หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Moonstone Sidestory 4

Moonstone Sidestory 4 “ตามล่าฆาตกร...พิพากษา(ห้า)ครั้งสุดท้าย!!!!

3 มกราคม พ.ศ. 2549 10.30 น....

“...เธอจะว่าอย่างไรบ้าง?...บอกก่อนนะว่าพี่จะไม่บังคับหรือฝืนใจใดๆทั้งสิ้น...ถ้าเอ้ไม่...”
“กระผมเข้าใจเจตนาของท่านพี่ศรเพทายฉะนั้นมิจำเป็นต้องเอ่ยอะไรดอกขอรับ”
“จริงเหรอ?”
“ขอรับ...กระผมจะพยายามช่วยเต็มที่”
“ขะ...ขอบคุณเอ้มากนะ!!!...พี่ขอบคุณจริงๆ”
“ท่านพี่ศรเพทายก็มิจำเป็นต้องรู้สึกผิดเช่นกันแลมิต้องคำนึงว่าอยู่ในฐานะหมอเพราะว่า...”
“?”
“หมอก็หาใช่ผู้วิเศษแต่เป็นมนุษย์เดินดินมีเลือดเนื้อเช่นนั้นจึงมิอาจจะช่วยเหลือใครได้ทุกคนดอก”
“....................................................”
“ทว่ามิใช่ง่ายเพราะครั้งนี้น้องนางศรมุกดาตั้งใจมาก...ดูตะวันเลือดของนางสิขอรับป่านนี้ยังลุกโชนอยู่เลย”
“สุริยะโลหิตของคุณศรมุกดานับว่าพิเศษกว่าของผู้อื่นนะเจ้าคะ...ความโกรธแค้นที่มากมายมหาศาลแลจะมิยอมปล่อยให้มอดดับจนกว่า...”
“จิ๋ว แวงใหญ่กับเสี่ยคำลือจะสิ้นชีพ...นี่แหละที่กระผมเห็นว่ามิใช่ง่ายเลย”
“เอ้...พอจะมีวิธีมั่งหรือเปล่า?”
“กระผมจะไปหารือกับคุณศรไพลินก่อน...หากมองอย่างผิวเผินอาจจะดูคล้ายเป็นการหักหลังแต่กระผมเชื่อว่านางก็ต้องคิดเช่นเดียวกับท่านพี่ศรเพทายนะขอรับ”
“...หัวอกของคนเป็นพี่สาวน่ะนะ”
“คุณเอ้...ถ้านายหญิงอรศินีย์ทราบเรื่องนี้เข้า...มิจบง่ายๆนะเจ้าคะ”
“ฆาตกรก็ย่อมต้องเป็นฆาตกร...มือสังหารก็ย่อมต้องเป็นมือสังหาร...หากได้ลงมือครั้งหนึ่งแล้วก็ย่อมขึ้นชื่อว่าเป็นนักฆ่าตลอดไปหาได้มีวันลบล้างออกไม่...ชิโรเทนเคียว...ดาบเล่มนี้เคยฆ่าฟันผู้คนมานักต่อนักแลกระผมก็ใช้มันปลิดชีวิตศัตรูมาหลายครั้งเช่นกัน...แม้คนที่ตายไปล้วนแต่ชั่วช้าสามานย์ทว่ากระผมจักมิขอรับการยกย่องว่าผู้ผดุงความยุติธรรมดอก...นิด...เธอเตือนช้าเกินไปหน่อยนะ””
“คุณเอ้...”
“ถ้าทุกอย่างจบลงด้วยดีตามที่เราคาดไว้พี่สัญญาว่าจะตอบแทนเอ้แน่ๆ...ไม่ว่าอะไรพี่จะหามาให้”
“อะไรก็ได้หรือขอรับ?”
“อื้อ!!
“แต่เวลานี้กระผมมิต้องการสิ่งใด...นอกจาก...”
“เอ๊ะ?”
“ท่านพี่ศรเพทายคงรู้ความหมายนี้ใช่ไหมขอรับ?”
“จะเจ้าชู้ก็ดูเวลาดูสถานที่หน่อยสิยะ!!...หนูนิดนั่งหน้างออยู่ข้างๆนั่นไงเล่า!?
“ฮะๆๆ...นางเข้าใจดีน่ะขอรับ”
“เหลือเกินจริงๆ...อย่าเป็นเหมือนไอ้คุณชายหกหน้าหม้อนั่นได้มั้ย?...ก็ได้ๆ...ขอเพียงงานสำเร็จเอ้จะทำอะไรก็ตามใจ”
“อื้ม!!!...ได้ยินเช่นนี้กระผมก็มีกำลังใจแล้วล่ะ...เช่นนั้นขอตัวก่อนขอรับ”
“เฮ้อ~~...แต่ล่ะคนนะแต่ล่ะคน”
“...................................................”
“หนูนิด...เอ่อ--...คงจะไม่ว่าอะไรถ้า...”
“เปล่าเจ้าค่ะ...หนูหาได้กังวลหรือหึงหวงอะไรคุณเอ้ขนาดนั้นเพียงแต่ทุกอย่างมันจะสำเร็จแลจบลงได้ด้วยดีแน่หรือเจ้าคะ?...คุณศรเพทาย”
“...................................................”
..................................................................................................................................................

“ฮัดเช้ย!!!...ใครนินทาเนี่ย?”
“...................................................”
“ลงไปได้แล้ว--...จะขี่หลังฉันไปถึงไหน?”
“ถึงห้องเรียน”
“พูดเป็นเล่น!?...เธอขี่หลังฉันมาตั้งแต่แวะกินข้าวที่โรงอาหารแล้วนะ”
“ซ้อมไว้ๆ”
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง”
“ปีใหม่บอลไปเที่ยวไหนบ้าง?”
“กลับบ้านน่ะ...พวกเธอล่ะ?”
“ไม่ได้กลับหรอก...ขี้เกียจเสียเงินค่ารถ”
“พวกเธอนี่...ปีใหม่ทั้งทีน่าจะไปให้พ่อแม่เห็นหน้ามั่งน๊า~~
“กลับไปก็งั้นๆแหละ”
“หึๆ...อู๊ว!!!
“เป็นไร?”
“ไม่...ไม่มี~~
“...............................................”
“ทำบ้าอะไรยัยผี?...เจ็บนะ!!
“คุยอี๋อ๋อกับสาวอื่นต่อหน้าเค้ารึ?”
“อี๋อ๋ออะไรเล่า?”
“ฮึ!!
“ตกลงเธอจะให้ฉันพาไปถึงห้องเรียนจริงๆใช่มั้ย?”
“ก็บอกไปแล้วว่าฝนยังเจ็บขาอยู่ฉะนั้นจะไม่เดินโดยไม่จำเป็น”
“เออๆๆ”
“เจอแล้ว...เป็นเพื่อนร่วมห้องกับเอกคเชนทร์จริงๆด้วย...เราจึงรู้สึกคุ้นหน้าอย่างไรล่ะ”
“เบื้องหน้าก็ดูเป็นเด็กเรียนแท้ๆมิน่าจะมีเบื้องหลังเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ?”
“แต่ดูท่าจะยังมิรู้กัน...ใครติดต่อมา?”
“...คุณสุริยาวรรณเรียกดิฉันไปพบเจ้าค่ะ”
“งั้นก็ไปเถิด”
“ยังจะตามดูต่ออีกหรือเจ้าคะ?”
“...อืม”
“.....................................................”
“.....................................................”
“ถึงแล้ว”
“ขอบใจจ้ะ”
“อย่าอยู่ใกล้นักสิเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย~~
“เอาเหอะน่า--
“เลิกเรียนเค้าจะไปรอตัวเองที่หน้าห้องนะ”
“เพิ่งจะบอกไปหยกๆ!
...เท่าที่เห็นก็พอจะเดาออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืบหน้าไปมากทีเดียวหลังจากที่ผ่านพ้นคืนนั้นแล้ว...น้องนางหยาดฝนแสดงตนเป็นคนรักของเอกคเชนทร์อย่างชัดแจ้งแลมิได้คิดจะปิดบังด้วยส่วนคุณชายหกผู้ที่สมควรจะถูกตำหนิมากที่สุดยังนิ่งแลทำตัวเป็นปกติเช่นเดิม...
(แน่นอนว่าเข้าไปใกล้มิได้เราจึงต้องเร่งประสาทสัมผัสทางการได้ยินให้สูงขึ้นแลยืนแอบอยู่บริเวณมุมอับของตึกด้วย)
“พอแล้ว!!
“แหม~~...แค่จูบนิดจูบหน่อยเอง”
“นี่ไม่ใช่ที่บ้าน...เกิดมีใครมาเห็นจะเป็นเรื่อง”
“วันนี้เพิ่งเปิดเรียนคนคงมาน้อยจ้ะ”
“ถึงงั้นก็เถอะ...ฉันไปล่ะนะ”
“จ้า!!!
(หากใครมิรู้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันก็คงจะคิดว่าทั้งสองเป็นคนรักอย่างแน่แท้เพราะดูบรรยากาศยังไงก็ใช่)
“พี่แคท!!
“...มีอะไร?”
(ท่านพี่สุรีย์พรรณเดินขึ้นบันไดมาทว่ามิสนใจเสียงเรียกแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางเอกคเชนทร์จึงไปดักหน้า)
“ฉันถามว่ามีอะไร?”
“อุ!!...ทำเสียงเหมือนกำลังโกรธผมเลยแฮะ?”
“นี่!
!?
...อะ...เอกคเชนทร์ช่างเป็นผู้ชายที่เหิมเกริมนัก!!!...เขากล้าจับเส้นผมของท่านพี่สุรีย์พรรณตามใจตนเองเชียวหรือ?...มนุษย์เราทุกคนย่อมมิพอใจแน่หากมีใครอื่นถือวิสาสะมาลูบสัมผัสร่างกายโดยมิได้รับอนุญาตแล้วท่านพี่สุรีย์พรรณก็ขึ้นชื่อว่าหวงแหนเส้นผมของตนเป็นอย่างมากด้วย!!!...
“เธอนี่เหลือเกินเลย...อย่าไปทำแบบนี้กับใครเชียวนะโดยเฉพาะคุณป้า”
(อะไรกัน!?...มิโกรธดอกรึ?)
“ป้าเอ็มน่ะไม่ว่าหรอกแต่ผมก็ไม่ทำอยู่แล้วล่ะ”
“..................................................”
“ส่วนพี่เซคกับน้องม่อนก็ยิ่งหาช่องจะจับผิดอยู่ด้วยฉะนั้นทำอะไรให้ระวังซะมั่ง...กลับไปห้องเรียนได้แล้ว!!
“...ครับ”
“เดี๋ยว”
“?”
“มีแป้งติดที่ริมฝีปาก...มาตรงนี้”
(ท่านพี่สุรีย์พรรณหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดแป้งให้เอกคเชนทร์โดยหาได้มีทีท่าหงุดหงิดหรือรำคาญใจแต่อย่างใดไม่...ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็นับว่าเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนเช่นกัน!?)
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร”
“ให้ผมไปส่งที่ห้องนะ”
“พี่ไม่ใช่เด็กอนุบาลที่จะต้องให้ใครพาไปส่งถึงห้องเรียน!!
“ตกลงโกรธผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
“ว่าอะไรนะ?”
“เปล่าๆๆ”
“.................................................”
“ไอ้บอล!!...นึกไงมาเรียนวะ?”
“อ้าวไอ้นี่!?...เปิดเรียนก็ต้องมาสิเว้ย!!
“ให้ตายสิ!!...คนอะไรมากะลิ้มกะเหลี่ยกับพี่น้องตัวเอง?”
...ถ้าเป็นท่านพี่สุรีย์พรรณในอดีตเอกคเชนทร์แค่จับเส้นผมก็จะโดน “ยมทูตขวาเร็ว” ชกสวนกลับมาทันทีทว่าตอนนี้มันหาได้เป็นเช่นนั้นไม่เพราะนางเดินจากไปโดยมีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปาก!?...ช่วงสองสามวันนี่มันเกิดอะไรกันขึ้นนะ?...
“...ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้เสน่ห์ที่สุดในโลก...ลูกรีย์เห็นด้วยมั้ยจ๊ะ?...ฮิๆ”
(ลูกรีย์...ใครกัน?)
“มึงรู้ข่าวที่ผู้หญิงตกตึกตายเมื่อช่วงก่อนปีใหม่หรือยังวะ?”
(!?)
“อืม--...ฆ่าตัวตายใช่มะ?”
“ไม่แน่ว่ะ”
“หา!?
“เขาว่าอาจจะเป็นการฆาตกรรม”
“อย่าพูดมั่ว”
“พ่อกูเป็นตำรวจนะโว้ย!!
“ทำคดีด้วยเหรอ?”
“เปล่า...ฟังจากข่าววงในที่เขาลือกัน”
“แล้วใครจะเป็นคนฆ่า?”
“เขาลือกันว่าต้องเป็นสามีนั่นแหละที่จ้างวานใครบางคนมาฆ่าภรรยาตัวเอง”
“...หากมันจริงก็สุดชั่วเลย”
“อื๋อ?”
“บาปกรรมมาก...มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับผลักเมียตกตึกด้วยน้ำมือตัวเองเลยสักนิด...กูจะไม่มีวันให้อภัยไอ้คนแบบนี้หรอก!!!
“นั่นสิ”
“.................................................”
“เอ้ยบอล!!...วันนี้คนมาน้อยว่ะ?”
“เอกคเชนทร์...ความหมายของเจ้าคือ...”
“สงสัยจะหยุดอยู่บ้านกันต่อ...เผลอๆนี่อาจารย์จะปล่อยกลับนะโว้ย!?
จะสังหารด้วยน้ำมือตนเองหรือจ้างวานผู้อื่นกระทำก็ถือเป็นความผิดที่จะให้อภัยมิได้
“ไม่น่าทำตัวเป็นเด็กดีรีบมาเล้ย!!
“มึงก็พูดเข้า”
“อย่างนั้นหรือ?...นี่คือความนึกคิดของเจ้า...ฮึๆๆ...เพ้อเจ้อ!!!
(พูดเช่นนี้ออกมาได้ก็แสดงว่ายังมิเคยพบเห็นความจริงที่แสนโหดร้ายในอีกด้านหนึ่งของโลกใบนี้...น้องชายเอ๋ย~~)
...................................................................................................................................

...เวลา 19.40 น. โกดังร้างนอกเมือง...

“ใกล้จะถึงเวลาตายของนังศรมุกดาแล้ว...”
“มึงอย่าประมาท...สบโอกาสเมื่อไหร่ก็รีบจัดการเลย”
“เสี่ยไม่ต้องกังวล...พอนังนั่นเข้ามาได้ระยะเมื่อไหร่ผมจะกระหน่ำยิงทันที!!!...มันจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว”
“จากนั้นก็ให้มึงรีบหนีไปซะ...หายเข้ากลีบเมฆไปเลยชนิดที่ไม่มีใครหาพบทีนี้ต่อให้วิษณุมนตรีมีอิทธิพลมากแค่ไหนก็ยากที่จะสืบสาวมาถึงเราสองคน...มึงหายตัวไปส่วนกูก็ยืนกรานไม่รับแล้วใครจะทำอะไรได้...อ้อ!!...จำไว้ให้ดีๆนะมึงอย่าสบตากับมันเด็ดขาด”
“ได้ครับ...ทุกอย่างจะจบในชั่วพริบตา...เสี่ยรอฟังข่าวดีได้เลย”
“...อืม”
“เฮ้ย!!...มีคนผ่านเข้ามาหรือยัง?”
“ยังพี่”
...นับว่าโชคเข้าข้างที่ได้โกดังเก็บของร้างนี่มาเป็นเวที “เชือด” ศัตรูที่บังอาจเล่นงานแขนขวาของเรา...ต้องล้างแค้นให้ได้ไม่งั้นก็มีแต่ทางตายเท่านั้นเพราะฝ่ายตรงข้ามไม่เอาเราไว้แน่...ครั้งก่อนที่พลาดท่าก็เพราะเริ่มจากนังศรมุกดาเอาถังน้ำมันเปล่ามากระแทกใส่แต่ที่นี่ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่จะนำมาเป็นอาวุธได้เลย...
(รึต่อให้มันเอาอะไรมาก็ไม่หวั่นเพราะเรายังมีไม้เด็ดซ่อนอยู่อีก...อย่าคิดว่าจะเป็นเหมือนคราวก่อนนะ)
“พี่...พี่จิ๋ว!
“อะไร?”
“มีคนเดินเข้ามาในซอยแล้วครับ!!
“ผู้ชายหรือผู้หญิง?...มากี่คน”
“...ผมเห็นคนเดียวครับ...อือ--...ดูจากรูปร่างก็น่าจะเป็นผู้หญิง”
“แต่งตัวยังไง?”
“เอ--...ตรงที่ผมอยู่นี่มันมืดซะด้วยสิแต่รู้สึกจะใส่เสื้อสีขาวนะพี่”
“นี่มันโง่หรือบ้ากันแน่วะ!?
(ฮึๆๆๆ...เพราะใส่เสื้อขาวเดินเข้าที่มืดแบบนี้ก็มีแต่จะมาเป็นเป้ากระสุนปืนน่ะซี่!!!)
“แต่ช้า...”
“ช้าอะไรหึ?”
“มันเดินช้ามากเลยครับ”
“คงจะระวังตัวแจแหละ...แถวนั้นก็มีแต่พงหญ้าขึ้นสูงเกือบท่วมหัวด้วย”
“ผม...จัดการให้พี่ดีมั้ยครับ?”
“อย่าเสือกนี่เป็นเหยื่อของกู!!!...ปล่อยให้มันเดินมาทางโกดังห้ามทำอะไรทั้งนั้น...มึงติดต่อพรรคพวกให้เอารถไปจอดคอยตรงจุดนัดหมายได้แล้ว...กูทำงานเสร็จเมื่อไหร่ค่อยไปเจอกัน”
“ครับ”
“.................................................”
(แกร๊ก!!)
“อาวุธพร้อม...ต่อให้เหลือแขนซ้ายข้างเดียวก็ไม่มีปัญหาเพราะความเร็วในการชักปืนยิงกูไม่เป็นสองรองใครและก่อนที่มึงจะใช้พลังจิตกระสุนปืนนัดแรกก็เจาะเข้าร่างมึงไปแล้ว!!!!...ฮ่าๆๆๆ”
....................................................................................................................................................

“ตรงเวลาดีมาก...มาคนเดียวจริงๆด้วย”
“เราเป็นคนรักษาสัญญาแลคำพูด”
“ฉันเห็นแล้ว...เธอเดินจากถนนใหญ่เข้ามาเพียงคนเดียว”
“เอาล่ะ...งั้นแกก็จงพูดออกมาเสียที”
“...ได้”
“.................................................”
“แต่มึงต้องเป็นศพก่อน!!!!
(เปรี้ยง!!!)
“อื๋อ!?
“วิธีการชั่วๆของอาชญากรน่ะเรารู้ซึ้งดีเลยเทียว...ไร้ประโยชน์!!
“ห๊ะ?”
“เศษเดนมนุษย์ที่มิรู้จักผิดชอบชั่วดีเช่นแก...เราจะฉีกแขนขาออกจากร่างแล้วโยนให้สุนัขแทะกิน!!!
...ฮึ่ม!!...นึกว่าจะได้ผลแล้วนะแต่นังปิศาจนี่ระวังตัวมาก...กระสุนปืนที่ยิงออกไปอย่างฉับพลันกลับโดนแค่ชายผ้าคลุมของมันเท่านั้น...
(หาย...หายไปไหนแล้ว!?)
“เข้าใจเลือกสถานที่นี่”
“ข้างหลังเรอะ?”
(เปรี้ยง!!!)
“ขนย้ายข้าวของที่เราอาจจะใช้เป็นอาวุธออกจนหมดเสียด้วย...หัวใสมิเบา”
“มันไม่ใช่แค่นั้น...อุ๊บ!!
(มาอยู่ด้านข้างของเราก่อนหลบฉากออกไปและเกือบจะสบตาที่แดงโร่ของมันแล้ว...หนอย~~...ขอแค่ไม่มองแกตรงๆก็ปลอดภัยแล้วล่ะโว้ย!!!)
“แกจุดคบไฟไว้เพื่อช่วยในการมองเห็นหรือ?”
“ก็เอาไว้เผาศพของมึงให้ไหม้เป็นตอตะโกไงเล่า!!
(เปรี้ยงๆ!!!)
“หลบได้อีกแล้ว...ไวนักนะมึง!!!
(เอ๊ะเดี๋ยวซิ!?...ที่ยัยนี่มันหลบไปมาทั้งซ้ายขวาหน้าหลังก็เพื่อจะหลอกล่อให้เรายิงปืนจนหมดกระสุนสิท่า?)
“หึ!!...กูจับไต๋มึงได้แล้ว...พอที่นี่ไม่มีของเล่นมึงก็เลยจะหลอกให้กูยิงจนกระสุนหมดใช่มั้ย?”
“ชิ!
“นั่นไง~~...จากนั้นอาศัยจังหวะที่กูเผลอก็ลอบเข้ามาใกล้เพื่อให้กูมองตามึง...ฮึ๊ย!!
“อุ๊ก!!
“ฮะๆๆๆ...ไม่ได้แอ้มว้อย!!!
...ถีบได้ทีนึงแล้วแต่ยังจับตัวไม่ได้...เวลานี้จะต้องใช้สัญชาตญาณและประสาทสัมผัสของตัวเองให้เป็นประโยชน์...ในที่มืดไม่มีไฟฟ้ามีแต่แสงจันทร์ส่องพ้นประตูโกดังเข้ามาบวกกับคบไฟสองสามอันอีกทั้งศัตรูก็เสือกทะลึ่งแต่งกายชุดขาว...อย่างไรเราก็ได้เปรียบ...
“แก...ดื้อด้านเสียจริง...ดิ้นรนหนีความตายอย่างงั้นหรือ?”
“ดิ้นรน?...ใช้คำผิดสถานการณ์ไปหน่อยมั้ง?”
“...............................................”
“มึงกับกูใครจะเป็นฝ่ายพินาศกันแน่?”
(เห็นเงาอยู่ทางด้านซ้าย...งั้นก็ต้อง...)
“อยู่ทางนี้!!...เอ๊ะ?”
“ฮิๆๆ...เราอยู่ทางนี้”
“แก~~
“มิใช่ๆ...ทางนี้ต่างหาก”
“...............................................”
“มองไปที่ใดกัน?...ผิดแล้ว”
(มันกำลังยั่วให้เราเสียสมาธิฉะนั้นจะไปหลงกลไม่ได้...นิ่งสงบสยบเคลื่อนไหวและไม่ต่อปากต่อคำด้วย)
“ถ้ายืนนิ่งเป็นหุ่นเช่นนั้น...ของดีจะตกจากฟ้า”
!!!
...เฮ้ย!?...เมื่อกี้นังศรมุกดาทำอะไรข้างบนถึงเกิดเสียงดังคล้ายระเบิดและหลังคากระเบื้องก็หล่นลงมาที่พื้น?...หนอยแน่ะ!!!...เล่นไม้นี้เองหรอกเหรอ?...
(อุ๊บ!!...ฝุ่นเยอะชะมัด)
“ฮ่าห์~~
!!!!!!
(มันอาศัยช่วงที่ฝุ่นยังลอยตลบพุ่งตัวเข้ามาทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วแล้วเอานิ้วชี้จี้หน้าผากของเรา...จะ...จะทำอะไร?)
“แกจบล่ะ!!...จันทร...”
“ไม่มีทาง!!!
“โอ๊ย!!
“อย่าหวังว่าจะฆ่ากูได้เลย...ไม่มีวัน!!!
...ต้องขอบคุณประสบการณ์ที่ผ่านความเป็นความตายมามากมายจึงช่วยให้เรายังมีสติและคิดหาวิธีแก้ไขได้ทัน...เราชิงปัดแขนมันออกแล้วชกสวนไปเต็มแรงซึ่งมันก็ได้ผลดีเยี่ยม...นังศรมุกดารีบถอยฉากไปนั่งเข่าทรุดเอามือกุมท้อง...
“อึ๊ก!!
“ยังคิดจะสู้รึ?...โดนหมัดของกูเข้าไปเต็มรักแบบนั้น”
“ฮึ่ม!
“ทำให้ยุ่งยากดีนักแต่กูขอยิงขามึงสักนัดก่อนจะได้หนีไปไหนไม่ได้”
“บังอาจ!!!
“หึๆๆ”
(รอจังหวะนี้มานานแล้ว...พุ่งเข้ามาแบบนี้ก็เสร็จโก๋สิ...กูไม่ได้ตั้งใจจะใช้ปืนตั้งแต่แรกแล้วโว้ย!!!)
“อั๊ก!?
“ฮี่ๆๆๆๆๆ”
“อะ...อะไร...กัน?”
...ยังอ่อนๆ...นึกว่ากูจะมีแค่ปืนเป็นอาวุธเท่านั้นเหรอไง?...นักฆ่าที่เก่งฉกาจจะต้องซ่อนงำอาวุธลับไว้ให้มิดชิดแล้วเอาออกมาใช้เมื่อยามที่มีโอกาสซึ่งมีดปลายแหลมที่ซ่อนในแขนเสื้อก็คือ “อาวุธลับ” ของเรา!!!!...
“สำเร็จ--...สำเร็จแล้ว!!!...หึๆๆ...ปวดแขนขวาขึ้นมาเชียว~~
“มะ...มินึกเลย...ว่าแก...ค่อกๆ...จะมีมีดด้วย?”
“เฮอะ!!...รู้ก็สายไปแล้วนังหนูแต่ทนทายาดดีเหมือนกันนี่?...โดนแทงจ้วงเข้าที่ท้องเต็มๆแต่ยังไม่ยอมขาดใจตายอีก”
(ถึงมันจะร่วงลงไปนอนหงายจมกองเลือดแต่เราก็ไม่ประมาทรีบเข้าใกล้ทันที...มีจังหวะเหมาะเมื่อไหร่จะใช้มีดที่เหลืออีกสามเล่มตัดแขนขานังปิศาจนี่ซะเพื่อชดใช้ให้ความเจ็บปวดที่แขนขวาของเรา)
“เพราะ...ระ...เราประมาทแก...อ๊อก!!!...น่า...น่าเสียดายนัก~~
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“แต่...แต่ก่อนที่เรา...จะ...จะตาย...ชะ...ช่วยบอก...อื๊อออออออ”
“มึงอยากรู้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?...ได้!!...เพื่อที่มึงจะได้ตายตาหลับและก็เอาไปบอกยมบาลด้วยล่ะกันนะว่าใครที่เป็นคนฆ่ามึง?...หึๆๆๆ”
“ค่อกๆๆ”
(กระอักเลือดออกมาจนเลอะเสื้อกับผ้าคลุมไปหมด...ช่างน่าสงสารจริงๆนะคนสวยแต่ใครที่บังอาจมาลองดีกับเราก็ต้องเจอแบบนี้!!!!)
“นังดวงตาน่ะไม่ได้ตกจากตึกลงมาตายเองหรอก”
“...............................................”
“เพราะว่าเธอถูกใครบางคนผลักตกลงมาต่างหากและใครบางคนนั้นก็คือ...กูเอง...จิ๋ว แวงใหญ่คนนี้แหละ!!!
!!!!!!!!!!!!!!!
.........................................................................................................................................

(เพล้ง!!)
“เซค!?
“ไม่...ไม่เป็นไร”
“แต่หน้าเธอซีดมากเลยนะ”
“ทำไมอยู่ๆหัวใจถึงเต้นแรงแบบนี้?...ทิม...ฉัน...ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย...จะเกิดอะไรขึ้นกับม่อนหรือเปล่า?”
“...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง?...น้องสาวของเธอเก่งจะตายไปเพราะขนาดตำรวจยังหาตัวไม่เจอจนกระทั่งป่านนี้”
“แกกำลังประชดฉันอยู่นะ!!...ฉันบอกเป็นรอบที่ร้อยแล้วว่าคราวนี้ยัยม่อนก็ไม่ยอมพูดว่าจะทำอะไรให้รู้เลยสักนิด”
“เปล่าประชดสักหน่อย...อย่าพาลใส่กันง่ายๆแบบนี้สิ”
“จะไม่เชื่อก็ตามใจเฟ้ยไอ้คนเข้าใจยาก!!!
“ขี้โมโหเป็นคุณป้าวัยทองไปได้”
“ว่ายังไงนะ?”
“เอ้าๆๆ...ผมไม่มีเวลามาทะเลาะด้วยหรอก...มีอะไรเหรอ?”
“................................................”
“งั้นหรือ?...เขาเป็นใคร?”
“................................................”
“พาเขามาให้ปากคำตอนนี้เลยได้มั้ย?”
“................................................”
“โอเค!!...ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“มีเรื่องอะไรรึ?”
“เรามีพยานปากสำคัญแล้วล่ะเซค”
“?”
“เขาคนนี้เห็นชายรูปร่างลักษณะตรงกับจิ๋ว แวงใหญ่เข้าไปในบ้านเสี่ยคำลือเมื่อช่วงหัวค่ำของสองคืนก่อนจะเกิดเหตุคุณดวงตาเสียชีวิต...ทีแรกก็ไม่กล้ามาเป็นพยานเพราะกลัวภัยจะถึงตัวแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว”
“จริงๆเหรอ?”
“เริ่มจะเห็นปมที่ซ่อนอยู่แล้ว...ถ้าเป็นไปตามที่คิดก็จะปะติดปะต่อกันได้มากขึ้น...จิ๋ว แวงใหญ่คงจับตัวคุณดวงตาไปกักขังที่สำนักงานนั่นแหละซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เสี่ยคำลือจะไม่รู้”
“นอกจากนี้ผลตรวจร่างกายคุณดวงตาก็ยังพบสารออกฤทธิ์ในยานอนหลับด้วย...ถ้าเอาข้อสันนิษฐานสองอย่างนี้มารวมกัน...”
“อืม--
“มันคือการฆาตกรรมตั้งแต่แรกแล้วครับคุณตำรวจ”
“คุณ...”
“นายชาญ...นักสืบที่ทำงานให้ม่อนนี่นา?...นี่!!...ม่อนอยู่กับนายหรือเปล่า?”
“คุณหนูรองไม่ได้อยู่กับผมหรอกครับ”
“โธ่เอ๋ย!!...แล้วเด็กนั่นจะไปที่ไหนได้อีกนะ?”
“ผมรู้ครับ”
“หา?”
“ที่จริงผมก็ไม่สมควรจะพูดเพราะคุณไหมกำชับนักหนาแต่พอมาคิดอีกที...”
“เลิกพูดจาเยิ่นเย้อแล้วบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าน้องสาวฉันอยู่ไหน?”
“โกดังร้างทางทิศตะวันตกนอกเมืองครับ”
“งั้นก็รีบไปกันเลย!!
“นี่เธอจะไปด้วยเหรอ?”
“แน่อยู่แล้ว...น้องสาวฉันทั้งคนนะ!!!
“แต่ก็ไม่รู้นะครับว่าจะยังทันหรือเปล่า?”
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“เพราะขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่ก็อาจจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง...ต้องตายไปแล้วก็ได้มั้งครับ?”
“ไอ้ชาญ~~...แกรู้แต่ไม่ยอมบอกฉัน...คอยดูนะถ้าม่อนเกิดเป็นอะไรไปฉันไม่เอาแกไว้แน่ๆ!!!
“ผมเอง!!...แจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ๆรีบไปตรวจสอบโกดังร้างตรง...อะ...อะไรนะ!?...มีชาวบ้านแจ้งว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดจากที่นั่นเลยงั้นเรอะ?...ฮึ่ม!!!...ติดต่อขอกำลังเสริมด่วนอีกไม่เกินสิบนาทีผมจะไปถึง”
“ไม่!!...ม่อนอย่าเป็นอะไรไปเชียวนะ...พี่ไม่ยอม!!!!
“...คุณนักสืบ”
“?”
“ครั้งนี้นายจ้างของคุณทำเกินไปจริงๆ”
“ผมถึงได้ตัดสินใจมาบอกคุณหนูใหญ่กับผู้หมวดทั้งที่ถูกสั่งให้หุบปากเงียบๆไง”
“หากทุกอย่างจบลงผมจะขอจองตัวคุณไว้เลย...ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด”
“ไม่มีปัญหาหรอกครับ...ผู้หมวดอยากรู้อะไรผมจะบอกทุกอย่าง...ขอแค่ให้คุณหนูรองปลอดภัยก็พอแล้ว”
..............................................................................................................................................

“เป็น...เป็นแกจริงๆ...สา...สารเลวที่สุด!!!!
“มึงจะด่ากูยังไงก็เชิญเพราะไหนๆมึงก็จะตายอยู่แล้วแต่ทนทรหดเหลือเกินว่ะ...ขนาดโดนฟันแขนขวาขาดแล้วยังมีแรงด่ากูได้อีก?”
“อ๊ากกกกกกกก~~
“มึงแส่รนหาที่เองว้อย!!!...จงโทษความเสือกของตัวเองไปเถอะที่ตามดมกลิ่นแถมกัดกูไม่ยอมปล่อยแต่ก็ไม่สูญเปล่านี่นะเพราะอย่างน้อยก่อนตายมึงก็ได้รู้ว่าฆาตกรที่แท้จริงคือใคร?...ฮ่าๆๆๆ...ขอปรบมือให้กับความเก่งของมึงหน่อย”
“................................................”
“เอ้า!!...กูจะเล่าให้มึงฟังตั้งแต่ต้นอีกทีก็ได้...อย่าเพิ่งรีบตายซะก่อนล่ะเพราะมันจะสบายไป”
(“หายไปไหนกันหมดนี่ไม่มีใครอยู่บ้านสักคนเลย?...มีอะไรหรือนายจิ๋ว?”
“เสี่ยสั่งให้ผมมารับคุณนายครับ”
“รับ...จะรับไปไหน?”
“ออฟฟิศครับ”
“ฉันไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยนะ”
“คือเสี่ยเพิ่งโทรบอกผมเมื่อสักครู่...รีบไปเถอะครับ...มีเอกสารหลายอย่างที่เสี่ยอยากให้คุณนายเซ็นต์”
“...เดี๋ยว!!...ฉันขอคุยกับเสี่ยก่อน”
“เชิญครับ”
“...............................................”
“...............................................”
“ไม่รับสาย...มัวทำอะไรอยู่นะ?”
“เสี่ยก็คงกำลังยุ่งกับเรื่องติดต่องานมั้งครับ?...เรารีบไปกันเถอะอย่าให้เสียเวลาเลย”
“ไม่!!...ฉันจะขับรถไปเอง...ส่งกุญแจมา”
“ผมคง...ปล่อยให้คุณนายทำแบบนั้นไม่ได้!!!
“แก!!...แกจะทำอะไรฉัน?...อุ๊!...อู้ๆ”
“ฮึ!!...ในเมื่อพูดดีๆไม่ฟังงั้นก็ต้องใช้กำลัง”
“อืออออออออ...อื๊ออออออออ~~...”
โอ้!?...ยาสลบออกฤทธิ์เร็วดีจัง...เรียบร้อย!!...ทีนี้ก็พาขึ้นรถไปที่ออฟฟิศตามแผน”)
“ไอ้...ไอ้ชั่ว...แกจับคุณ...ดวงตา...ไปกักขัง...ถึงสองวันสองคืน...อ๊อก!!!
“ที่จริงฉันก็ไม่อยากฆ่าหรอกนะแต่มันช่วยไม่ได้เพราะนี่คืองานและก็รับเงินเสี่ยมาเรียบร้อยแล้ว”
“โกหก!!...แก...แกจะต้องฆ่าเพื่อปิดปากต่างหาก!!!
“ฉลาดนี่นังหนูแต่เสียดายเพราะมึงก็กำลังจะตามเพื่อนผู้รู้ใจไปลงนรกในอีกไม่ช้านี่แล้ว...ก่อนที่จะตัดหัวออกจากร่าง...แขนซ้ายของมึงน่ะขอให้กูเถอะ!!!!!
!!!!!!!
“ฮี่ๆๆๆๆๆๆ...ฉัวะเดียวขาด...อ่อนแอนี่หว่าแก!!
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย~~
“ถ้ามึงไม่สาระแนอยากจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมก็ไม่ต้องมาพบจุดจบแบบนี้หรอก...จะล้างแค้นให้เพื่อนเรอะ?...ชาติหน้าตอนบ่ายๆเหอะ!!!
“อ๊ากกกกกกก”
“ฮ่าๆๆๆๆ...ร้องเข้าไปๆ...เสียงร้องที่สุดแสนทรมานของมึง!!!...จำใส่กะลาหัวไว้ว่ามึงกับกูมันคนละชั้น”
“เอ๊อะ!!...โอ๊กกกก”
“ดังนั้นมึงต้องทุกข์ทรมานเจ็บปวดเหมือนนังคุณนายนั่นแหละ...ตอนกูลากมันไปบนดาดฟ้าน่ะร้องให้ขอชีวิตใหญ่เลย”
“อือออออออออออออ”
“แต่กูบอกว่าถ้าไม่อยากโดนฆ่างั้นก็โดดลงไปตายเองสิ...ใช่ๆ...จะจ่ายเงินเพื่อไม่ให้กูฆ่าด้วยนะแต่เผอิญกูเป็นคนดีไม่รับเงินหลายทาง...นังคุณนายจืดชืดเลยต้องตกลงมาโหม่งพื้น...ตาย!!...ฮะๆๆๆๆ”
“.................................................”
“เอาเซ่!!!...ร้องออกมาให้สุดเสียง...ร้องให้ดีใจที่ใกล้จะได้เจอเพื่อนสิโว้ย!!...นี่ๆๆ”
“ยกโทษ...ให้มิได้”
“อ๋า?”
“แก...จะต้องชดใช้...พิ...”
“?”
“...พากษา...ครั้งที่หนึ่ง...หวาดหวั่นเกรงกลัว”
“บ่นพึมพำอะไรของมึงวะ?”
“ครั้งที่...สอง...ลุ่มหลง...ลำพอง”
“มึงพูดบ้าบออะไร?...นี่ๆๆ...จะตายห่-อยู่แล้วยังเล่นบทฮีโร่...เฮอะ!!
“...ครั้งที่สาม...มายา...ลวงหลอก”
“อีบ้าเอ๊ยแพล่มอะไรของมึง!!!...ยังมีฤทธิ์เดชอีกเรอะ?...ตายๆๆๆๆๆ”
“ครั้งที่...สี่...เจ็บปวด...ทรมาน”
“ฮึ่ย!!...จะแทงไม่นับครั้งเลย...กูเสียเวลากับมึงมามากพอแล้ว...ลงนรกไปซะ!!!
“ครั้งที่...ห้า...”
ตายซะนังปิศาจ!!!!
“อัปยศ...สิ้นศักดิ์ศรี”
โดนมีดเสียบพรุนทั้งร่างไม่นับครั้ง...เก่งมาจากไหนก็ตายห่-เรียบ...ฮ่าๆๆๆๆๆๆ...ฮะ...เอ๊ะ?”
“เวลา...ที่จะพิพากษาเดียรัจฉานในร่างมนุษย์เช่นแก...มาถึงแล้ว~~
!?
“ฮึเฮอะ!!...ฮะ...ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“เฮ้ย!!!!!!!!!...ทะ...ทำไมมึง?...”
...เราตาฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย?...ไม่เข้าใจ!!!...ไม่เข้าใจเลยว่าร่างจมกองเลือดที่ไร้แขนสองข้างและเต็มไปด้วยบาดแผลที่เราใช้มีดจ้วงแทงไม่นับครั้งแต่กลับลุกพรวดพราดขึ้นมายืนหัวเราะเยาะอยู่ตรงหน้าเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!!!...
“มึง...มึงเป็นตัวอะไรกันแน่วะ?...ทะ...ทำไมมึงยังไม่ตาย?”
“แกพูดไว้ว่าระหว่างเราสองคนใครจะเป็นฝ่ายพินาศใช่ไหม?”
“..........................................”
“มิน่าถาม...มันก็ต้องเป็นแกแน่นอน!!!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“คุณหนูเจ้าคะ!!
“ไหม!?
“แขน...อั๊ก!!!...แขนขวากู...โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย”
(ขะ...แขนขวาของเราถูกบิดจนหมุนได้รอบ...ใน...ชั่วพริบตาเป็น...ครั้งที่สอง)
“มาได้จังหวะพอดี...เราพิพากษาเจ้าเดียรัจฉานตัวนี้ไปสามครั้งแลวาระสุดท้ายของมันก็ใกล้จะมาเยือน...ทุกอย่างกระจ่างชัดแจ้งหมดแล้ว”
“พิ...พิพากษาอะไร...กะ...เกิดอะไรขึ้น?...เมื่อกี้มึงยัง...นอนจมกองเลือดอยู่เลย?...แล้วแขนของมึงก็...”
“ก็อยู่บนไหล่แกนั่นไง”
“หวะ...หวา~~
“หึๆๆๆๆๆๆ...อยากได้นักมิใช่รึ?...เอาไปสิ!!
“ว้ากกกกกกกกก...บ้า...บ้าไปแล้วววววว...มึงมันไม่ใช่คน!!!!
(แขนซ้ายขวาลอยกลับไปหาเจ้าของแล้วค่อยๆผสานติดเข้ากับร่างเหมือนเดิมจากนั้นนังศรมุกดาก็ขยับแขนขึ้นลงราวกับจะเยาะเย้ยเรา...มนุษย์ที่ไหนจะทำอย่างนี้ได้?...เอ้ย!!!...นังปิศาจหายไปไหน?)
“แก...หลงติดอยู่ในภาพลวงตาเสียนานเทียวนะ”
“ภาพ...ภาพลวงตาเรอะ?”
(ตัวจริงอยู่ทางด้านหลัง...นี่แสดงว่าตลอดเวลาที่เราติดอยู่ในภาพลวงตามันก็เฝ้าดูอยู่ไม่ห่างเลย!!!)
“ถูกต้อง...แกน่ะทำได้เพียงวิ่งวนอยู่บนฝ่ามือของเรามาตั้งแต่ต้น...รวมทั้งเจ้าเสี่ยชั่วนั่นด้วย”
“ฮึ่ม!!!
“ต่อจากนี้ก็อย่าเพิ่งหวาดกลัวจนเป็นบ้าไปเสียก่อนล่ะ”
.......................................................................................................................................

“คุณหนูใหญ่กลัวว่าคุณหนูรองจะได้รับอันตรายหรือครับ?”
“ใช่...ฉันรู้ดีว่าเด็กนั่นมีความสามารถอะไรมั่งแต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้”
“ผมเข้าใจครับแต่ก็ขออนุญาตที่จะคิดไม่เหมือนคุณหนูใหญ่”
“?”
“คือผมลองมาคิดดูดีๆอีกครั้ง...จิ๋ว แวงใหญ่เป็นมือปืนรับจ้างที่มีประสบการณ์กับฝีมือดีแต่ยังไงก็เป็นคนธรรมดาเพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางต่อกรกับคุณหนูรองได้หรอกครับ”
“...นายจะพูดอะไรน่ะ?”
“ที่ขอให้คุณหนูใหญ่มานั่งรถผมก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้...เอ่อ--...ผมกำลังหมายถึงบทพิพากษาทั้งห้า”
“นี่...นายรู้ด้วยเรอะ?”
“ผมก็แค่ฟังที่เขาร่ำลือกันน่ะครับ...ว่ากันว่าเป็นวิธีลงทัณฑ์ศัตรูของคุณหนูรองที่น่าสยดสยองที่สุดแต่จะมีอยู่จริงหรือไม่นั้น...”
“มัน...มีจริง”
“เอ๋!?
“แล้วฉันเชื่อว่าครั้งนี้ยัยแมวหลงทางก็จะใช้แน่นอน”
“จริงหรือครับ?...แต่...แต่ผมยังไม่รู้ความหมายของมันเลย”
“หนึ่งหวาดหวั่นเกรงกลัว...สองลุ่มหลงลำพอง...สามมายาลวงหลอก...สี่เจ็บปวดทรมาน...ห้าอัปยศสิ้นศักดิ์ศรี”
“................................................”
“ถ้าม่อนใช้เมื่อไหร่ก็หมายความว่าศัตรูไม่มีทางเลือกอื่น...จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่ได้...ว่าแต่ข้างหน้าเขาหยุดทำไม?”
“นั่นมัน...”
“ทำไมเหรอทิม?”
“มีใครไม่รู้ตัดต้นไม้ให้ล้มขวางถนนทางเข้า...รถตำรวจเข้าไม่ได้เลย”
“ใช่ฝีมือคนร้ายหรือเปล่า?”
“อาจเป็นไปได้นะ”
“................................................”
“หมู่...มีทางอื่นอีกมั้ย?”
“อ่า--...ผมถามชาวบ้านแล้วบอกว่ายังมีอีกทางตรงฝั่งโน้นครับ...อ้าว!?...ทางนั้นก็มีต้นไม้ล้มขวางด้วยเหรอ?”
“ต้นไม้นี่ไม่ได้ล้มเองแน่แต่มีใครบางคนจงใจโค่นมัน...ดูสิ?...รอยตัดเหมือนกับใช้ของมีคม”
“...คุณหนูใหญ่”
“อืม--...ฝีมือของเอ้”
“ผู้หมวดครับ!!...ต้นไม้มีขนาดใหญ่มาก...ด้วยกำลังของเรากว่าจะขยับออกได้คงเสียเวลามากแน่ครับ”
“................................................”
“เก่งชะมัดแฮะน้องเราคนนี้!...ดูเหมือนจะโค่นลงได้ในทีเดียวซะด้วย”
“ใช้อะไรนะ?”
“อือ--...ดาบอสูร...ชิโรเทนเคียว”
“เห?”
“ชู่ว~~
“จากที่นี่ไปถึงโกดังนั่นไกลแค่ไหน?”
“น่าจะประมาณ...สี่ร้อยเมตรได้มั้งครับ”
“งั้นเราจะต้องเดินเท้าลุยผ่านพงหญ้าเข้าไปแล้วล่ะ...เจ้าหน้าที่ทุกคนกระจายกำลังเดินเรียงแถวหน้ากระดานและค่อยๆตีโอบล้อมโกดังไว้...เจ้าหน้าที่ที่ฝั่งโน้นก็ให้ทำแบบเดียวกันและพบใครน่าสงสัยก็ควบคุมตัวไว้เลย”
“เอาจริงเรอะ?”
“เซครออยู่นี่แหละ”
“ไม่!!...ฉันก็จะตามไปด้วย”
“จะเข้าไปได้ยังไง?...ป่ารกจะตายและเธอก็นุ่งกระโปรง”
“ถอดสิฟะไม่เห็นยาก!!
“โอ้!?
“ข้างในฉันนุ่งกางเกงขาสั้น...แค่นี้ก็ไม่มีปัญหา”
“โธ่~~
“...เหมือนได้ยินเสียงใครบ่นเสียดายแฮะ?”
“เร็วเข้าเวลาไม่มีแล้ว!!...ทุกคนระวังตัวด้วย”
“คุณหนูใหญ่คอยอยู่ข้างหลังผมนะครับ”
“เออน่า!
“...................................................”
“พี่ขอโทษเอ้จริงๆ...แต่...ยังไงก็ขอให้เธอไปทันทีเถอะเพราะบทพิพากษาทั้งห้าของม่อนน่ะ...”
...................................................................................................................................................

...แม้ดิฉันจะอยู่ในฐานะมือขวาของคุณหนูรองแต่ก็มิได้พบเจอ “บทพิพากษาห้าครั้งสุดท้าย” มานานมากแล้วซึ่งนั่นเป็นเพราะศัตรูคนใดที่ได้รับมันย่อมต้องถือว่าเป็นบุคคลที่คุณหนูรองมิอาจจะให้อภัยได้...หาได้ต้องร้องขอแลหาได้มีความเมตตาปราณีไม่...
“ครั้งแรก...ที่มึงหักแขนขวากูน่ะรึ?”
“ความจริงแกน่าจะตายไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นทว่าต่อมาเราก็คิดขึ้นได้ว่าช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่แกยังมีชีวิตรอดอยู่...บทพิพากษาทั้งห้านี่เราเองก็มิได้ใช้มานาน...นับว่าแกโชคดีนะ”
“นัง...นังมารร้าย!!!...จะเอาไงก็ว่ามาเซ่!!!!
“ต่อมาแกก็เกิดความหวาดหวั่นแลเกรงกลัวเราเพราะมิเคยเจอศัตรูเช่นนี้มาก่อน...ใช่หรือไม่?”
“กะ...กูไม่ฟังมึงพล่าม!!...อ๊ากกกกกกก...โอ๊ยยยยยยยยยยยยย”
(แขนซ้ายตั้งแต่ข้อศอกลงมาของจิ๋ว แวงใหญ่หมุนคว้างเป็นวงกลมแลมีเสียงกระดูกแตกหักดังกร๊อบๆพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนเหงื่อไหลเต็มหน้า...อึ๊ก!!...น่าหวาดเสียว)
“ครั้งที่สอง...เราสะกดจิตให้แกเห็นภาพลวงตาแลนึกคิดไปเองว่าได้ทำร้ายเราอย่างสาสม...แกลุ่มหลงอยู่ในภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นแลลำพองใจว่าแก้แค้นสำเร็จแล้ว...ถูกต้องใช่ไหม?”
“อึ๊ก!!...ปะ...เป็นไปได้ไง?...ก็กูไม่ได้...สบตามึงเต็มๆเลย...ระ...รึว่า?...ทีมึงจี้หน้าผากกูเมื่อตอนนั้น...”
“การสะกดจิตสร้างภาพลวงตาใส่ศัตรูนั้นมิจำเป็นต้องมองตาเพียงอย่างเดียว...สำหรับผู้ที่ใช้พลังจิตแล้วก็นับว่ามีอยู่หลายวิธี”
“ละ...แล้วที่เสี่ยเตือนกูนั่น...”
“หึๆ...มันก็ตกหลุมพรางของเราเช่นเดียวกันนั่นแหละ”
“หา?”
“ที่โรงพยาบาลเราจงใจจ้องหน้าเพื่อให้มันฉุกคิดไปเองว่าเราใช้พลังจิตหยุดการเคลื่อนไหวผ่านทางดวงตา...หึๆๆ...เราก็คาดการณ์ไว้บ้างเช่นกันนะว่าเจ้าเสี่ยนั่นจะต้องเตือนแก”
“หมายความว่า...ตั้ง...ตั้งแต่ต้น...มึง...มึงคำนวณไว้หมดเลยหรือเนี่ย?”
“ฮึๆ”
“อัน...อันไหนจริงอันไหนหลอกกันแน่?...กูก็แทงมึงจนเลือดสาดกระจาย...สะ...สัมผัสนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องโกหกไปได้ยังไงเล่า?”
“แล้วมีเลือดของเราไหลแม้สักหยดหนึ่งไหม?”
“ละ...เลือดที่ปากมึง”
“เกิดจากกำปั้นของแก”
(อ๋อ!!...ที่แท้คุณหนูรองก็โดนชกไปหมัดหนึ่ง)
“เราถึงบอกว่าพวกแกสองคนได้แต่เต้นไปบนฝ่ามือของเราเท่านั้นอย่างไรล่ะ...ลุกขึ้นมา--
“แก...มึงจะทำอะไรกู?...เฮ่ย!?
...คุณหนูรองใช้พลังจิตยกตัวจิ๋ว แวงใหญ่ที่มิอาจจะต่อสู้หรือทำอะไรได้อีกเพราะแขนสองข้างของเขาถูกคุณหนูรอง “บิดงอหักกระดูก” จนหมดสภาพแล้ว...เลือดของเขาไหลจากข้อศอกหยดลงพื้นทว่าหาได้มีเลือดของคุณหนูรองแต่อย่างใดไม่เพราะมันคือ “ภาพลวงตา” ที่อยู่ใน “มายา ลวงหลอก” ขั้นตอนที่สามของบทพิพากษาสุดท้ายแห่งชีวิต...
“อั๊ก!!
“ครั้งที่สี่...เจ็บปวด ทรมาน...เราขอยืมอาวุธลับของมือสังหารชั้นยอดอย่างแกหน่อยล่ะกัน”
“ยะ...อย่านะ!!...ฉัน...ฉันสำนึกผิดแล้ว!!!...อย่า~~
“คุณหนูเจ้าคะ!!
“ทำไม?”
“เขา...มิอยู่ในสภาพที่จะ...”
“คุณดวงตาก็มิอยู่ในสภาพจะขัดขืนแต่...”
“ช่วย...ช่วยด้วย!!!!
“มันกลับผลักลงมาจากตึกจนถึงแก่ความตาย...เราจะมิยกโทษให้โดยเด็ดขาด!!!...ฮิ!...จะเสียบตรงไหนดีนะ?”
(มีดปลายแหลมทั้งสี่เล่มลอยไปอยู่ตรงหน้าจิ๋ว แวงใหญ่ที่มิอาจจะดิ้นรนหรือหลบหลีกได้เพราะถูกพลังจิตของคุณหนูรอง “ตรึง” ไว้ทั้งร่าง!?)
“เลือกได้แล้ว--...นัยน์ตาสองข้าง...กลางอก...ช่องท้อง...ทั้งหมดสี่แผล”
“หยุดเถิดเจ้าค่ะ...บทพิพากษาห้าครั้งมันเหี้ยมโหดเกินไป!!...อ๊ะ?”
...ปลายนิ้วของคุณหนูรองมีแสงสีขาวปรากฏขึ้น...อย่าบอกนะว่าจะใช้ “จันทรกานต์” สุดยอดไม้ตายยิงซ้ำใส่จิ๋ว แวงใหญ่หลังจากมีดทั้งสี่ปักเข้าร่างกายไปแล้ว!!!!...
“เรามิใจร้ายปล่อยให้เดียรัจฉานตัวนี้ทรมานนานนักดอก”
“ดะ...ได้โปรด!!!
“หัวใจอันสกปรกโสมมของแก...เราจะใช้จันทรกานต์ยิงให้แหลกละเอียดจากนั้นก็ถึงบทพิพากษาครั้งสุดท้าย...อัปยศ สิ้นศักดิ์ศรี”
(น่ากลัวเหลือเกิน...เรามิเคยเห็นคุณหนูรองทำหน้าตาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย)
“จิ๋ว แวงใหญ่เอย...หลังจากแกตายแล้วเราจะทำอย่างไรต่อ?...อยากรู้ไหม?”
“ไม่!!...ไม่!!!...ไว้ชีวิตฉันด้วย!!!!
“เกิดกลัวตายขึ้นมาแล้วหรือ?....คุณดวงตาก็ขอชีวิตจากแกเช่นกันแต่แกกลับโหดเหี้ยมทำได้ลงคอแล้วบัดนี้จะมาร้องขอชีวิตกับเรา...น่าขำสิ้นดี!!!...เราจะตัดหัวแกออกจากร่างแล้วเอาไปเสียบประจานยังหน้าบ้านเจ้านายที่แกเคารพบูชานักหนาให้ผู้คนได้โจษจันอย่างไรเล่า?...เอ้า!!...จงลิ้มรสอาวุธลับที่แกแสนจะภาคภูมิใจไปซะ”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
“เวลานี้แกยังล้มมิได้ดอก...จงยืดอกเตรียมรับผลกรรมที่ก่อไว้ให้ดี!!!
...มีดทั้งสี่เล่มพุ่งปักเข้าที่ดวงตา,กลางอกแลช่องท้องของจิ๋ว แวงใหญ่ตรงตามที่คุณหนูรองพูดไว้...ยังมิจบเพียงเท่านี้เมื่อคุณหนูรองรวมพลังจิตไว้ที่ปลายนิ้วพลางชี้ไปที่ตำแหน่งหัวใจ...ระยะทางแค่ห้าถึงหกช่วงตัวใช้จันทรกานต์ขั้นแรกศัตรูก็ยากที่จะรอดชีวิต...อะ...อะไรนี่!?...
“โอ๊ยยยยยยยยยย~~...เจ็บ!!!!!...เจ็บปวดเหลือเกินนนนนนนนนนนน!!!!!!!!!
“คุณหนู...วงแหวนกำลังซ้อนทับเพิ่มขึ้นไปอีกชั้นแล้วนะเจ้าคะ”
“ใช่...จันทรกานต์รวมพลังทวีคูณอย่างไรล่ะ!!!!
(เรามิอยากจะเชื่อสายตาตนเองแลภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า...คุณหนูรองอาฆาตพยาบาทจิ๋ว แวงใหญ่มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?)
“พอเถิดเจ้าคะ!!!...ด้วย...ด้วยพลังระดับนี้...”
“จะพอได้อย่างไร?...เริ่มต้นจากคืนนั้นที่เราเอาเลือดคุณดวงตาป้ายริมฝีปาก...พยายามสืบหาความจริงทุกอย่างจนค้นพบในคืนนี้แลมันกำลังจะจบลง...จิ๋ว แวงใหญ่...หัวใจของแกจะแหลกเหลวหาชิ้นดีมิได้!!!!
“ฮ้า!!?
(ยัง...ยังจะมีวงแหวนเพิ่มขึ้นอีก?...เพื่อการชำระแค้นให้สหายผู้รู้ใจคุณหนูรองก็ถึงกับจะทุ่มเทพลังจิตทั้งหมดเชียวรึ?...เช่นนี้อย่าว่าแต่หัวใจเลยแม้กระทั่งร่างกายก็จะแหลกเละกระจุยกระจายตามไปด้วย!!!!!!!!!)
“มิ...มิได้นะเจ้าคะ!!!...ถ้าใช้พลังจิตขนาดนั้นแล้วยิงออกไปในคราวเดียวคุณหนูรองอาจจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต”
“บังอาจขวางเรารึ?...ถอยออกไป!!
“ได้โปรดฟังดิฉันด้วย...ว้าย!!
“เราบอกว่าอย่ามาขวาง!!!
“คุณหนู!!!
“ตาย~~...ไอ้สัตว์นรกเดียรัจฉาน!!!!...ห๊ะ?”
!?
(เหตุ...เหตุใดคุณหนูรองจึงมีท่าทีหยุดชะงักทั้งๆที่แสงจันทรกานต์ที่ปลายนิ้วก็ส่องสว่างโชติช่วง?)
“เพ้อเจ้อ...เพ้อเจ้อสิ้นดีเจ้าเด็กบ้า!!!...เอ๊ะ?”
“โอ๊กกกกกกกกกกกกกกก”
!!!!!!!!
“คุณสุริยาวรรณ!?
“ให้มันจบเพียงเท่านี้เถิด...น้องนางศรมุกดา”
...ทันใดนั้นคุณสุริยาวรรณก็ปรากฏตัวออกจากที่ซ่อนแล้วใช้ดาบชิโรเทนเคียวพุ่งเสียบเข้าทางด้านหลังของจิ๋ว แวงใหญ่...ท่าดาบ “อสูรทะลวงตรง” ที่คุณสุริยาวรรณชำนาญที่สุด...จิ๋ว แวงใหญ่อ้าปากค้างก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนอนแผ่แน่นิ่งส่วนคุณหนูรองก็ตกตะลึงเช่นกันเพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก...พอดิฉันเข้าไปเอานิ้วแตะที่รูจมูกก็อดที่จะใจหายมิได้เพราะว่า...
“ไหม...เขาตายสนิทแล้วขอรับ”
(แน่ละ!!!...ท่าทะลวงวิถีตรงของคุณสุริยาวรรณนั้นทรงพลังแลแม่นยำยิ่งนักอีกทั้งยังแทงเข้าตำแหน่งกลางหัวใจพอดีเสียด้วย...จิ๋ว แวงใหญ่จึงต้องจบชีวิตลง ณ โกดังร้างแห่งนี้)
“...หมายความว่าอย่างไรท่านพี่สุริยาวรรณ?”
“รายละเอียดเอาไว้พูดกันทีหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้จะมาถึงที่นี่แล้ว...หนีกันเถิดขอรับ”
“เดี๋ยวก่อน!!!!
“หากน้องนางศรมุกดายังมีเพลิงแห่งความแค้นเผาผลาญอยู่ในจิตใจก็ขอให้มาชำระสะสางที่กระผมแต่เพียงผู้เดียวเถิดนะขอรับ”
“......................................................”
“เราต้องรีบไปจากที่นี่แล้วเจ้าค่ะ”
“ก็ได้!!...ถ้าหาได้มีคำอธิบายที่ฟังขึ้นแล้วไม่...เรื่องนี้จักมิจบลงได้โดยง่ายอย่างแน่นอน!!!!
...ทุกอย่างเป็นไปดังที่คุณหนูใหญ่คาดหวัง...แผนการของพวกเราก็คือรอจังหวะที่นายจิ๋ว แวงใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนยากจะเอาชีวิตรอดแต่คุณหนูรองยังมิทันลงมือฆ่าเพราะคุณสุริยาวรรณเข้ามาแทรกแซงโดยถือว่าเป็นการช่วยให้“หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน” ที่จะได้รับในอีกมินานต่อจากนี้...
(“การเผชิญหน้าครั้งนี้กระผมเชื่อว่าน้องนางศรมุกดาจักมิเป็นผู้พ่ายแพ้แน่...เช่นนั้นแผนนี้จึงใช้ได้ขอรับ”
“งั้นโอกาสก็มีแค่ครั้งเดียวและจะต้องไม่พลาดโดยเด็ดขาด...ช่วงเวลาที่ม่อนจะเผด็จศึกไหมต้องพยายามถ่วงเวลาเพื่อดึงความสนใจไว้”
“...แล้วจังหวะเพียงชั่วเสี้ยววินาทีกระผมจะชิงลงมือทันที”
“อาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวแต่ฉันไม่ต้องการให้ม่อนมือเปื้อนเลือดอีก..เอ้...เธอจะยังยินดีเป็นผู้เสียสละอยู่หรือเปล่า?”
“ขอรับ...กระผมยินดีจะแบกรับบาปทุกอย่างไว้ด้วยความเต็มใจ...ท่านพี่ศรเพทายมิต้องกังวลดอก”
“ดิฉันด้วยเจ้าค่ะ”
“ฉันเองก็เหมือนกันแหละนะ...ทุกสิ่งที่ทำไปก็เพื่อน้องสาวสุดที่รักของเราทุกคน”)
“ทว่ายังเหลือข้อสงสัยอยู่...เจ้าเด็กบ้าที่คุณหนูรองเอ่ยถึงนี่เป็นใครกันนะแต่ที่แน่ๆเขาช่วยให้คุณหนูรองเกิดความลังเลได้ทั้งที่เรานั้นทำมิสำเร็จ!?”
.......................................................................................................................................................

5 มกราคม 2549 ...เวลา 09.00 . ที่สถานีตำรวจ...

“ยังไม่หายเครียดอีกหรือไงครับผู้หมวด?”
“................................................”
“อยากจะเอานายจ้างของผมเข้าคุกมากถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
“คุณก็รู้ว่าผมทำไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานกับพยาน”
“ใช่ๆๆ...คุณไม่มีทั้งสองสิ่งที่ชัดเจนหนักแน่นพอจะเอาผิดคุณหนูรองแต่ว่ากันตรงๆนะครับ...ผู้หมวดคิดว่าทางผู้ใหญ่จะเชื่อสำนวนคดีที่ว่าผู้ร้ายใช้พลังจิตสังหารจิ๋ว แวงใหญ่จนถึงแก่ความตาย...งั้นหรือ?”
“...ผมคงกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว...ถ้าเสี่ยคำลือยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็อะไรจะต้องชัดแจ้งกว่านี้”
“คืนวันที่ 3 มกราคมเขาฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด...ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ละแวกนั้นให้การเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดจากในบ้านพักของเขา”
“ดูท่าทางคุณนักสืบจะมั่นใจมากว่าเป็นการฆ่าตัวตาย?”
“อ้าว!?...ก็ไม่มีวี่แววของผู้บุกรุกและไม่พบร่องรอยการต่อสู้อีกทั้งคราบเขม่าดินปืนที่อยู่บนมือของเสี่ยคำลือมันบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาใช้ปืนจ่อหัวตัวเองแล้วก็...กริ๊ก!!!
“แต่มีคำถามที่น่าสงสัยคือทำไมเขาจะต้องยิงตัวตายในเมื่อยังไม่ถึงกับอับจนหนทางซะทีเดียวและเขายังมีลูกที่อีกไม่กี่เดือนก็คลอดแล้ว?...มาด่วนคิดสั้นแบบนี้ผมว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ”
“โธ่ผู้หมวด~~...ในวงการนี้ก็รู้ๆกันอยู่นะครับว่ามันแข่งขันชิงดีชิงเด่นรุนแรงแค่ไหน?...เสี่ยคำลือก็มีศัตรูรอบทิศและถ้าเขาเกิดทำอะไรพลาดขึ้นมาสิ่งเดียวที่จะรับผิดชอบได้นั่นคือพิจารณาตัวเอง...มันเป็นกฏของพวกนักเลงมาเฟียมาแต่ไหนแต่ไร...ข่าวหนังสือพิมพ์ก็ลงไว้”
“....................................................”
“หึ!!...ผู้หมวดคงจะไม่คิดว่ามีใครบางคนเอาปืนยัดใส่มือและสั่งให้เสี่ยคำลือยิงระเบิดขมองตัวเองหรอกใช่มั้ย?”
“หากผมรู้ความจริงก็ไม่มัวมาเสียเวลานั่งคุยกับคุณ”
“แต่อะไรที่ผมรู้ก็บอกไปหมดแล้วนี่ครับ”
“คุณยังบอกผมไม่หมด”
“ถ้าจะมีอะไรที่พูดไม่ได้นั่นย่อมต้องเป็นข้อมูลส่วนตัวของนายจ้างซึ่งผมไม่อาจบอกคนอื่นได้เพราะมันคือจรรยาบรรณของนักสืบอย่างผม”
“รวมทั้งคนที่ตัดต้นไม้ขวางทางรถตำรวจด้วยงั้นสิ?”
“เอ้ย!!...อันนี้ผมไม่รู้เรื่องเลยสาบานได้แต่ที่มั่นใจแน่ๆคือไม่ใช่คุณหนูรองร้อยเปอร์เซ็นต์...ว่าแต่คืนนั้นพวกเราได้เจอเธอกันหรือเปล่า?”
“จะเจอได้ยังไง?...เธอหลบหนีไปก่อน”
“หนีพ้นจากกำลังตำรวจที่ล้อมโกดังทุกทิศทุกทางน่ะเหรอครับ?...คุณหนูรองไม่ใช่เทวดานะที่จะหายตัวได้!!
“หายตัวไม่ได้อะไรกัน?...เธอต้องใช้พลังจิตเทเลโพเทชั่น...”
“งั้นเชิญผู้หมวดเข้าไปเรียนให้ท่านสารวัตรทราบเดี๋ยวนี้เลย!!...ถ้าไม่โดนแฟ้มขว้างหัวกลับออกมาผมยินดีเลี้ยงข้าวกลางวันผู้หมวดตลอดหนึ่งเดือน”
“ฮึ่ย!!
“ฮะๆๆๆ...เห็นมั้ยล่ะ?...ผู้หมวดจะเอาผิดนายจ้างผมได้ยังไงในเมื่อไม่มีพยานกับหลักฐานที่สามารถมัดตัวแบบคาหนังคาเขาเลยสักอย่างเดียว?...อย่าหาเรื่องคุณหนูรองอีกเลยน่าเพราะครอบครัวผมเองก็ยังต้องพึ่งพาวิษณุมนตรีอีกนาน”
“ฮึ!...แล้วครั้งนี้นายจ้างที่แสนดีของคุณตอบแทนอะไรมามั่งเล่า?”
“ก็ยกหนี้ทั้งหมดให้และมีเงินก้นถุงมาอีกแสนห้า...โอ๊ะโอ๋!?...นี่ผมตั้งใจว่าจะไม่บอกใครนะเนี่ย?”
“วิษณุมนตรีมีอิทธิพลมากเกินไปแล้ว!!...ผมถูกทางผู้ใหญ่สั่งเด็ดขาดไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้อีกและสำนวนการสอบสวนที่ออกมานั่นมันอะไรกัน?...จิ๋ว แวงใหญ่ตายเพราะเสี่ยคำลือส่งคนมาเก็บเพื่อปิดปากเรื่องที่จ้างวานฆ่าภรรยาตัวเองส่วนเสี่ยคำลือก็ชิงฆ่าตัวตายด้วยสาเหตุปมความขัดแย้งทางธุรกิจผิดกฏหมาย...มั่วสิ้นดีเลย!!!
“นี่ใจคอผู้หมวดจะเอาผิดคุณหนูรองให้ได้หรือยังไงครับ?”
“ผมพบเธอมาแล้วนะ!!...เธอประกาศชัดเจนว่าจะล้างแค้นให้คุณดวงตาอย่างถึงที่สุด”
“แต่มันก็แค่คำพูดของผู้หมวดเพียงคนเดียวจะเอามาใช้เป็นหลักฐานมัดตัวได้อย่างไรครับ?...แล้วตอนที่จิ๋ว แวงใหญ่หรือเสี่ยคำลือตายน่ะพวกตำรวจได้พบร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูรองบ้างสักนิดไหม?”
“..............................................”
“แต่ผมว่าสำนวนนั่นก็มีส่วนของความจริงอยู่มากทีเดียว...เสี่ยคำลือยังไงก็ไม่เก็บจิ๋ว แวงใหญ่ไว้แน่เพราะหมอนี่คือตัวอันตรายที่สุด...ไม่ช้าก็เร็วไอ้มือปืนคนนี้ต้องสิ้นชื่อ”
“อ้อ!...ถ้างั้นช่วยตอบมาทีซิว่าจิ๋ว แวงใหญ่ไปรอพบใครที่โกดังร้างนั่น?”
“ผมจะไปรู้เหรอ?”
“คืนนั้นคุณกับเซคยังบอกปาวๆว่าจะไปช่วยน้องม่อนอยู่เลยผมจำได้”
“เอ๋!?...พูดหรือ?...ไม่ใช่มั้ง?”
“นี่คุณ!!...พริ้วได้ลื่นใหลดีนักนะแต่เซคน่ะเถียงไม่ออกแน่”
“...ผู้หมวดกับคุณหนูใหญ่เป็นเพื่อนกันมานานใช่ไหมครับ?”
“ใช่แล้วจะทำไม?”
“งั้นคุณอยากจะเห็นคุณหนูใหญ่เป็นทุกข์อย่างนั้นเหรอ?”
“...................................................”
“คุณหนูรองคือคนที่คุณหนูใหญ่รักและหวงแหนที่สุด...คุณไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกนี้เลยหรือยังไง?”
“...ใครว่า?”
(“ทิม...โตขึ้นนายอยากจะเป็นอะไร?”
“ฉัน...อยากเป็นตำรวจแล้วเธอล่ะ?”
“ฮึๆๆ...ฉันจะเป็นหมอเพราะคุณพ่อขอไว้ก่อนท่านเสีย...ดีเลย!!...ถ้านายถูกคนร้ายยิงมาฉันจะรักษาให้”
“เอ้ย!!...เรื่องอะไรมาแช่งกันอย่างนี้วะ?”
“ล้อเล่นน่า!...นอกจากเป็นความตั้งใจของคุณพ่อแล้วฉันก็อยากจะเป็นหมอเพื่อรักษาดวงตาของม่อนด้วย”
“อืม--...นั่นสินะ...เซคต้องทำได้แน่ๆ”)
“...จะว่าไปก็มีหลายคนเชียร์ให้ผมไปขอเซคแต่งงาน”
“โอ้!!...ผมว่าพวกคุณก็เหมาะสมกันดีนะครับ”
“แต่พอคิดดีๆแล้วไม่เอาดีกว่าเพราะถ้าผมแต่งเข้าเป็นเขยของวิษณุมนตรีจริงๆ...ชีวิตการเป็นตำรวจของผมจบสิ้นแน่”
“หึๆๆๆ”
“เอาล่ะ!!...เราเลิกคุยเรื่องนี้กันได้แล้วเพราะผมยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ”
“...คุณหนูใหญ่ได้ยินจะต้องดีใจมากแน่ๆ”
“..............................................”
............................................................................................................................................

...ในขณะเดียวกัน...
(นั่น...คุณดวงตาใช่หรือเปล่าเจ้าคะ?”
“.............................................”
“ใช่จริงๆด้วย!!!...คือม่อน...”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกนะ...ฉันรู้เห็นทุกอย่างแล้ว...เธอช่วยค้นหาความจริงเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับฉัน”
“แต่ท้ายที่สุดม่อนมิทันได้ลงมือสังหารพวกคนชั่วช้า...”
“ไม่!!...อย่าพูดแบบนั้น...แม้จะสัญญาด้วยการเอาเลือดของฉันป้ายปากแต่ม่อนไม่สมควรจะกระทำให้พวกเขาตายตกตามกันด้วยน้ำมือของตนเอง”
“...มินึกเลยว่าคุณดวงตาจะเป็นดังเช่นที่ท่านพี่สุริยาวรรณกล่าวไว้”
“ฉันจะไม่มีความสุขหรือดีใจเลยสักนิดถ้าม่อนฆ่าคน”
“............................................”
“ฉะนั้นขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงตรงนี้เถอะ...ขอบคุณมาก”
“จะ...จะไปไหนหรือเจ้าคะ?”
“ถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปแล้วล่ะ...ขอให้ม่อนจงมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งต่อไปนะ”
“คุณดวงตา!!!
“ขอบคุณ...ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง...ฉันดีใจจริงๆที่ได้รู้จักกับเธอ”)
“เดี๋ยวก่อน...อย่าเพิ่งไป!!
“คุณหนู...เป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”
“...ฝันไปงั้นหรือ?”
“น้ำตาเต็มแก้มเลย...เช็ดหน้าก่อนเถิด”
“............................................”
“ฝันร้ายหรือเจ้าคะ?”
“...คุณดวงตามากล่าวอำลาต่อเรา”
“เอ๋?”
“เธอบอกว่าขอบคุณมาก”
“ถ้าเช่นนั้นก็เป็นฝันดีสินะเจ้าคะ”
“ไหม”
“?”
“ใครสั่งให้เจ้ามาปรนนิบัติเรา?”
“เอ่อ--
“ได้รับอนุญาตจากเราตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“โธ่คุณหนูเจ้าขา~~...ยังมิหายโกรธดิฉันอีกหรือ?”
“............................................”
(“ว่าอย่างไรนะ?...เสี่ยคำลือ...ตายแล้วหรือ?”
“เจ้าค่ะ”
“มันตายได้อย่างไร?”
“...เขาสิ้นชีพด้วยอาวุธปืนของตนเองเมื่อเวลาสองทุ่มเจ้าค่ะ”
“หมายความว่า...ช่วงเวลาที่เรามาพบกับเจ้าจิ๋ว แวงใหญ่ตอนนั้น...เสี่ยคำลือ...หาได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้ว?”
“............................................”
“จงพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้!!...เจ้าทำอะไรกันแน่?”
“อ่า--...”
“พูด!!!
“น้องนางศรมุกดาอย่าไปเอาโทษกับคุณไหมเลย...มันเป็นความคิดของกระผมเอง”
“อีกแล้วรึ?...ท่านพี่สุริยาวรรณอีกแล้วหรือ?”
“ทั้งหมดที่พวกเราทำไปก็เพื่อคุณหนูนะเจ้าคะ!!
“พอที!!!...ผลจากการกระทำของทุกคนทำให้เรารู้สึกเสียใจแลเจ็บแค้นนัก”
“หากน้องนางศรมุกดายังรู้สึกเศร้าโศกแลเคียดแค้นเช่นนั้นก็เชิญยิงจันทรกานต์มาที่กระผมได้เลย...กระผมจะมิหลบหลีกหรือปัดป้องใดๆทั้งสิ้น”
“ท้าทายกันเช่นนี้นึกว่า...น้องมิกล้าหรืออย่างไร?”
“อย่างนั้นก็เชิญคุณหนูยิงดิฉันด้วย”
“ไหม!!!...นี่เจ้า?”
“ดิฉันขอพูดในฐานะของคนเป็นพี่สาวที่แม้จะมิได้ร่วมมารดาเดียวกันทว่าก็เฝ้าดูแลเลี้ยงดูคุณหนูรองมาตั้งแต่แบเบาะ...ดิฉันมิอาจทนเห็นคุณหนูรองเป็นเช่นนี้ได้เจ้าค่ะ”
“.................................................”
“ถึงคุณหนูรองจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครแต่ในสายตาของดิฉันหรือคุณหนูใหญ่...คุณหนูรองนั้นคือน้องสาวตัวเล็กๆผู้อ่อนโยนอย่างที่มิเปลี่ยนแปลงจากวันวานเลย”
“น้องนางศรมุกดาขอรับ...กระผมนั้นมิเคยพบเจอหรือพูดสนทนากับคุณดวงตามาก่อนแต่กระผมมั่นใจว่านางย่อมมิต้องการเห็นน้องนางศรมุกดาที่จิตใจมีแต่ความอาฆาตพยาบาทมุ่งมั่นจะเข่นฆ่าเอาชีวิตผู้อื่นอย่างแน่นอน”
“นั่นเพราะน้องจะล้างแค้นให้...”
“แล้วคิดว่าถ้าคุณดวงตาได้รับรู้...นางจะดีใจหรือมีความสุขอย่างงั้นหรือขอรับ?”
“................................................”
“คุณสุริยาวรรณสังหารจิ๋ว แวงใหญ่เพื่อช่วยปลดปล่อยเขาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานส่วนดิฉันก็สะกดจิตให้เสี่ยคำลือได้เห็นภาพของบาปกรรมที่ตัวเองเคยทำ...”
“...ต่อจากนั้นเจ้าก็ใช้พลังจิตบังคับให้มันใช้ปืนยิงฆ่าตัวตายใช่ไหม?...เพื่อมิให้เราเข่นฆ่าใครเจ้ากับท่านพี่สุริยาวรรณก็ถึงกับ...”
“เจ้าค่ะ...ที่ดิฉันทำไปก็เพื่อจะรับบาปแทนคุณหนูแลคุณสุริยาวรรณก็เห็นด้วยเช่นเดียวกัน”
“เชอะ!!!
“คุณหนู~~
“มิเป็นไรดอกขอรับ”
“แต่...”
“กระผมเชื่อมั่นว่าน้องนางศรมุกดาจะต้องเข้าใจถึงความหวังดีของเราทุกคน)
“แต่ล่ะคนทำตามใจตนเองกันทั้งนั้น!!!
“คุณหนูจะไปที่ไหนหรือเจ้าคะ?”
“ร้านเบเกอรี่...ทำขนมเค้ก”
“......................................................”
........................................................................................................................................................

“อย่าเอาแต่ใจนักสิเจ้าคะคุณหนู...การเข่นฆ่าผู้อื่นนั้นมิใช่...”
“ผิดแล้ว!!...ที่เรายังโกรธก็เพราะทั้งสองคนทำการตามอำเภอใจลับหลังแลมิยอมบอกกล่าวต่างหาก”
“ถ้าบอกคุณหนูแผนการก็ล้มเหลวน่ะสิเจ้าคะ...ยามนั้นคุณหนูยอมรับฟังใครซะที่ไหน?”
“หยุดต่อปากต่อคำกับเราแล้วถือกล่องให้ดีๆ”
“....................................................”
“...อยู่ตรงไหนกัน?”
“คุณหนู...มาหาคุณชายหกหรือเจ้าคะ?”
“แค่เอาของมาให้เท่านั้น...หืม?”
...น้องนางหยาดฝนกำลังโต้เถียงกับลูกสาวของคุณอัจฉราเจ้าของโรงฝึก “ชองมิน” ซึ่งน่าจะมีชื่อว่ากัลยา...เวลาเลิกเรียนเช่นนี้ยังจะเผชิญหน้ากันได้อีกหรือ?...
“คนอย่างหล่อนจะไปรู้อะไร้?”
“นึกว่าฉันอยากรู้อยากเข้าใจนักนี่!!
“งั้นชาตินี้ยัยวิปริตผิดเพศอย่างหล่อนก็ไม่มีวันได้รู้จักผู้ชาย...ฮ่าๆๆๆ”
“หุบปากไปเลยยัยวิปริตจิตอกุศล!!...บ้าไปแล้วหรือไงถึงคิดจะเอาพี่ชายทำผัวน่ะ?”
“พูดงี้มาซัดกันดีกว่าว้อย!!!
“เฮอะๆ...จี้ใจจำล่ะซี้!!...ไม่มีปัญญาหาแฟนเลยคว้าลูกพี่ลูกน้องตัวเองซะเลยดีกว่าเพราะมันง่ายดีใช่ม้า?”
“คนอย่างเธอมันคงยากเกินไปที่จะเข้าใจ...บอลคือผู้ชายในอุดมคติของฉันย่ะ!!
“โอ้!?...แสดงว่าที่ฉันเห็นพวกเธอเดินคลอเคลียไปโน่นมานี่โดยไม่สนใจสายตาชาวบ้านนั่นก็แสดงว่า...เธอทำกับ...พี่ชายตัวเองไปแล้วใช่มั้ย?”
(รู้ด้วยหรือ?...สมกับเป็นบุตรีของคุณอัจฉราผู้รอบรู้)
“ก็แล้วแต่จะคิดเหอะ”
“...เธอทำไปแล้วจริงๆด้วย...พี่แคทไม่ว่าอะไรหรือไง?”
“มันไม่เกี่ยวกับเจ๊สักหน่อย”
“เธอต้องเสียใจในภายหลังแน่...หยาดฝน”
“ก็ยังดีกว่าคนที่ฝืนธรรมชาติของตัวเองแหละว๊า~~
“ว่าไงนะ?”
“ตัวเอง~~...ว่าไงเย็นนี้จะกินอะไรดีจ๊ะ?”
“ได้ยินแล้วขนลุกเลยวุ้ย!!
“อ๋อ!...สปาเก็ตตี้นะ...ได้จ้า~~
“แหวะ!!!
“เค้าไม่ลืมจะใส่หัวใจลงไปด้วยแน่ๆ...ฮิๆ”
“อุ!!...ทนฟังไม่ไหวแล้วว่ะ”
“เหอะๆๆ...อิจฉาล่ะซี่~~
“ใครจะอิจฉาวะ?”
“ของผู้ชายน่ะ...สุดยอดมากนะเออแต่น้ำหน้าอย่างหล่อนเห็นทีว่าจะไกลเกินเอื้อมเกินไป...เคะๆๆ...ชนิดที่ว่าชั่วชีวิตนี้ก็คงไม่มีวันได้สัมผัสร้อก!!!
“แก~~
“ก๊าก!!...ฮะๆๆๆๆๆๆๆ”
“อย่าหนีสิวะ!!
“ใครหนีเฮอะ!?...มีปัญหาก็เข้ามา!!
“ย้าก!!
“ตายซ้า~~
“คุณหนู...จะมิเข้าไปห้ามหน่อยหรือเจ้าคะ?”
“...คนห้ามน่ะมีอยู่แล้ว”
“พวกเธอสองคน!!...นี่ทะเลาะกันอีกแล้วเรอะ?”
“อึ๋ย~~...อาจารย์!?
“กี่ครั้งก็ไม่รู้จักเข็ดหลาบ...อยากโดนทำโทษหนักกว่านี้ใช่มั้ย?”
“หนีเร็ว!!!
“...ราวกับเด็กทะเลาะกันมิผิดเพี้ยน...ปล่อยไปเถิด...จากที่เราเห็นสองคนนี้น่ะยิ่งทะเลาะกันบ่อยเท่าไหร่ก็อาจจะยิ่งสนิทกันมากขึ้นเท่านั้น...กระมัง?”
“....................................................
“อ๊ะ!?...เจอคุณชายหกแล้วเจ้าค่ะ”
“อยู่กับ...ท่านพี่สุรีย์พรรณ”
“เลิกทำแบบนี้ซะที!!
“ก็ไหนพี่บอกว่าถ้าอยู่กันสองคน...”
“แต่ดูสถานที่หน่อยสิ!!
“ตรงนี้ปลอดคนแล้วครับ”
“อื้อ!!...ฮืมมมมม--...กลัดมันมาจากไหนหึ?...คนนิสัยรุ่มร่ามแบบนี้พี่เกลียดที่สุดเลย!!!
“พี่แคทพูดประโยคนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะรู้มั้ย?”
“แต่เธอก็ไม่รู้จักจำ...ปล่อยได้แล้ว!!
“ผมปล่อยมือตั้งนาน...อู้ยๆๆๆ”
“แล้วไอ้ที่กำลังจับหน้าอกฉันอยู่นี่มันคืออะไรยะเจ้าคนกะล่อน?”
“ตายจริง!!!...คุณชายหกจะกล้าเกินไปแล้วนะเจ้าคะ?”
“...มิกล้าเกินไปดอกเพราะสองคนนี้มีอะไรๆลึกซึ้งกว่าที่เราคิดมาก...มากอย่างคาดมิถึงเลยเทียว”
“เดี๋ยวเถอะ!!!
“คือ...คือผมเห็นมีอะไรติดอยู่เลยช่วยจับ...เอ้ย!!...ช่วยดึงออกให้”
“หนอย~~...จะมีอะไรติดที่ก้นพี่จริงๆก็คงมีแต่มือลามกของเธอเท่านั้นแหละ!!...รีบไปตามฝนมาเดี๋ยวนี้เลยนะจะได้กลับบ้าน”
“ครับๆๆ”
“...ผู้ชายไร้เสน่ห์!!
“....................................................”
“คุณเอกคเชนทร์น่ะหรือเจ้าคะผู้ชายไร้เสน่ห์?”
“...เราพอจะเข้าใจถึงความหมายนี้แต่ยังมิแน่ใจ...ไหม...เจ้าช่วยเอากล่องขนมเค้กไปมอบให้เอกคเชนทร์แทนเราที”
“เจ้าค่ะ”
“ถ้าเขาถามก็บอกไปว่าหาได้มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากเป็นของเหลือจากร้านเบเกอรี่”
“เอ๊ะ!?...แต่เมื่อช่วงสายคุณหนูทำด้วยตนเองมิใช่...”
“ไหม!!
“จะ...เจ้าค่ะ!!!
(“...หากมันจริงก็สุดชั่วเลย
อื๋อ?”
บาปกรรมมาก...มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับผลักเมียตกตึกด้วยน้ำมือตัวเองเลยสักนิด...กูจะไม่มีวันให้อภัยไอ้คนแบบนี้หรอก!!!)
...เอกคเชนทร์เอย--...เจ้ามิรู้ตัวดอกว่าคำพูดของเจ้านั้นช่วยดึงสติของเรากลับคืนก็เลยอยากจะมาขอบคุณทว่า...เปลี่ยนใจดีกว่า...
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ”
“ว่าอย่างไรบ้าง?”
“ก็ขอบคุณๆหนูเจ้าค่ะแต่ดูเขาจะมีสีหน้าแปลกใจอยู่บ้าง”
“หึ!!...ความจริงเราอยากจะเตือนเอกคเชนทร์ไว้ด้วย”
“?”
“ไหมยังจำที่เราเคยพูดได้หรือเปล่า?...มิว่าใครก็ตามจงอย่าได้ประมาทสองนางแห่งโยนกอุดร”
“จำได้เจ้าค่ะ”
“โดยเฉพาะท่านพี่สุรีย์พรรณ...เรามั่นใจเหลือเกินนะว่านางจักมิสยบยอมเป็นลูกแมวเชื่องๆให้ผู้ใดลูบหัวล้อเล่นได้โดยง่ายดอกแลผลตอบแทนที่จะได้รับกลับคืนหากว่าทำให้นางผิดหวังนั้นก็ช่าง...หนักหนายิ่งนัก!!!!
“พูดง่ายๆคือคุณชายหกริอาจจะเล่นกับไฟ?”
“อืม--...ถ้าทำเล่นๆมิจริงจังประดุจหมาหยอกไก่....เขาจักเคราะห์ร้ายสุดชีวิตอย่างแน่แท้”
........................................................................................................................................................

“ทั้งสองคนหายไปไหนมามิทราบ?”
“ท่านพี่!...คือน้อง...”
“ลืมไปแล้วหรือไงว่ายังจะต้องถูกลงโทษอีกน่ะ?”
“เอ๊ะ?...แต่เมื่อคืนท่านพี่ก็...”
“เมื่อคืนก็ส่วนเมื่อคืนเอามารวมกันไม่ได้!!...ฮึๆๆ...กว่าพี่จะไปเข้าเวรก็ช่วงหัวค่ำโน่นเพราะงั้น...มาซะดีๆ”
“เช่นนั้นไหม...ขอตัวก่อน”
“แน่ะ!?...หล่อนห้ามไปไหนเลยนะยะ!!!
“นะ...นี่ดิฉันต้องโดนด้วยหรือเจ้าคะ?”
“เจ้าจะทิ้งเราให้รับศึกหนักอยู่เพียงผู้เดียวได้อย่างไรเล่า?”
“ไม่ต้องเกี่ยงงอนกัน--...ทั้งคู่นั่นแหละ!!...รู้มั้ยว่ากว่าที่ฉันจะดับกองไฟที่พวกเธอก่อขึ้นนี่มันยากลำบากแค่ไหน?”
“มิเห็นจะยากลำบากแต่อย่างใดเลย...”
“จริงด้วยเจ้าค่ะ!!...คุณหนูใหญ่น่ะก็แค่อยากทำเรื่องลามกกับ...”
“หนวกหู!!!...จนกว่าฉันจะพึงพอใจพวกเธอไม่มีสิทธิ์บ่นหรือปฏิเสธ”
“ท่านพี่ล่ะก็~~
“คุณหนูใหญ่~~
“ทั้งคู่เข้าไปรอข้างในเลย...อ้าว!?...เอ้จะกลับแล้วเหรอ?”
“ขอรับ...ท่านแม่โทรมากำชับว่าเมื่อเสร็จธุระทางนี้แล้วให้รีบกลับ”
“อะไรกันๆ...อีกประเดี๋ยวสวนดอกไม้ต้องห้ามก็จะเปิดให้เชยชมแล้วนะจ๊ะ”
“ฮ้า!!!!
“จะไม่อยู่ชื่นชมความหอมหวานของกลีบดอกไม้น้อยใหญ่อีกสักหน่อยหรือไง?”
“อยู่ขอรับ!!...กระผมจะอยู่แน่นอนขอรับ!!!
“คุณเอ้!!!!
“อึ๋ย~~
“ฮะๆๆๆๆ...ท่าทางหนูนิดจะไม่ยอมให้เอ้อยู่ต่อแฮะ”
“นิดจ๋า!!...ขอเวลาอีกสักชั่วโมงก็ได้”
“มิได้เจ้าค่ะ!!!...นายหญิงอรศินีย์สั่งให้คุณเอ้กลับบ้านทันที”
“งั้นแค่ครึ่งชั่วโมงก็ยังดี~~
“ห้ามต่อรองเจ้าค่ะ!!!
“เรื่องของเรื่องคือหนูนิดหวงเธอต่างหาก...ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก”
“ท่านพี่สุริยาวรรณจะกลับโยนกประจิมแล้วหรือเจ้าคะ?”
“โอ้!?...น้อง...น้องนางศรมุกดา...นั่งแบบนั้น...เห็นกลีบดอกไม้ชัดเลย”
“กำลังชำระร่างกายเจ้าค่ะ...ท่านพี่จะลงโทษน้องกับไหมอีกแล้ว”
“ถ้าพลาดล่ะก็...นะ...น่าเสียดายยิ่งนัก!!!...เอ่อ--...นิดจ๊ะ”
“อย่ามัวชักช้าเจ้าค่ะ!!!!
“โธ่~~
“ยังมีโอกาสหน้าอีกน่า--...สวนดอกไม้ต้องห้ามแห่งนี้จะรอต้อนรับเอ้เสมอ”
“แน่นะขอรับ?...ท่านพี่ศรเพทายอย่าหลอกกระผมนะขอรับ!?
“แล้วพี่เคยหลอกเธอตอนไหนมั่งล่ะ?...อย่างเมื่อคืนเธอก็ทำอะไรๆกับพี่...แหม~~...ดุเดือดไม่ใช่น้อยเลยนี่!?
“แต่มันยังมิหนำใจเลย...ครั้งหน้ากระผมจะมาอีกนะขอรับ...อีกมินานต่อจากนี้แน่นอน!!!!
“รีบไปเจ้าค่ะ!!!
“ยะ...อย่าลากสิ~~
.............................................................................................................................................

...ตัวอย่างในตอนหน้า...

“สมมติถ้ากูเป็นมึงนะจะไม่ปล่อยให้พี่แคทกับน้องฝนหลุดมือหรือรอให้หมาคาบไปแดกหรอก!!!
“ทั้งๆที่พวกเธอเป็นพี่น้องของมึงรึ?”
“พี่น้องแล้วยังไงวะไม่ใช่ผู้หญิงเรอะ?...กูน่ะจะประหลาดใจมากหากมึงพูดว่าไม่เคยคิดอะไรกับพวกเธอ”
..............................................
“ผิดแล้วพี่!!...ลูกพี่ลูกน้องของผมไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น...ลือกันมาผิดๆแล้วล่ะ”
“แต่พี่ได้ยินว่าพี่สาวนายที่ชื่อแคทน่ะสวยสุดยอดไปเลยนี่หว่า?”
“โอ้ยไม่จริงๆ!!...พี่แคทน่ะทั้งอ้วนตุ๊ต๊ะ,ขี้บ่นอย่างกับคุณป้า,ตัวก็ดำแถมจู้จี้จุกจิกพูดมากอีก”
..............................................
“ฉันน่ะเหรออ้วนตุ๊ต๊ะ?...ขี้บ่นเหมือนคุณป้า?...ตัวดำและก็จู้จี้พูดมาก?...คนอย่างฉันเนี่ยนะ?”
“เอ่อ--...พี่แคท...ผม...ผมอธิบายได้นะครับ...อย่าเพิ่งทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิ”
“อยากรู้จริงๆว่าฉันจะต้องต่อยสักกี่หมัดนะฟันของผู้ชายปากเสียอย่างเธอถึงจะร่วงหมดจนไม่เหลือสักซี่?”
......................................................................................................................

42 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ ชะแหม่ นายเอ้จะขออะไรแผลงๆรึป่าวน้าเช่น ไปเที่ยวกับพระเอกสักวันสองวันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ 5555 ผมก็ไปเรื่อย อ่ะแต่สุริยะโลหิตของม่อนยังไม่ดับแบบนี้ผลข้างเคียงคงรุนแรงน่าดู แล้วพระเอก พระเอก จะมีเอี่ยวกับเขารึป่าวงานนี้

    ตอบลบ
  2. ดูท่าแล้ว เอ้ จะเลียนแบบบอล คิดมีอะไรกับเซครึเปล่านะ?
    แล้วก็ที่อีกด้านความสัมพันธ์ของทั้ง3กำลังไปได้ดีเลย
    แล้วก็สงสัยนิดหน่อยครับว่า(ห้า)ครั้งสุดท้ายนี่คืออะไร หรือต้องลงทัณฑ์อีก5ครั้งเลยรึเปล่านะกว่าเสี่ยจะตาย

    ตอบลบ
  3. ของรางวัลที่เอ้ อยากได้
    ต้องเป็นพี่แคทแน่ๆเลย
    โดยให้พี่เซค คอยส่งเสริมหรือห้ามขัดขวาง
    ส่วนหนูนิด ก็ตามใจเอ้ไปซะแล้ว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แบบนั้นดูท่าจะอันตรายสุดๆเลยนะ แต่ดูแล้วบอลจะมีโอกาสไปไกลกว่าเอ้ในด้านความรู้สึกนะแบบที่ม่อนบอกคือ ช่วงสองสามวันมานี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ มันเกิดอะไรขึ้นตอนกลับมาบ้านหล่ะเนี่ย

      ลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. บอลโดนแท็กทีมโดยแคทฝนไปแล้วรึป่าวเนี้ย

    ตอบลบ
  6. อยากอ่านเร็วๆจังเลย จะมาวันไหนหนอ

    ตอบลบ
  7. ช่วงนี้ค่อนข้างเงียบแฮะ เม้นท์ไม่ค่อยดุเดือดเหมือนตอนก่อนๆ จะด้วยเขียนยังไม่จบรึว่าไปไหนกันหมดวังเวงชอบกล รึผมจะคิดไปเอง

    ตอบลบ
  8. เข้ามารอลุ้นทุกวันเหมือนกันครับ ตอนนี้คิดถึงบอลกับแคทมาก 555 ช่วงนี้เหตุการณ์ดูปกติเลยไม่มีประเด็นอะไร แต่ก็ยังไม่เข้าใจม่อนขนาดจะไปเก็บเสี่ยอยู่แล้วยังมีไปแวะเวียนหาบอล(แคท,ฝน)ก่อนเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าบอลจะได้ออกมาเป็นพระเอกพลิกแพลงสถานการณ์หรือเปล่า?

    ตอบลบ
  9. ผมเชียร์ให้ม่อนพลาดอยู่นะเนี่ยและเอ้ก็ช่วยไม่ทัน แล้วบอลก็มาช่วยด้วยความบังเอิญ ส่วนเสี่ยตายด้วยโรคกรรมวิ่งหนีการตามล่าจึงถูกรถชนตาย เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล ฮ่าๆ เป็นตุเป็นตะไปได้เนาะ

    ตอบลบ
  10. 50%แล้วววว ขอบคุณครับ อ่านก่อนน๊า

    ตอบลบ
  11. โดนแทงที่ท้องแถมแขนขวาก็โดนฟันขาด!!!? น่าจะเป็นแผนที่ม่อนใช้หรอกถามความจริงจากจิ๋วหรือเปล่านะ...ไม่น่าที่ม่อนจะพลาดท่าง่ายๆ...ลุ้นๆๆ

    ตอบลบ
  12. แค่อ่านก็ร้แระม่อนแสดงละครให้จิ๋วบอกความจิง มีอย่างที่ไหนม่อนจะพลาดง่ายๆ ถึงพลาดจิงผู้แต่งก็ไม่น่าจะแต่งให้ม่อนโดนฟันแขนขาดอยู่แล้ว

    ตอบลบ
  13. ผมว่าจิ๋วคงโดนสะกดจิตไปตั้งแต่ตอนที่นิ้วแตะหน้าผากแล้ว ที่เห็นอยู่นี่คือภาพลวงตานะ

    ตอบลบ
  14. เป็นได้ทั้งนั้นครับ แต่ถ้าจริงล่ะแล้วเรื่องลางสังหรณ์ของเซคอีกจะว่าไง หากม่อนแขนขาดจริงอาจต่อทันถ้าเซลล์ยังไม่ตาย ตอนนี้ก็เดาๆ กันไปก่อน เรื่องอาจพลิกไปพลิกมากว่านี้ก็ได้เพราะแค่ 50% เอง

    ตอบลบ
  15. อีก50% ก็มีรอลุ้นกับแผนที่เซควางไว้กับเอ้อีก แต่ที่แน่ๆคือม่อนต้องการจะยืนยันว่าจิ๋วเป็นคนฆ่าคุณดวงตาจริงๆ แล้วก็ได้ข้อสรุปแล้วแบบนี้จิ๋วโดนเก็บแหงๆถ้าไม่มีใครมาหยุดม่อน จนถึงตอนนี้น่าจะตัดบอลไปได้เลย แต่ถ้าหากเป็นเอ้มาก็รอติดตามต่อว่า เอ้จะขออะไรจากเซคแล้วถ้าเป็นเรื่องแคทนี่ก็ต้องวนมาเป็นเรื่องระหว่างบอลกับเอ้ที่รักผู้หญิงคนเดียวกัน คิดเล่นๆไกลๆครับแต่ แคทเหมาะสมกับบอลที่สุดแล้ว^^

    ตอบลบ
  16. ขอบคุณครับ รออ่านต่อครับ

    ตอบลบ
  17. สงสัยลูกม่อยในอนาคตหรือเปล่า

    ตอบลบ
  18. เฮ้ออ เจ้าเอ้นี่ก็ร้ายไม่เบานะ ฮ่าๆ พยายามหาสนมเพิ่ม แบบนี้ก็คงไม่ต่างจากบอลเท่าไหรหรอกมั้ง แต่ว่านะ เจ้าบอล นายจะไม่มีบทแล้วสินะ มันจบแล้วนะนายบอล นายมาเป็นที่ระบายตะวันเลือดให้ม่อนเขาก็แล้วกัน . . . . ผมว่าก็คงไม่พ้นม่อนไปเล่นดรตรีไทยกับเซคแหง่มๆ -_-

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตามนั้นเลยครับ จัดไปฮ่าๆๆ ยังจำได้นะครั้งหนึ่งแคทก็เคยลังเลแบบนี้แหละแล้วสุดท้ายก็บุกข่มขืนบอลที่โรงพยาบาลด้วยการมัดติดเตียงแล้วเอากางเกงในยัดปาก อ่อนด๋อยซะไม่มี

      ลบ
  19. อินครับ แต่เด็กคนนั้นคือใครกันล่เนี่ย อยากอ่านต่อแล้ว ขอบคุณครับ และแล้วก็มีคนมาหยุดม่อนจนได้

    ตอบลบ
  20. เด็กคนนั้นผมว่าก็คือบอลนั่นแหละครับ

    ตอบลบ
  21. โอ้จริงด้วยน่าจะเป็นบอล เพราะใช้คำว่า “เพ้อเจ้อ” คำเดียวกับตอนที่แอบไปดูบอลเลย คงจะมีคำพูดของบอลแวบเข้ามาในหัว(รึเปล่านะ)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เห็นด้วยเลยครับ เพราะนอกจากบอลแล้วก็ไม่เห็นมีใครที่พอจะป่วนจิตใจของม่อนได้สักคน

      ลบ
  22. เจ้าเด็กบ้า คงไม่ใช่บอล แน่นอน อาจมีคนอื่นอีกก็เป็นได้ อิอิ
    เพราะอายุ ม่อนกับบอล ก้อใกล้เคียงกันที่สุด ผมสัมผัสได้

    ตอบลบ
  23. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  24. รออีกนิดเดียว อย่าเพิ่งใจร้อน แล้วผิดคาดหมดที่คาดไว้นะ

    ตอบลบ
  25. ก็เป็นไปอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้เลยครับ จิ๋ว แวงใหญ่โดนเนตรวงแหวนของม่อนเข้าไปเต็มๆ
    แล้วอีกประเด็นที่เพื่อนๆ สงสัย "เรื่องเด็กคนนั้น" ผมก็ว่าเป็นบอลนั่นแหละ เพราะก่อนจะไปจัดการจิ๋ว แวงใหญ่ ม่อนแวะซุ่มโป่งบอลก่อนและได้ยินที่บอลคุยกับเพื่อน เอ้อ! อีกเรื่องที่ข้ามไปผมแอบฟินตอนแคทยิ้มมุมปากแล้วรำพึงกับลูกรีย์จนม่อนที่แอบฟังอยู่งงไปเลย ((ม่อน)ใครอ่ะ?) ฮ่าๆๆ มึนละสิเจอโลกส่วนตัวเข้าไป

    ตอบลบ
  26. ขอแถมอีกนิดความสามารถของตระกูลวิษณุมนตรีมันเว่อร์มาก ยกเว้นบอลอ่ะนะ เอ้ตัดต้นไม้ใหญ่ขนาดรถยนต์ผ่านไม่ได้ด้วยการฟันฉับเดียว เหอๆ ยังกะทะลุออกมาจากหนังจีนกำลังภายใน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อีกไม่นานเดี๋ยวบอลก็เก่งครับ รอตกบันไดก่อน(แซวๆ) บางทีที่บอลต้องเก่งขึ้นอาจเป็นเพราะเอ้ก็ได้ เก่งแถมหล่อ ที่สำคัญเอ้ชอบแคท(ฝนบอกบอล...บอลมีอาการไม่พอใจ) ก็ประมาณว่าตอนนี้บอลเทียบเอ้ไม่ได้ในหลายๆเรื่อง(แต่ก็เพราะมีลูกรีย์มาช่วยแหละนะ บอลก็เลยขยับเข้าใกล้แคทมากกว่าเดิมมาก) แต่ที่สงสัยคือบอลจะเก่งขึ้นได้ไงนี่สิที่น่าติดตาม

      ลบ
  27. รอตอนต่อไปนะครับ และแล้วก็เป็นแบบที่คิดไว้คือม่อนนึกถึงคำพูดบอลนั่นเอง /แคทกับบอลนี่ชอบทำอะไรในที่ลับตาคนจริงนะ ฟินๆ / เสียดายม่อนอ่าโดนเอ้เชยชมซะล่ะ / ตอนต่อไปบอลหึงแคทอย่างไม่น่าสงสัย คิดง่ายไปแล้ว บอล คิดว่าแคทจะเปิดใจให้ชายอื่นง่ายๆอย่างนั้นรึ ขอบคุณครับท่านadslman รอติดตามอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ

    ตอบลบ
  28. จะรอตอนพิเศษ เอ้ กับ เซคนะครับ .. ช่วงเงื่อนไขพิเศษแบบนี้ อย่าพลาดที่จะเขียนเชียว ^^

    ตอบลบ
  29. บอลกันท่าชัวร์แต่แคทอาจไม่เข้าใจเลยโมโห หึๆ คงใกล้โดนผลักตกบันไดแล้วมั้ง มองเห็นเตียงโรงบาลแต่ไกลเลย

    ตอบลบ
  30. แย่เลยนะครับ อย่าเพิ่งรีบหักสิ ขืนหักตอนนี้ก็อดทำอะไรดีๆ? กันพอดี

    ตอบลบ
  31. โอ้..
    นายเอ้ กับพี่เซค มีอะไรกุ๊กกิ๊กกันจริงๆด้วย

    จากตัวอย่าง
    สรุปว่ามีตอนที่ 5 สินะ
    หรือว่า เข้าเรื่องหลัก ตอนที่ 76

    ตอบลบ
  32. Moonstone sidestoryไม่มีอะไรค้างคาแล้ว(น่าจะมีตอนต่อไป แต่จะเป็นเรื่องของม่อนในรูบแบบไหนนี่สิ) ตอนหน้าจากตัวอย่างมีคนจะจีบแคทแน่นอน(กลับเข้าเรื่องหลัก) แต่บอลกันท่า(หึง...หวง?) แต่มีที่น่าติดตามมากกว่านั้นตรงที่จะย้อนถึง2-3วันที่ผ่านมาไหม อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็บอลเล่น จับหน้าอกจับก้นแคทแบบสบายๆเลย แล้วก็มีบอกอีกว่าก็...“ไหนพี่บอกว่าถ้าอยู่กันสองคน.... แคทบอกให้ทำแบบนี้ได้ตั้งแต่ตอนไหนล่ะเนี่ย

    ตอบลบ
  33. เป็นอะไรไม่รู้ผมแสดงความคิดเห็นแต่มันไม่ขึ้น

    ตอบลบ
  34. ตั้งแต่อ่านมาผมชอบตอนนี้ที่สุดเลยครับ ไม่ใช่ว่าชอบม่อน เอ้ หรือเชคนะครับ แต่ชอบบอลกับแคทที่เป็นห่วงเป็นใยกัน และอยากจะอ่านตอนต่อไปเร็วๆ เพราะอยากจะรู้ว่าบอลจะอธิบายกับแคทยังไง แคทจะยอมรับฟังและเข้าใจไหม

    ตอบลบ
  35. จบตอนนี้แล้ว จิ้นเรื่องของม่อนกับบอลต่อว่าจะลงเอยอย่างไร
    ดูท่าแล้ว ม่อนก็มีใจกับบอลไม่น้อยแล้ว แต่ว่าบอลยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง
    แต่เดี๋ยวก็คงรู้ เก็บม่อนเข้าฮาเร็มอีก 1 ราย หุ หุ

    แต่ที่แน่ๆ ความสัมพันธ์ของ ของบอลกับฝนกับแคท
    ทำเอาแฟนๆที่ติดตามมานานตั้งแต่แรก ฟินกระจาย
    ลูกๆ ของทั้งคู่ ทำดีจริงๆ โดยเฉพาะลูกรีย์
    น่าจะมีตอนพิเศษของ ลูกรีย์กับลูกริน

    ของม่อนจะมีลูกมาเป็นตัวช่วยให้เปิดใจมั๊ยเนี่ย ลุ้นๆ

    ตอบลบ
  36. เข้ามารอท่านadslmanทุกเช้าค่ำเลยนะครับ เมื่อไหร่จะมาน๊าาาา

    ตอบลบ
  37. ขอฝากdestiny of love อีกรอบนะครับ พอดีเปลี่ยนลิงค์

    http://sailomsidestory.blogspot.com

    ตอบลบ
  38. เอ้มันได้แคทไปแล้ว ยังได้เซคอีกหรือนี่

    ตอบลบ