หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 74



ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 74 “สี่แฝดมหาภัย!?...เพิงหญ้าคากลางสายฝน?”

“ที่โยนกประจิมถ้าหลานเอกคเชนทร์จะไปเดินชมธรรมชาติอาแนะนำให้เลาะขึ้นไปทางเหนือ”
“ย้อนลำธารขึ้นไปน่ะขอรับ”
“ว่าแต่เหตุใดถึงมิพักผ่อนให้สบายล่ะจ๊ะ?”
“เพราะพรุ่งนี้ผมจะกลับไปเรียนแล้วเลยอยากเดินเที่ยวให้คุ้มค่าหน่อยน่ะครับ”
...ไม่ผิดหวังจริงๆด้วย...โยนกประจิมก็มีธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้หมู่บ้านอื่นและผู้คนยังมีน้ำใจ...เดินสวนกันก็ทักทายกับมีของอะไรพอแบ่งได้ก็แบ่งให้...เดินไปไม่เท่าไหร่ผมได้กล้วยน้ำว้ากับแตงโมมากินแก้หิวแล้ว...
“ไปที่น้ำตกเล็กๆข้างหน้า...น้ำบริเวณนั้นจะออกเป็นสีฟ้าๆรับรองสวยถูกใจคุณชายหกแน่”
“ใกล้ๆนี่ใช่ไหมครับ?”
“อื้อ!!...ไม่ห่างจากบ้านแม่หนูสี่แฝดเลย”
(สี่แฝด...รึว่าจะเป็น?)
“ตั้งแต่คุณเอกคเชนทร์กลับมาที่นี่อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ...พวกเธอว่ามะ?”
(นั่นปะไร!!...เด็กหญิงรับใช้บ้านเราเอง...ได้หยุดปีใหม่ก็เลยกลับบ้านกันสินะ?)
“อื้อ!!...ในที่สุดลูกพี่ลูกน้องทั้งแปดคนก็มาครบ”
“มิใช่แล้ว...พี่เอกะพี่บีน่ะมั่ว”
“ยัยดี!!...ฉันมั่วตรงไหนยะ?”
“ก็คุณหนูสี่อยู่ซะที่ไหน?...ขนาดทำบุญขึ้นปีใหม่ยังมิเห็นเลย”
“แต่งานเลี้ยงคืนวันที่ 30 เธอมานะ”
“ใช่...หนูกับน้องดีเป็นพยานได้”
...ผมแค่อยากมาดูน้ำสีฟ้าในลำธารสวยๆตามที่ชาวบ้านบอกโดยไม่ได้มีเจตนาจะแอบดูแอบฟังและไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าจะมี 4 แฝดเด็กผู้หญิงมาแก้ผ้าเล่นน้ำกันตรงนี้แต่บังเอิญพวกเธอพูดถึงผมๆจึงเกิดความอยากรู้เลยซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้...
“เข้าใจผิดเป็นสิบปีแต่ในที่สุดความจริงก็เปิดเผยว่านายท่านเป็นผู้บริสุทธิ์”
“สิบปีก่อน...พวกเราเพิ่งจะเกิดนี่”
“ก็ใช่ไง...ซีเพิ่งรู้เรอะ?”
“จะเพิ่งรู้ก็หาได้ต้องสนใจไม่...ที่สำคัญคือพอคุณเอกคเชนทร์เรียนจบแล้วจะกลับมาอยู่ที่นี่ถาวรหรือเปล่าต่างหาก?”
“กลับอยู่แล้วเพราะคนที่จะเป็นนายใหญ่รุ่นต่อไปก็มีแค่คุณเอกคเชนทร์เท่านั้น”
“มันมิง่ายน่ะซี่~~
“ไหงพี่เอพูดแบบนี้?...ตำแหน่งนายใหญ่จะพ้นจากคุณเอกคเชนทร์ได้ยังไง?”
“เอาเป็นว่ายากแน่...พวกเธอลืมแล้วเหรอว่าคุณศรเพทายยังอยู่ทั้งคน?”
“เอ๋อจริงด้วย!!...บีลืมได้ไงเนี่ย?”
“ดีคิดเหมือนพี่เอ...อีกอย่างคุณสุรีย์พรรณก็หาได้มีทีท่าเห็นด้วยนะจะบอกให้...พี่ๆจำวันที่พวกเราช่วยกันจับตัวเธอได้มั้ยล่ะ?”
“เหวอ!!!
...ผมกำลังฟังเพลินๆก็ต้องตกใจเพราะหนูซีเด็กหญิงคนที่สามดันร้องซะเสียงดังลั่นแต่ก็ตามนิสัยแหละนะ...ผมจะลองแยกความแตกต่างของเด็กหญิงทั้งสี่คนนี้จากที่อานิภาเคยบอก...อันดับแรกหนู “เอ” พี่สาวคนโตที่ทำงานบ้านเก่งสารพัดแถมแรงเยอะบ้าพลังและใจกล้าที่สุดถัดมาหนู “บี” เข้าครัวทำอาหารเก่งที่สุดและเป็นคนนิสัยเรียบร้อยแต่ไม่ค่อยพูดจาต่อมาหนู “ซี” คนนี้เย็บปักถักร้อยเก่งแต่ขี้สงสัยกับอยากรู้อยากเห็นมากแล้วมาถึงน้องคนสุดท้องหนู “ดี” ที่ขี้อายเป็นที่สุดแค่พูดอ้อนหวานๆให้หน่อยก็หน้าแดงก่ำ...   
“ตกอกตกใจหมด!!...จะแหกปากร้องทำไมยะยัยซี?”
“ก็คุณสุรีย์พรรณน่ากลัวอ่ะ!...ตอนนั้นหนูช่างกล้าทำไปได้”
“แล้วดันเอามาเกี่ยวกันซะงั้น...เราคุยเรื่องคุณเอกคเชนทร์อยู่มิใช่หรือไง?”
“ก็ยัยดีเป็นคนเริ่มเอ่ยถึงคุณสุรีย์พรรณก่อน”
“ฮึๆ...เตรียมจะโทษดีเชียวนะแต่มันก็จริงป่าวล่ะ?...เวลาดีนึกถึงคุณสุรีย์พรรณก็จะเห็นแต่ภาพในวันนั้น
แล้วก็คืนที่วัดฝีมือกับคุณศรบุษราคัมด้วย”
“คุณสุรีย์พรรณเมา”
“ถ้ามิเมา”
“ใช่ๆๆๆ...หากสมบูรณ์พร้อมเต็มที่พวกเธอคิดว่าใครจะชนะ?”
“เมื่อวานก็เห็นๆกันอยู่ว่าคุณศรบุษราคัม...”
“ศึกสามเส้าแบบนั้นน่ะมินับดอกเพราะหาได้มีความยุติธรรมไม่”
“ถูก...ต้องประลองตัวต่อตัวสิ”
“งั้นพี่ขอถามพวกเธออีกครั้ง”
“ใครจะชนะน๊า?...ติ๊กต่อกๆ”
“นั่นสิ”
“อืม--...เดายากมากเลยพี่เอ...ฝีมือสูสีกัน”
“มีคุณหยาดฝนอีกคนนะ”
“ซีชอบกระบวนท่าบาทามรณะ...คุณหยาดฝนเตะได้โหดดีแถมเร็วปานสายฟ้า...แค่พริบตาเดียวตวัดขาเตะถึงสามครั้ง”
“พี่ซีมองทันด้วยรึ?”
“เปล่า--”
“โธ่~~...ดีก็นึกว่าพี่แน่”
“หนวกหูน่ะ!!
“แต่บีว่าอัญเชิญยมทูตของคุณสุรีย์พรรณน่ากลัวที่สุดแล้ว...ถ้าโดนหมัดแรกก็คือแทบจบเกมส์เลย...นะพี่เอ?”
“มิน่าใช่มั้ง?...พี่ว่าเขี้ยวพยัคฆ์ดาบจิตร้ายกาจกว่า...จอดมิต้องแจวและอาจถึงขั้นช้ำในตายด้วย”
“เดาไปเรื่อยเฉื่อย...พวกเธอยังมิเคยสู้กันจริงจังขนาดตอนฝึกซ้อมก็เอาแค่พอเรียกเหงื่อ...เมื่อวานรึก็มิได้ใช้ท่าไม้ตายเต็มที่อีกต่างหาก”
“เพราะคุณอรศินีย์สั่งห้ามไง”
“เอาเป็นว่าถ้าสู้กันอย่างจริงจังใครจะชนะเอ่ย?”
“ยังมิเลิกถามอีก”
“หนูอยากรู้นิ...พวกพี่ช่วยคิดและก็บอกดีหน่อย”
“.................................................”
“.................................................”
“.................................................”
“ว่าไงๆ”
“วัดจากพละกำลัง,ประสบการณ์,ความเร็วแลอื่นๆแล้ว”
“อื่นๆที่ว่าคืออะไร?”
“ก็พวกโอกาสจังหวะในการโจมตีกับดวงอะไรทำนองนี้”
“เอามารวมกันได้ด้วยแฮะ”
“เออน่า--...จะฟังมั้ย?”
“ฟังๆๆ”
“พี่ให้คุณหยาดฝน 8.1 คุณสุรีย์พรรณ 8.3 คุณศรบุษราคัม 8.4”
“เอ๋?...นี่มันคะแนนกีฬายิมนาสติค”
“ใครว่าล่ะยัยซี?...รายการชิงช้า...ต่างหาก”
“ฮะๆๆๆ”
“ทำไมพี่เอถึงให้คุณศรบุษราคัมมากกว่าใครจ๊ะ?”
“เพราะเธอใช้สุริยะโลหิตได้เร็วกว่า”
“เหอ?”
“ยิ่งใช้ตะวันเลือดได้เร็วเท่าไหร่ความโหดเหี้ยมก็ยิ่งมาเร็วขึ้นเท่านั้น...นี่อาจเป็นปัจจัยที่จะตัดสินผลแพ้ชนะก็ได้”
“ตอบแบบกำปั้นทุบดินไปหน่อยนะเจ้าคะ?”
“งั้นพี่บีลองเสนอความคิดมาซิ”
“เริ่มจากคุณหยาดฝน...ในบรรดาทั้งสามคนเธอรวดเร็วที่สุดก็จริงแต่บาทามรณะถ้าเทียบกับอัญเชิญยมทูตหรือเขี้ยวพยัคฆ์แล้วน่าจะยังด้อยกว่าขั้นหนึ่ง”
“ด้อยกว่ายังไง?”
“ตรงที่ความเอื้ออำนวยของร่างกาย...ใช่มั้ย?”
“จ้ะพี่เอ...ถ้าคุณหยาดฝนได้รับบาดเจ็บที่ขาอยู่ก่อนก็จะมิสามารถใช้บาทามรณะได้อย่างเต็มที่ซึ่งผิดกับอัญเชิญยมทูตที่แม้หมัดขวาจะใช้มิได้แต่ก็ยังเหลือหมัดซ้ายอีก”
“การเคลื่อนไหวด้วยขาแลเท้าเป็นปัจจัยสำคัญสินะ...ซีเข้าใจละ”
“บาทามรณะจึงใช้บ่อยมิได้ยังไงเล่า...คุณสุรีย์พรรณล่ะเจ้าคะ?”
“ถ้าเป็นเรื่องหมัดหาได้มีใครเทียบเธอดอก...ผู้หญิงอะไรก็มิรู้หมัดหนักยังกะค้อน”
“มิเช่นนั้นจะเคยชกจนอีกฝ่ายถึงกับลงไปนอนชักตาตั้งหรือเจ้าคะ?”
“กล้ามเนื้อไหล่แลสะบักต้องเยี่ยมยอดมากถึงกระทำได้”
“นอกเรื่องแล้วย่ะพวกเธอ!!!
“พี่บีพูดต่อซิ”
“พละกำลังกับความอึดน่ะพี่ให้คะแนนเต็มท่าไม้ตายก็สุดยอดยากจะรับมือแต่ความเร็วเป็นรองคุณศรบุษราคัม”
“อ๋อ~~...คุณศรบุษราคัมจึงเฉือนชนะไปเพราะความเร็วที่เหนือกว่านั่นเอง”
“คุณหยาดฝนเร็วแต่พละกำลังยังมิถึงที่สุด...คุณสุรีย์พรรณพละกำลังโดดเด่นแต่ด้อยในเรื่องความเร็ว...คุณศรบุษราคัมนั้นทั้งเร็วแลพละกำลังก็ดี...พูดง่ายๆคือเธอมีความสมดุลมากกว่าคนอื่นน่ะ”
“มิเกี่ยวข้องกับสุริยะโลหิตใช่มะ?”
“แต่ว่ากันจริงๆก็น่าจะเกี่ยวนา--”
“จะใช้หรือมิใช้พวกเธอก็กระทืบศัตรูเละอยู่ดีแหละ...มิต้องเถียงกันดอก”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
...ฟังๆดูก็น่าสนุกดีและอดที่จะชมพวกเธอทั้งสี่ไม่ได้เพราะแม้ยังเด็กแต่ก็รู้จักคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล...
“แต่ดีนึกว่าพวกเธอจะได้เกือบเต็มสิบซะอีก”
“...มีคนเดียวแหละ”
“ใครจ๊ะ?”
“คุณศรมุกดา”
“โอ้ใช่!!...ขาดคนนี้ไปมิได้เด็ดขาด...พี่เอให้คะแนนเท่าไหร่?”
“...ประมาณ 9.1”
“หวา~~...มากจัง!?
“ให้สูงไปหรือเปล่าค๊า?...คุณศรมุกดามิเคยฝึกศิลปะการต่อสู้เลยนะ”
“แต่มีอย่างอื่นมาทดแทน...ลืมกันแล้วเหรอว่าจันทรกานต์ของคุณศรมุกดาน่ะ?...เฮ้อ!!...ยิวยิตสึของเราสี่คนใช้กับเธอมิได้เลย”
(ยิว...สึ...อะไรกันไม่เข้าใจ?)
“อื้อๆๆ”
“โดยเฉพาะวิชาสะกดจิต...พวกพี่รู้อะไรมะ?”
“หือ?”
“อะไร?”
“พี่ซีรีบว่ามาเร็ว!!
“ว่ากันว่าคุณศรมุกดาสามารถสะกดจิตใครต่อใครให้ตกอยู่ในอาณัติได้อย่างสมบูรณ์”
“ก็มีพลังจิตกล้าแข็งซะขนาดนั้น”
“พูดง่ายๆคือ...คนผู้นั้นจะไร้สติสัมปชัญญะโดยสิ้นเชิงต้องเชื่อฟังคำสั่งจากคุณศรมุกดาเพียงสถานเดียว”
“ใช่จ้ะ...แล้วถ้า...เอ่อ--...อย่างเช่น...คุณศรมุกดาออกคำสั่งให้เอามีดเชือดคอตนเอง...พวกเธอว่ามันน่ากลัวมั้ย?”
“น่าสยดสยองที่สุด!!...เพราะศัตรูจะตายด้วยน้ำมือตนเองแลมิเหลือหลักฐานอะไรจะสาวมาถึงตัวได้อีกด้วย”
“อย่างนั้น 9.1 มิพอแล้วจะต้อง 9.4 ...มิใช่ๆๆ...เอาไป 9.6 เลย!!!
“ฮือน่ากลัว~~...ดีกลัวจังเลย...เลิกคุยเรื่องนี้ซะทีเจ้าค่ะ”
“ฮะๆๆ...ปอดแหกไปได้ยัยดีก็...โอ้!!...คุณสุริยาวรรณก็มิเบานะ”
“อื้อๆๆ...เห็นด้วยเต็มที่”
“แล้วหากอยู่ในสภาวะจิตถูกความโกรธแค้นเข้าครอบงำกลายเป็นอสูรผม...อื๋อมีคน!!!
(ถะ...ถูกจับได้ซะแล้ว!?)
“ใครกัน?...ถ้าฉลาดก็รีบออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!
“กรี๊ด~~...คนลามกโรคจิตแอบดูเด็กอาบน้ำ!!!!
“น่าเกลียดที่สุดเลย!!!...ฮือ~~
“เดี๋ยวก่อนๆอย่าเพิ่งโวยวาย...ผมเอง--”
“เอ๋!?...คุณเอกคเชนทร์!!!
...ทีแรกกลุ่มเด็กหญิงพากันตกอกตกใจแต่พอรู้ว่าเป็นผมเท่านั้นแหละก็แย่งกันถามแย่งกันพูดหนักยิ่งกว่าเดิม...วิธีแยกแยะแม่หนูทั้งสี่ออกจากกันให้ดูที่สร้อยคอที่จะสลักอักษรภาษาอังกฤษเอถึงดีแต่พอมาลงเล่นน้ำรวมกันแบบนี้...ไม่ไหว!!...ดูไม่ออกเลยว่าใครเป็นใครเพราะทรงผมหน้าตารูปร่างล้วนเหมือนๆกันไปหมด...
(อาจต้องรอให้แต่ล่ะคนบอกเอง)
“คุณเอกคเชนทร์มาทำอะไรเนี่ย?”
“ต้องตั้งใจมาแอบดูพวกหนูแน่!!
“มีรสนิยมชอบเด็กด้วยหรือนี่?”
“ดะ...ได้โปรดรออีกสักสามสี่ปีก่อนนะเจ้าคะ...อย่าเพิ่งเรียกหนูไปรับใช้เลย”
“เฮ่ยๆๆ...พวกเธอช่วยฟังฉันอธิบายก่อนได้ไหม?...ชอบดงชอบเด็กเรียกไปรับใช้อะไรกันเล่าชักจะเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว!?
“ยังจะเข้าใจผิดอะไรอีกเจ้าคะ?”
“ยอมรับมาตามตรงดีกว่า!!
“ใช่...ลูกผู้ชายต้องพูดความจริง”
“ฮือหนูกลัว~~...ครั้งแรกเขาว่าเจ็บมากซะด้วย”
(ไปได้ยินมาจากไหนฟะและทำไมจะต้องพูดตามลำดับจากพี่เอถึงน้องดีด้วยหว่า?)
“ฉันแค่เดินเล่นตามทางมาเรื่อยๆไม่ได้คิดจะมาถ้ำมองใครทั้งนั้นโดยเฉพาะเด็กอย่างพวกเธอ”
“เด็ก!?...คุณเอกคเชนทร์ดูถูกพวกเรารึ?”
“ปละเปล่า--...ไม่ใช่...ไม่ได้ดูถูก”
“ก็ที่บอกว่าเด็กนั่นไงเจ้าคะ!!
“ฉันพูดความจริงเพราะพวกเธอเพิ่งจะ 10 ขวบเองนี่นา?”
“10 ขวบแล้วยังไงเจ้าคะ?”
“อ้าว!?
“ใจร้ายที่สุด!!!
(คราวนี้จากน้องดีกลับไปพี่เอ...อะไรกันวุ้ย!?)
“อะ...เอาเป็นว่าฉันขอโทษที่เสียมารยาท...ไปล่ะนะ”
“หยุดก่อนเจ้าค่ะ!!
“คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป...คุณเอกคเชนทร์ออกจะมิเห็นเราสี่พี่น้องอยู่ในสายตาเกินไปหน่อยแล้ว!!!
“พะ...พวกเธอจะทำอะไรน่ะ?”
...หนูเอกับหนูบีขึ้นจากลำธารทั้งที่ยังเปลือยเปล่าล่อนจ้อนแล้วตรงเข้ามาจับแขนซ้ายขวา...นี่อย่าบอกนะว่าจะลากผมลงไปเล่นน้ำด้วยน่ะ?...
“ล็อคแขนซ้าย!!
“ล็อคแขนขวา...เตรียมพร้อม!!
“ไม่...ไม่เอาเว้ยเฮ้ยหนาวจะตาย!!
“น้ำอุ่นเจ้าค่ะ”
“อย่ามาหลอก!!!...หน้าหนาวน้ำจะไปอุ่นได้ไง?”
“ฮึ!...จะยอมลงดีๆหรือให้พวกเราจับโยนเจ้าคะ?”
“ฉันไม่เอาทางไหนทั้งนั้น!!...ปล่อยเถอะ”
“ฮึ่ม!!...อย่าหวัง”
“หาได้มีใครจะมาช่วยดอก~~
“ซีกับดีมาช่วยจับขาคุณเอกคเชนทร์ไว้...นับหนึ่งถึงสามก็โยนลงน้ำเลย!!!
“อย่านะ!!...ไม่เอา!!!...ห้ามเล่นแบบนี้!!!!...ถ้าชุดเปียกแล้วฉันจะกลับบ้านได้ยังไง?”
“งั้นคุณเอกคเชนทร์ถอดเสื้อผ้าออกสิเจ้าคะ”
“หา?”
“จากนั้นก็ลงไปกับพวกเรา”
“มิฉะนั้นจะต้องเปียกทั้งชุดแน่นอน”
“เลือกเอาเองนะเจ้าคะ”
“ทำไมฉันจะต้องลงเล่นน้ำกับพวกเธอด้วย?”
“มิต้องพูดจาถ่วงเวลาให้มากความ...พวกเราสี่พี่น้องรวมพลังกัน!!!
“เฮ่ย!?
...เอาแล้วไงไอ้บอล!!...มึงโดน “สี่แฝดมหาภัย” กลุ้มรุมจับลอกคราบตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่เลยเหรอเนี่ย?...โอ่ย~~...รู้ถึงไหนอับอายขายหน้าไปถึงนั่น!!!...พอกางเกงขาสั้นตัวในหลุดจากร่างหนูเอพี่ใหญ่ที่ก๋ากั๊นใจกล้ากว่าใครก็โดดขึ้นเกาะหลังแล้วดันตัวผมร่วงลงไปในลำธารพร้อมกัน...
“กรี๊ด~~
“ฮะๆๆ”
“โธ่!!
“ฮิๆๆ...น้ำอุ่นใช่ไหมล่ะเจ้าคะ?...มิเห็นหนาวเลย”
(จริงด้วย!?)
“ที่นี่เป็นสถานที่ลับของพวกเราเองเจ้าค่ะ”
“ลับ?”
“ถ้าได้หยุดพักพวกเราก็มักจะมาที่นี่บ่อยๆ...สวยใช่ไหมเจ้าคะ?”
“ไหนๆก็ไหนๆ...พวกหนูจะอาบน้ำให้คุณเอกคเชนทร์นะ”
“ไม่...ต้องหรอก”
“อย่าขัดใจสิ!...ที่นี่สี่แฝดคุมเจ้าค่ะ”
“ดังนั้นเมื่อคุณเอกคเชนทร์มาที่นี่ก็จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพวกเรา”
(มีงี้ด้วย?...แต่สี่คนอาบน้ำให้เราคนเดียวมันก็ออกจะมากไปหน่อยมั้ง?)
“นอกจากพ่อแล้วพวกหนูก็มิเคยลงเล่นน้ำกับผู้ชายคนไหน...แหม!!...คุณเอกคเชนทร์เนื้อแน่นดีนะเจ้าคะ”
“ท่อนแขนก็มิบอบบางเหมือน...สตรี”
“ใหญ่กว่าของพวกเราตั้งเยอะเนอะ?”
“ก็อย่างที่บอก...ฉันเดินเล่นมาจากโยนกประจิมแล้วไม่เคยรู้เลยว่าบ้านพวกเธออยู่แถวนี้”
“แต่คุณเอกคเชนทร์ก็แอบฟังพวกเราคุยกัน”
“เพราะพูดถึงฉันน่ะซี่!!
“ฮืมๆ...คงจะคิดว่าเรานินทาสินะเจ้าคะ?”
“เปล่า...พวกเธอพูดถึงฉันนิดเดียวแล้วก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องของฝน...หึๆ...เข้าใจวิเคราะห์เหมือนกันนี่?”
“เราได้รับการสอนสั่งมาจากคุณอรศินีย์เจ้าค่ะ”
“รวมทั้ง...ยิว...ยิวอะไรนี่ด้วยใช่มั้ย?”
“ยิวยิตสึเจ้าค่ะ...เป็นศาสตร์การต่อสู้สมัยโบราณของญี่ปุ่น...คุณอรศินีย์เชี่ยวชาญวิชานี้ที่สุดแต่มิยอมถ่ายทอดให้ใครแม้กระทั่งคุณสุริยาวรรณ”
“มันเหมือนคาราเต้เหรอ?”
“รุนแรงกว่าเจ้าค่ะ”
“เรียนรู้ยากกว่าด้วย”
“กติกาก็หามีไม่...ทำทุกอย่างเพื่อล้มฝ่ายตรงข้ามแม้แต่การใช้อาวุธทั้งลับแลเปิดเผย...อ้อ!!...ไร้ซึ่งความปราณีด้วยเจ้าค่ะ”
“แบบนั้นก็ขี้โกงน่ะสิถ้าคู่ต่อสู้มามือเปล่า?”
“ทำทุกอย่างเพื่อล้มฝ่ายตรงข้าม...หนูก็บอกไปแล้วนี่เจ้าคะ”
“....................................................”
“เพราะวิชานี้มีความอันตรายสูงคุณอรศินีย์จึงมิถ่ายทอดให้ลูกแลหลานของตนเอง”
“อืม--...แบบนี้นี่เอง”
(แล้วอานีย์สอนแม่หนูสี่คนนี่ทำไม?)
“บอกว่ากระไรนะ?...หากมีพรสวรรค์เสียแล้วจะฝึกวิชาอะไรก็สามารถสร้างชื่อให้ตนได้”
“นั่นแหละๆ”
...ทำทุกอย่างเพื่อล้มฝ่ายตรงข้ามกับไร้ซึ่งความปราณี...รู้อย่างนี้ผมไม่แปลกใจเลยกับทัศนคติของญาติสาวนักสู้ทั้งหลายก็เพราะได้รับการปลูกฝังสั่งสอนมาตั้งแต่เริ่มต้นนั่นเอง...
(จะเก่งกาจกันไปถึงไหน?)
“เออใช่!!...บ้านพวกเธออยู่ตรงไหนน่ะ?”
“ด้านหลังนี่เองเจ้าค่ะ”
“มีใครอยู่บ้าง?”
“พ่อกับแม่แลก็ยายเจ้าค่ะ”
“แต่ตอนนี้มิอยู่”
“ออกไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน”
“เอ๋?...ท้องฟ้าชักจะมีเมฆเยอะขึ้นนะ”
“สงสัยฝนจะตกล่ะมั้ง?”
“หน้าหนาวแบบนี้ยังจะอุตส่าห์มีอีก”
“คุณเอกคเชนทร์รู้สึกสบายไหมเจ้าคะ?”
“อืม--”
...ดีเหมือนกันแฮะ...รู้จักรีดเส้นบีบนวดกล้ามเนื้อซะด้วยนะเด็กหญิงสี่คนนี่...ท่าทางจะได้รับการสอนสั่งมาอย่างดีเชียวแถมมือก็เบาจับแล้วไม่รู้สึกเจ็บให้เสียอารมณ์...
(ใช่ๆ...ตรงนั้นก็...อู้~~...รู้สึกดีชะมัด...ฮะ...เฮ้ย!!!)
“คะ...ใคร?”
“หนูเอง”
“เอ!!!...นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะ...”
“เพราะหนูยังโตมิพอสินะเจ้าคะแต่ดูเหมือนคุณเอกคเชนทร์จะมีอารมณ์กับเด็กผู้หญิงสิบขวบเข้าซะแล้ว?”
“ทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มเทียว”
“มะ...ไม่ใช่!!
“จริงหรือ?”
“อุ๊บ!?
...หนูเอยังคว้ากุมน้องชายผมไม่ยอมปล่อยแม้จะห้ามกี่ครั้งก็ตามส่วนข้างหลังก็มีร่างใครคนหนึ่งเข้าสวมกอด...เป็นหนูบีนี่เอง...ผมว่าพวกเธอจะล้ำเส้นแบ่งเกินไปแล้ว!!!!...ฝ่ายหนูซีกับหนูดีแม้ยังมองเฉยๆแต่ก็มีแววตาขวยเขินไม่น้อย...
(ให้ตายเถอะ!!!...กลัวใครมาเห็นชะมัดโดยเฉพาะพ่อแม่ของเด็กพวกนี้และเผลอๆจะมีสิทธิ์ติดคุกหัวโตด้วยนะเนี่ย!?)
“ทำแบบนี้ไม่ดีนะ!!!
“มิจริง!...คุณเอกคเชนทร์หัวใจเต้นแรง...หนูรู้สึกได้”
“ฉัน...ไม่มีรสนิยมชอบเด็กหรอกน่า!!
“ต้องอย่างคุณสุรีย์พรรณหรือคุณหยาดฝนใช่ไหม?”
“ทำไมต้องเอาสองคนนั่นมาเปรียบ?”
“เพราะพวกคุณไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ?”
“คะ...ใครว่า?”
“ถ้ามิได้เกิดความรู้สึกพิเศษต่อกันอย่างไรคุณสุรีย์พรรณก็มิยอมให้ผู้ชายคนไหนอุ้มดอกเจ้าค่ะ”
“พวกเธอรู้?...เอ่อ--...ฟังก่อนนะ...พี่แคทเธอปวดท้องเดินไม่ไหวต่างหาก”
“ถึงกระนั้นก็มิน่าจะยอมให้คุณเอกคเชนทร์อุ้มได้โดยง่ายเพราะเธอมีทิฐิแรง”
“...................................................”
“สรุปคือลึกๆคุณสุรีย์พรรณก็อาจมีใจให้คุณเอกคเชนทร์”
“เป็น...เป็นไปไม่ได้!!!
“คุณเอกคเชนทร์คงจะมิเชื่อความคิดของเด็กวัยสิบขวบอย่างพวกเรา?”
“ไม่เชื่ออยู่แล้ว”
“ทว่าพวกหนูก็พูดในสิ่งที่เห็น...คุณหยาดฝนก็มิต่างกัน...เธอมักจะมองคุณด้วยสายตาที่ชื่นชมแลมิค่อยยินดีถ้ามีหญิงอื่นเฉียดกายมาอยู่ใกล้”
...พูดแล้วหนูซีจะเอาหน้าอกมาแนบแขนผมทำไมด้วยก็ไม่รู้?...หนูเอนี่ก็แสบเหลือร้ายดึงมือผมไปลูบหน้าอกของเธอส่วนหนูบีล้วงมือลอดใต้หว่างขามาลูบคลำพวงสวรรค์ของผม...มันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ผมต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้!!!!...
“แต่คุณเอกคเชนทร์ก็ชอบมิใช่หรือเจ้าคะ?”
“ดี...เธอมัวทำอะไรอยู่น่ะ?...ไหนบอกว่าอยากรู้จักร่างกายผู้ชายมิใช่เรอะ?”
“นี่เป็นโอกาสดีแล้ว...มาสิ!
“หนู...ดูพวกพี่ดีกว่าแลจะคอยเป็นต้นทางให้”
(สมรู้ร่วมคิด!?)
“ตามใจ!!
“ได้โปรดหยุดเถอะ~~
“แข็งมากเลยเจ้าค่ะ!!!
“จริงเหรอพี่เอ?...ขอซีจับมั่ง!!
“หยุดนะ!!!
(มันไม่ใช่ของเล่นนะว้อย!!!!)
“ว้าว!!...จริงด้วย~~...หัวบานใหญ่จัง”
“อย่า--...อย่ารูด!!
“ไหนใครน๊าปากแข็งบอกมิสนใจเด็กสิบขวบ?”
“แม้จะแค่สิบขวบแต่พวกเราก็ร่างกายเติบโตกว่าเด็กผู้หญิงปกติ...มิน่าจะมีปัญหาหากคุณเอกคเชนทร์ต้องการให้เราไปปรนนิบัติ”
“เอาไหมเจ้าคะ?...เริ่มจากคืนนี้”
“ไม่ดี!!...ไม่ได้เด็ดขาด!!!...ฉันไม่อยากเข้าคุก!!!!
“ฮะๆๆๆ”
“ตลกจัง”
“คุณเอกคเชนทร์ช่างมีอารมณ์ขันซะจริงนะเจ้าคะ”
“สำหรับที่นี่...ตระกูลวิษณุมนตรียิ่งใหญ่ที่สุดแลผู้เป็นนายใหญ่ก็สามารถเรียกให้ผู้หญิงคนไหนไปรับใช้ก็ย่อมกระทำได้”
“แต่ฉันยังไม่ใช่...”
“มิใช่ก็เหมือนใช่”
“อึ๋ย~~
“เป็นอย่างไรเจ้าคะ?...มันดีพอที่จะรับความเอ็นดูจากคุณเอกคเชนทร์ได้หรือยัง?”
...หนูเอช่างใจกล้านักลุกขึ้นยืนเอานิ้วแบะของสงวนแล้วจ่อใกล้หน้าผม...อวัยวะเพศของเด็กหญิงวัย 10 ขวบที่กลีบแคมยังปิดสนิทด้วยเพราะยังไม่เคยมีสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำ...ไม่ได้!!...ยังไงผมก็ทำไม่ได้...เด็กสี่คนนี่ยังเร็วเกินไปที่จะมารับรู้เรื่องเหล่านี้...
“แย่แล้วจ้ะทุกคน!!!...มีคนมา”
“ใครกัน?”
“คุณสุรีย์พรรณ...กำลังเดินผ่านทางนี้”
“พะ...พี่แคท?”
(ถ้าญาติสาวผู้พี่มาเห็นสภาพของเราตอนนี้ก็จอดไม่ต้องแจว...ซวย...ซวยยันไปถึงอนาคตแน่ๆ)
“เก็บเสื้อผ้าคุณเอกคเชนทร์ไปซ่อนเร้ว!
“มาทางนี้เจ้าค่ะ!!
“จะไปไหน?...หลบไม่พ้นแน่!
“งั้น...ดำลงไปเลย!!
“เอ้ย!?...บุ๋งๆๆ”
...สี่แฝดมหาภัยเล่นพิสดารกับผมเข้าให้แล้วมั้ยล่ะเมื่อหนูซีจัดการจับผมกดลงน้ำก่อนจะขึ้นนั่งคร่อมทับ...นี่กะจะฆ่าผมหรือยังไงกัน?...
“เอื๊อก~~
“อย่าเงยขึ้นมาสิเจ้าคะ!!
“ฉัน...ฉันจะหายใจไม่ออก!!!...อีกอย่าง...เมื่อกี้...เมื่อกี้...ของเธอ...ดะ...โดนปากฉันด้วย”
“ช่วยมิได้นี่นา...คุณเอกคเชนทร์จะต้องรับผิดชอบ”
“รับผิด...อุ๊บ!
(กดเราลงไปอีกละ!?...คราวนี้ของสงวนเด็กหญิงเต็มปากเลยปัทโธ่แต่ยังดีที่อมเอาอากาศไว้ในกระพุ้งแก้มแล้ว...ท่านี้เด็ดไม่เบาเห็นรูก้นหนูซีรางๆ...เอ้ย!!...ไม่ใช่ๆๆ...สถานการณ์คับขันยังมีใจคิดอกุศลอีก!!!)
“พี่เอนั่งทับท่อนขาคุณเอกคเชนทร์ไว้”
“อื้อ!
(อ๊าก!!!...ไม่ใช่ทับท่อนขาแต่มันเป็น...)
“มาแล้ว!!
...ตาย...ตายแน่ๆผม!!!...หนูซีนั่งทับหน้าหนูเอนั่งทับหว่างขา...พอดำลงไปในน้ำผมก็ได้ยินอะไรไม่ชัดแต่กว่าจะผ่านพ้นเหตุการณ์คับขันก็แทบหมดลมตายคาจิ๋มเด็กหญิงวัยสิบขวบ...ดูไม่ได้จริงๆ...จะบอกว่าเสียรู้เด็กก็ไม่ค่อยถูกต้องเพราะจำเป็นต้องหลบพี่แคทแต่สภาพนี่ช่างน่าอายนัก!!!!...
“นึก...นึกว่าจะตายซะแล้ว~~
“...........................................”
“พี่แคทไปแล้วใช่มั้ย?”
“...........................................”
“เงียบทำไมล่ะนั่น?”
“...คุณเอกคเชนทร์...ต้องรับผิดชอบซีนะเจ้าคะ”
“ฉะ...ฉันทำอะไร?”
“ก็ปากคุณเอกคเชนทร์ขยุกขยิกโดนจิ๋มของหนูตลอดเลย”
“เอ่อ...นั่นเพราะ...เพราะฉันต้องการอากาศ”
“มิใช่ว่าเพราะจะเลียจิ๋มของหนูหรือเจ้าคะ?”
“เปล่า!!...ฉันไม่มีเจตนาชั่วแบบนั้น”
“แตะต้องส่วนที่น่าอายของหนูไปแล้วยังจะแก้ตัวอีก...พี่เอก็เหมือนกัน”
“เอ๊ะ?”
“มัน...เข้าไปแล้ว...”
“หา?”
“ยอดเลยล่ะทุกคนตอนที่พี่ลองเอาไอ้จู๋มาถูกับจิ๋ม”
“เฮ้ย!?...ยะ...อย่ามาล้อเล่นนะ!!!!
“แล้วที่บอกเข้าไป...”
“ก็...ลองดันไอ้จู๋เข้าน่ะแต่แค่นิดเดียวเพราะเจ็บ”
(มันเข้าไปจริงเรอะ?)
“ว้าว!!!...งั้นพี่เอก็เสียความสาวให้คุณเอกคเชนทร์แล้ว”
“นำหน้าพวกเราไปอีกละ”
“แหม~~
...คุยและก็หัวเราะเหมือนเป็นเรื่องสนุกไปได้ยังไงเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ!!!...ทีนี้จะเชื่อกันหรือยังว่าเด็กหญิงทั้งสี่คนนี่คือ “สี่แฝดมหาภัย” อย่างแท้จริง?...
(เป็นไปไม่ได้ที่ไอ้หนูของเราจะมุดจิ๋มหนูเอ...อย่างมากก็แค่โดนปากรูเท่านั้นน่า--)
“คุณเอกคเชนทร์โปรดรออีกหน่อยนะเจ้าคะ”
“ใครจะรอห๊ะ?”
“มินานเกินดอก...แค่สี่ปี...ห้าปีเองเจ้าค่ะ”
“พูดจาเลอะเทอะใหญ่แล้ว!!!...จะหาเรื่องให้ฉันเข้าคุกล่ะสิไม่ว่า?”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธพวกเราเลยเจ้าค่ะเพราะถึงตอนนั้นคุณอาจจะเปลี่ยนความคิด”
“ไม่ๆๆๆ...ฉันไม่เปลี่ยนแน่!!
“อุ๊ย!?...คุณเอกคเชนทร์หน้าแดงมากเลยล่ะพี่ๆดูสิ”
“ไหนๆๆ?”
“จริงด้วย!!
“ที่แท้ก็เขินพวกเรา...คิกๆๆ”
(ปัทโธ่!!!...คิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากเราเสียรู้ให้เด็กแก่นพวกนี้เข้าให้ซะแล้ว)
.................................................................................................................................................

...เหตุการณ์สุดระทึกเมื่อครู่นี้ยังไงก็อดคิดไม่ได้หรอกว่าผมถูกเด็กแกล้งแหย่เล่นแต่ไม่มีทางเลือกอื่นต้องรีบเดินออกมาให้ห่างที่สุด...หือ?...ท้องฟ้ามืดครึ้มกว่าเมื่อกี้อีกอย่าบอกนะว่าจะมีฝนตกจริงๆ...สภาพอากาศที่โยนกจัตุรัสนี่ช่างเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย...
(ขึ้นปีใหม่มาก็เจอเด็กแสบที่นำขบวนโดยหนูเอจอมก๋ากั๊น...เมื่อกี้ก่อนใส่เสื้อผ้าก็จะขอเลียจู๋ของเรา...ยัยหนูนี่ร้ายมาก!!!!)
“ว่าแต่ถึงไหนแล้วเนี่ย?”
(ทิวทัศน์คุ้นๆตาเหมือนเคยมา)
“อ๋อ!!...ที่นี่เป็น...”
“ทางเข้าหมู่บ้านโยนกอุดร”
“ว้าก!!!
“หนวกหูจริง!...จะแหกปากร้องทำไม?”
“พี่แคท...มา...มาได้ไงนี่?”
(แต่งตัวเฉียบเนี้ยบไม่เบารับปีใหม่เชียว!?...สวมเสื้อแขนกุดอวดท่อนแขนสู้อากาศหนาวนุ่งกระโปรงรัดรูปยาวเกือบถึงข้อเท้าแล้วก็แหวกด้านข้างตรงต้นขา)
“คนมีขาก็เดินมาน่ะสิแต่หน้าตาตื่นแสดงว่าทำความผิดอะไรมาอีกแล้วใช่ไหม?”
“...ผมเปล่า”
“แน่ใจนะ?”
(อุ!!...แววตาคุกคามจะหาเรื่องกันอีกละ...รีบไปให้ห่างๆดีกว่าเรา)
“...ยังชอบล้อเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงไม่เปลี่ยนแปลง”
!?
“คราวนี้เปลี่ยนรสนิยมไปจีบเด็กสิบขวบแล้วเรอะ?”
“อึ๋ย!!
(ความแตกแหลกละเอียด!!!...เฮ้อ~~...ขนาดเด็กสิบขวบยังจับเราได้และนี่คือพี่แคทผู้หูตากว้างไกลเพราะงั้นจะไปเหลือรึ?)
“แสดงว่าผมหลบไม่ทันสายตาพี่?”
“ไม่ใช่”
“ตาดีเห็นผมอยู่ในน้ำ”
“ไม่”
“งั้นก็เห็นผมตอน...”
“ฉันมองเห็นเธอแต่แรกเลยต่างหาก”
“?”
“เพราะพี่เดินตามบอลมาตั้งแต่ออกจากบ้านคุณน้า”
“โอ้โห!?...นี่หมายความว่าสะกดรอยผมเหรอ?”
“พี่แวะเอาของไปฝากเอ้แล้วเขาบอกว่าบอลเพิ่งจะออกไปเดินเล่น...หึ!!...เป็นการเดินเล่นที่คุ้มค่าดีนะ?”
“ถ้าตามผมมาตั้งแต่แรกก็จะต้องรู้และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดใช่มั้ยครับ?...งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะอธิบายล่ะ”
“แม้อายุจะเพิ่งสิบขวบแต่ก็อย่าริอาจทำเป็นทีเล่นทีจริงเพราะเด็กผู้หญิงวัยนี้อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านและกำลังมีความฝัน”
“ผมไม่เคยมีความคิดอกุศลกับพี่น้องสี่แฝด”
“...งั้นหรือ?”
“เผอิญผมไม่มีรสนิยมชอบเด็กซะด้วย”
“แต่แก้ผ้าลงเล่นน้ำด้วยกันเนี่ยนะ?”
“ก็เห็นๆอยู่ว่าผมถูกบังคับ!!
“เธอปฏิเสธได้แต่ไม่ทำ...จิตใจไม่เด็ดขาดแบบนี้เห็นทีต่อไปจะลำบาก”
“ตกลงพี่จะมาเพื่อหาเรื่องผมอีกแล้วใช่มั้ย?”
“แค่จะมาถาม...”
“ถาม?”
“บอล...เคยมีความคิดจะเป็นพ่อที่ดีของลูกบ้างหรือเปล่า?”
“หา?”
...ทำไมจู่พี่แคทถึงมาถามคำถามนี้กับผมนะ?...พ่อที่ดีของลูก...จริงสิ!...เมื่อไม่นานมานี้ผมได้ฝันเห็นเด็กผู้หญิงชื่อ “หยาดวารินทร์” แล้วเธอบอกว่าเป็นลูกสาวของผมและฝนซึ่งจากการสนทนาก็ทำให้พอรู้ได้ว่าผมคงไม่ใช่ “พ่อ” ที่ดีสักเท่าไหร่...
(ฮึ่มๆ...หนูรู้ว่าพ่อน่ะเจ้าชู้แต่นั่นก็ยังไม่แย่เท่าลืมชื่อลูกตัวเองนะจะบอกให้!!!
พ่อ...พ่อขอโทษ)
“ยิ้มอะไร?”
“...เปล่า--”
(แต่เราก็ไม่รู้ชื่อมาก่อนจริงๆนี่หว่า)
“แล้วว่ายังไงล่ะ?”
“มัน...มันยังอีกนานมากนะครับ...จู่ๆมาถามแบบนี้...”
“...ดูเธอจะไม่ทุกข์ไม่กังวลอะไรเลย...ฮึ!!...คงจะดีแล้วสิที่ทำตัวลอยไปลอยมาแบบนี้?”
“นี่พี่!!!...จะชวนทะเลาะก็บอกมาตรงๆดีกว่า”
“.............................................”
“.............................................”
“...ทะเลาะกับเธอไปก็เสียเวลาเปล่า...น่าผิดหวังแทนหนูน้อยน่ารักที่จะมีพ่อที่ทำตัวใช้ไม่ได้”
“กำลังนินทาอะไรผมอีกน่ะ?”
“ลืมซะเถอะ!...ถือซะว่าพี่ไม่ได้พูด...ฟ้าครึ้มๆเหมือนฝนใกล้จะตก...รีบกลับไปดีกว่านะ”
...จากนั้นญาติสาวผู้พี่ก็เดินห่างออกไปจนลับสายตาปล่อยให้ผมยืนงงด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่แคทจึงมาถามเรื่องพ่อที่ดีของลูกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!?...
“ผมอาจจะไม่ได้เป็นพ่อที่ดีแต่ก็เป็นพ่อที่รักและห่วงใยลูกนะครับ...ว้าก!!!!
(เสียง...เสียงฟะ...ฟ้าผ่า!!!!...ทำไม...กลางฤดูหนาวถึงได้มีฟ้าผ่าล่ะแถมยังใกล้มากซะด้วย?...เมื่อกี้รอบตัวมีแสงสว่างวาบเลย...น่ากลัวจริงๆ!!!)
“...หูก็อื้อ...ไม่...ไม่ได้การ!!...ตะ...ต้องรีบหลบเข้าที่ร่ม”
(แต่ขาเจ้ากรรม...แข้งขาดันสั่นจนก้าวไม่ออก...จริงด้วย!?...นอกจากภูตผีกับความมืดเราก็ยังกลัว...)
“โอ๊ย!!!
(วิ่งไม่มีดูทางเล้ยสะดุดก้อนหินล้มซะได้!!...ไม่เห็นใครแถวนี้เลยด้วยหรือจะโทรให้คนที่บ้านมารับดี?)
“พี่ลืมไปว่าเธอกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่มีใครบอกเหรอว่าห้ามใช้โทรศัพท์ตอนอยู่กลางแจ้งขณะฝนกำลังจะตก?”
“...พี่...พี่แคท...ทำไมย้อนกลับมา?...โอ๊ว!!!
“ฟ้าร้องแบบนี้...ท่าทางฝนจะตกหนักแน่ๆ...บอลรีบปิดมือถือเถอะ”
“อะ...อา--”
“...........................................”
(อุ~~...มือไม้ก็พลอยสั่นเทา)
“ใจเย็นๆซี่--”
“...........................................”
“เรียบ...เรียบร้อยครับ”
“ฟ้าผ่าเมื่อกี้คงจะอยู่ในรัศมีไม่ถึงกิโล...เราจำเป็นต้องรีบเข้าที่กำบังไม่อยู่กลางแจ้ง”
“...........................................”
“หึ!!...นี่หรือคนเก่งขนาดเอาชนะอัญเชิญยมทูตของฉันได้?...ไม่เห็นมีวี่แววจะเป็นอย่างนั้นเลยสักนิด”
“พี่...พูดอะไรนะครับ?”
(หูยังไม่ค่อยจะหายอื้อเลยได้ยินไม่ชัดว่าพี่แคทพูดอะไรอยู่และลมก็ยังพัดแรงจนเส้นผมหญิงสาวสยายปลิว)
“พี่ถามเธอว่าลุกไหวมั้ย?”
“...ครับ”
“.............................................”
“เอ๊ะ?”
“จับมือพี่”
...ญาติสาวผู้พี่ยื่นมือมาให้จับเพื่อที่ผมจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง...วินาทีที่ได้สัมผัสมือกันนั้นมันช่างรู้สึกอบอุ่นกับช่วยให้คลายความหวาดกลัวลงได้มากเหลือเกิน...ผมอยากจะเอ่ยขอบคุณพี่แคทที่ไม่ทอดทิ้งกันแต่มันตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออกจึงทำได้เพียงสบตามองเธอเฉยๆเท่านั้น...
“จะ...ไปหลบใต้ต้นไม้หรือครับ?”
“ไม่!...เราจะไปที่เพิงข้างหน้านั่น...ฝนเริ่มตกแล้ว...วิ่งเร็ว!!!
“แว่น...แว่นพี่ตกครับ!
“ช่างมัน!!
“รอ...รอผมด้วย~~
“ส่งมือมา!!
“เอ่อ--”
“?”
“ขอบ...ขอบคุณครับ”
“เอาไว้ทีหลัง...เร็ว!!
...เห็นผมมัวชักช้าไม่ทันใจมั้งพี่แคทจึงส่งมือให้จับแล้วฉุดดึงพาวิ่งฝ่าสายฝนที่สาดเทลงมาอย่างหนักจนรอบๆขาวโพลนไปหมด!?...ไม่อยากเชื่อเลยว่ากลางฤดูหนาวจะยังมีฝนและตกหนักราวกับฟ้ารั่วเช่นนี้...
(สถานที่ๆพอจะหลบสายฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาได้ในเวลานี้...เพิงหญ้าคาตรงหน้านั่นน่ะหรือ?)
....................................................................................................................................

...ตัวอย่างในตอนหน้า...

“ยังใส่ชุดเปียกๆนั่นเดี๋ยวก็ได้ไม่สบายไปหรอก”
“แต่ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน...อื๋อ?...พะ...พี่แคทถอดเสื้อทำไมน่ะ!?
“...ฉันไม่ชอบใส่ชุดเปียกๆเธอเองก็รีบถอดซะ...ฝนตกหนักแบบนี้ไม่มีใครมาเห็นแน่”
...............................................
“ไหนสารภาพออกมาซิว่าฝนเป็นผู้หญิงคนที่เท่าไหร่ของเธอแล้ว?”
“เอ่อ--...ผม...ผมจำไม่ได้”
“เจ้าคนบ้า!!...นี่ฟันผู้หญิงมาเยอะจนถึงกับจำไม่ได้งั้นเรอะ?...เมื่อกี้ฉันน่าจะปล่อยให้เธอโดนฟ้าผ่าตายไปซะ!!!”
...............................................
“ถ้า...เธอไม่เจ้าชู้และยังไม่มีใคร...บางทีพี่อาจจะ...รักเธอไปนานแล้วก็ได้”
“...พี่แคท”
“ฮึ!!...แต่นั่นมันเป็นไปไม่...ยะ...แย่แล้ว!?...อย่างงั้นมันก็ตรงกับที่...”
......................................................................................................................................

32 ความคิดเห็น:

  1. กำลังจะออกไปข้างนอกเลยครับ ท่าน adslman ฟิตมาก ๆ เลย 55+

    ชื่อตอนนี่อย่าบอกนะว่าได้ลงน้ำกับเด็กสาว 4 คนจริง ๆ น่ะ แต่ 10 ขวบออกจะเด็กไปนะ แค่เล่นน้ำกันเฉย ๆ มั้ง 55

    ตอบลบ
  2. โดนเด็กรุมกินโต๊ะซะงั้น
    นายบอล คงจะได้กลับไป ในสภาพไม่สมบูรณ์แน่ๆ

    ตอบลบ
  3. ไอย๊ะ 10ขวบ 4คน เอาจริงรึผู้แต่ง ? แหม่ๆ กะจะผูกมัดไว้กับโยนกอุดรไม่ให้หลุดไปไหนเลยรึ ?
    แต่ก็ยังเด็กผมหวังว่าผู้แต่งคงไม่เกิด พลังหมีเข้าครอบงำแล้วจัดเด็ก10ขวบหรอกนะครับ

    ตอบลบ
  4. ตัวผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่า"ยิวยิตสึ"คืออะไร แต่ท่าทางแล้วเด็กสาวทั้ง4คนในโยนกประจิมนี่นี้ไม่ธรรมดาแน่ครับ จะว่าไปมันคือวิชาหรือท่าไม้ตายอย่างนึงรึปล่าวนะ แต่ถ้าหากบอกหลวมตัวจัด4ลุม1กับเด็กๆนี่ มีหวังคิดหนักเรื่องอนาคตอีกแน่นอนครับ

    ตอบลบ
  5. 10 ขวบยังเด็กไปฉะนั้นคุกเห็นๆและตอนนี้บอลเขาถูกเด็กๆแกล้งน่ะครับส่วนยิวยิตสึหรือ"จูจุสึ" นั่นสั้นๆคือ "การต่อสู้แบบไม่มีกติกา และ จะทำทุกวิถีทางเพื่อล้มคู่ต่อสู้ ทั้งนี้จูจุสึถูกฝึกให้ไม่มีความไร้ปราณีต่อคู่ต่อสู้ไม่ว่ากรณีใดๆ" จัดเป็นศาสตร์การต่อสู้ที่ยังไม่บริสุทธิ์เหมือนคาราเต้หรือยูโดที่มีผ่านการกลั่นกรองแล้ว ส่วนในเรื่องนี้เด็กสี่คนได้รับการสั่งสอนจากอาของบอลแต่ก็แค่พื้นฐานไม่ลึกซึ้งอะไรนัก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ ยิวยิตสึรึจูจุสึนี่เป็นรากฐานศิลปะการต่อสู้ของยูโด ซึ่งมีการล็อก ทุ่ม หักกระดูก ปลดข้อต่อตามแขนขาให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บให้มาที่สุดที่ทั้งยังเป็นพื้นฐานของวิชาคาโบเอร่า(ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ ถ้าจำผิดก็ขออภัยด้วย)ที่เป็นศิลปะการต่อสู้ของคนบราซิลเอาไปดัดแปลง ในสมัยยิวยิตสึจะถูกใช้ในการรบ และการลอบสังหาร แต่พอหมดยุคสงครามก็ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่จนเป็นยูโด กับคาราเต้ครับ

      ลบ
    2. ถ้ายังนึกกันไม่ออกก็ยกตัวอย่างมวยคาดเชือกจองไทยเรานะครับ ถูกพัฒนาให้มาเป็นมวยบนสังเวียนมีกฏกติกาเพิ่มขึ้น ต่อมาสมัยนี้ก็กลายเป็นk1บ้าง ไทยไฟส์บ้าง ดูกันอย่างง่ายๆครับผม

      ลบ
  6. ดันมาแอบดูแล้วโดนเขาจับได้แบบนี้ ต้องโดนให้เพียบ จับพระเอกกดน้ำแล้วประสานมือตั้งนิ้วชี้สวนก้นซะให้เข็ด อ้าว!!กำ สงสัยจะโหดไป55 ขอบคุณท่านadslmanครับ รอติดตามต่อว่าจะมหาภัยขนาดใหน

    ตอบลบ
  7. เฮ้ออออ คิดว่าจะ คุกคุกคุก ซะแล้ว ถ้าท่านยืนยันแบบนี้ค่อยโล่งอก นั่งรออีก70%ด้วยใจจดจ่อ

    ตอบลบ
  8. มาปูเสื่อรอส่วนที่เหลือ

    จะเกิดอะไรขึ้นใน "เพิงหญ้ากลางสายฝน"

    นี่มันบรรยากาศหนังไทยเลย มีฉากนี้ทีไรมีเฮ

    คราวนี้พระเอกของเราจะเข้านางกับสาวไหนเนี่ย

    ตอบลบ
  9. 75 75เดี๋ยวนี้ ต้องการ 75 เดี๋ยวนี้ !!!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    2. เออท่านคนเขียน ลองเปลี่ยนศัพท์เรียกบ้างไหมฮะ พอไม่ใช่บทเสียวพออ่าน หี ควย มันอ่านขัดๆ ไม่ลื่นเท่าไหร แฮะ ถ้าเป็นบทเสียวละก็เต็มที :D ถ้าท่านอื่นไม่ขัดใจก็ไม่ต้องปรับก็ได้ฮะ :D บางทีผมอาจจะคิดมากไปเอง -_-

      ลบ
    3. ผมเปลี่ยนให้เข้ากันแล้วครับ พออ่านดูมันก็โดดขึ้นมาจริงๆ ขอบคุณที่แนะนำครับ

      ลบ
  10. เขียนฉากที่แฟนคลับ รอลุ้นระหว่างแคทกับบอล

    แหม....หมอนขาดกระจุย กระจายเลยครับ

    โอม...75 จงมา ^_^

    ตอบลบ
  11. ตอนแรก คิดว่า ฟ้าฝนจะเป็นใจ ให้อยู่กัน สองต่อสอง
    แต่ไปๆมาๆ ดูท่า จะเหมือนว่า บอลโดนพี่แคท ลากเข้าห้องสอบสวน ซะงั้น

    ตอบลบ
  12. วันเวลาที่บอลได้อยู่กับแคท2ต่อ2ด้วยบรรยากาศที่เป็นใจด้วยนี่ ถือเป็นเรื่องที่หน้ายินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ รอติดตามต่อนะครับ อยากอ่านต่อเร็วๆจัง เชียแคทเต็มที่ครับ

    ตอบลบ
  13. โอย แทบอดใจรอ ตอนที่ 75 ไม่ไหว

    ทิ้งตัวอย่างไว้อย่างนี้ ทรมานใจกันมาก

    อยากให้ บอลกับแคท รู้ใจตัวเองเร็วๆ

    โอม 75 จงมา จงมา จงมา

    ตอบลบ
  14. ขอบคุณครับ รออ่านตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ

    ตอบลบ
  15. ขอบคุณมากครับ มาอย่างไว นายบอลโดนเด็กแกล้ง ฮ่าๆ อ่อนซะ มาทิ้งปมตอนท้ายแบบนี้ทรมารใจชิบ แคทกำลังคิดอะไรอยู่นะ...(แบบนั้นมันตรงกับที่...ไรหว่า ?)ชวนจิ้นตามเคย แหม่บรรยากาศก็เป็นใจซะด้วย...โอ้ว!!!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. (แบบนั้นมันตรงกับที่...ไรหว่า ?)
      ก็ที่คุณลูกมาเข้าฝันบอกว่าคุณแม่สารภาพรักกับคุณพ่อที่ปากทางเข้า
      โยนกอุดรไงคับ...รอลุ้นตอนหน้า ขอให้มาไวๆ

      ลบ
    2. อ่อ ใช่ๆ ลุ้นอยู่ลึกๆว่าจะเป็นตอนหน้าเหมือนกัน

      ลบ
    3. ก็หน้าจะเป็นแบบนั้นนะครับแต่สงใสตรงที่"ฮึ!!...แต่นั่นมันเป็นไม่...ยะ...แย แลว!?... ที่ลูกรีย์บอกคือคุณแม่บอกรักคุณพ่อ แต่นี่แคทเหมือนกำลังปฎิเสธบอล แล้วก็มีที่บอกเหมือนว่าถ้าแคทไม่ได้ลงเอยกับบอลลูกรีย์จะไม่ได้เกิด แต่แคทอาจเปลี่ยนใจรักบอลเพราะลูกก็ได้ขนาดลูกยังไม่เกิดแคทยังพูดถึงลูกถึงอนาคตให้บอลฟังตลอด อันนี้แค่รองคิดหลายๆมุมดูนะครับ

      ลบ
    4. ทั้งที่ในใจจริงๆแล้วก็รักกันอยู่ แต่เมื่อใหร่ทั้งคู่จะยอมรับหัวใจของตัวเองซักทีน๊า ขนาดคนอื่นยังรู้แม้แต่เด็กสาวทั้ง4ยังมองออกเลย

      ลบ
    5. ตามนั้นเลยครับ คนสวยรักเด็ก ตอนนี้ก็เหลือแค่รอลุ้นว่าจะเผยใจตัวเองตอนไหนครับ

      ลบ
  16. ชอบคุณมากครับ สำหรับ บทประพันธ์ชั้นเยี่ยม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รบกวนฝากงาน แสน รัน จวนครับ
      http://takahashigenjin.blogspot.com/2014/08/blog-post.html
      รองรับไปติชมกันนะครับ ชอบหรือไม่ชอบตรงไหนยินดีรับฟัง และจะนำไปปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้นในตอนต่อๆไป ขอบคุณครับ

      ลบ
    2. ท่านเป็นคนแต่งนี่เอง ผมก็ตามอ่านอยู่นะแต่พระเอกตั้ง3คน @_@ เยอะไปนะสำหรับผม

      ลบ
  17. 75 75 75 75 75 75 อยู่ที่ไหนกัน อยากเห็นพี่แคททำตัวออดอ้อนมากกว่านี้ ฮว๊ากกกกกกกกกกกกกก เหมือนตอนโดนม่อนสะกดจิตนั้นมันแหล่มโฮก 75 75 75 75 75 75

    ตอบลบ
  18. destiny of love ตอนที่3 ครับ รองเข้าไปอ่านกันได้นะครับ
    http://destinyoflove1.blogspot.com/2014/08/destiny-of-love-3-35.html

    ตอบลบ
  19. ป่านนี้ ผมว่า แฟนคลับบางท่าน
    อาจจะนอนละเมอ เพ้อว่า บอลๆๆ แคทๆๆ แล้วมั้ง

    แอบลุ้นว่า แคทตอนโดนสะกดจิต กับ ตอนปกติ อันไหนจะร้อนแรงกว่ากัน

    ตอบลบ