หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 99


ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 99 “สัญญานแห่งการนับถอยหลัง”

90 วันบนโลกมนุษย์...สำหรับเทพบดีเช่นเราช่างแสนสั้นประดุจลัดนิ้ว”
“พญาหงส์กล่าวถูกต้องแล้ว...นั่นคือความจริงแห่งกฎธรรมชาติ”
“พวกเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”
“ลบความทรงจำ”
“แม้จะลบแต่สมควรเหลือบางสิ่งไว้”
“มิเช่นนั้นจะเกิดความโกลาหล”
“เหตุการณ์เมื่อยามเที่ยงวันจะยังคงอยู่แต่คำพยากรณ์จักเลือนหาย”)
“ฮิๆๆๆๆๆ”
“เด็กที่ไหนมาส่งเสียงหัวเราะกลางดึก?...อืม--...คงจะมาเล่นซนกันแหละ”
(!?)
“เฮ่ย!!!...บ้านเรามีเด็กที่ไหน?”
...ผมลุกออกจากเตียงทันทีเพราะบ้านนี้ไม่มีเด็กเล็กสักคนเดียวแล้วจะมาวิ่งเล่นกันได้ยังไงแถมดึกดื่นป่านนี้!?...พอเดินตามเสียงไปทางด้านหลังบ้านก็สังเกตเห็นกระรอกสองตัวนั่งอยู่บนรั้ว...ตัวหนึ่งสีขาวตัวหนึ่งสีดำมองผมตาแป๋วท่าทางเชื่องไม่น้อยทีเดียว...
“น่ารัก...มาจากไหนนี่...ในครัวมีนมมั้ย?”
(แต่ค่ำป่านนี้จะกินหรือ?)
“หนูไม่กิน”
“ไม่กิน”
!!!!
(กะ...กระรอกพูดได้?)
“ลืมกันแล้วหรืออย่างไร?”
“ลืมแล้วหรืออย่างไร?”
“ลักษณะการพูดแบบนี้เคยได้ยินที่ไหน?...อ๋า!!...หนูหนึ่งกับหนูสองเหรอ?”
...ไม่อยากเชื่อว่ากระรอกน้อยสองตัวนี้คือหนูหนึ่งกับหนูสอง...น่าประหลาดใจเหลือเกินที่จำแลงร่างมาในโลกมนุษย์...แล้ว...พวกเธอมาทำอะไรกัน?...
“หนูมาทำให้ความปรารถนาของพ่อกลายเป็นความจริง”
“ความปรารถนาที่ต้องการจะครอบครองซึ่งทุกสิ่ง”
“พวกหนูพูดอะไรพ่อไม่เข้าใจเลย?”
“แค่ทำตามที่ใจของพ่อมุ่งหวัง”
“แลผู้ใดที่ขัดขวางพ่อก็จงทำลายมัน”
“ขจัดไปให้พ้นทางด้วยทุกวิธีที่มี”
“หนูหนึ่งหนูสอง...พูดน่ากลัวจังเลย”
“ยื่นมือทั้งสองมาสิเจ้าคะ”
“มือ?”
“หงายมือแลจงตั้งสมาธิ”
“พ่อต้องการสิ่งใด...จงเอ่ยออกมา”
“เอ่อ...พ่อไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไร?”
“การโกหกมิใช่เรื่องดีนะเจ้าคะ”
“เอ๋?”
“ทุกคนย่อมมีความฝัน...ความปรารถนา...มิว่าจะดีหรือชั่วด้วยกันทั้งนั้น”
“พ่อจะพูดในเรื่องที่ไม่ดีออกไปได้หรือ?”
“นั่นคือสิ่งที่พ่อต้องการให้เป็นไป...จงกล่าวออกมาเถิด”
(เราต้องการอยู่เหนือทุกคนและไม่ยอมให้ใครมาดูถูก)
“นึกในใจมิอาจสัมฤทธิ์ผลได้”
“ขอจงเปล่งวาจาออกมา”
!!!!!
(อ่านใจเราได้จริงๆ)
“พ่อต้องการที่จะทำตามใจตัวเองไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือไม่ดี...ถ้าพ่อต้องการอะไรแล้วไม่ว่าสิ่งไหนจะเป็นอะไรก็ตามพ่อต้องได้มันมาไว้ในกำมือและหากใครขัดขวางก็จะต้องถูกกำจัดให้พ้นทาง...จะไม่มีผู้ใดต่อต้านพ่อได้!!!!
“......................................................”
“......................................................”
(ทำไมเราดูเหมือนเป็นคนชั่วร้ายเหลือเกินและคำขอที่เห็นแก่ตัวอย่างนี้ลูกเราจะยอมรับฟังรึ?)
“ความปรารถนานั้นจงสำเร็จทุกประการ”
“ขอให้เป็นไปตามที่มุ่งหวัง”
...........................................................................................................................................................

(“ช่างเป็นคำขอที่เอาแต่ได้และเทพแฝดก็อำนวยพรให้ตามนั้นเสียด้วย...พวกเจ้าจงดูสิ”
“หมายความว่าหากคุณพ่อต้องการทำลายทุกสิ่งก็จะไม่มีใครขัดขวางได้เลย”
“แต่หนูเชื่อว่าพ่อไม่ได้มีความคิดอย่างนั้นนะ”
“หึๆๆ...พ่อเจ้าคิดแต่จะครอบครองอิสตรีที่หมายปองเท่านั้น”
“หยุดพูดมากสักทีเถอะ...พ่อก็เป็นพ่อของเจ้าด้วย”
“ฮึ!!
“เทพบดีฝาแฝดรู้ดีอยู่แล้วว่าคุณพ่อจะขออะไรจึงประสาทพรไปอย่างง่ายดาย”
“แต่พ่อจะลืมทุกสิ่งไปใช่ไหมคะ?...ไม่ว่าจะเป็นคำพยากรณ์ของราชหงส์สุรัมภาหรือพรที่ได้รับจากสองเทพฝาแฝด”
“ถูกต้อง...เมื่อคุณพ่อลืมตาตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ก็จะจดจำอะไรไม่ได้อีก”
“และถือเป็นสัญญาณแห่งการนับถอยหลัง...ข้าจะรอดูเป็นสักขีพยานด้วยล่ะกัน”
“แม้คุณพ่อจะได้ครอบครองทุกสิ่งตามใจหวังแต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวด”
“การถูกหลอกลวง...หักหลังและทรยศ...แต่ว่านะ...ที่มันเกิดขึ้นก็เพราะเจ้านั่นเริ่มต้นก่อนไม่ใช่หรือ?”)
....................................................................................................................................................

“ห้องตัวเองมีไม่นอนไปนอนที่ห้องรับแขก”
“คือ...ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไปนอนที่โซฟาข้างล่างได้?”
“เมื่อเช้าพี่ลงมาเห็นทีแรกนึกว่าขโมย...ไม่งั้นพี่จะปลุกให้รู้ตัวแล้วเหยียบซะ”
“โหย--...พี่แคททำผมไม่ลงหรอก”
“งั้นรึ?”
“ก็พี่ใจดีที่สุดนี่”
“ฮึ!...ต่อไปน่าจะต้องใจร้าย”
“อ้าว?”
“ใจดีแล้วทำตัวเจ้าชู้ชอบนอกลู่นอกทาง”
“ฮะๆๆ”
“ไม่ต้องหัวเราะและไม่ต้องมากอด!!
“โธ่~~...พี่ครับ”
“หงึ!...หวานกันแต่เช้าเชียวนะ...อิจฉา~~
“เหมือนทำอะไรผิดแล้วมาอ้อน”
“ใช่...พฤติกรรมไม่น่าไว้ใจ”
(ยัยผีเอ้ย!!)
“เอ้อตัวเอง!...พี่เซคมาแน่ะ”
(มาทำอะไรแต่เช้า?)
...จากที่อารมณ์ดีๆพอรู้ว่าแขกมาเยือนเป็นใครก็กลายเป็นหงุดหงิดขึ้นมาทันที...ไม่รู้จะมาหาเรื่องหาราวอะไรกันอีกแต่เมื่อเช้ามันก็น่าแปลกจริงๆว่าเหตุใดผมจึงไปนอนที่โซฟาในห้องรับรองแขกได้!?...จะว่าละเมอมันก็ออกจะเกินไปหน่อย...
(เราออกจากห้องตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่งงชะมัดแถมยังจำอะไรไม่ได้เลย)
“...แล้วยังไง?”
“เธอบอกอยากจะคุยกับตัวเองอ่ะ”
“แต่ฉันไม่มี”
(ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องของญาติสาวผู้พี่สุดอันตรายคนนั้นหรอก...เอ--...เมื่อคืนวานพอเราดูทีวีเสร็จก็ไปนอน...จากนั้น...)
“อย่าเอาแต่ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตจะดีกว่า”
“ฮึ!!
“ฉันแค่มีเรื่องจะมาบอกเท่านั้น...เสร็จธุระก็จะกลับ”
“............................................................”
“ก็ไม่ใช่เป็นความลับอะไรหรอกนะ...บอล...เช้ามืดวันนี้คนไข้ที่ป่วยโรคไตของฉัน...หนูอารยา”
(อ้อๆๆ...จำได้ว่าเมื่อวานตอนกลางวันเราพบกับเด็กผู้หญิงชื่ออารยาแต่เธอกลับแนะนำตัวว่าชื่อ “บุหรง” และกำลังป่วยหนัก...ต่อจากนั้น...ต่อจากนั้นพูดอะไรอีกนะ?)
“เธอหยุดหายใจ”
!!!!
“หรือว่า!!!
“ฝน...ตอนนั้นพี่ตกใจมากถึงแม้จะเตรียมใจมาบ้างก็เถอะแต่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อมันกลับเกิดขึ้น”
“หมายความว่าไงครับ?”
“ยังไม่ทันที่ฉันจะปั๊มหัวใจช่วยชีวิตหนูอารยาก็มีสติฟื้นขึ้นมาได้เอง”
ฮ้า!!!
ใบหน้าของเธอค่อยๆหายดำคล้ำเนื่องจากอาการโรคไตและมีเรี่ยวแรงมากขึ้น
นี่มันอะไรกันคะเนี่ย?”
เคสนี้ทำให้เจ้าหน้าที่แตกตื่นกันไปหมดเพราะว่า...
อะไรครับ?”
เมื่อไปทำการตรวจไตของหนูอารยา...พบว่าไตของเธอเป็นปกติดีทุกอย่าง
ปกติดี!?”
ทุกอย่าง!!!!
(ทั้งที่เธอหมดสติไปต่อหน้าเราเนี่ยน่ะเหรอ!?)
นั่นก็คือ...หนูอารยาหายเป็นปกติไม่มีอาการป่วยใดๆเลยยังไงล่ะ...ไตที่ใกล้จะหมดสภาพและถ้าไม่มีการเปลี่ยนเพื่อรักษา...หนูน้อยคนหนึ่งก็จะต้องเสียชีวิตในอีกไม่ช้าแต่แล้วปาฎิหารย์ก็บังเกิดขึ้น
เป็นไปได้ยังไงกันคะ?
ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับแต่ว่าเป็นเรื่องดีจริงๆที่หนูน้อยคนนั้นจะมีชีวิตยืนยาวต่อไป
แกไม่รู้เรื่องอะไรเลยหรือ?”
จะรู้ได้ยังไงครับ?”
...เด็กผู้หญิงป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังและจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแต่แล้วกลับเกิดปาฎิหารย์ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งแต่ว่า...ทำไมผมรู้สึกว่าความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเธอถึงได้ขาดหายไปเป็นช่วงๆไม่ปะติดปะต่อกัน?...
“เอาเถอะ...เธอสมควรจะต้องมีอนาคตที่สดใส...พี่ยินดีด้วยนะและต่อไปนี้ขอให้มีความสุขตลอดไป”
“คำพูดของเจ้าฟังแล้วมิคล้ายว่าเป็นการสั่งเสียหรือ?”
!?
(พี่ม่อนก็มากับพี่เซคด้วย)
“สั่งเสียอะไรกัน?...ผมไม่ได้อยากจะรีบตายนะ”
“เช่นนั้นเราคงเข้าใจผิดไป...ขออภัยด้วย”
“พี่มีธุระอะไรกับผมครับ?”
“เราฟังเรื่องราวของเด็กน้อยอารยาแล้ว...น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก”
“ครับ...มันช่างน่าเหลือเชื่อ”
“เจ้าแค่คุยกับเธอจริงๆหรือ?”
“จริงสิครับ...พี่คิดว่าผมจะทำอะไรอีก?”
“..........................................................”
(เจอหน้ากัน...แนะนำตัว...รู้อาการป่วย...อยู่เป็นเพื่อน...หมดสติ...ไม่...มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้อีกแต่...นึกไม่ออก)
“พี่เซคคงจะประหลาดใจมากเลย”
“ถูกต้อง...ตั้งแต่เป็นหมอจนถึงบัดนี้ท่านพี่มิเคยพบเจอเรื่องราวอันน่าพิศวงเช่นเรื่องของหนูอารยามาก่อนนางสนใจมากแลต้องการจะหาคำตอบของเรื่องนี้ให้ได้...เจ้าคือกุญแจสำคัญ”
“ก็บอกไปแล้วว่าผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น...ต่อให้คาดคั้นหรือทรมานผมจนตายผมก็พูดไม่ได้เพราะผมไม่รู้”
“..........................................................”
“..........................................................”
“เที่ยงวันนี้เจ้าว่างไหม?”
“?”
“ไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน”
(พี่ม่อนชวนเรากินข้าว!!!!...สงสัยฟ้าถล่มดินทลาย...หญิงสาวที่เกลียดขี้หน้าเราอย่างกับอะไรดีเนี่ยนะ!?)
“ยังจะถามเรื่องหนูอารยาจากผมอีกเหรอ?...ก็บอกว่า”
“เรายังมิได้บอกเจ้าว่าจะสนทนาเรื่องนั้น”
“...ที่ไหนครับ?”
“ไหมจะเป็นผู้บอกเจ้าเองและเราอยากให้เจ้ามาแต่ผู้เดียวนะ”
...เมื่อหญิงสาววัย 21 เดินจากไปด้วยอาการเหม่อลอยคุณไหมคนสนิทก็เข้ามาบอกผมที่ฟังแล้วช่างขัดแย้งกันสิ้นดีคือหล่อนพูดว่า...
“เที่ยงตรงที่ร้านครัวอาหารป่า...แต่ดิฉันขอเตือนว่าอย่าไปจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
“นี่...พวกคุณเล่นตลกอะไรกันอยู่เนี่ย?”
....................................................................................................................................................

“ให้ป้ารอมั้ย?”
“ไม่ดีกว่าครับ”
“ให้ไปส่งถึงหน้าร้านเลยก็ได้...ไม่เห็นจะต้องเดินไปเลย”
“เอาน่ะป้า”
“เสร็จแล้วก็โทรมา...ป้าจะพาไปเที่ยวต่อ”
(รู้เลยว่า “พาไปเที่ยว” นี่คืออะไร?)
...ช่างเป็นร้านอาหารที่ให้บรรยากาศของชนบทอย่างแท้จริงและดูจะคล้ายบ้านคนทั่วไปมากกว่า...มองไปที่โต๊ะข้างในสุดเห็นพี่ม่อนกำลังนั่งดื่มอะไรสักอย่าง...
“ไกลพอดูเหมือนกันนะครับ”
“ร้านโปรดของเรา...เงียบสงบแลผู้คนมิพลุ่กพล่าน...เชิญนั่ง”
(ชักจะเกร็งแล้วสิ...คุณไหมรินน้ำสีชาใส่แก้วที่เตรียมไว้ก่อนส่งให้เรา)
“ขอบคุณครับ”
“ดิฉันขอไปที่ห้องครัวนะเจ้าคะ”
“..............................................................”
(มันคือน้ำชาและดูเหมือนจะมีกลิ่นสมุนไพรหอมๆด้วย)
“ชุ่มคอดีจัง”
“เจ้าชอบหรือเปล่า?”
“ครับ...ผมไม่ได้ดื่มชาแบบนี้บ่อยๆแต่ก็ชอบ”
“ดีแล้ว”
(ระหว่างที่เราดื่มชาพี่ม่อนมองมาตลอดเลย?...คือเธอไม่ได้ลืมตาหรอกแต่ก็รู้ว่ามองแถมด้วยท่าทีที่จริงจังอีกต่างหาก...เอ๋!?...นั่นหล่อนใส่ยกทรงหรือเปล่าหว่า?)
“บางครั้งเจ้าก็แสดงอะไรออกมาชัดเจนดี”
“หา?”
“เราเชื่อแล้วว่าเจ้าชอบชาสมุนไพรนี้จริงๆเพราะสีหน้าของเจ้ามิได้ดูลำบากใจแม้แต่น้อย”
“แต่คงจะไม่ได้ใส่อะไรไว้หรอกนะครับ”
“หากเราทำเช่นนั้นจริงเจ้าก็แก้ไขอะไรมิได้เพราะเจ้าดื่มลงคอไปแล้ว...เหตุใดจึงเพิ่งพูดในเวลานี้เล่า?”
“เพราะผมเชื่อมั่นว่าพี่จะไม่ทำ”
“เจ้ามีความมั่นใจอย่างไร?”
“ผมได้ยินเรื่องของพี่ม่อนมาก็พอสมควรนะ”
“?”
“พี่มีพลังจิตและมีความสามารถพิเศษมากมาย...ถ้าจะทำอะไรผมที่เป็นแค่คนธรรมดาก็ไม่จำเป็นต้องใช้กลอุบายอะไรเลย...แค่ใช้พลังจิตยกให้มีดลอยมาปักเข้าหัวใจผมก็จบแล้ว”
“..........................................................”
“ใช่มั้ยล่ะครับ?”
“มิแปลกใจว่าเหตุใดท่านพี่สุรีย์พรรณแลน้องนางหยาดฝนถึงหลงใหลในตัวของเจ้า”
(หลงใหลเชียวเรอะ!?)
“เจ้ามิรู้หรืออย่างไร?”
...พอผมจะขยับปากพูดต่อแม่ครัวก็ยกอาหารมาเสริฟ์มีไข่เจียว,ผัดกะเพราที่ดูแล้วน่าจะเป็นเนื้อ,ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ,กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา...ล้วนแต่เป็นอาหารพื้นๆทั้งนั้น...คุณไหมตักข้าวสวยใส่จานของเราสองคนแล้วรินน้ำใส่แก้วให้ก่อนทำท่าจะลุกเดินไป...
“คุณไหมไม่ทานด้วยหรือครับ?”
“เชิญตามสบายเจ้าค่ะ”
“มื้อนี้เราอยากทานข้าวกับน้องชายคนเดียวของตระกูลตามลำพัง...เจ้าคงจะมิขัดข้องอะไร”
“ผมไม่ขัดข้องหรอกครับ”
(มีความรู้สึกเหมือนญาติสาวผู้พี่จะ “โนบรา” ยะ...อย่ามองมากเดี๋ยวซวย)
“ดี...ทานไปด้วยสนทนาไปด้วยล่ะกัน”
(อร่อยแฮะ...ไม่แพ้ฝีมือฝนเลย)
“เมื่อกี้”
“?”
“พี่ม่อนบอกว่าพี่แคทกับฝนหลงใหลในตัวผม”
“ถูกต้อง...เราถามว่าเจ้ามิรู้หรือ?”
“ผม...ไม่แน่ใจว่าหลงใหลถึงขั้นไหน?”
“...ถึงขั้นที่ต้องการจะมีบุตรกับเจ้า”
!!!!!!
“ผู้หญิงด้วยกันย่อมมองออก...ทีนี้เจ้าจะตอบสนองความรู้สึกของพวกนางอย่างไร?”
“...............................................................”
“อีกทั้งหญิงสาวบ้านวิชานาถเล่า...เจ้าจะจัดการอย่างไร?”
(ไม่ได้คุยเรื่องหนูอารยาแต่กลายเป็นเรื่องของเราล้วนๆ)
“หรือว่าเจ้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ?”
“...............................................................”
“เช่นนั้นเราฝากไว้ล่ะกัน...เข้าใจว่าเจ้ามิได้เตรียมตัวหรือคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน”
(ฟังๆไปเหมือนด่าทางอ้อมว่าเราไม่มีหัวคิด)
“ผมสามารถบอกคนอื่นได้มั้ยว่ามากินข้าวกับพี่?”
“ตามแต่ใจเจ้า”
“ยังไงก็มีอยู่สองคนที่ผมจะไม่บอกนั่นคืออ๋อมกับน้องป้อม”
“ตามแต่ใจเจ้า”
(ตอบเหมือนตุ๊กตาไขลาน)
“เจ้า”
“ครับ”
“มีอะไรจะถามก็ถามมาอย่าอ้อมค้อม”
“พี่ม่อน...ผมถามจริงๆเลยนะครับ”
“..............................................................”
“ถ้าผมออกไปจากตระกูล...ทุกคนคงจะดีใจใช่มั้ย?”
“ทุกคนที่หมายถึงคือใคร?”
“พี่เซค...พี่...และก็คนอื่นๆที่ไม่ชอบผม”
“เจ้าอยากออกไปจริงๆหรือ?”
“เมื่อก่อนน่ะใช่...ผมอยากตัดขาดจากบ้านและไม่ขอกลับไปอีก”
“แลปัจจุบันเล่า?”
“ผมอยากอยู่กับครอบครัว”
“ครอบครัว”
“พ่อและก็ญาติพี่น้องทุกคน...ผมต้องการใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา”
“............................................................”
“และผมก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับใครทั้งนั้น”
“...ท่านพี่หาได้คิดอย่างนี้ไม่”
“แบบนั้นมันมีความสุขเหรอ?”
“?”
“เกลียดชังกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้น...ผมเคยบอกคุณปู่ว่าจะตั้งใจเป็นผู้นำตระกูลที่ดีแต่หากมีเหตุที่ไม่สามารถเป็นผู้นำได้ผมก็ขออยู่กับครอบครัวอย่างคนธรรมดา...ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ต้องไปขัดแย้งหรือแก่งแย่งกับใคร”
“ทว่า”
“?”
“หากมีผู้คิดร้ายกับเจ้า?”
“ถ้าเลือกได้ผมจะไม่ขอตอบโต้แต่...”
“แต่...”
“อย่ามาทำร้ายคนที่ผมรัก...จะทำก็ขอให้เป็นผมคนเดียวพอ”
“ศัตรูมิได้มีความคิดอ่อนหัดดังที่เจ้าเอ่ยมา...การมุ่งร้ายต่อผู้ใกล้ชิดคือสิ่งที่พวกเขาจะกระทำ”
“งั้นก็ต้องข้ามศพผมไปก่อนครับ”
“...........................................................”
“...........................................................”
“ได้เวลากลับแล้ว...เจ้าติดต่อท่านแม่ว่ามิต้องมารับดอก...เราจะไปส่งถึงบ้านเอง”
!!!!
(นี่ไม่ได้สนใจคำพูดของเราเลยหรือไง?...ตัดบทเอาซะดื้อๆ)
“แต่เมื่อกี้มีประโยคหนึ่งที่เราฟังแล้วรู้สึกสนใจ”
“?”
“ข้ามศพเจ้าไปก่อนใช่ไหม?”
“...................................................................”
......................................................................................................................................................

(เป็นไปตามที่คิด...ป้าเอ็มไม่ค่อยพอใจนักที่พี่ม่อนจะพาเราไปส่ง)
“............................................................”
“?”
“............................................................”
(หลับหรือเปล่านั่น?)
“คุณหนูรองหลับเจ้าค่ะ...อย่ารบกวน”
(ขึ้นรถมาไม่ทันไรก็หลับเนี่ยนะแถมเพิ่งอิ่มข้าวด้วย!?)
“ดิฉันเตือนคุณเอกคเชนทร์แล้วว่าอย่ามา”
“ถ้าผมไม่มาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นครับ?”
“มิต้องสงสัย...คุณหนูรองจะโกรธมากเจ้าค่ะ”
“นั่นไง!!...ผมมีทางเลือกเหรอ?”
“สุภาพชนมิสมควรผิดนัดหมาย...คุณเอกคเชนทร์ทำถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม”
(ละเมอหรือยังไม่หลับกันแน่หว่า?)
“ฝันเจ้าค่ะ”
“เฮอ!?
...แปลกคนชะมัดเลยวุ้ยพี่สาวผมคนนี้!!...กินข้าวกลางวันไม่ทันไรนอนหลับปุ๋ยแถมยังฝันอีกต่างหาก...อุ!!!...ตาของผมนี่ก็ดีเหลือเกินที่เหลือบไปเห็นกางเกงในของพี่ม่อนที่ซ่อนเร้นอยู่ในกระโปรงสั้นรัดรูปสีดำ...มิหนำซ้ำเจ้าหล่อนไม่ได้สวมยกทรงจริงๆด้วยเพราะคราวนี้เห็นหัวนมดันเสื้อออกมาชัดแจ๋วเลย...
(กางเกงในสีขาวบริสุทธิ์เหมือนผ้าคลุมหลังของสาวเจ้า)
“.............................................................”
(แต่นั่งข้างคนขับนี่เหลียวมองมากไม่ได้แฮะ)
“อยากจะคอหักหรืออย่างไรเจ้าคะ?”
!!!
“ผู้ชายก็เป็นซะอย่างนี้...มิต้องหันมองคุณหนูรองนะเจ้าคะ!!
(ดันรู้อีก)
“งั้นก็ปลุกพี่ม่อนสิครับ”
“มิสมควรอย่างยิ่ง...คุณหนูรองเวลาตื่นนอนเพราะถูกรบกวนจะอารมณ์หงุดหงิดแลอาจทำร้ายผู้อื่นได้”
“................................................................”
“แลจะฉุนเฉียวมากขึ้นเมื่อรู้ว่ามีชายแอบมองกางเกงชั้นในของเธอ”
“คุณไหมอย่าบอกพี่ม่อนนะครับ...ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“.................................................................”
“นะครับ”
“ดิฉันมิพูดดอกเจ้าค่ะเพราะหากคุณเอกคเชนทร์เป็นอะไรไปตอนนี้นางพญาเสือต้องมิละเว้นคุณหนูรองเป็นแน่”
“.................................................................”
“แต่อย่างไรเวลาอยู่ต่อหน้าคุณหนูรองก็อย่าทำกิริยารุ่มร่ามมิเหมาะสมนะเจ้าคะ”
“สัญญาครับ”
“แลดิฉันก็จะขอร้องมิให้คุณเอกคเชนทร์บอกผู้ใดว่ามาทานข้าวกับคุณหนูรองในวันนี้ด้วยเช่นกันเพราะมิอยากให้เกิดเรื่องใหญ่”
(แต่ป้าเอ็มพาเรามานะ!?)
“ได้ครับ”
“เช่นนั้นก็ถือว่าหายกันเจ้าค่ะ”
“หา?”
(หายกัน!?)
......................................................................................................................................................

...เอาเข้าจริงผมไม่ได้มีความคิดจะบอกพี่น้องสองเสือเลยสักนิดแต่ดันรู้กันเสียนี่!!...ป้าเอ็มต้องเป็นคนบอกแน่ๆเลย...
“ไปกินข้าวกับคนที่ฉันเกลียดเนี่ยนะ?”
“พี่ชายใจร้ายไม่บอกกันเลยสักคำ!!...รู้มั้ยคะว่ามันอันตรายแค่ไหน?”
“พี่รู้...”
“แล้วยังจะไปพบมันเรอะ?”
“ใจเย็นก่อน...ฉันแค่ไปให้จบๆ”
“คิดว่าจะจบมั้ย?”
“ฉันไม่อะไรกับพี่ม่อนหรอกน่า--...เธอไม่ใช่สเปคอยู่แล้ว”
“ขอให้จริงเหอะ!!...นายจะไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนฉันไม่ว่าแต่อย่าไปข้องเกี่ยวกับศรมุกดา...แค่ยัยนี่คนเดียวเท่านั้น!!!
“อ๋อม...เธอพูดบ้าอะไร?”
“ฉันไม่ได้บ้าหรือไร้เหตุผลนะโว้ย!!!
“เพราะพี่ชายจะจบชีวิตยังไงล่ะ...ลำพังแค่ไปมีอะไรกับแม่เอ็มก็มีโทษถึงตายอยู่แล้ว”
“ใช่...แค่ศรมุกดาสะกดจิตนายได้ความลับก็แตก...ไม่มีคำถามไหนที่นายจะไม่ตอบเมื่อตกอยู่ใต้อำนาจของมัน”
“แต่ดีนะที่เธอยังไม่สงสัย”
“หรือมันคิดไว้แต่สบโอกาสลงมือก็ไม่รู้”
“.............................................................”
“จำไว้ให้ดีๆ...อย่าไปพบหรือคุยกับยัยนี่ตามลำพังเด็ดขาดถ้ายังรักชีวิตตัวเองอยู่”
“เหตุใดเอกคเชนทร์จะพบกับฉันมิได้?”
“หือ?”
“พวกเจ้าสามคนมีสิ่งใดปกปิดอยู่รึ?”
“ว้ากกกกกกก~~
...ทางนี้ตกใจกว่าว้อย!!!...นอกหน้าต่างชั้นสองปรากฏร่างของพี่ม่อนยืนกอดอก...เดี๋ยวสิ!!!!...ตรงนั้นมันไม่มีระเบียงยื่นมานะแล้วเธอไปอยู่ได้ยังไงและที่สำคัญได้ยินอะไรไปถึงไหนบ้างก็ไม่รู้!?...
(หญิงสาววัย 21 ยังแต่งกายชุดเดิมที่ไปกินข้าวกลางวันกับเรา...ผ้าคลุมสีขาวปลิวไสวยามต้องลมเวลาพลบค่ำนั่นเหตุใดเห็นแล้วจึงมีความรู้สึกที่แปลกอย่างบอกไม่ถูกกันนะ?)
“หล่อนเป็นผีไปแล้วหรือไงวะถึงได้มาลอยอยู่ที่นี่?”
“น่ากลัวที่สุด!!!
“ผีที่ไหนจะหน้าตาสวยเช่นนี้?”
(!?)
“แหวะ!!!...ฉันจะอ้วก~~...ชมตัวเองได้หน้าตาเฉย...ไปขอส่วนบุญที่อื่นเลยไป๊ไม่ต้องมาล่องลอยอยู่แถวนี้!!
(แต่ก็สวยจริงๆนะ)
“เธอสั่งฉันมิได้”
“เอาซี่~~...ถ้าไม่ยอมไปผุดไปเกิดเดี๋ยวฉันจะสาดน้ำมนต์ไล่เอง!!
!?
...ว่าแล้วอ๋อมก็กระโจนออกนอกหน้าต่าง!?...ถึงข้างล่างตรงนั้นจะเป็นสระว่ายน้ำแต่ก็อันตรายอยู่ดีและที่ญาติสาวผู้พี่จอมห่ามพุ่งออกไปจะสูงแค่สองชั้นก็เถอะ...ผมกับป้อมรีบวิ่งไปดูก็เห็นทั้งสองสาวตกลงไปในสระว่ายน้ำสภาพเปียกปอนดูไม่ได้...
“สมน้ำหน้าแก--...ตกลงมาด้วยกันนี่ล่ะ!!!
“ฮึ!!
“เสียงเอะอะครึกโครมอะไรกัน?...เอ๋?...หนูม่อนกับหนูอ๋อมทำไมไปอยู่ในสระน้ำอย่างนั้นล่ะ?”
“พี่อ๋อม!?
“น้องม่อน!!
(ฝนกับพี่แคทรีบออกไปช่วยทั้งสองคนแต่อ๋อมปฎิเสธแล้วกระโดดขึ้นมาได้เอง)
“มันเกิดเรื่องอะไรกันอีกห๊ะ?...บอกแม่มา!!
“คือฉัน”
“ท่านแม่เจ้าคะ...ลูกจะมาหาท่านแม่แต่โดนรังแก”
“หนอย~~
“พ่อบอลเล่ามาซิ”
“เอ่อ--...ผมก็มองไม่ทันครับ”
“คืองี้น่ะแม่...พี่อ๋อมโดดออกไปกะจับตัวพี่ม่อนแต่พี่ม่อนจะหลบ”
“โดด...จากที่ไหน?”
“ชั้นสองหน้าต่างห้องบอล”
“พี่ม่อนไปทำอะไรตรงนั้นคะ?”
“มันจะมาแอบดูน่ะสิ”
“แล้วไง?”
“พอฉันไล่ก็ไม่ไปเลยจะสั่งสอน...หึ!!...ยัยนี่คิดว่าหลบพ้นแต่ฉันมือไวจับผ้าคลุมทันก็เลยพามันร่วงลงสระน้ำด้วยกัน...ฮ่าๆๆๆๆ”
“แม่ไม่ขำด้วยนะ!!!...ทั้งสองคนนี่ทำแต่เรื่องบ้าๆบอๆให้แม่กลุ้มใจอยู่เรื่อย”
“โธ่แม่~~...ยัยนี่หาเรื่องพวกฉันก่อน...มันมายั่วบอลด้วย!!
“ยั่วอะไรกัน?”
“เราสามคนคุยกันอยู่ดีๆแต่ยัยนี่โผล่มาจากไหนไม่รู้คิดจะมาแอบฟัง...เสียมารยาทมากๆ...ใช่มั้ยบอล?”
“..........................................................”
“มองอะไรของนาย?”
“กรี๊ด~~...พี่ม่อนรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลยนะ...เห็นนมหมดแล้ว!!
“มายั่วบอลจริงๆด้วยแม่เห็นมั้ย?...ยัยซกมกแอบจิตหน้าไม่อายนี่ยกทรงก็ไม่ใส่...ทุเรศ!!!
“อีตาบ้านี่ก็มองตาไม่กระพริบเชียว!!...เจ๊พาพี่ม่อนเข้าบ้านเร็ว”
“อืม--”
“โอ๊ย!!!
“อะไรอีกล่ะ?”
(โดนฝนกับพี่แคทเหยียบตีนกับหยิกที่เอว)
“พี่เอ็มจะต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้วล่ะนะ”
“ปวดหัว...ลูกสาวฉันแต่ละคน”
........................................................................................................................................................