หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 73



ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 73 “อสูรผมเงิน!?...ห้องอาบน้ำ=เขตโซนแดง!!!!

(“ที่นี่!?
...ฉันจำได้ว่าเคยอยู่ในบรรยากาศนี้มาก่อนนั่นคือสถานที่ๆหนึ่งที่แวดล้อมไปด้วยสายหมอก...ถ้าเหมือนกับทุกๆครั้งล่ะก็อีกไม่นานฉันจะได้พบชายหนุ่มนิรนามที่มิอาจเห็นแม้แต่ใบหน้า...
(เงาดำข้างหน้า?...เขาปรากฏตัวออกมาแล้ว)
“หยุดก่อน!
“............................................”
(เหมือนเดิม...แม้จะเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วขึ้นแต่ก็ไปไม่ถึงผู้ชายคนนั้นสักทีและหากเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจะห่างออกแต่ถ้าเราหยุดเขาก็จะหยุด)
“นายน่ะมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นหลายครั้งแล้วแต่ไม่ยอมพูดอะไรบ้างเลย...จะช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่านายเป็นใครกันแน่?”
“............................................”
“ก็บอกให้หยุดไง!!!
(คราวนี้ฉันตัดสินใจวิ่งแต่ก็ยังไม่ช่วยอะไรได้เพราะร่างของชายหนุ่มผู้นั้นยิ่งห่างไกลออกไปทุกทีๆ)
“อะ...เอาล่ะ!!...ฉันจะไม่ตามอีกแต่ขอให้นายหยุดเถอะนะ”
“............................................”
(หยุดจริงๆด้วย!?...บัดนี้ชายหนุ่มอยู่ตรงหน้าฉันห่างออกไปแค่ประมาณ 5-6 เมตร)
“งั้นเรามาเล่นทายกันว่านายชื่ออะไร?...ถ้าฉันตอบถูกขอให้นายเดินมาหา...ตกลงมั้ย?”
“...แต่หากตอบผิด...ผมจะค่อยๆเดินหนีห่างออกไป”
!!!
...พบเห็นมาก็นานแต่เพิ่งจะได้ยินเสียงของเขาก็ครั้งนี้...ทว่า...น้ำเสียงมันช่างแผ่วเบาราวกับเจ้าของมากระซิบอยู่ข้างๆหูแต่แทบจับใจความไม่ได้...
“นายคือ...คุณสันต์สินะ?”
“............................................”
(ก้าวเท้าเดินออกไป...ไม่...ไม่ใช่เขาเหรอ?)
“ผมจะให้โอกาสอีกแค่ครั้งเดียว...ถ้าคุณตอบผิดก็จะไม่ได้เห็นผมอีก...ตลอดกาล”
“หมายความว่าหากฉันตอบผิดก็จะพลาดรู้ความจริงตลอดไปงั้นหรือ?
“............................................”
(จะทำยังไงดี?)
“หยุดเพียงเท่านี้ดีกว่าค่ะ...คุณแม่”
“หือ?”
“............................................”
“เมื่อกี้...หนูเรียกฉันว่าอะไรนะ?...ถะ...ถ้าหูฉันไม่ฝาดไปล่ะก็...”
“หนูเรียกว่าคุณแม่”
“แต่ฉันยังไม่ได้แต่งงาน...ยังไม่มีแฟนด้วยแล้วทำไมถึงมีลูกได้?”
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของหนู...คุณแม่ต้องไปบอกคุณพ่อต่างหาก”
“คุณพ่อ...รึจะหมายถึงผู้ชายคนนั้น?...เอ๊ะ!?
(แค่ช่วงจังหวะที่ฉันหันไปให้ความสนใจกับเด็กผู้หญิงที่ปรากฏตัวทางด้านหลังชายหนุ่มก็หายไปไหนแล้วไม่รู้?)
“ปล่อยคุณพ่อไปก่อนเถอะค่ะ...หนูอยากคุยกับคุณแม่ตามลำพังสองคน”
“เขาเป็นใคร?”
“ยังบอกตอนนี้ไม่ได้ค่ะ”
“...กลัวจะไม่ได้ลงเอยกันสินะ?”
“หนูจะไม่ได้เกิดมาพอดี”
...ฉันเดินตามเด็กหญิงไปไม่เท่าไหร่สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไปจากที่ๆมีหมอกลงจัดกลายมาเป็นทุ่งนาอันกว้างใหญ่...หากความทรงจำยังไม่ผิดเพี้ยนที่นี่ก็น่าจะเป็นบริเวณก่อนถึงประตูปฐพีทางเข้าหมู่บ้านโยนกอุดร...
“ตรงนี้...”
“ทำไมหรือ?”
“คือจุดที่คุณแม่บอกรักคุณพ่อ”
“หา!?...ฉะ...ฉันน่ะรึ?”
(ผู้หญิงเป็นฝ่ายบอกรักผู้ชายก่อน!!!...นี่ฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่เนี่ย?...แม่หนูน้อยนี่ท่าทางจะแกล้งอำฉันเล่นแล้วล่ะ)
“คุณแม่คงจะไม่ยอมเชื่อใช่ไหม?...แต่คุณแม่กับคุณพ่อน่ะต่างก็ถือตัวไม่ยอมรับหัวใจของตัวเองทั้งที่ก็เคยให้สัญญากันไว้...ใช่หรือเปล่าคะ?”
“สัญญา?”
“ลืมหรือยังคะ?”
“ถ้าหนูพูดออกมาแบบนี้ฉัน...แม่ก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร...เอาเป็นว่า...ลูกเข้ามาใกล้ๆแม่หน่อยสิจ๊ะ”
“.........................................”
...ฉันลงนั่งคุกเข่าแล้วเอื้อมมือจับแก้มเด็กผู้หญิงเพื่อขอมองหน้าให้ชัดๆ...อบอุ่น,ตื้นตัน,เอ็นดู...หรือว่านี่คือสัญชาตญาณของความเป็น “แม่” เพราะแค่ฉันได้สบมองกับดวงตาคู่นั้นก็เกิดความรู้สึกถูกชะตาและรักใคร่อย่างจับจิตตั้งแต่วินาทีแรก!?...หนูน้อยคนนี้มีเค้าหน้าคล้ายคลึงฉันมากไม่ว่าจะปากคอจมูกแต่แววตาดูๆไปกลับเหมือนของ “พ่อ” ซะได้นี่!!!...
“ไม่นึกสงสัยหรือคะว่าหนูจะมาหลอกเป็นลูก?”
“สงสัย?...ไม่!!...แม่เชื่อ...แม่เชื่ออย่างสนิทใจเลยทีเดียวเพราะลูกเหมือนกับแม่ในวัยเด็กมากยิ่งไว้ผมยาวแบบนี้ด้วย...แล้วก็ที่ห้อยคอลูก”
“คุณยายบอกว่าคุณแม่ให้เมื่อตอนหนูเกิดค่ะ”
“ดวงอาทิตย์สีทองนั่นเป็นอัญมณีประจำตัวของแม่...หมดแล้ว...หมดข้อสงสัยโดยสิ้นเชิงจ้ะ...แต่...”
“?”
“ตาของลูกดูๆไปก็เหมือนกับ...”
“ฮะๆๆ...ในเมื่อคุณแม่ได้รู้ว่าคุณพ่อเป็นใครแล้วก็ยังจะให้หนูเกิดมาอีกไหมคะ?”
“...........................................”
“...........................................”
“คำถามนี้แม่ไม่ขอตอบเพราะลูกน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว...ใช่มั้ยจ๊ะลูกสาวที่น่ารักของแม่?”
“ค่ะ...แต่หนูมีเวลาไม่มากนักจึงอยากจะบอกคุณแม่เรื่องหนึ่ง”
“จ๊ะ?”
“คุณพ่ออาจจะไม่ใช่คนดีอะไรมากนักในสายตาของคนอื่นแต่สำหรับรีย์...คุณพ่อคือคุณพ่อที่ใจดีที่สุดของหนูแถมยังเก่งด้วย”
“เก่ง...จีบสาวเก่งเหรอ?...อันนี้แม่ไม่เถียง”
“ไม่ใช่ค่ะ...หนูกำลังหมายถึงอัญเชิญยมทูต”
“ลูกใช้เป็นรึ?”
“ก็คุณแม่สอนให้”
(ฉะ...ฉันเนี่ยนะ!?)
“ตอนนี้...ลูกอายุเท่าไหร่จ๊ะ?”
“8 ขวบ”
“แม่ยังไม่ค่อยรู้ประสีประสาอะไรเลยนะ 8 ขวบเนี่ย”
“คุณพ่อหยุดหมัดของหนูได้สบาย...แค่มือเดียวเท่านั้น”
“ก็หนูยังเด็กนี่นา”
“แต่คุณพ่อก็หลบอัญเชิญยมทูตของคุณแม่ได้ทุกหมัดเหมือนกัน”
“เขา...เขาทำได้ยังไง?...ฮึ!!...คงเอาแต่ตั้งใจจะหลบอย่างเดียวสิท่า?”
“หนูไม่บอกค่ะ...รอให้คุณแม่รู้เอาเอง”
“งั้นก็ได้...ว่าแต่...สุริยะโลหิตของลูกล่ะ?”
“หนูเข้าถึงสุริยะโลหิตแท้จริงตั้งแต่อายุ 6 ขวบ”
“โอ้โห!?
“นี่ไงคะ”
(หมัดอัญเชิญยมทูตกับสุริยะโลหิตแท้จริง!!!!...นี่ไม่อยากจะเชื่อตาตัวเองเลยว่าลูกสาวฉันจะทำได้ถึงขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย?)
“ถึงเวลาที่รีย์ต้องไปแล้วค่ะ”
“จะรีบไปไหนล่ะเดี๋ยวสิ!!!...เราเพิ่งเจอกันแค่เดี๋ยวเดียวเองและแม่ยังไม่รู้ชื่อลูกเลยนะ...เมื่อกี้ลูกพูดว่ารีย์...นั่นคือ?”
“ชื่อเล่นของหนูจ้ะและชื่อจริงก็เหมือนชื่อคุณแม่นั่นแหละแต่ต่างกันนิดเดียว”
“นิดเดียว?”
...ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างอันเจิดจ้ามาเข้าตาจนฉันมองอะไรไม่เห็นและประโยคสุดท้ายที่ได้ยินนั้น...
“คุณแม่จงจำไว้อย่าได้ลืมนะคะ...ชื่อของหนูนี่คุณพ่อกับคุณแม่พร้อมใจกันตั้งขึ้นด้วยความรักและความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง...สุพรรณรีย์”
“อา~~...ช่างเป็นชื่อที่เพราะมาก...ต่างกับชื่อของแม่เพียงนิดเดียวจริงๆด้วย”
“สัญญากับรีย์นะคะว่าที่เราเจอกันครั้งนี้คุณแม่อย่าเพิ่งไปบอกใคร”
(ร่างของลูกสาวคนสำคัญค่อยๆจางหายไปในแสงสว่างพร้อมๆกับรอยยิ้มที่มอบให้เป็นครั้งสุดท้าย)
“ท่านพี่สุรีย์พรรณ”
“...............................................”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณขอรับ!!
“...เอ้หรือ?”
“รู้สึกตัวแล้วนะขอรับแต่เหตุใดน้ำตาจึงไหลออกมาเช่นนั้น?”
...ฉันนั่งพักผ่อนในห้องรับแขกและคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนไม่รู้ตัวว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่...หลับจนฝันเห็นเด็กผู้หญิง “สุพรรณรีย์” ซึ่งนั่นคือลูกสาวในอนาคตของฉัน...ถ้าถามว่าส่วนตัวเชื่อไหมก็ขอตอบว่า “ยากจะปฏิเสธว่ามันเป็นเรื่องโกหก” ...
“หลับหรือ?...ทว่าท่านพี่สุรีย์พรรณยังลืมตาอยู่ตลอดเลยนะขอรับ?”
“แต่พี่ฝัน...”
“ฝันว่ากระไรขอรับ?...ดีหรือร้าย?”
“ดี...ฝันที่ดีมากๆ~~...เป็นความฝันที่สุดแสนจะล้ำค่ามากที่สุดในชีวิตของพี่เลย...น้ำตาที่ไหลก็เป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มดีใจด้วย”
“จะกรุณาเล่าให้กระผมฟังได้หรือไม่ขอรับ?”
“ตอนนี้คงยังไม่ได้เพราะพี่ต้องรักษาสัญญากับเด็กคนนั้นไว้แต่ต่อไปพี่จะเล่าให้เอ้ฟังแน่”
“เด็ก...คนนั้นนี่คือ...”
“หึๆๆ...เธอช่างน่ารักเหลือเกินไม่ว่าจะหน้าตาหรือกิริยาท่าทางแต่...มีให้ติแค่อย่างเดียวคือดวงตาดันไปเหมือน...ไม่น่า--...ไม่น่าเลยนะ!!!
“ท่านพี่สุรีย์พรรณกล่าวว่าอะไรนะขอรับ?”
“เปล่านี่จ๊ะ”
“...กระผมจะไปเตรียมน้ำดื่มมาให้”
“.............................................”
“.............................................”
“ลูกรีย์จ๊ะ...แม่ยังทำใจตอนนี้ไม่ได้หรอกและก็ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานสักแค่ไหนด้วย...อ๊า~~...ถึงลูกจะชอบทำหน้าขรึมไม่ค่อยยิ้มก็เถอะนะแต่น่ารักมากๆเลย...เอ๊ะ!?...งั้นก็เหมือนเราไม่ใช่เหรอไง?...คิก!
“ท่านพี่สุรีย์พรรณ?”
“เอ้อ!?...อื้ม!!...ไม่มีอะไร...ไม่มีอะไร”
.................................................................................................................................................

“ขออนุญาตเจ้าค่ะ”
“เชิญครับ”
“น้ำชากับขนมไดฟุกุเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณครับ...กำลังหิวพอดี”
(ไดฟุกุไส้ถั่วแดง?...อร่อย!!!...แป้งก็เหนียวนุ่มด้วยแฮะ)
“............................................”
(เด็กสาวเมื่อกี้บอกเราว่าอานีย์เป็นคนทำไดฟุกุเอง...เราได้ยินมาว่าเธอไปอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งสองปีและก่อนหน้านั้นก็เคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่จีนด้วย)
“แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ...หมอนั่นน่ะเหรอ?”
(“อาขอแนะนำให้รู้จัก...นี่ลูกเอ้จ้ะ”
“สวัสดีขอรับ...น้องเอกคเชนทร์”
“...........................................”
“...........................................”
“มองคนโน้นทีคนนี้ที...เป็นอะไร?”
“หน้า...หน้าเหมือนพี่แคทเลย!?
“พูดแปลก...ก็คุณแม่กับคุณน้าเป็นฝาแฝดกันแล้วมันผิดตรงไหนที่เอ้จะหน้าเหมือนพี่?”
“ชะ...ใช่หรือ?”
“อย่าสงสัยให้มากนักเลยน่า--”
“ฮะๆๆ...แม้ใบหน้าค่าตาจะเหมือนกันแต่ก็เป็นคนล่ะคน...กระผมอายุ 22 เท่าท่านพี่สุรีย์พรรณทว่าอ่อนกว่ามิถึงหนึ่งเดือน”
“เรา...เคยพบกันหรือเปล่าครับ?”
“นานมาแล้วขอรับ...เราเคยสนทนากันทางโทรศัพท์”
“?”
“ที่กระผมโทรมาหาน้องนางหยาดฝนแล้วน้องเอกคเชนทร์รับสายไงล่ะขอรับ”
“เอาะ...อ๋อ!!!
...วันนั้น(ในตอนที่ 23)ที่ฝนอยู่บ้านกับผมตามลำพังซึ่งคนที่โทรถามหาและเรียกฝนว่า “เรนโดรจัง” ที่แท้ก็คือพี่เอ้นี่เอง!!!...เขาคนนี้มีใบหน้าที่เหมือนพี่แคทราวกับพิมพ์เดียวกันแต่ต่างตรงผมที่เป็นสีเงินและไว้สั้นแค่คอซึ่งก็แน่นอนละว่าถ้าไว้ยาวแบบพี่แคทรับรองโดนเข้าใจผิดเป็นผู้หญิงแหงๆ...
“น้องเอกคเชนทร์ต้องการบุรุษมารับใช้หรือ?”
“ไม่...ก็ไม่เชิงหรอกแต่มัน...”
“สาวน้อยทั้งสองนี้ขันอาสากับกระผมว่าจะมาขอปรนนิบัติน้องเอกคเชนทร์...หากปฏิเสธเสียแล้วก็เห็นจะมิใช่สิ่งที่ผู้เป็นนายสมควรกระทำ”
(รู้สึกว่าคำพูดนี้จะแอบจิกกัดเรานิดๆนะแต่สายตาของพี่เอ้ที่มองมาทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นเพราะแม้เพียงแค่แวบเดียวแต่มันก็เหมือนกับของพี่แคทมากๆ!?...เย็นชาและเชิดหยิ่ง)
“...งั้นผมไม่มีปัญหา”
“ชอบแล้วขอรับ...น้องฝันน้องมีนจ๊ะ...กระผมขอให้ดูแลน้องเอกคเชนทร์อย่างดีที่สุดนะ”
“เจ้าค่ะ”
...ข้อสังเกตเบื้องต้นที่พอจะแน่ใจได้อย่างหนึ่งคือพี่เอ้มีความเป็นมิตรกับคนอื่นดีกว่าพี่แคท...ใบหน้าของเขามักมีรอยยิ้มปรากฏอยู่เสมอไม่ว่าคู่สนทนาจะเป็นใครและเพราะเหตุนี้ล่ะมั้งถึงทำให้เด็กสาวสองคนที่ยืนข้างหลังผมต่างพากันหลบตาด้วยความขวยเขิน?...ดูกรุ้มกริ่มไม่เบาเหมือนกันนี่ “พี่ชาย” คนนี้...
“ท่านแม่ขอรับ...กระผมขอเวลาสักครู่”
“...อืม”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณก็ขอเชิญด้วยขอรับ”)
“แม่ลูกสองคู่นี่จะว่าเหมือนกันก็ได้และไม่เหมือนกันก็ได้...คงเพราะสีผมแน่ๆ...ว่าไง?”
“ออกไปกินข้าวกับพี่อ๋อมหรือยัง?”
“ยังเลย--...นี่เพิ่งห้าโมงเย็นเอง”
“ฝนตกใจจริงๆที่น้านีย์โทรมา”
“จะ...จริงรึ?”
“อื้อ!!...บอกว่าขอให้วางใจได้...บอลจะอยู่ที่โยนกประจิมไม่ไปที่อื่นเพื่อความสบายใจของทุกคน...เจอพี่เอ้แล้วใช่มั้ย?”
“...อืม”
“แรกๆอาจไม่ชินแต่พอรู้จักแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก”
“พี่เอ้ดูเนี้ยบมากๆนะ...แค่การแต่งตัวก็กินขาดเลย”
“ฮะๆ...นั่นน่ะสไตล์เขาละ!!
“คงจะมีเสน่ห์ต่อสาวๆมาก”
“ของตาย...แต่พี่เอ้สนแค่พี่แคทเท่านั้นแหละ”
“หา?”
“ขานั้นน่ะนิยมชมชอบเจ๊มาตั้งนานมากแล้ว”
“ลูกพี่ลูกน้องเนี่ยเหรอ?”
“...เหมือนเค้ากับตัวเองไง”
“............................................”
“แค่นี้ก่อนนะจ๊ะฝนต้องไปอาบน้ำแล้ว...กินข้าวเสร็จก็อย่ามัวอยู่นานรีบกลับโยนกประจิมให้เร็วเลยนะ!!
“จ้ะ”
“และถ้าพี่อ๋อมหรือเจ้าป้อมส่งเหล้าหรืออะไรก็ห้ามรับเชียวล่ะ!?
“จ้า~~
...ฝนไม่ไว้ใจสองเสือพี่น้องแต่เธอบอกว่าจะไม่ไปรบกวนซึ่งผมก็โล่งใจเพราะไม่อยากให้มีเหตุกระทบกระทั่งกัน...
“พี่เอ้...ชอบพี่แคทงั้นรึ?...ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่นะ...แต่...ไอ้ที่พูดเมื่อตอนนั้นเนี่ยทำให้ชักไม่ค่อยชอบหน้าเจ้าคนหน้าหล่อนั่นซะแล้วแฮะแถมพี่แกเล่นใส่ชุดขาวทั้งเสื้อสูทแขนยาวกางเกงสแล็คเลยวุ้ย!!...หึๆๆ”
“ได้เวลาอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเจ้าค่ะ”
“คุณศรบุษราคัมแลศรโกเมนก็มารออยู่ในห้องโถงใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
“มาไวจัง...อ่ะก็ได้!
“...............................................”
หือ?...พะ...พวกเธอจะทำอะไรน่ะ!?
(สองเด็กสาวเตรียมจะแกะปมผ้าพันอก!!!...รึว่า!?)
“เราทั้งสองก็จะอาบน้ำให้คุณเอกคเชนทร์อย่างไรล่ะเจ้าคะ”
“มะ...ไม่ต้อง!!...ไม่ต้องๆ”
“ทว่านี่คือคำสั่งของนายหญิงอรศินีย์เจ้าค่ะ”
“ฮ้า!!!...อานีย์สั่ง?”
...นี่มันบ้าบออะไรกัน?...อยู่ๆอานีย์ก็จะให้สาวเจ้าวัยกำดัดตั้งสองคนมาอาบน้ำให้หนุ่มวัยฉกรรจ์!!!...ผมน่ะยังไม่หน้าด้านพอจะแก้ผ้าอาบน้ำกับหญิงสาวที่เพิ่งเจอแล้วคุยกันไม่ถึงสิบประโยคหรอกนะ!!...
(รูปร่างก็ใช่ย่อยซะที่ไหนแถมเราเพิ่งรู้มาสดๆร้อนๆว่าคุณเธอต่างอายุแค่ 15 หยกๆ 16 หย่อนๆเสียด้วย!?...แล้วนี่ก็ไม่ใช่ไปเที่ยวอาบอบนวด...อันตราย...อันตรายเกินไป!!!!)
อย่าไม่ต้องๆๆ!!!...เสื้อผ้าตัวเองฉันถอดได้...พวกเธอช่วยออกไปก่อน
มิได้เจ้าค่ะ...หน้าที่ของเราสองคนคือปรนนิบัติคุณชายหกหาไม่เช่นนั้นนายหญิงจะต้องตำหนิเป็นแน่
เอาเหอะน่ะ!!...พวกเธอออกจากห้องไปยืนรอที่หน้าประตู...อาบน้ำเสร็จแล้วฉันจะเรียก
“คุณเอกคเชนทร์รังเกียจเราสองคนหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ใช่--...ไม่ใช่แบบนั้น...อะ...เอาล่ะ!!...พวกเธอเต็มใจรับใช้ฉันแน่เหรอ?”
“เจ้าค่ะ...พวกเราเต็มใจ”
“ทั้งที่วันนี้เราเพิ่งพบกันได้ไม่ถึงสี่ชั่วโมงเลยเนี่ยนะ?”
“แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่พวกเราทุกคนในบ้านนี้ก็ได้รับทราบเรื่องราวของคุณเอกคเชนทร์มาแล้วเจ้าค่ะ”
“งั้นก็ต้องรู้ว่า...ฉันเป็นคนแบบไหนและเคยทำอะไรมาบ้าง...ไม่รู้สึกอึดอัดใจมั่งหรือ?”
“พวกเราต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายแลตระกูลวิษณุมนตรีก็หมายความเช่นนั้น”
“แสดงว่าเธอสองคนเชื่อฟังแล้วจะปฏิบัติตามคำสั่งของฉันด้วยใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ!!
“ดี!...ฉันขอสั่งให้พวกเธอไปยืนรอที่หน้าประตูห้องจนกว่าฉันจะอาบน้ำเสร็จ”
“เอ๊ะแต่ว่า...”
“พวกเธอไม่ต้องกลัวโดนดุว่าบกพร่องต่อคำสั่งหรอก...เดี๋ยวฉันจะเป็นคนบอกอานีย์กับพี่เอ้เอง...เข้าใจนะ?”
“จะ...เจ้าค่ะ”
“.............................................”
“หูย~~...ตบะเกือบแตกเชียวตอนที่พวกเธอจะเปลื้องผ้าออกน่ะ...หวุดหวิดไปแล้ว!!!
.............................................................................................................................................

แหมพี่ชาย~~...มีสาวๆตามประกบไม่ห่างตัวเชียวนะคะ!?
นี่น้องป้อมแซวเล่นหรือประชด?...พี่กำลังอึดอัดนะจะบอกให้แต่ยังดีที่ออกจากบ้านแล้วพวกเธอไม่ตามมา
อึดอัด?...ไม่ใช่ว่าอดทนอดกลั้นเต็มที่หรอกหรือไง?...งั้นก็ดี...เดี๋ยวฉันกับป้อมจะพาไปเลี้ยงของอร่อยๆเอง
“อยากรู้จังว่าจะทำอะไรให้ฉันกิน?”
“เดี๋ยวก็รู้--...ว่าแต่”
“?”
“เจ้าหน้าเหมือนสองคนนั่นจะตามมาด้วยทำไมวะ?”
“ฮึ!...ไม่พ้นมาคอยจับตามองพวกเราแน่เลยค่ะ”
“กระผมมาเป็นเพื่อนท่านพี่สุรีย์พรรณขอรับ”
“แกอย่าโกหกฉันซะให้ยาก!!...มาเป็นเพื่อนอะไร?”
“เปล่านะขอรับ”
“ไม่เชื่อโว้ย!!!
“...ท่าทางสนิทกันมาก?”
“สองคนนี้สนิทกันที่สุดในหมู่ลูกพี่ลูกน้องค่ะ”
“สุรีย์พรรณ...เธอบอกความจริงซะดีกว่า...คงไม่ได้เพราะอยากกินเมนูเด็ดของฉันหรอกใช่มั้ย?”
“ปิดเธอไม่ได้จริงๆ...ฝนขอให้พี่มา”
“นั่นไง!!...ฉันนึกแล้ว”
“ถ้าแค่กินข้าวเฉยๆไม่ทำอะไรเสียหายก็ไม่น่าจะมีปัญหานี่จ๊ะ?”
“...ฮึ่ม!!
“ร้ายคงเส้นคงวาดีมากนะพี่ฝน...คอยดูเถอะ~~...หนูจะหิ้วของชอบไปฝากแน่!
“รู้ทันฉันงั้นรึ?”
“...............................................”
“ว๊า~~...ไอ้บ้าเอ้!!!
!?
“เครียดบ่อยๆระวังจะแก่เร็วขอรับ”
“กะ...แกมาจี๊เอวฉันทำไมวะ?...เจ้าทะลึ่งนี่!!
“กระผมจะถามว่ามื้อนี้อ๋อมทำอะไรให้พวกเราทานน่ะขอรับ”
“แล้วจะถามดีๆไม่ได้เรอะไง?”
“...อ๋อมบ้าจี้?”
“ไม่ใช่!...ลองโดนใครมาจิ้มเอวทีเผลอก็ต้องตกใจนี่นา”
“แต่ท่านพี่สุรีย์พรรณ...”
“อย่า!!...พี่ตีจริงๆนะจะบอกให้”
“พี่เอ้เนี่ยชอบหลอกแต๊ะอั๋งคนอื่นเรื่อย”
“ฮะๆๆ”
“ขืนทำอีกจะปล่อยให้อดซะเลยแก!!
...ถ้าไม่คิดอะไรซับซ้อนพี่เอ้ก็อาจดูเป็นคนทะลึ่งอย่างที่น้องป้อมว่าแต่แท้จริงแล้วเขาคงช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้นต่างหาก...หลักฐานคือพี่แคทหลับตาส่ายหัวส่วนอ๋อมก็ยิ้มออกได้...
“ฉันเตรียมทุกอย่างไว้หมดเรียบร้อยตั้งแต่สามโมงเย็น...อีกไม่กี่อึดใจเราก็จะได้กินเมนูเห็ดที่สุดยอดที่สุด”
“เห็ด?”
“เออ!!...เห็ดโคนลวกจิ้ม,ต้มยำเห็ดโคน,เห็ดโคนปิ้ง,ข้าวหน้าเห็ดโคน”
“มีแต่เห็ดอย่างเดียว?”
“บอล--...อย่าเพิ่งทำหน้าเบ้ซี่!!...เห็ดโคนนี่มีประโยชน์และโปรตีนก็สูงด้วย...ลองซะก่อนแล้วจะติดใจ”
“กินเนื้อสัตว์มากๆก็ไม่ดีต่อร่างกายนะคะพี่ชาย”
“ดีออก...กินแล้วไม่อ้วนด้วย”
“อุ!!
“มีปัญหาอะไร?”
“ไม่...ไม่มี”
(ดันไปนึกตอนที่เราอุ้มพี่แคทแล้วเผลอหลุดขำแต่หล่อนดูจะไม่สนุกด้วยเพราะก็รู้ความนัยเลยค้อนตาเขียวปั๊ด!!!)
“ฉันจะไปยกหม้อข้าวสวยกับข้าวต้ม...ป้อมไปเอาถ้วยกับช้อนจาน”
“จ้ะ”
“กระผมช่วยขอรับ”
“............................................”
(ปวดแปล๊บ!!!...พี่แคทบีบหัวไหล่เราทำไม?)
“พี่...ทำอะไรน่ะ?”
“............................................”
“ผมเจ็บนะ~~
“ถ้าไม่เพราะ...ให้ตายสิ!!...ทำไมเด็กน่ารักแบบนั้นจะต้อง...”
...ผมไม่เข้าใจที่พี่แคทพูดเลยสักนิดเดียว...เด็กน่ารักที่เธอว่าคือใครกันและอยู่ๆก็มาบีบไหล่ผมแล้วจากไปโดยไม่พูดไม่จานั่นอีก!?...
“มันต้อง...มีอะไรผิดพลาด”
“อะไรหรือขอรับ?”
“...เปล่า”
(พิลึกคนจริง)
“พี่ชายรีบมากินสิคะ...กำลังร้อนๆเลย”
“ข้าวหุงหม้อดิน?”
“จงลองซะ”
“โอ้!!...เห็ดโคนลวกจิ้มอร่อยมากนะขอรับ...มีความหวานของเห็ดอยู่ในตัวแลแค่โรยเกลือนิดเดียวเท่านั้น...มิต้องจิ้มอะไรก็ยังรสชาติเยี่ยม”
“แน่อยู่แล้วเฟ้ย!!
“ต้มยำเห็ดโคนก็อร่อยนะพี่เอ้”
“อืม--...รสกลมกล่อมทั้งเปรี้ยวเค็มเผ็ดจริงๆ...ท่านพี่สุรีย์พรรณลองสิขอรับ”
“จ้ะ...พี่ชอบเห็ดปิ้งด้วย...กลิ่นหอมดี”
“กระผมว่าดีกว่ามัตซึทาเกะซะอีก”
“ฮึ!!...ไอ้เกะๆนั่นแค่ดอกเดียวราคาแม่งแพงหูฉี่...ฉันกินไม่ลงหรอกว่ะ...สู้เห็ดโคนเห็ดเผาะบนนี้ก็ไม่ได้”
...เห็ดที่เอามาปรุงอาหารล้วนแต่เก็บมาจากบริเวณนี้ทั้งหมด...ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติหากินง่ายๆไม่ต้องดิ้นรนซื้ออาหารราคาแพงหรือแข่งขันกับใคร...ผมว่าอย่างนี้ก็ได้อรรถรสไปอีกแบบ...
“ไม่เอานะพี่อ๋อม!!
“นิดหน่อยเอง~~...แค่จอกเดียว”
“โธ่!
“พี่เอ้ครับ”
“?”
“คุณพ่อพี่เอ้ไปอยู่ที่ไหนหรือครับ?...ผมยังไม่เจอท่านเลย”
“กึ!?
“...........................................”
“...........................................”
(เกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนเงียบและมองเราเป็นจุดเดียวเลย?...ยิ่งอ๋อมถึงกับทำจอกเหล้าในมือตก!?)
“...แสดงว่า...หาได้มีใครบอกน้องเอกคเชนทร์สินะ?”
“บอก?”
“พอแล้ว!!
“อะไรครับพี่แคท?”
“คะ...คือพี่ชายเขาไม่รู้น่ะ...พี่เอ้ก็อย่าถือสาเลยนะ”
“..........................................”
“เจ้าเอ้...คนไม่รู้ย่อมไม่ผิดนะเฟ้ย!!
(หมายความว่าเราพลั้งปากถามเรื่องที่ไม่สมควรแล้วใช่ไหมเนี่ย?)
“...กระผมอิ่มแล้ว”
“ยังเหลืออีกตั้งเยอะนะ?”
“พอแล้วล่ะขอรับ...กระผมจะไปเดินเล่นย่อยอาหารสักครู่...เชิญทุกคนตามสบาย”
“..........................................”
“บอล”
“ครับ”
“เมื่อกี้นี้ขอให้เป็นครั้งสุดท้าย...ต่อไปห้ามถามห้ามพูดเรื่องคุณพ่อของเอ้โดยเด็ดขาด!!!
“ทำไมล่ะครับ?”
“ไม่ต้องถาม!!...ทำตามที่พี่พูด”
“อะไรกัน?...ก็ผมไม่รู้นี่แล้วนั่น...พี่เอ้โกรธผมเหรอ?”
“...ฉันว่ายัง”
“พี่อ๋อมพูดถูก...เพราะพี่ชายไม่รู้นั่นแหละพี่เอ้จึงยังไม่ทำอะไร”
“ทำอะไรที่ว่านี่คือ...”
“เวลาเจ้าบ้านั่นโกรธขึ้นมาฉันยังขนลุกเลย...คราวนี้ฉันเห็นด้วยกับสุรีย์พรรณ...นายจงปิดปากให้เงียบสนิท”
“ไม่งั้นล่ะก็...บรื๋อ~~...แค่คิดป้อมก็สยองแล้ว!!!
“น่า...น่ากลัวขนาดนั้นเชียวรึ?”
“หากไม่เชื่อก็ลองไปถามชาวบ้านในโยนกประจิมและเธอก็จะได้คำตอบแบบเดียวกัน”
“นั่นพี่แคทจะไปไหนหรือคะ?”
“...ไปปลอบโยนไม่ให้อสูรเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาจ้ะ”
(อสูร!?)
.................................................................................................................................

...พออิ่มหนำสำราญกับเมนูเห็ดโคนแล้วเราทั้ง 5 คนพี่น้องก็กลับลงมาข้างล่าง...เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ถึงเวลาสี่ทุ่มหรอกแค่ทุ่มกว่าๆเท่านั้น...พี่เอ้กลับมามีใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเมื่อผมจะเอ่ยปากขอโทษก็โดนอ๋อมเบรคไว้โดยบอกว่าแล้วให้แล้วกันไปอย่ารื้อฟื้นอีก...
“แต่จำที่ฉันบอกอย่าลืมล่ะ?”
“เข้าใจแล้ว”
“ดอกมะลิหอมจัง...กระผมขอเก็บไปฝากท่านแม่นะขอรับ”
“ไปเหอะ”
“ป้อมเก็บด้วย...จะเอาไปใส่ขันน้ำในตู้เย็น”
“..................................................”
“เรื่องคุณพ่อของเอ้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่สมควรพูดถึงอย่างเด็ดขาด...พี่ไม่อยากเห็นอสูรผมเงินอีก”
“ใครครับ?”
“สมญานามของเอ้”
(มีเทพธิดากับยมทูตไม่พอยังจะมีอสูรอีก!?)
“ผม...ได้ยินว่าเขาใช้ดาบได้เก่งกว่าพี่แคท”
“พี่เทียบไม่ติดเลย...แล้วดาบที่เขาพกมาวันนี้ก็มีชื่อว่าชิโรเทนเคียว...เป็นพี่น้องกับดาบคงโมเคียวเมที่พี่ครอบครองอยู่”
“เล่มเดียวกับที่น้องนิด...”
“...เจ้าของแท้จริงคือเอ้...เอาล่ะ...ที่พี่อยากเตือนก็เตือนไปแล้ว...หากต้องการจะมีชีวิตอยู่ครบ 32 ต่อไปก็ห้ามพูดเรื่องคุณพ่อของเอ้”
“ที่แท้พี่แคทก็เป็นห่วงผม”
“ห่วง?...พูดบ้าๆ...ฉันบอกไปแล้วไงว่าแค่ไม่อยากเห็นอสูรผมเงินต่อหน้าอีก!!
“.............................................”
...พี่แคทเร่งฝีเท้าไปหาพี่เอ้ส่วนผมเดินรั้งท้ายพร้อมกับใช้ความคิด...สรุปว่าพี่น้องของผมแต่ล่ะคนนี่มีสมญานามดุๆกันทั้งนั้นเลย...เทพธิดา,ยมทูต,อสูรผมเงิน,นางพญาเสือ...
(แต่ถ้าไม่ห่วงใยญาติสาวผู้พี่ก็คงไม่เตือนเราใช่มั้ย?...งั้นขอคิดเข้าข้างตัวเองก่อนละกัน)
“อ๋อม”
“หืม?”
ทำไมทุกคนถึงถูกห้ามไม่ให้ถามหรือพูดถึงคุณพ่อของพี่เอ้?”
กลัวตายน่ะสิถามได้...เอ้ยไม่ใช่!!...เจ้านั่นมันไม่ค่อยชอบพ่อตัวเองก็เท่านั้นแหละไม่มีอะไรหรอกน่า--
รู้สึกเธอก็จะไม่อยากพูดนี่นะ?...เอาเถอะ...ฉันก็ไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไหร่โดยเฉพาะเรื่องของผู้ชาย
“...คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว...ชีวิตจะได้มีความสุขไม่เกิดความทุกข์และกิเลส”
“ยัยนี่พูดแปลกๆวุ้ย!?...หึช่างเหอะ!!...พี่เอ้ไม่ค่อยชอบพ่อตัวเอง...แสดงว่าทอดทิ้งหรือเจ้าชู้ใช่มั้ย?”
(บ้าแล้ว!!!...อานีย์สวยแถมหุ่นดีขนาดนั้นใครยังจะโง่กล้านอกใจไปมีคนอื่น?...เอ--...หรือรับไม่ได้ที่ผมของเธอขาวเหมือนคนแก่?...ก็ไม่น่าจะใช่เลยนะ)
.........................................................................................................................................

“.............................................”
“อานีย์ทำอะไรน่ะครับ?”
“กิจวัตรประจำวันของท่านแม่...หลังทานอาหารเย็นสองชั่วโมงจะนั่งสมาธิไปจนถึงเวลาสองหรือสามยาม”
“แบบนี้วันหนึ่งจะได้หลับสักกี่ชั่วโมงล่ะ?”
“นั่งสมาธิก็เหมือนการได้พักผ่อนอยู่แล้วขอรับ”
(งั้นหรือ?)
...กว่าจะถึงโยนกประจิมก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มเพราะไปส่งพี่แคทที่โยนกอุดรและถูกฝนรบเร้าให้อยู่คุยกับเธอตั้งนานจากนั้นไปส่งอ๋อมกับน้องป้อมที่โยนกทักษิณแต่แค่ปากทางเข้าหมู่บ้านเท่านั้น...
(ไปส่งสุภาพสตรีให้ถึงบ้านคือสิ่งที่สุภาพบุรุษสมควรกระทำ...พี่เอ้พูดอย่างนั้น)
“รีบยกมาอย่ามัวชักช้า!!...เสร็จแล้วจะได้ไปนอนซะที”
“รอกันมั่งซี่~~...ว้าย!!!
“เฮ้ย!?
“ทำอะไรลงไป?”
“ขอ...ขอประทานอภัยเจ้าค่ะ”
“อะไรเนี่ย?...กลิ่นเหมือนน้ำสลัด”
“เราทำเตรียมไว้สำหรับมื้อเช้า...ขะ...ขออภัยเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ!!!
“จะรีบร้อนไปด้วยเหตุใดกัน?...ประมาทเลินเล่อทำถ้วยใส่น้ำสลัดหกรดน้องเอกคเชนทร์จนเปรอะเปื้อนไปหมด...แย่จริง!!...นี่จะต้องแบ่งไปฝากท่านพี่ศรเพทายด้วยนะ”
“คุณเอ้ได้โปรดอย่าถือสาหาความหนูเลยเจ้าค่ะ”
“เธอขอโทษผิดคนแล้ว--”
“ช่างเหอะๆ...คนเรามันทำพลาดกันได้น่ะครับ...แค่เล็กน้อยเองไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร”
“แต่นี่คือคนของกระผมแลในฐานะผู้เป็นนาย...กระผมจะทำนิ่งเฉยมิได้”
“น่าพี่เอ้--...ยกเว้นโทษให้น้องหนูคนนี้สักครั้ง...ถือว่าเห็นแก่ผมนะครับ”
“.................................................”
“.................................................”
“อย่าได้กล่าวเช่นนั้น...ด้วยศักดิ์ศรีแห่งวิษณุมนตรีกระผมมิอาจจะละเลยคำพูดของน้องเอกคเชนทร์ได้ดอก...ยังมิขอบพระคุณน้องเอกคเชนทร์อีกหรือ?”
“คุณเอกคเชนทร์ยกโทษให้หนู!?...ขอบ...ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ!!!
“เฮ่ๆๆ...ยกโทษอะไรขอบพระคุณอะไร...ผมไม่ได้โกรธหรือจะถือสาอะไรตั้งแต่ต้นแล้วแค่ตกใจเฉยๆเอง...แล้วมาหมอบมากราบกันทำไมลุกขึ้นเร็วๆเลยนะ?...ผมไม่ใช่คนมีเชื้อมีแถวมาจากไหน”
“คุณเอกคเชนทร์ช่างมีจิตใจกว้างขวางน่านับถือยิ่งนักเจ้าค่ะ”
“ก็...ยอกันเกินไป”
“แล้วต่อไปให้ตั้งใจพยายามอย่าก่อเหตุผิดพลาดเช่นนี้อีกมิฉะนั้นจะพลอยเสื่อมเสียมาถึงท่านแม่...ไปได้แล้ว!
“พี่เอ้นี่เคร่งครัดระเบียบกว่าที่คิดนะครับ”
“น้องเอกคเชนทร์ก็ใจกว้างกว่าที่เขาร่ำลือกัน”
“ฮะๆ...ผมไม่เคยมีคนมารับใช้จึงไม่กล้าดุด่าว่ารุนแรง”
“แต่ทว่าความกล้าแลความเด็ดขาดก็นับเป็นคุณสมบัติเด่นของผู้นำซึ่งจักต้องนำเอาออกมาใช้ในโอกาสอันสมควร...การปล่อยเลยตามเลยตามใจลูกน้องมากเกินไปมิใช่สิ่งดี...ขอให้จดจำประโยคที่กระผมเอ่ยในคืนนี้ไว้นะขอรับ...ราตรีสวัสดิ์”
“.............................................”
...บางครั้งก็ร่าเริงยิ้มแย้มปนทะลึ่งทะเล้นแต่บางคราวก็วางท่าเคร่งขรึมจนคนรอบข้างยืนตัวเกร็ง...พี่เอ้คงจะได้รับการสอนสั่งมาจากอานีย์ผู้เป็นแม่อย่างเข้มงวดไม่น้อยและหากจะมีใครสักคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำของตระกูลแล้ว...ผมเชื่อว่า “สุริยาวรรณ วิษณุมนตรี” จะไม่มีทางโดนมองข้ามและย่อมเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย...
(แม้ป้าเอ็มจะหนุนหลังเราเต็มที่แต่ต้องไม่หลอกตัวเองว่าพี่เอ้มีภาษีดีกว่าเรามากเพราะได้ยินว่าพี่เซคกับพี่ม่อนก็ยอมรับเขาด้วย)
“เชิญคุณเอกคเชนทร์ผลัดผ้าเจ้าค่ะ”
“มีน...ฝัน...พวกเธอยังไม่นอนเหรอ?”
“ในเมื่อคุณเอกคเชนทร์ยังมิได้พักผ่อนแลพวกเราจะนอนหลับสบายได้อย่างไรเจ้าคะ?”
(พูดเหมือนกับเราเป็นคนทำให้พวกเธอยังไม่ได้หลับนอน!?)
“แล้วนี่อะไร?”
“ผ้าปิดตาเจ้าค่ะ”
“จะให้ฉันคาดเพื่ออะไรน่ะ?”
“...เมื่อพลบค่ำนายหญิงอรศินีย์เรียกเราทั้งสองไปตำหนิ”
“เอ๊ะ!?...แต่ก่อนออกไปกินข้าวฉันก็อธิบายกับท่านแล้ว”
“โน้มน้าวให้คุณเอกคเชนทร์ยอมรับมิได้ก็ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่เจ้าค่ะ”
“เข้มงวดจริงๆแฮะอาเราคนนี้...สรุปคือฉันต้องให้พวกเธออาบน้ำให้สินะถึงจะไม่โดนดุ?”
“เจ้าค่ะ”
“...ช่วยไม่ได้...ฉันเองก็ไม่อยากให้พวกเธอโดนดุอีกแล้ว”
“...............................................”
(แค่อาบน้ำเฉยๆและยังใช้ผ้าปิดตาด้วยจึงไม่น่าจะต้องกังวลอะไรมากนักอีกอย่างเมื่อมองไม่เห็นก็ย่อมไม่เกิดกิเลส...สาวน้อยสองคนนี่นับว่ารอบคอบใช้ได้ที่เอาผ้าคาดตามาด้วย)
“เธอสองคนปิดตาหรือเปล่า?”
“มิได้ปิดเจ้าค่ะ”
“อ้าวเฮ้ย!?
“คุณเอกคเชนทร์อย่าได้กังวล...ในห้องอาบน้ำนั้นมืดสลัวเพราะแสงจันทร์แลจะมิเปิดไฟ”
“อะ...อืม”
“ฝันจะนำทางให้เจ้าค่ะ”
...ปิดตาตัวเองไปแล้วจึงต้องให้สาวน้อยจูงมือ...ยิ่งใกล้ห้องอาบน้ำกลิ่นหอมก็ยิ่งแรงขึ้น...นึกออกแล้ว...นี่เป็นกลิ่นดอกมะลิที่แม่รัญภรณ์ของผมชอบที่สุด...
“นายหญิงอรศินีย์แลคุณสุริยาวรรณชอบดอกมะลิเจ้าค่ะ”
“เหมือนแม่ฉันเลยนะ”
“ค่อยๆนั่งเก้าอี้เจ้าค่ะ”
“ทำอะไรเหรอ?”
“ฝันกับมีนจะช่วยกันล้างคราบน้ำสลัดให้หมดเสียก่อนเจ้าค่ะ”
“ข้างหน้าไม่ต้องเดี๋ยวฉันทำเอง...พวกเธออยู่ด้านหลังเถอะ”
“แต่นี่เป็นหน้าที่ของเราทั้งสอง”
“หน้าที่...เอะอะอะไรๆก็หน้าที่!!...ฉันขอถามหน่อยซิ”
“เจ้าคะ?”
“เธอสองคน...มีแฟนหรือยัง?”
“แฟน...”
“ก็คนที่ชอบไง...ฝัน”
“...มี...มีเจ้าค่ะ...เราเพิ่งคบหากันเมื่อต้นปีนี้”
“แล้วมีนล่ะ?”
“เจ้าค่ะ...เอ่อ--...ขะ...เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนแลบ้านอยู่ใกล้กัน”
“งั้นถ้าแฟนของเธอสองคนเกิดรู้เข้าพวกเขาจะรู้สึกยังไง?...เสียใจ...โกรธหึงใช่มั้ยเล่า?”
“..............................................”
“ฟังนะ...ไม่มีผู้ชายคนไหนทนให้ผู้หญิงที่ตัวรักไปใกล้ชิดชายอื่นได้หรอกและยิ่งอยู่ในสภาพกึ่งโป๊กึ่งเปลือยแบบนี้ด้วย...ไม่มีทางทนได้แน่”
“แต่ทว่า...เราจะมินำเรื่องในคืนนี้ไปบอกใครเลยเจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องต่อรองอีกแล้ว!!...ฉันมั่นใจว่าลึกๆพวกเธอไม่อยากทำ...ไม่ต้องการให้ชายอื่นที่ไม่ใช่คนรักมาเห็นเรือนร่างของตัวเอง...พวกเธอออกไปซะเถอะ”
“หากหลานเอกคเชนทร์มิต้องการให้เด็กทั้งสองนี่อาบน้ำชำระร่างกายให้เช่นนั้นอาจะทำเอง”
!!!!!!!
...เสียงนี่เป็นของอานีย์!?...ธะ...เธอมาได้อย่างไรก็ไหนพี่เอ้บอกว่ากิจวัตรประจำคือจะนั่งสมาธิไปถึงยามสองยามสามไม่ใช่เรอะ?...
“อานีย์...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“ตั้งแต่ต้น”
“หา!!!
“อาอยู่ในห้องน้ำก่อนหลานเอกคเชนทร์จะมาเสียอีก”
“พวกเธอ!...ทำไมไม่บอกฉัน?”
“คือนายหญิงสั่ง...”
“สั่งอีกแล้ว?...โอ้ย!!...ฉันจะบ้าตาย~~
“หวังว่า...หลานคงจะมิปฏิเสธอาเสียอีกคนนะจ๊ะ?”
“มันไม่ดีหรอกครับ!!!...ถ้าพี่เอ้หรืออ๋อมรู้ล่ะก็ผมซวยแน่”
(เมื่อเย็นนี้ก็เพิ่งทำให้พี่เอ้ขุ่นเคืองอารมณ์ไปทีนึงแล้ว)
“จะรู้ก็เพราะหลานเอกคเชนทร์มัวแต่อิดออดนั่นแหละ”
“..................................................”
“ฝัน...มีน...เธอทั้งสองช่วยผสมสมุนไพรลงในน้ำแลเตรียมสบู่ให้ที...ฉันจะอาบน้ำให้หลานชายผู้น่ารักอย่างที่เคยขันอาสากับรัญภรณ์เมื่อครั้งอดีต”
“เจ้าค่ะ”
“ดะ...เดี๋ยวก่อน!!!
“แค่อาจะอาบน้ำให้ดังเช่นเมื่อสมัยหลานเอกคเชนทร์ยังเด็ก...เหตุใดจึงดูมีปัญหามากนักเล่า?”
“ก็...ก็ผมโตแล้ว...ไม่ใช่เด็กอย่างเมื่อก่อน”
“มิใช่ว่ากำลังคิดแปลกๆกับอาอยู่ดอกนะ?”
“ไม่ครับ!!...ไม่มีทาง...ผมไม่ได้คิดอะไรเลย!!!!
“เช่นนั้นจงนั่งนิ่งๆแลยอมให้อาอาบน้ำชำระร่างกายเสียแต่โดยดี”
...เมื่อหนีไม่ได้ก็ต้องเลยตามเลย...เอาน่า!!...อานีย์มีเจตนาหวังดีและอยากรื้อฟื้นสิ่งที่เคยกระทำในอดีตแล้วอีกไม่นานก็เสร็จเรื่องแถมมีผ้าปิดตาอยู่ยังจะต้องกลัวอะไร?...ท่องไว้สิท่องไว้...มองไม่เห็นก็ย่อมไม่เกิดกิเลส...
(แต่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวอานีย์โชยมาเข้าจมูกตลอด...โอ~~...มืออานีย์ก็แสนจะเนียนนุ่มเหลือเกิน)
“ผ้าเช็ดตัวนี่เอาออกเถิดจ้ะ”
“มะ...ไม่!!!
“อย่าดื้อกับอาสิ”
“.............................................”
“ส่งมาให้มีนเจ้าค่ะ”
“วางไว้ที่ตรงผ้าของฉัน”
“นะ...นี่หมายความว่าอานีย์ก็...”
“มีใครอาบน้ำทั้งที่ยังห่มผ้าเช็ดตัวอยู่ล่ะจ๊ะ?”
!!!
...นี่...นี่มันสาหัสกว่ามองเห็นไม่ใช่หรอกเรอะ?...ทั้งที่คิดว่าหลับตาแล้วจะช่วยข่มจิตใจได้แต่เปล่าเลยเพราะมันกลับกลายเป็นให้ผลตรงกันข้าม!!!!...เวลานี้สมองผมคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนาๆและไม่ทันรู้ตัวสักนิดว่าเจ้าท่อนเนื้อกลางหว่างขามันถูกสิ่งเร้าปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลอีกครั้ง...
(ฉิบโผง!!!!...กับอาตัวเองก็จะไม่เว้น...แต่เอ๊ะ!?...เมื่อกี้ฝันพูดว่าอานีย์สั่งไม่ให้บอกว่าหล่อนอยู่ในห้องอาบน้ำหรือว่าทั้งหมดนั่นเป็นแผน?)
“เมื่อกี้ใจหายหมดเลยเจ้าค่ะ”
“ใจหาย?”
“เพราะพวกเราก็มิทราบว่านายหญิงอยู่ในนี้...พอเห็นก็ตกใจแลจะบอกคุณเอกคเชนทร์ทว่านายหญิงจุ๊ปาก”
(หมายความว่าไม่ใช่แผนแต่เป็นความบังเอิญล้วนๆ)
“แลที่อาสั่งให้เงียบเสียงเพราะมิอยากให้ลูกเอ้รู้เดี๋ยวจะยุ่งยากซะเปล่าๆ”
(ถ้า...งั้นก็พอจะโล่งอกได้)
“ต่อไปก็ข้างหน้า”
“ผมทำเองครับ!!
“ปิดตาอยู่จะมองเห็นได้อย่างไร?”
“คลำๆให้ทั่วก็ใช้ได้”
“ฮื่อ~~...เด็กผู้ชายก็เป็นอย่างนี้เสียแทบทุกคน...ขัดถูมั่วๆมิสะอาดพอดอก”
“ห๊ะ!!...นี่...อามาอยู่ข้างหน้าผมแล้ว?”
“อย่าเสียงดัง...เราทั้งสองต่างเปลือยกายกันอีกทั้งหน้าอกของอาก็ห่างจากปากของหลานแค่คืบ...อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดหรือ?”
(เฮือก!!!!)
“นอกจากนี้...”
“อะ...อะไรครับ?”
“ของๆหลานก็ขยายใหญ่ชี้ตรงมาที่ของอาอีกด้วย...ต่อให้เป็นอาหลานกันทว่าก็แก้ตัวยากหากมีใครมาเห็น”
...เวรเอ๊ย!!...ลำพังแค่จินตนาการก็ย่ำแย่มากแล้วแต่อานีย์ดันบรรยายให้ฟังซะชัดเจนซ้ำเติมเข้าไปอีก...อยากเอาผ้าผูกตาออกเหลือเกิน...เอ้ยไม่ใช่!!!...อยากให้พ้นไปจากสภาพนี้เร็วๆเหลือเกินต่างหากเล่า!!!!...
“...ชายหนุ่มก็อย่างนี้แหละ...ตื่นตัวไว”
“ผมไม่ได้มีเจตนาชั่วร้ายกับอานะครับ”
“จริง?”
“แน่สิครับ!!!
“แสดงว่าอาแก่แล้วถึงได้ไร้เสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม”
“มิใช่เลยเจ้าค่ะ...รูปร่างของนายหญิงช่างงดงามเหลือเกิน”
“จริงด้วย...ราวกับว่านายหญิงเพิ่งจะเข้าสู่วัยสาวแรกรุ่น”
“ฉัน 40 แล้วจะไปสู้สาวน้อยอย่างพวกเธอได้อย่างไร?”
“พวกเราหาได้ยกยอจนเกินความจริงไม่นะเจ้าคะ...มิว่าจะมองตรงส่วนไหนก็ให้จำเริญตาไปซะทั้งหมด”
“ฝันมั่นใจว่าหากคุณเอกคเชนทร์มิใช่หลานชายแลได้มองเห็นแล้วไซร้ก็จักต้อง...”
“ต้องอะไร?”
“พะ...พูดอะไรน่ะ?”
(หยุดเลย...หยุดเติมเชื้อไฟเดี๋ยวนี้ยัยหนู!!!)
“ต้องมีความปรารถนาในตัวนายหญิงอย่างแรงกล้าน่ะสิเจ้าคะ”
“...อย่างงั้นหรือ?”
“...........................................”
“แต่ฉันคงเทียบท่านพี่ทั้งสองมิได้ดอก...อ่ะ!...หลานบอลจัดการเอาสบู่ถูอาวุธของตัวเองนะจ๊ะจะได้ล้างน้ำให้สะอาด”
(เปลี่ยนมาเรียกชื่อเล่นเราแล้ว!?)
“...ครับ”
“หรือจะให้อาถูให้ก็มิว่ากัน”
“ไม่มีทางครับ!!!
...อายแทบจะแทรกแผ่นดินหนี...ที่นี่คือโซนอันตรายชัดๆรึก็คือห้องอาบน้ำ=เขตโซนแดง!!!!...นี่ผมหลงเข้ามาในสถานที่ๆอันตรายขนาดนี้เชียวหรือ?...ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเกิดขึ้นได้...ถ้ารู้อย่างนี้แต่ทีแรกผมไม่มาหรอกขอยอมนอนข้างถนนดีกว่า...
(ว่าไปนั่น...กระท่อมบนเขาก็มี)
“เดี๋ยว”
“อาครับ...แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ยังมิได้แช่น้ำผสมสมุนไพรในอ่างเลย”
“ไม่เอาแล้วครับ”
“บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อกับอา”
“หวา!!!!
(เรา...เราโดนอานีย์ช้อนตัวอุ้มได้อย่างสบายๆ!!...ไม่อยากจะเชื่อทั้งที่รูปร่างก็ไม่ต่างกับอานิภาแต่ไหงถึงมีเรี่ยวแรงเยอะขนาดนี้แล้วแขนเรายังสัมผัสหน้าอกของอาด้วย!?...นุ่ม...ไม่ใช่...น่าอายชะมัดเลยโว้ย!!!)
“เติบใหญ่ขึ้นแล้วอย่างไร?...มิใช่เด็กชายแล้วอย่างไร?...ในสายตาของอาน่ะหลานบอลก็ยังเป็นหนูน้อยอยู่วันยังค่ำนั่นเอง”
“...........................................”
“จำได้ไหมจ๊ะ?...สมัยก่อนอาก็อุ้มหลานบอลลงอ่างเช่นนี้เหมือนกันเพราะดื้อมิยอมลงโดยดี”
“อะ...อาก็ลงอ่างมาด้วย?”
“อ่างนี่กว้างขนาดลงพร้อมกันสี่คนก็ยังได้...ฝัน...มีน”
“เจ้าค่ะ”
...สำหรับฝันและมีนแล้วหน้าที่กับคำสั่งสำคัญกว่าความรักหรืออย่างไร!?...เพียงอานีย์ออกปากประโยคเดียวพวกเธอก็ปฏิบัติตามทันทีโดยไม่รีรอ...ผมรู้ดีว่าในบ้านหลังนี้อานีย์ใหญ่ที่สุดแต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่ถามไม่สงสัยสักคำ?...
“เอ่อ--”
“หลานบอลสงสัยอะไรก็ถามเถิด”
“พี่เอ้เวลาอาบน้ำนี่...เขา...”
“มีสาวรับใช้อาบน้ำให้มากกว่านี้อีกจ้ะ”
“กะ...กี่คนครับ?”
“อย่างต่ำก็ห้าคน”
(โอ้โห?...ชายคนไหนมาได้ยินคงอยากฆ่าพี่เอ้เป็นสิบๆครั้งด้วยความอิจฉาตาร้อน)
“รวมพวกเธอด้วยหรือเปล่า?”
“เจ้าค่ะ”
(ฮาเร็มชัดๆ...เห็นหน้าอ่อนๆอย่างนั้นแต่ร้ายกาจชะมัดเลยวุ้ย!!!)
“น้ำร้อนพอดีไหม?”
“...พอดีครับ”
“พูดถึงน้ำร้อน...ที่โยนกบูรพาก็มีบ่อน้ำร้อนธรรมชาติอยู่...หลานบอลลองหาโอกาสไปแช่สิจ๊ะ”
“ผมไปที่นั่นไม่ได้”
“เพราะเหตุใดกัน?”
“พี่เซคบอกว่าถ้าผมไปที่โยนกบูรพาก็จะไม่รับรองความปลอดภัยให้”
“............................................”
...ได้ยินเสียงน้ำกระฉอกแสดงว่าอานีย์ลุกออกไปแล้ว?...พอผมจะลุกตามก็มีมือมาวางที่ไหล่...
“อยู่แช่ให้สบายใจเสียก่อนเถิด...แม้จะมิใช่บ่อน้ำร้อนธรรมชาติทว่าก็ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายหายปวดเมื่อยได้...หลานบอลยังรู้สึกขัดยอกที่หัวไหล่ขวาอยู่มิใช่หรือ?”
“อารู้ได้ยังไงครับว่าผมปวดไหล่?”
“ก็รอยมือชัดเสียขนาดนั้น...หลานแคทสินะ?”
(เดาถูกเผงเลย!!!)
“ฝึกฝนมากับมือแล้วเหตุใดจะมิรู้ล่ะจ๊ะ?...อารู้จักหลานทุกคนดี”
“............................................”
“คืนนี้ฝันกับมีนจะนอนในห้องของหลานบอล...หากต้องการสิ่งใดก็เรียกใช้พวกเธอได้ทุกเมื่อ...มิต้องเกรงใจ”
“...เรียกใช้”
“แม้กระทั่งเป็นคู่นอนนะ”
“เฮ้ย!?...ผมไม่...ผมไม่คิดแย่งผู้หญิงจากใครหรอกครับ!!!
“ให้คำตอบเร็วจริง”
“นี่ผมพูดจากใจจริงนะ!!
“อาเข้าใจจ้ะ”
“เข้าใจว่ายังไงครับ?”
“...เข้าใจว่า...หลานบอลก็นับเป็นสุภาพบุรุษผู้หนึ่ง”
“.........................................”
...ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย...ตลอดเวลาที่อยู่นี่ผมจะไม่พยายามหาเรื่องใส่ตัวเองเพิ่มขึ้นไปกว่านี้แน่เพราะมีใครบางคนที่ก็รู้ๆกันคอยจับจ้องหาโอกาสอยู่...
(อ้าว?...ลืมบอกอานีย์ไปอีกเรื่อง)
“เอาผ้าเช็ดตัวมาให้หน่อย...ฉันจะขึ้นแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
“อาครับ!!...ผมลืมบอกว่า...เหอ!?
“ลืมบอกอะไรหรือ?”
“คือ...”
...พอออกมาจากห้องอาบน้ำก็เห็นอานีย์ในสภาพเปลือยเปล่ายืนเช็ดตัวอยู่...นี่ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง...เมื่อกี้อาสาวคนสวยเข้าไปอาบน้ำร่วมกับหลานชายแท้ๆ...ไม่ได้การ...ขืนไม่รีบหันหลังให้น้องสาวคนเล็กของพ่อมีหวังได้เห็นท่อนลำที่แข็งตุงแน่!!!!...
(ไม่!!...เมื่อกี้ไม่เห็นชัดเพราะผมเธอยาวปิดบั้นท้ายอยู่...โอ้ว~~...แค่วับๆแวมๆแต่พลังทำลายเยอะชะมัดยาด!!!)
“ระ...เรื่องในคืนนี้...อานีย์อย่าบอกใครเชียวนะครับ”
“แน่นอนจ้ะ”
........................................................................................................................................

“หลานชายคนนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?...ท่านแม่”
“แม่เห็นว่าที่หลานเซคเคยพูดไว้ก่อนหน้านั้นออกจะเลยเถิดเกินไปเพราะเท่าที่ดู...หลานบอลก็นับเป็นสุภาพบุรุษแลมิได้เอาเปรียบสตรีเพศหรือมีที่ท่ากรุ้มกริ่มเจ้าชู้แต่อย่างใดเลย...เขาปฏิเสธฝันกับมีนที่จะมารับใช้ตั้งแต่แรกเริ่ม...ไหนลูกเอ้มั่นใจนักหนาว่าสองสาวน้อยนี่จะทำให้หลานบอลเผยธาตุแท้ออกมาได้อย่างแน่นอนมิใช่หรือ?”
“...แต่กระผมก็มิได้คิดว่าท่านพี่ศรเพทายจะแกล้งเสกสรรปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาเองนะขอรับเพราะนางหาได้มีอุปนิสัยเช่นนั้นไม่”
“แม่ก็รู้...นี่ลูกเอ้...หลานบอลผ่านการทดสอบไหม?”
“..........................................”
“น้องชายเราคนนี้ใจดีต่อเพศตรงข้ามมากแลมิใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ...ช่างเหมือนกับท่านพี่เอกภพเหลือเกิน”
“ความใจดีนั่นแหละที่จะเป็นผลเสียต่อตัวเขาอย่างคาดมิถึงในอนาคตขอรับ...เวลานี้กระผมให้ผ่านแต่ยังต้องดูกันไปยาวๆ”
“เช่นนั้นก็หมายความว่าลูกเอ้จะปฏิบัติตามคำขอร้องของ...”
“ยังขอรับ...แม้ท่านป้าศรมรกตจะขอร้องทว่ากระผมก็มิอยากผิดใจกับท่านพี่ศรเพทายแลน้องนางศรมุกดาในเวลานี้ดอก...เอ่อ--...ท่านแม่”
“หือ?”
“ความรู้สึกที่ได้อาบน้ำให้หลานชายอีกครั้ง...เป็นอย่างไรขอรับ?”
“รู้สึกราวกับว่าแม่...จะได้ย้อนกลับไปเป็นสาวแรกรุ่นอีกครา”
“หน้าแดงนี่ขอรับ?”
“ก็เพราะลูกเอ้ไงล่ะ!!...วางอุบายให้แม่เปลื้องผ้าอาบน้ำกับหนุ่มน้อย...คราวหน้ามิเอาอีกแล้ว”
“กระผมก็มิต้องการให้มีครั้งหน้าเช่นกันขอรับ”
“แลความจริงร่างกายของหลานบอลก็มิใช่เด็กอย่างเมื่อวันวานด้วย...นี่สินะถึงเป็นที่ต้องตาต้องใจของหญิงสาวนัก?...แม้แต่ฝันกับมีนยังมองแทบจะมิวางตาเลย”
“............................................”
“แม่จะพักผ่อนล่ะ”
“ราตรีสวัสดิ์ขอรับ”
“............................................”
“อืม--...นับว่าคุ้มค่ายิ่งนักที่คืนนี้กระผมได้เห็นใบหน้าของท่านแม่ที่แสดงออกถึงความเขินอายโดยแม้จะเพียงชั่วขณะหนึ่งก็ตาม...ครั้งนี้น้องเอกคเชนทร์ทำให้กระผมพอใจมิใช่น้อยเทียว...เห็นทีจะต้องตบรางวัลให้”
....................................................................................................................................

“ยัง!!...แค่นี้ยังไม่พอ...ถ้าอยากจะกระชากหน้ากากของเจ้าบอลล่ะก็มันต้องใช้วิธีที่แรงและแยบยลกว่านี้...น้องเอ้จะใจอ่อนหรือหยุดเพียงเท่านี้ไม่ได้เพราะความชั่วช้าของหมอนั่นยังมีอีกเยอะ”
“ท่านพี่ศรเพทายนี่ช่างน่ากลัวจริงๆขอรับ...ชื่นชอบกับการอยู่หลังฉากเพื่อคอยชักเชิดปั่นหัวแลนำพาศัตรูไปสู่ความพินาศในท้ายที่สุด...ดังเช่นตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่มีเชือกผูกตามส่วนต่างๆแลท่านพี่ศรเพทายจะเข้าควบคุมบังคับมันตามแต่ใจต้องการ...ครั้นอิ่มเอิบสุขสำราญเพียงพอหรือทรุดโทรมจนเกือบหมดสภาพแล้วก็จะตัดเชือกทั้งหมดปล่อยให้ตุ๊กตานั้นค่อยๆผุพังบุบสลายไปทีละน้อย”
“การได้นั่งดูศัตรูรับความทุกข์ทรมานและต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปทีละอย่าง...มันน่าสนุกออกจะตายไปไม่ใช่หรือจ๊ะ?...อ่ะ!...เมื่อกี้น้องเอ้ขอให้พี่อนุญาตเจ้าบอลเข้าโยนกบูรพา...ก็เข้ามาสิ!!...พี่ไม่ได้ห้ามสักหน่อย”
“แล้วที่บอกว่าจะมิรับรองความปลอดภัยให้นั่นล่ะขอรับ?”
“นั่นคือการเตือนแต่ไม่ใช่การห้ามถ้าเจ้านั่นอยากมาก็เชิญ...พี่จะเตรียมทุกอย่างไว้ให้และอย่าลืมตามที่เราตกลงกันไว้”
“ขอรับ”
“.............................................”
“ทำตามแผนได้ดีมาก...พรุ่งนี้ท่านแม่อนุญาตให้พวกเธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้หนึ่งวัน”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“แลนี่ก็สิ่งตอบแทนเล็กๆน้อยๆ...รู้ใช่ไหมว่าต่อไปพวกเธอต้องกระทำอย่างไร?”
“เราจะมิแพร่งพรายให้คนนอกรู้เด็ดขาดเจ้าค่ะ”
“อืม--...ส่วนฝันกับมีนกลับไปดูแลน้องเอกคเชนทร์ตามเดิม...ขอบใจเธอสองคนจริงๆที่ช่วยให้แผนของกระผมสำเร็จอย่างงดงาม”
“พวกเรายินดีรับใช้คุณเอ้เจ้าค่ะ”
“หึ!...อยากรู้นักว่าน้องเอกคเชนทร์จะอดทนได้สักแค่ไหน?...โยนกประจิมนั้นได้ถูกขนานนามว่าเป็นแดนดินถิ่นสาวงามอันเลื่องชื่อที่สุดในสี่หมู่บ้านนะขอรับ...จงแสดงธาตุแท้ของเธอออกมาให้กระผมได้ประจักษ์ทีซิ”
.....................................................................................................................................................

“พรุ่งนี้สาวิตรีจะมาพบพี่แน่หรือ?”
“พี่เชื่อว่ายัยนั่นต้องมา”
“แต่เสียดายจังที่คืนนี้แผนไม่สำเร็จอีกแล้ว...เราสองคนน่าจะได้เสียกับพี่ชายซะทีน๊า~~...ป้อมนึกถึงหน้ายัยอ้อยก็รู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างจับใจ!!!...แค่แว่บแรกที่เห็นป้อมก็เกลียดมันทันทีเลยล่ะค่ะพี่อ๋อม”
“เป็นเพราะหยาดฝน...ยัยเด็กบ้า!!...ปากสัญญาว่าจะไม่มาแต่ทะลึ่งส่งพี่สาวจอมหยิ่งยโสมาเป็นก้างขวางคอแทน...คืนนี้ฉันอุตส่าห์งัดเอาชุดชั้นในที่แม่ซื้อให้มาใส่แถมเตรียมยาปลุกกำหนัดไว้ให้บอลกินแต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า...ห้องลับรึก็เตรียมพร้อมไว้หมด...สองพี่น้องคู่นี้คิดจะขัดขวางกันไปถึงไหนวะ?”
“อ๊ะ!!...ขนของพี่แลบออกมา...เล็มซะหน่อยเถอะค่ะ”
“วุ่นวายจริงๆวุ้ย!!!...นี่น่ะแหละพี่ถึงไม่ค่อยชอบนุ่งกางเกงในผู้หญิง...ใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างในยังจะสบายซะกว่า”
............................................................................................................................................

...ตัวอย่างในตอนหน้า...

“ขนมปังในมือแกน่ะ...ขอให้ฉันได้มั้ย?”
“ถ้าเธอหิวผมจะให้แต่แบ่งครึ่งกันนะ...แม่ให้เงินผมมาแต่พอซื้อได้อันเดียวเอง”
“เออ!!...แล้วฉันให้สัญญาว่าโตขึ้นฉันจะเป็นเมียของแก”
...............................................
“ถ้าหล่อนอยากตายก็เชิญหนีเลย...วิ่งไปสิ...แล้วฉันรับรองได้ว่ามันจะไล่ขบหัวเธอแน่!!
“ที่แท้...คุณก็ต้องการให้ฉันหายไปจากชีวิตของบอลเช่นเดียวกับแม่คุณ!!!...คุณจะสั่งให้เสือตัวนี้ฆ่าฉัน?”
“สาวิตรี...ฉันมั่นใจว่าฝีมือตัวเองดีพอจะเล่นแบบตรงไปตรงมาและไม่มีทางใช้วิธีขี้ขลาดตาขาวว้อย!!!
...............................................
“ลูกอ๋อมจะต้องจำไว้เสมอว่าพ่อบอลชอบผู้หญิงแบบไหน?...อ่อนหวานเรียบร้อย...แม่เคยบอกแล้ว”
“แต่จะให้ฉันเปลี่ยนนิสัยน่ะไม่เอาหรอกแม่...ฉันจะเป็นของฉันอย่างนี้แหละและจะทำให้บอลชอบฉันให้ได้!!!
“แม่ก็นึกแล้วว่าลูกอ๋อมต้องพูดอย่างนี้...ไม่รู้ว่าหัวแข็งเหมือนใครแฮะระหว่างแม่กับอีตานิโคไลจอมดื้อนั่น?”
.......................................................................................................................................