี่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยยิ้มกับใครเลยนะ?”
“เค้าเป็นแบบนั้นเองจ้ะน้า!...อย่าไปถือสา”
“แต่เธอสวยมาก...มานี่ทีไรคนก็แตกตื่นอย่างกับเห็นดารา”
...เพราะเหตุผลนี้ล่ะมั้งพี่แคทถึงไม่ค่อยอยากมาเดินในตลาด...บางทีคงจะกลับไปรอที่รถแล้วก็ได้...
“จะเยอะไปหรือเปล่า?”
“นี่ยังไม่หมดนะ...เค้ามีของจะซื้ออีก”
“เฮ่ย!...เอาไปทำอะไรนักหนา?...มีกันแค่สามคน”
“เผื่อป้าเอ็มจะมาบ้านไง...ฝากตัวเองไปไว้ที่รถสักรอบล่ะกัน...บอกให้เจ๊มาหาเค้าด้วย”
“.................................................”
“.................................................”
(นึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็กำลังก้มๆเงยๆอยู่หน้าทางเข้า)
“หาอะไรครับ?”
“พี่ทำหวีหล่น”
“หาในตลาดหรือยัง?”
“เมื่อกี้ไปหาดูแล้วแต่ไม่เจอ...พี่จะต้องหาให้เจอเพราะหวีอันนี้พี่เซคซื้อให้”
“พี่ไปหาในตลาดอีกทีเถอะส่วนผมจะช่วยหาแถวๆนี้จะได้ไปช่วยฝนถือของด้วย...ขานั้นติดลมบนจะเหมาหมดทั้งตลาดแน่มั้ง?”
“เข้าใจแล้ว...นี่กุญแจ”
“หึ!...แต่แค่หวีอันเดียวก็หาซะขนาดนั้น”
“................................................”
“?”
“ขอเวลาสักครู่จะได้ไหมขอรับ?”
...เอ้ย!?...ไอ้คนนี้แต่งตัวแปลก!!!...อากาศร้อนอบอ้าวแต่ใส่ชุดคลุมยาวเกือบถึงเท้าแถมสวมถุงมือด้วย...
“...มีธุระอะไรกับผม?”
“ในมือซ้ายแลมือขวาของกระผมมีไพ่อยู่ 24 ใบ...คุณช่วยกรุณาเลือกสักหนึ่งใบ”
“อะไร?”
“เชิญเลือกตามใจชอบขอรับ”
“คุณ...เป็นหมอดูเรอะ?”
“................................................”
ขอโทษที...ผมไม่ค่อยเชื่อถือพวกหมอดูหมอเดาเท่าไหร่นักหรอก
“...คุณ...กำลังมีเรื่องกลุ้มใจอยู่สินะขอรับ?”
(ฮะ!...มามุกนี้จริงๆด้วย)
แลก็น่าจะเกิดจากญาติพี่น้องของคุณเอง...ถูกต้องหรือไม่ขอรับ?”
(เฮ้ย!?)
“...คุณรู้ได้ยังไง?”
“กระผมจะตอบคำถามนั่นก็ต่อเมื่อคุณเลือกไพ่หนึ่งในยี่สิบใบนี้ขอรับ”
“................................................”
“................................................”
“เอ้า!!
...หน้าตาก็ไม่เห็นเพราะใส่แว่นกันแดดกับสวมหมวกปีกกว้างและเป็นคนร้ายหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมคอยระวังตัวอยู่แล้วอีกอย่างดูรูปการก็น่าจะเป็นผู้ชายเพราะพูดแทนตัวเองว่า “กระผม” แต่ไอ้ลงท้าย “ขอรับ” นี่มันอะไรกันฟะ?...
(หลุดมาจากลิเกโรงไหน?)
“คุณเกิดช่วงเวลาเจ็ดโมงถึงแปดโมงเช้าใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ฮ้า!!!...ระ...รู้ได้ไง?”
“ก็คุณเลือกได้ไพ่ใบนี้”
“ผมขอดูหน่อย!!!!
...ไพ่ที่ว่าไม่ใช่ของพิสดารอะไรแต่เป็นแผ่นกระดาษแข็งรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีขาวและเขียนเลข “7” แค่ตัวเดียวด้วยหมึกสีแดงพลิกหน้าพลิกหลังก็ไม่มีอะไรที่เป็นพิรุธหรือทำเครื่องหมายพิเศษ...
“แล้วไง?...ผมเกิดตอนเจ็ดโมงเช้าจริงแต่มันก็แค่บังเอิญ”
“เช่นนั้นคุณลองดูไพ่ที่เหลือในมือกระผม”
“เลขศูนย์ถึง...เลขยี่สิบสาม...ยัง...ผมยังไม่เชื่อหรอก!!!
“งั้นคุณเลือกใหม่”
“ได้”
...ผมส่งไพ่หมายเลขเจ็ดคืนจากนั้นเขาก็กางไพ่ทั้งยี่สิบสี่ใบให้ดูเพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีลูกเล่นอะไร...
“คุณจะจับได้เลขเจ็ดอีกครั้ง...อย่างแน่นอน”
“มั่นใจ?”
“ขอรับ...เพราะนั่น...คือชะตาชีวิตของคุณ”
...ชายคนนี้ใช้มือซ้ายและขวาสับไพ่ทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วซึ่งผมก็พยายามดูที่มือของเขาเป็นจุดเดียวแต่มันเร็วซะจนมองตามไม่ทันเลย!?...ฮึ!!...ท่าทางมั่นอกมั่นใจมากทีเดียวนะว่าผมจะเลือกได้ไพ่หมายเลขเจ็ดเป็นครั้งที่สอง...
“เชิญขอรับ”
“...จะเลือกล่ะนะ”
“..................................................”
“นี่”
“..................................................”
“ว่าไง?”
“กระผม...หาได้กล่าวผิดแต่อย่างใดไม่”
“เฮ้ยเอามาดูซิ!!!...มันเกิดอะไรขึ้นไพ่มีตั้งเยอะแยะแต่จับได้อยู่ใบเดียว?”
“กระผมก็บอกแล้วว่านี่คือชะตาชีวิตของคุณ”
“ขออีกครั้งๆ”
“หากจับได้หมายเลขเจ็ดอีกล่ะขอรับ?”
“มันจะไม่มีครั้งที่สามหรอก!!
“..............................................”
(เร็วจริงวุ้ย!!!...ตกลงเจ้านี่มันเป็นหมอดูหรือเซียนไพ่กันแน่?)
“สิบสองใบในมือซ้ายแลสิบสองใบในมือขวา...เชิญขอรับ”
“คราว...คราวนี้แหละ!!!
...ผมใช้วิธีเล็งว่าจะเลือกแต่เปลี่ยนใจไปหยิบอีกใบทันทีและทีนี้ผลมันจะต้องออกมาแตกต่างจากสองครั้งแรกแน่...
“ว่าไงล่ะครับ?”
“...............................................”
“บะ...บ้าน่า!!!!
“สามครั้งผลลัพธ์เหมือนกันทั้งหมด”
“ผมจะต้องเป็นคนโง่ใช่มั้ยถ้ายังดื้อไม่ยอมรับอีก?”
“มิได้...นั่นคือความคิดของตัวคุณเองแลกระผมก็มิได้บังคับให้เชื่อ”
“หาก...ใครไม่เจอกับตัวเองไม่มีทางรู้จริงๆแต่เมื่อครู่คุณพูดออกมาว่าผมมีเรื่องกลุ้มใจที่สาเหตุเกิดจากญาติพี่น้อง”
“ขอรับ”
“ผม...กำลังกลุ้มใจจริงๆ”
“เช่นนั้นกระผมก็อาจช่วยเหลืออะไรได้บ้าง...กระผมรับปรึกษาปัญหาต่างๆและช่วยชี้แนะแนวทางตามสมควรทว่าก็มิได้โน้มน้าวให้ผู้ใดมาเชื่อถือดอก...หากคุณสนใจใคร่รู้ก็ขอเชิญติดต่อมาตามที่เขียนไว้ให้แลกระผมจะแจ้งสถานที่กับนัดหมายวันเวลาอีกครั้ง”
(นามบัตร?...ไม่ใช่...แค่กระดาษจดเบอร์มือถือเท่านั้นแต่ชื่อที่อยู่ไม่มี)
“แล้วคุณชื่ออะไร?”
“...ตะวันอัสดง...สำนักหมอดูประจิมลิขิตขอรับ”
“..............................................”
“ถือเป็นกรณีพิเศษ...ช่วงนี้ระวังตัวไว้บ้างก็จะดีนะขอรับ”
“?”
“มันน่ากลัวขอรับ...เมื่อสาวสวยน่ากลัวกว่าผีน่ะ”
“สาวสวย...น่ากลัวกว่าผี?...เอ่อ--...ผมไม่เข้าใจความหมายเลย”
“ยิ่งเฉพาะยามวิกาล...เรียกว่าต้องลุ้นระทึกกันกลางดึกเชียว”
...ลุ้นระทึกกลางดึก...เมื่อสาวสวยน่ากลัวกว่าผี...พวกหมอดูหมอเดาชอบพูดคลุมเครืออย่างนี้กันทุกคนหรือเปล่า?...
...........................................................................................................................................

...กลางดึกคืนนั้น...
“หลับไม่เต็มตาโว้ยให้ตายซี่!!...หมอดูคนนั้นถึงจะแปลกๆแต่ก็ทำนายเวลาเกิดของเราได้แม่นยำทั้งที่ไม่เคยบอกด้วยไพ่...ไม่...เรียกว่ากระดาษแข็งทำเองถึงจะถูก”
(สับไพ่เร็วขนาดนั้นสงสัยเคยเป็นเจ้ามือที่บ่อนไหนสักแห่ง!?...ต้องใช่แหงๆ)
“..............................................”
“เอ้ย!?...ยัยผีแอบเข้ามานอนกับเราอีกแล้ว?”
“งั่มๆ”
“วา--...ท่าทางจะละเมออยู่เสียด้วย”
“..............................................”
“แต่ไม่เข้าใจสักทีว่าทำไมฝนเวลามานอนที่ห้องเราจะต้องสวมผ้าคาดตา?...จะว่าเป็นคนหลับยากก็ไม่ใช่”
“อือออออออออ~~
“หึ!!...เมื่อก่อนหน้าตามอมแมมผิวดำกร้านหัวหูก็ดูแทบไม่ได้แต่พอโตเป็นสาว...ฉิบ...ฉิบหา-แล้ว!!!!
“..............................................”
...จะอะไรซะอีกเล่าก็ช่วงที่คุณเธอขยับขานั้นกางเกงนอนมันหลุดร่นลงมาได้ไงไม่รู้!?...ในความมืดที่ยังพอมีแสงสลัวๆนี้ผมแลเห็นกลุ่มเส้นผมตรงนั้นเพราะญาติสาวผู้น้องไม่ได้สวมใส่กางเกงชั้นใน...
“ถะ...ถ้าสว่างกว่านี้สักหน่อยแม่งก็เห็นหมดเลยนะโว้ย!!!
“อื๊ออออออออออ”
“ยัยขี้เซาตื่น!!
“คิกๆ...ฮื่ออออออออออ”
“ยังจะละเมอหัวเราะแน่ะ!?
“จั๊บๆๆ”
...พยายามแตะตัวอยู่นานเพื่อจะให้ตื่นแต่สาวน้อยก็หลับสนิท(กัดฟันอีกต่างหาก)อย่างไม่รู้สึกรู้สาเลยต้องคว้าผ้าห่มมาปิด...ไม่...ไม่ได้!!...ผมเป็นหนุ่มสุขภาพดีคิดเรื่องลามกทุกวันนะฉะนั้นจะอยู่ใกล้เชื้อไฟคงไม่ใช่เรื่อง...ออกไปเดินเล่นสงบสติอารมณ์น่าจะดีแม้ยังรู้สึกหวาดๆ(ผี)อยู่บ้างก็เถอะ...
(แต่ขืนอยู่ในห้องต่อไปยังไงมันก็อดจะเหลือบมองไม่ได้และมีแนวโน้มที่จะก่อคดีเพราะหน้ามืด)
“สบายๆนี่บ้านเราเอง...เอ๊ะพี่แคท?”
“................................................”
“ดึกดื่นป่านนี้ยังมีแก่ใจมานั่งดูทีวีอีกแน่ะ...ไฟก็ไม่เปิดด้วย...อุ๊บ!
(คุณเธอกำลังดูหนังผีญี่ปุ่นที่ฝนซื้อมาจากตลาดนัดเมื่อช่วงเย็น...สองพี่น้องนี่ยังไงชอบดูหนังสยองขวัญทั้งคู่เลย?)
“พี่ช่างเป็นคนจิตแข็งเหลือเกิน”
“...อย่าไปกลัวมันนักเลย”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“................................................”
(หัวใจแทบจะหยุดเต้น...ไม่...มันคงหยุดไปวินึงแล้วล่ะ)
“ฮั่กๆ...ผะ...ผม...ผมเข้าใจความหมายละ!!...อูย~~...ตกใจหมด!!!!
“เข้าใจอะไร?”
“เมื่อ...สาวสวยน่ากลัวกว่าผีไงครับ”
“เสียมารยาทที่สุด!!!...พี่ทาครีมบำรุงหน้าอยู่ต่างหาก”
...ประโยคที่หมอดูเอ่ยไว้เมื่อตอนเย็นคงจะหมายถึงพี่แคทที่เวลานี้พอกหน้าด้วยครีมบำรุงซะขาววอกไปหมดและดวงตาสองข้างของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยแต่ยังไม่เข้มขลังเท่ากับครั้งอาละวาดที่หอพักเก่า...
“งั้นลูกกะตานั่นมันอะไร?...เข้าโหมดสุริยะโลหิตอีกแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่...หลับสนิทและตื่นนอนใหม่ๆมันก็แดงแบบนี้แหละ...ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หาย...อ้อ!...ไม่เคยสงสัยบ้างรึว่าฝนใช้ผ้าคาดตาทำไม?”
(แสดงว่ายัยจอมแก่นไม่อยากให้เราเห็นดวงตาที่แดงโร่เพราะกลัวเราจะตกใจ!?)
“ตื่นนอนกลางดึกมาดูหนังสยองขวัญ...ผมเพิ่งจะเคยเห็นก็คราวนี้”
“ยกมือไหว้ซะ...สำหรับคนลามกอย่างเธอต้องหนังโป๊ล่ะมั้งถึงจะปกติ?”
...ไม่จริง!!!...ถ้าผมลามกบ้ากามอย่างว่าป่านนี้น้องสาวสุดที่รักของพี่เสียความบริสุทธิ์ให้ผมไปนานแล้ว...
...........................................................................................................................................

...ส่วนอีกด้านหนึ่ง...เมื่อแน่ใจว่านายบอลออกจากห้องไปแล้วสาวเจ้าหยาดฝนก็ดึงผ้าคาดตาออกพลางพูดกับตัวเอง...
“แหม~~...ใจไม่กล้าเอาซะเลยนึกว่าคืนนี้จะมีอะไรดีๆเสียอีกแต่ช่างเหอะ...ฮิๆ...อยากรู้นักว่าจะใจแข็งไปได้ถึงไหน?”
...........................................................................................................................................

...ตัวอย่างในตอนหน้า...

“เธอไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน?”
“จะพูดว่าบังเอิญหรือโชคชะตานำพาก็ได้จ้า!!
“นั่นคือความสัมพันธ์ต้องห้ามนะ”
......................................................
“นี่ตกลงพี่แคทไปทำอะไรมากันแน่?...แล้วจะให้ผมขับไปถึงไหน?”
“...น่าจะอยู่แถวๆนี้...นั่นไง!!...เลี้ยวเข้าไปเลย”
“เอ๊ะนี่มัน?...โรงแรมม่านรูด!!!!
.....................................................
“แกจะมาเป็นคนดีเอาป่านนี้ฉันว่ามันสายไปซะแล้วมั้ง?...ไอ้สุภาพบุรุษจอมปลอม”
“ถ้าผมเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอม...งั้นพี่ก็คือสุภาพสตรีขี้เหล้าที่ไม่มีคุณสมบัติจะไปเป็นเมียที่ดีกับแม่ที่ดี”
“โอ้!?...ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครบังอาจจะสบประมาทฉันได้ถึงขนาดนี้...แกกล้ามาก!!!
............................................................................................................................................

...ทีนี้เชื่อกันหรือยังว่าบางครั้งสาวงามก็น่ากลัวกว่าภูติผีหลายเท่านะ?...
............................................................................................................................................