ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 102 “น้ำผึ้งหยดเดียวเมื่อ 15 ปีก่อน?”
...เช้าวันนี้ที่บ้านราศีกาญจนามีระเบิดลงแต่เช้า...
“ออกไป!!...ฉันไม่กิน...ไสหัวออกไปให้หมด!!!”
“จะ...เจ้าค่ะๆ”
“ไปเรียกไหมมาเดี๋ยวนี้!!!”
“ดิฉันมาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”
“เรื่องนี้มันบ้าที่สุดในโลก!!!...คำทำนายบ้าอะไรกัน?”
“คุณหนูใหญ่ใจเย็นไว้ก่อนนะเจ้าคะ”
“จะเย็นยังไงไหว!!...ทำไมเรื่องบ้าๆนี่ต้องมาเกิดขึ้นกับฉันด้วย?...คำทำนายบ้าอะไรกัน?...ถ้ารู้ก่อนฉันจะไม่ไปแน่!!”
“อย่างไรก็หาได้มีทางเลี่ยงได้ดอกเจ้าค่ะ”
“ฮึ่ยยยยยย~~”
“ในพิธีกรรมเข้ารับลูกไม้ทำนาย...คุณหนูใหญ่ได้รับมากี่ผลเจ้าคะ?”
“...หนึ่งผล...สีดำ”
“ถะ...ถ้าอย่างนั้น...คุณหนูใหญ่จะให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน!!!!”
“บ้า...บ้าบอที่สุดในโลกสิ!!...ฉันไม่ต้องการผู้ชายและไม่ต้องการมีลูก...โธ่เอ้ย!!!”
“............................................................”
“ฉันจะมีลูกได้ยังไงในเมื่อ...ในเมื่อผัวสักคนก็ไม่มี!!!...ถึงบอกว่ามันบ้าและไร้เหตุผลที่สุดในโลก”
“ทว่าคำทำนายในการกำเนิดบุตรธิดาของแม่เฒ่าก็มิอาจจะเพิกเฉย...อดีตที่แล้วมาล้วนถูกต้องหาได้ผิดพลาดไม่...นายหญิงศรมรกตรับลูกไม้สีขาวสี่ผลก็มีบุตรสาวสี่คน...นายหญิงอรนิภารับลูกไม้สีขาวสองผลจึงมีบุตรสาวสองคน...แลก็...”
“พอ!!...เธอหยุดสาธยายสักที...มาช่วยฉันคิดว่าจะหาทางเปลี่ยนแปลงมันยังไงดีกว่า”
“ดิฉันมิคิดว่าพิธีกรรมที่สืบทอดกันมานับร้อยปีนี้จะไร้เหตุผลแลคุณหนูใหญ่จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“เปลี่ยน!!...ต้องเปลี่ยน!!!...ฉันจะรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นมันเป็นใครและก็ชิงไปจัดการก่อนซะ”
“จะฆ่าหรือเจ้าคะ?”
“ไม่--...แค่ทำให้เขามีลูกไม่ได้ก็เพียงพอ...แบบนี้แล้วคำทำนายก็จะไม่มีผลกับฉัน...ต่อไปฉันต้องระวังตัว...ไม่มีทาง...ใครก็ทำให้ฉันท้องไม่ได้หรอก!!”
“..............................................................”
“ไหม!!...เธอต้องช่วยฉันนะ”
“เจ้าค่ะ...ดิฉันสัญญา”
“แม่เฒ่า...ฉันนับถือท่านนะแต่ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้คำทำนายนี้กลายเป็นความจริง...อ๊า~~...รู้งี้ไม่เข้าร่วมพิธีกรรมทำนายนี้ซะก็ดี”
“อย่างไรปีต่อไปคุณหนูก็ต้องเข้าร่วมอยู่ดีเพราะผัดผ่อนมาสี่ปีแล้ว”
“หนวกหูน่า!!...ที่เข้าร่วมเพราะคิดว่ามันจะได้จบๆไปนี่หว่า”
“แล้วคนอื่นล่ะเจ้าคะ?”
“ไม่รู้...ทั้งแคทและฝนไม่ปริปากพูดเลยแต่สังเกตว่าพวกเธอเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หลังจากได้รับผลทำนาย...ไม่เหมือนยัยอ๋อมที่เล่นมาโชว์ให้ดูเลยว่าจะมีลูกสาวหนึ่งคน...ทั้งที่ตามธรรมเนียมเจ้าตัวจะต้องไม่ปริปากบอกใคร”
“สมกับที่เป็นเธอดีนะเจ้าคะ”
“แถมยังป่าวประกาศว่าพ่อเด็กคือเจ้าเคี่ยมด้วย...หือ?”
“คุณหนูมีอะไรหรือเจ้าคะ?”
“เปล่า!...เธอออกไปก่อน...ฉันขอใช้ความคิดอะไรสักหน่อย”
.......................................................................................................................................
“มื้อเช้านี้ทำไมอาหารเยอะจัง?”
“ตัวเองมาช่วยเจ๊ยกไปหน่อย”
“มีอะไรดีๆหรือครับ?”
“เรื่องดีน่ะ”
“?”
(พี่แคทกับฝนไม่ยอมบอกว่าอะไรแต่ก็ยิ้มอารมณ์ดีตลอดเลยตั้งแต่กลับมาจากโยนกจัตุรัส)
“ฝากบอลขึ้นไปเรียกคุณแม่มาที”
“อาหารเสร็จหมดแล้ว”
“ฝน...มีอะไรก็บอกกันมั่งสิ”
“เออน่ะๆ...ไว้จะเล่าให้ฟัง”
...สองคนนี่น่าสงสัยจริงๆแต่ผมก็ไม่อยากไปคาดคั้นมากเพราะเดี๋ยวจะทำให้ทะเลาะกันเปล่าๆและถ้าเป็นฝนล่ะก็ยังไงเธอต้องเล่าให้ผมฟังแน่นอน...
(แต่มันก็อยากรู้จริงๆนะ)
“อาครับ...ข้าวเช้าพร้อมแล้ว”
“เดี๋ยวลงไป...กำลังแต่งตัวอยู่”
“ครับ”
“......................................................”
“แฮ่ม!!...มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ?”
“...ไม่มี”
(โธ่ ~~)
“ยังจะกล้าอีกนะ!!”
“ฮะๆ”
“รีบลงไป--”
(เราไปถึงขั้นบันไดอานิภาก็ออกมาจากห้องในชุดพยาบาลสวมกระโปรง...น่าดูซะเหลือเกินและหลังจากมื้อเช้าฝนก็วิ่งหน้าตื่นมาบอก)
“มีเรื่องแล้ว!!!”
“อะไรของเธออีก?”
“ไม่ใช่เค้า~~...พี่อ๋อมกับพี่ม่อนต่างหาก”
“คู่นี้เอาอีกแล้วเหรอ?...ไปดูหน่อยซิ”
.......................................................................................................................................
...หน้าบ้านของพี่เซคมีสาววัยรุ่น 2 คนอยู่ซึ่งเป็นพี่ม่อนกับอ๋อมที่เอาไม้พลองชี้จนปลายเกือบถึงใต้คางของอีกฝ่าย...
“ฉันแพ้แล้ว...จะเอาอย่างไรก็เอ่ยออกมาอย่าช้า”
(พี่ม่อนแพ้รึ?)
“นี่ฝน...เขาประลองอะไรกัน?”
“เอ่อ--”
“ทั้งคู่ไม่ได้เอาจริงเลย”
“จริงหรือครับ?”
“อืม...ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสองคนเขาแข่งอะไรกัน”
“นี่ยังจะให้ฉันเป็นคนพูดก่อน?...เธอนี่มันช่างไม่รู้จักสำนึกซะบ้างจริงๆ!!”
“ต้องการสิ่งใดก็พูดโดยเร็ว...ฉันมิอยากเสียเวลา”
“แล้วเห็นฉันว่างนักหรือไงวะ?”
(การโต้เถียงชักรุนแรงขึ้นทุกทีแล้ว)
“ก็มิเคยเห็นเธอทำสิ่งใดนอกจากระรานผู้อื่นไปทั่ว”
“คนที่ชอบทำตามใจตัวเองอย่างหล่อนไม่มีสิทธิ์มาว่าฉัน!!”
(คู่นี้เหมือนน้ำกับน้ำมัน...ถ้าเราเป็นคนห้ามอ๋อมจะต้องฟังแน่แต่พี่ม่อนไม่มีทางหรอกและให้ฝนหรือพี่แคทออกหน้าพี่ม่อนก็น่าจะยอมหยุดแต่อ๋อมไม่เลิกราชัวร์)
“นี่ถ้าพี่เอ้อยู่ด้วยล่ะก็สบายไปแล้ว”
“นั่นสิ”
(สองพี่น้องคิดเหมือนเราเปี๊ยบ)
“เอ่อ--...ทั้งสองคน”
“?”
“..............................................................”
“หยุดทะเลาะกันเถอะ...คนอื่นตกใจกันไปหมดล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย...อย่ายุ่งดีกว่า”
“อ๋อม...ไหนเธอบอกว่าจะฟังฉันไง?”
“...อือ”
“อ๋อม!!”
“เออน่ะๆ...พอแค่นี้ก็ได้...นายนี่ก็อีกคนชอบวุ่นวายกับเรื่องของชาวบ้าน”
“หึๆ...หึ!”
“ศรมุกดา...หล่อนขำอะไรวะ?”
“ที่ใครต่อใครต่างเล่าขานนับว่าถูกต้อง...นางพญาเสือผู้หยิ่งทะนงมีอันต้องยอมก้มศรีษะให้บุรุษ”
“แล้วยังไง?...ก็ผู้ชายที่เธอพูดถึงคือผัวฉันนี่หว่า--”
“...ได้ยินแบบนี้...ฝนชักจะโมโหขึ้นมาแล้ว”
(อ้าวเฮ่ย!?...นี่ก็จะไปตีกับเค้าอีกคนหรือยังไง?)
“.................................................................”
“อ๋อมพูดจาให้มีความเป็นกุลสตรีสักหน่อยเถอะ...อย่างนี้จะไม่เป็นแบบอย่างที่ดีต่อคนอื่น”
“อะไรกันสุรีย์พรรณ?...ทำอย่างกับไม่รู้จักว่าฉันเป็นคนชอบพูดอะไรตรงๆมาแต่ไหนแต่ไร”
(บรรยากาศอึมครึมจนเรารู้สึกได้)
“เฮ้อ~~...อย่าเอาเราไปเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักความหึงหวงด้วยเลย”
“อย่างหล่อนน่ะให้ตายก็ไม่มีทางรู้จักหรอก”
“จะรู้จักหรือไม่ก็ช่างแต่หยุดเอาไม้จี้คางฉันเสียที”
“แล้วนั่นจะไปไหน?”
“ไปจากวังวนแห่งอารมณ์”
...พุดจบพี่ม่อนก็เดินจากไปส่วนอ๋อมขว้างไม้พลองลงพื้นด้วยความฉุนเฉียว...สรุปคือผมยังไม่รู้เลยนะว่าพวกเธอทะเลาะอะไรกัน...
“ยัยคนไม่มีจิตสำนึก!!!”
“พี่อ๋อม”
“อะไร?”
“ฝนว่าพี่จะกำลังคิดถึงเรื่องเมื่อก่อน”
“อย่ามาทำรู้ดี!”
“พี่เองก็อดคิดไม่ได้เหมือนกัน...ทำไมอ๋อมไม่พูดออกไป?”
“ทั้งสองคนไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน”
“มีเรื่องอะไรกันอ๋อมบอกฉันได้มั้ย?”
“นาย...อย่ารู้ดีกว่า”
(อ๋อมพูดจบก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว)
“ให้ตายสิ...ทิฐิแรงกันจริงๆ”
“ป้าเอ็ม”
“เด็กๆเข้ามาข้างในก่อน”
(เธอนั่งดื่มกาแฟกับอานีย์ในห้องโถงและมีพี่เอ้ยืนใกล้ๆ)
“เมื่อกี้ป้าไม่ห้ามล่ะคะ?”
“พอๆ...เบื่อเต็มที...ห้ามกี่ครั้งก็ไม่ฟังกันเลยไม่สนดีกว่า”
“แต่บอลก็ทำได้ดีมิใช่หรือ?”
“ใช่ๆ...เมื่อกี้พ่อบอลดีมากเลย”
“น่าชื่นชมขอรับ”
(เงียบไปเลยนะ!!...นายนั่นแหละทำได้ดีกว่าใครแต่กลับเฉย)
“วันนี้คุณป้ากับคุณน้ามีอะไรหรือคะ?”
“เปล่าน่ะ...แค่มีเรื่องคุยกันนิดหน่อย...พ่อบอล...”
“ครับ”
“พาอ๋อมออกไปเที่ยวบ้างสิ...ยิ่งตอนนี้เขาไม่ค่อยสบายใจด้วย”
“ป้าครับ...ระหว่างพี่ม่อนกับอ๋อม...”
“สำหรับเรื่องนี้...ป้าพูดไปก็เท่านั้นเพราะเป็นลูกสาวทั้งคู่...พ่อบอลไปหาอ๋อมสิแล้วเธออาจจะเล่าให้ฟัง”
“............................................................”
“ไม่สิ...ต้องเล่าแน่นอนเพราะอ๋อมเชื่อฟังบอลคนเดียวนี่นะ”
“ถ้างั้นอ๋อม...”
“จะถามว่าอยู่ที่ไหนก็อยู่ในห้องเธอนั่นแหละ”
(อุ!!)
“ดูท่า--...ป้าเอ็มอยากหาโอกาสให้นายกับพี่อ๋อมนะเนี่ย?”
“............................................................”
“ไม่!!...เค้าไม่ให้ไป”
...ฝนเกาะแขนและมีสายตาที่เง้างอดซึ่งเมื่อกี้ตอนคุยกับป้าเอ็มก็แสดงออกมาอยู่ว่าเธอไม่มีทางเห็นด้วย...
“รึว่าจะอยากรำลึกความหลังกันอีกล่ะ?”
“เราอย่ามาหาเรื่องทะเลาะกันตอนนี้สิ”
“งั้นบอลต้องการอะไร?”
“ผมอยากรู้สาเหตุที่พี่ม่อนกับอ๋อมผิดใจกัน?”
“จะรู้เรื่องไหนหรือเพราะมันเยอะแยะไปหมด”
“ที่จุดเริ่มต้น”
....................................................................................................................................
...หลายคนไม่ว่าพี่แคท,ฝนหรือป้าเอ็มอาจคิดว่าผมจะไปหาอ๋อมก่อนเพราะไม่ใช่เรื่องยากอะไรกับได้รับรู้เรื่องราวแต่...
(คิดถูกรึคิดผิดนี่?...พี่ม่อนก็หาตัวยากซะเหลือเกิน)
“ขอโทษครับ...ผมขอถามหน่อย”
“คะ?”
“คุณเรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์หรือเปล่าครับ?”
“ใช่ค่ะ...ปี 4”
“ถ้างั้นพี่รู้จักนักศึกษาชื่อ...ศรมุกดา ราศีกาญนามั้ยครับ?”
“ศรมุกดา...”
“ครับ”
“นายเป็นแฟนของเธอเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ”
“ฉันไม่ค่อยเห็นเธอหรอกและก็ไม่อยากพูดถึงด้วย…ขอตัวก่อนนะ”
(เหมือนพี่ม่อนจะไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบสักเท่าใดนัก)
“นี่...คนที่นายถามหาน่ะมาจากตระกูลใหญ่ใช่มั้ย?”
“...ครับ”
“แล้วนายเรียนที่คณะไหน?”
“ผมเรียนปี 2 อยู่อีกมหาวิทยาลัยนึง”
“ทำไมมาถามถึงศรมุกดาล่ะ?”
“ผม...รู้จักกับเธอและมีบางอย่างจะถามแต่หาตัวยากมาก”
“อืม--...ฉันก็ไม่เห็นเธอมาที่คณะสักเท่าไหร่...วันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลย”
(มาเสียเที่ยว)
...ผมจึงได้แต่กล่าวคำขอบคุณและตั้งใจว่าจะกลับแต่คิดอีกทีลองไปหาสาที่คณะของเธอดีมั้ยนะ?...หมู่นี้ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง...
“นั่นไง!”
(อยู่กับเพื่อนตั้งหลายคนและดูเหมือนกำลังทำงานอะไรกันอยู่...เราเข้าไปตอนนี้จะรบกวนหรือเปล่า?)
“เอาน่ะ!...มาถึงนี่จะกลับมือเปล่าได้ยังไง?”
“ช่างมีเวลาว่างเสียจริง”
“!?”
(น้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกเย็นเยียบชวนขนหัวลุกนี่จะเป็นใครไปไม่ได้)
“เจ้าจะละเมิดคำสั่งของท่านยายหรือ?”
“ละเมิดอะไรกันครับ?...ผมแค่จะไปคุยกับสาไม่ได้ทำอะไรเสื่อมเสียสักหน่อย”
(ตามหาแทบตายไม่พบแต่บทจะเจอก็ออกมาให้เห็นหน้าเองเลย...แม่คนพิลึก)
“เจ้าเข้าใจคำว่าจุดเริ่มต้นไหม?”
(จุดเริ่มต้น)
“ใครจะรู้ว่าเริ่มต้นเพียงพูดคุยแต่ปลายทาง...”
“พี่ม่อน...มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะแต่ก็ดีแล้วผมจะได้ต้องเสียเวลาตามหา”
“...เจ้าตามหาเราหรือ?”
“ใช่...เมื่อกี้ผมไปที่ตึกรัฐศาสตร์”
“ต้องการอะไร?”
(ท่าทีญาติสาวผู้พี่วัย 21 เปลี่ยนไปทันที...เรารู้สึกได้ถึงการคุกคามที่ก่อตัวเพิ่มขึ้น)
“บอล!”
“สา”
“มาทำอะไรเหรอ?”
“ก็จะมาหาสาน่ะแหละแต่เห็นสาทำงานอยู่”
“อ๋อ!...ที่คณะกำลังจัดนิทรรศการอยู่น่ะ...เธอ...คุณศรมุกดา”
“เราพบกันอีกแล้ว...สาวิตรี”
... 2 คนนี้ได้พบกันตอนไหนผมก็ไม่รู้แต่สามีท่าทางที่หวาดเกรงพี่ม่อนไม่น้อยและไม่พยายามสบตาทั้งที่ญาติสาวผู้พี่นั้นไม่ได้ลืมตาขึ้นเลย...เรียกได้ว่าถูก “ข่ม” ตั้งแต่เริ่มทีเดียว...
“......................................................”
(สานับว่าเป็นผู้หญิงที่สวยแต่พอมาอยู่ตรงหน้าพี่ม่อน...เรา...เราก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเธอดู “ด้อย” กว่าไปทันที)
“เจ้าทั้งสองคงมีความในใจที่จะต้องปรับกัน...เช่นนั้นเราขอตัว”
“เดี๋ยวครับ”
“?”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่”
“กับเรา?”
“บอล...ไม่ได้มาหาสาหรือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นจ้ะ...ผมจะมาหาสาน่ะแหละแต่เจอพี่ม่อนที่นี่เพราะมีเรื่องที่อยากถามอยู่ก่อน”
“...............................................................”
“เราสองคนยังมีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันอีกมาก”
“อืม--...สารู้แล้ว...งั้นค่อยคุยกันทีหลังนะ”
“ได้เลย”
(ไม่รู้สาจะเข้าใจผิดหรือคิดมากหรือเปล่าทั้งที่เรามาถึงหน้าตึกคณะของเธอแต่เลือกที่จะมีธุระกับพี่ม่อน)
“สาวิตรีคงจะรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง...เจ้าทิ้งโอกาสจะได้อยู่กับหญิงสาวคนรักไปเพราะผู้อื่น”
“ผมกับเธอปรับความเข้าใจกันได้ครับ”
(สาไปอยู่ในหมู่เพื่อนแล้วแต่ยังมองเราอยู่)
“ไปที่อื่นกันเถอะครับ”
“มิจำเป็น...เจ้ารีบพูดธุระซะที่นี่”
“ก็ได้...ผมไม่อ้อมค้อมล่ะ...พี่กับอ๋อมทำไมต้องทะเลาะกันตลอดเลยครับ”
“...จะรู้ไปทำไม?”
“ผมอยากให้พวกพี่ทั้งสองเข้าใจกัน”
“ผู้ใด...ส่งเจ้ามา?”
“ไม่มีครับ...เป็นความตั้งใจของผมเอง”
“เรื่องของเรากับนางพญาเสือมีความเกี่ยวข้องอันใดกับเจ้าหรือ?”
“ไม่เกี่ยวหรอกครับ”
“เช่นนั้น...เจ้าก็หาได้มีความจำเป็นต้องรู้”
“พี่ม่อน...พี่ไม่อยากบอกก็แสดงว่า...”
“?”
“คนที่เป็นฝ่ายผิดคือพี่อย่างที่เขาว่ากันจริงๆ”
“จะบังอาจเกินไปแล้ว!!”
“!!!!!!!!”
(พี่ม่อนเปลี่ยนไปทันทีและพลันเกิดกระแสลมพัดใส่ตัววูบหนึ่ง)
“เจ้าควรไปใส่ใจเรื่องของสาวคนรักจะดีเสียกว่าเพราะมีอะไรให้น่าค้นหายิ่งกว่าเราหลายเท่า”
“...............................................................”
.............................................................................................................................................
“หาเรื่องจริงๆ...ดีไม่โดนอะไรเจ็บตัวกลับมา”
“วิธีนี้ไม่ได้ผล”
“แหงสิ!!...พี่ม่อนไม่เหมือนคนทั่วไปตัวเองก็รู้”
“แต่ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”
“...เป็นคนบ้าจริงๆด้วย”
“และผมก็ดื้อไม่เบานะ”
“รู้แล้ว--...เพราะอย่างนี้แหละ...”
(พี่แคทเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่ก็เงียบ)
“ตัวเองจะทำยังไงดีล่ะ?”
“ตอนนี้ยังคิดไม่ออก”
“พี่แนะนำให้บอลไปถามเอ้”
“...พี่เอ้น่ะหรือ?”
“ฝนก็ว่าเข้าท่านะเพราะพี่เอ้เป็นคนที่เข้าได้ดีทั้งพี่ม่อนและพี่อ๋อม”
“อืม--...เอ้จะเป็นสื่อกลางให้และช่วยบอลได้แน่”
...เหตุผลที่พี่แคทกับฝนยกมาก็ไม่มีอะไรผิดหรอกแต่พอผมนึกหน้าพี่เอ้ที่ไรก็ให้ชวนหวนคิดไปถึงวันที่ “ออกเดท” แถมยังหอมแก้มกันอีกด้วย...บะ...บ้าเอ๊ย!!!...
“ไม่...เป็นเขาได้มั้ยครับ?”
(เราโอบไหล่ทั้งฝนและพี่แคทและพยายามอ้อนให้พวกเธอเป็นฝ่ายเล่า)
“อย่ามาทำเจ้าชู้แถวนี้!”
“เอ่อ--...เค้าก็อยากบอกอ่ะนะ”
“ฝนอย่าใจอ่อน”
“นะๆ...บอกผมหน่อยเถอะแค่นั้นก็จบแล้ว”
“ถ้าอะไรๆมันง่ายดายอย่างนั้นชีวิตคงจะน่าเบื่อมาก”
“พี่แคท~~”
“เมื่อกี้ยังบอกเลยว่าบอลก็ดื้อไม่เบาไหงถึงมายอมแพ้ง่ายๆ?”
“ผมไม่ได้ยอมแพ้ก็แค่ใช้วิธี...อูย~~”
“ไม่ต้องมาหลอกจับหน้าอก!!”
“ตัวเองอ่ะ!...อยากจับก็มาจับของเค้าซี่~~”
“พอเลยทั้งคู่”
“ผมจะจับทั้งคู่นั่นแหละ”
“คนบ้านี่~~”
“อิๆๆ”
“ฝน”
“เจ๊ก็!!...ชอบขัดหนูอยู่เรื่อย”
...พี่แคทพอหลุดจากผมได้ก็รีบลุกยืนมือกุมหน้าอกพลางชายตาค้อนแต่ใบหน้าแดงปลั่งส่วนฝนยังคลอเคลียไม่ยอมไปไหน...
“เค้าเชื่อว่าตัวเองต้องทำได้...เมื่อ 15 ปีก่อนพี่ม่อนกับอ๋อมผิดใจกันเพราะสาเหตุเพียงนิดเดียว...เขาว่าอะไรนะ?”
“น้ำผึ้งหยดเดียว”
“ใช่ๆๆ”
“มันเรื่องอะไรกันแน่และก็โกรธเคืองกันมาถึงตอนนี้น่ะเรอะ?”
“อืม”
“จริงๆเราก็รู้แต่อยากให้บอลฟังจากคนที่สนิทกับสองคนนั้นที่สุดเพราะเรื่องราวจะสมบูรณ์ทั้งที่มาที่ไป”
“ผมเข้าใจแล้วครับ”
...น้ำผึ้งหยดเดียวรึ?...ยิ่งทำให้ผมอยากรู้จนอดใจไม่ไหวรีบโทรหาพี่เอ้ทันทีแต่รอสายอยู่นานก็ไม่รับสักที...
(รึไม่ก็ไม่เมมชื่อเราไว้จึงกลายเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น...ถ้างั้น...)
“..................................................................”
(สาก็ไม่รับสาย...ว่าไปเราก็อยากจะปรับความเข้าใจกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันสักหน่อย)
“น้องอ้อยล่ะว่าไง?”
(ตั้งใจจะถามว่าอยู่กับสามั้ยแต่ก็ไม่รับสายไปอีกคน...โธ่เอ้ย!!...วันนี้มันอะไรกัน?)
....................................................................................................................................................
...ก่อนเข้านอนผมพยายามโทรหาสาอีกแต่ก็ไม่ได้เรื่องเพราะไม่รับสายทั้งที่ปกติเธอจะไม่ค่อยให้มือถือห่างตัว...ทันใดนั้นพี่เอ้ก็โทรมา...
“ผม...มีเรื่องปรึกษา”
“มิทราบว่าใช่เรื่องของพี่สาวทั้งสองคนหรือไม่?”
“อ้อ!!...รู้อยู่แล้วนี่นา”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณแจ้งกระผมไว้”
“ถ้างั้น...จะเล่าให้ผมฟังได้มั้ย?”
“หาใช่เรื่องยากเย็นแต่อย่างใดเลย...แต่...คุยทางโทรศัพท์กระผมเห็นว่าคงมิเข้าทีสักเท่าไหร่”
“งั้นพี่เอ้ว่ามาครับว่าจะให้พบกันที่ไหน?”
“โอ้!...รู้ใจกระผมจริงๆ”
“ชิ!!”
(แต่ก็ดีเพราะเราจะได้มีเวลาคิดคำถามให้ครอบคลุมก่อนไปเจอลูกพี่ลูกน้องหนุ่มหน้าหยกนี่)
“พรุ่งนี้ 10.00 น. นะขอรับ”
“ได้”
(วางสายพี่เอ้เสร็จก็โทรหาสาทันที)
“สา...บอลโทรหาตั้งนานไม่รับสายเลย”
“โทษทีนะ...งานเพิ่งจะเสร็จ”
“ตอนนี้สาอยู่ไหน?”
“อยู่ที่คณะจ้ะ”
“ดึกป่านนี้แล้วเนี่ยนะ?”
“อืม--...งานมันเริ่มพรุ่งนี้ตอนเช้าถึงต้องเร่งทำ”
“เสียงดังอึกทึกจัง?”
“พวกเพื่อนผู้ชายกำลังฉลองกัน”
“อยู่กันหลายคนเหรอ?”
“ก็เพื่อนผู้ชายผู้หญิงเกือบทั้งห้องแหละ”
“อือ”
(อยู่กันหลายคนก็ค่อยยังชั่วเพราะสาจะได้มีเพื่อนกลับบ้าน)
“ยังไงก็รีบกลับบ้านล่ะกัน”
“จ้ะๆ...แค่นี้นะ”
(คุยไม่ค่อยรู้เรื่องเลยเพราะเสียงดังมาก...แบบนี้รปภ.ไม่เดินมาดุบ้างหรือไง)
............................................................................................................................................
...วันรุ่งขึ้นเมื่อไปตามที่นัดหมายไว้กับพี่เอ้ก็มีเหตุให้ชวนช็อคอีกจนได้เพราะว่า...เอาอีกแล้ว!!!...เขาแต่งหญิงมาพบผมอีกแล้ว...
“พี่เอ้...พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย?”
“มิเห็นจะต้องตระหนกตกใจขนาดนั้นเลยเจ้าค่ะ”
“ก็ดูที่ทำสิ...พี่เป็นผู้ชาย...อุ๊บ!!”
(พี่เอ้ตวัดมือจ่อที่คอเรา)
“ตะโกนปาวๆให้ผู้อื่นได้ยินเช่นนี้อยากจะถูกบั่นคอหรือไงเจ้าคะ?”
“เข้าใจแล้วๆ...เวลานี้พี่เอ้...พี่เป็นผู้หญิง...พอใจหรือยัง?”
“พอใจมากเจ้าค่ะ”
(มันจะหน้าแดงทำไม?)
“แต่งกาย...เข้าทีนะเจ้าคะ”
“ผมก็แต่งตัวแบบนี้ประจำ”
(แต่นายน่ะแหละเป็นผู้ชายแต่ใส่ชุดผู้หญิงซึ่งก็เป็นชุดเดิมกับครั้งก่อน)
“พี่ใส่ชุดนี้นี่...ราวกับจะตอกย้ำกัน”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนี้?...พี่ใส่ชุดนี้เพราะชอบ”
“เอาเถอะๆ...ไปกันได้แล้ว”
“จะพาไปที่ไหนเจ้าคะ?”
“พี่เล่นโบว์ลิ่งเป็นมั้ย?”
“เป็น...เป็นเจ้าค่ะและก็ชอบมากด้วย...บอลรู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าพี่ชอบ”
“...พี่แคทบอก”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณช่างน่ารักจริงๆ”
...ชักจะทนไม่ไหวแล้ว!!!...นายคนนี้มีหัวคิดอ่านแบบไหน?...ไม่ว่าจะท่วงทีวาจาการแสดงออกทางกายและคำพูดล้วนแต่เปลี่ยนแปลงไปหมดโดยสิ้นเชิง...
(ความเขินอายนั่นมันอะไรกัน?...รอยยิ้มนั่นมันอะไรกัน?...ฮึ่ย~~...สมองจงจำไว้...มัน...มันเป็นสิ่งลวงหลอกทั้งเพ--)
“เรารีบเถอะเจ้าค่ะ...พี่รอจะเล่นโบว์ลิ่งไม่ไหวแล้ว”
“จะวิ่งทำไมกันครับ?...เดี๋ยวมัน...บ้าเอ๊ย!!...นุ่งกระโปรงแบบนั้นพอวิ่งเร็วๆก็ต้องเห็น...จะ...เจ้าหมอนี่...นุ่งกางเกงในผู้หญิงอีกแล้ว~~”
(อยากจะบ้าตาย!!!!)
.......................................................................................................................................