ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 110 “เหตุผลแห่งการคงอยู่”
“นั่นเจ้าใช่มั้ย?...นารก”
“รู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่?”
“เพราะบริเวณที่เจ้าอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างจะตายจนหมดสิ้น...ไม่ว่าจะต้นไม้เหี่ยวเฉาพื้นดินแตกระแหงลำธารแห้งเหือดขณะที่พญานาคราชเช่นเจ้าเลื้อยผ่าน”
“หาตัวฉันพบได้ง่ายดายขนาดนี้...ไม่ค่อยดี”
“ปกติเจ้าอาศัยในนรกภูมิตลอดทำไมถึงมาที่นี่?”
“ฉันมาเพื่อตำหนิพี่ราชหงส์และเพื่อมาพบวสันตะสหายฉัน”
“เจ้าไม่ชอบใจที่พระเวทย์ของนางกับอชินีสุราลัยทำให้ใต้พิภพพลอยสั่นสะเทือนไปด้วย”
“ใช่...รบกวนการนอนจำศีลของฉันมาก...ครั้งนี้ทั้งสองต่างก็ไร้เหตุผลพอกันโดยเฉพาะนางเสือสวรรค์ที่ไม่รู้จักบทบาทของตัวเอง”
“.................................................................”
“ฉันไม่ชอบอชินีสุราลัย...นางว่าพี่ราชหงส์เป็นเจ้านกบ้าและก็ว่าฉันเป็นเจ้างูพิษ...ไม่ยำเกรงศักดิ์ศรีกันเสียบ้าง”
“เจ้าก็อย่าไปถือสาอะไรนางเลย...ใครต่อใครต่างรู้ดีว่านิสัยนางเป็นอย่างนั้นมาตลอด”
“วสันตะ...เจ้าก็ช่างอดทนเป็นสหายกับนางมาได้ตั้งนานแสนนานนะ...เทียบกันแล้วพี่สุริยนของเจ้าหรือพี่อุษณกับพี่สีตลยังนิสัยดีกว่ามากมายนัก...ดีแล้ว...ต่อไปฉันจะเรียกนางว่าเจ้าเสือเกเร”
“ฮึๆ”
“เหมาะสมใช่มั้ย?”
“นารก...”
“?”
“หางของเจ้ากำลังถูกขบกัด”
“อื๋อ?...ผู้ใดบังอาจนัก!!!”
“เจ้างูพิษเลื้อยขึ้นมาเกะกะอะไรอยู่ที่นี่หรือว่าเบื่อนรกภูมิแล้ว?”
“อชินีสุราลัย!...ไร้มารยาทไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“เจ้าก็เรียกข้าว่าเจ้าเสือเกเรเหมือนกัน”
“นี่ๆ...ทั้งคู่ไปโกรธเคืองกันตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?...เจอหน้าก็โต้เถียงกันไม่ลดละ”
“วสันตะนุจรินทร์...เจ้านกบ้ากับเจ้างูพิษสองพี่น้องคู่นี้ไว้ใจไม่ได้”
“ดูท่าฝีมือของเจ้าเสือเกเรจะไม่ได้เหนือไปกว่าปาก”
“จะพิสูจน์กันก็ได้!!”
“ไม่...ฉันไม่สู้ด้วยหรอก”
“เจ้างูพิษกลัวรึ?”
“ผิดแล้ว--...มันไม่มีประโยชน์เพราะว่าเจ้าที่สู้พี่ราชหงส์ไม่ได้ก็เอาชนะฉันไม่ได้เช่นกัน”
“หนอย!!!”
“อชินีสุราลัย...เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มไปกัดหางนารกก่อนนะ”
“มันโบกไปโบกมาเกะกะขวางทางข้า...เฮอะ!!...แม้แต่หางก็ยังมีพิษร้ายแรง...ข้าขมในปากไปหมดแล้ว!!!”
“ก็ใครใช้ให้เจ้ากัดหางของฉัน!?”
“วสันตะนุจรินทร์...อยู่กับเจ้างูพิษนานๆระวังพิษจะไหลเข้าตัวเถอะ!”
“........................................................”
“ฉันไม่เข้าใจว่านางมาทำอะไรกัน?”
“ข้าเข้าใจว่านางกำลังมีความสุขที่ได้พบพ่อ...นารก...เจ้าก็กลับไปใต้พิภพก่อน”
“บังอาจมากัดหางของฉัน!...สบโอกาสฉันจะเอาดวงจิตของเจ้าเสือเกเรไปกักขังไว้ในนรกภูมิ!!”
............................................................................................................................................
“เดินมาตั้งนานแล้วยังไม่เจอลูกคนไหนเลย”
...ผมได้มาอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจีและมีลำธารไหลผ่านซึ่งมีลมพัดเย็นสบายบรรยากาศร่มรื่นและพยายามมองหาลูกสาวแต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครอยู่แถวนี้จนมาถึงชายป่า...
“ทำไมมีผลไม้กองอยู่ตรงนี้เยอะแยะไปหมด?”
(ทั้งกล้วย,ส้ม,อ้อย,ข้าวโพด...ดูน่ากินทั้งนั้น)
“แต่เรากินไม่ได้เพราะถ้าจับแล้วคงจะหายไปต้องให้ลูกสาวป้อนอย่างเดียว...เอ๊ะนั่น?”
(ช้างตัวใหญ่มาก!?...แต่จะใช่ตัวเดียวกับที่ผลักต้นพุทราให้หนูหนึ่งหนูสองหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ)
“..........................................................”
“อย่าเข้าไปใกล้จะดีกว่าพ่อหนุ่ม”
“!?”
(ชายชราคนนี้มาจากไหน?)
“นั่นคือพญาคชสารที่มีพละกำลังมาก...ถ้าพ่อหนุ่มเข้าไปใกล้เกินไปจะทำให้ท่านโกรธและเป็นอันตรายได้”
“ครับตา...ผมจะไม่เข้าไปใกล้จนเกินไป”
(งั้นดูอยู่ห่างๆคงจะไม่เป็นไร...อ่า--...ดูท่าจะเป็นตัวเดียวกันนะเพราะมีงาที่ยาวมาก)
“..........................................................”
(กำลังใช้งวงดึงยอดใบไม้มากิน...ดูท่าทางมีความสุข)
“ตามาทำอะไรที่นี่ครับ?”
“ข้ามาเก็บผลไม้ในสวน...บางทีก็เอาไปมอบให้พญาคชสารนั่นแล”
“ผลไม้ที่กองตรงนั้นเป็นของตานี่เอง”
“อืม”
“ท่าน...กินข้าวโพดมั้ยครับ?”
“กินสิพ่อหนุ่ม”
“ผมรู้สึกถูกชะตาช้างตัวนี้จัง”
“เคยพบกันหรือ?”
“ครั้งหนึ่งครับ”
“ลุงมีข้าวโพดกับอ้อย...พ่อหนุ่มจะเอาไปให้พญาคชสารมั้ย?”
“แต่มีแค่นี้จะพออิ่มเหรอครับ?”
“แถวนี้อาหารอุดมสมบูรณ์และท่านกินผักผลไม้ได้เกือบทุกอย่างโดยเฉพาะอ้อยกับข้าวโพด...เปลือกไม้ใบไม้ท่านก็ชอบ...มา!...ช่วยหาอะไรมารองหน่อย...ข้าจะตัดอ้อยเป็นท่อนๆ”
“ครับ!!”
...อ้อยประมาณ 10 ท่อนและข้าวโพดประมาณ 20 กว่าฝัก...เมื่อทุกอย่างเตรียมเสร็จแล้วคุณตาก็ร้องเรียกพญาคชสาร...
“องค์เทวนาถผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่จัตุบาททั้งปวง...พ่อหนุ่มผู้นี้ช่วยข้าน้อยเตรียมอาหารเพื่อมอบให้แก่ท่านขอรับ!!”
(ช้างตัวนี้ที่แท้มีชื่อว่าเทวนาถ?)
“.............................................................”
“.............................................................”
“ท่าน...ไม่มา”
“อ้าว!?...ทำไมหรือครับ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”
...ช้างตัวนั้นยังเอาแต่ใช้งวงคว้าดึงเปลือกไม้มากินโดยไม่สนใจอ้อยและข้าวโพดที่ผมกับชายชราเตรียมไว้ให้เลยแม้แต่น้อย...
“ทุกครั้งที่ข้าเอาอาหารมามอบให้ท่านจะเดินมากิน...บางที...ท่านคงจะไม่ไว้ใจที่พ่อหนุ่มเป็นผู้แปลกหน้า”
“อย่างนั้นหรือครับ?”
“ข้ากลับล่ะ...พ่อหนุ่มก็ไปจากที่นี่เถอะอย่าอยู่รบกวนท่านเลย...ท่านหิวก็คงจะกินเอง”
“............................................................”
(ชายชราค่อยๆเดินจากไปส่วนเรายังอยู่ที่เดิม...ถ้าอย่างนั้น)
(องค์เทวนาถพญาคชสาร...กระผมนั้นเคยพบกับท่านครั้งหนึ่งและหากเราทั้งสองไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตที่ต้องประหัตประหารกันในอนาคตก็ขอให้ท่านโปรดมากินอาหารที่อยู่ตรงหน้ากระผมด้วยเถิด)
“............................................................”
“!?”
(ไม่อยากจะเชื่อเลย!!!...พญาคชสารหันหน้ามาทางเราและเริ่มเดินเข้ามาหาราวกับจะล่วงรู้ความคิด)
“............................................................”
“หูย~~...ยิ่งมาใกล้ก็ยิ่งใหญ่โตมโหฬาร...เสียงฝีเท้าทุกก้าวก็ทำให้พื้นสั่นสะเทือน...ถ้าถูกเหยียบนี่เรามีหวังแบนเละติดพื้นแน่ๆ”
...พญาคชสารเดินเข้ามาช้าๆจนมาอยู่ตรงหน้าผม...ช่างสูงใหญ่ชนิดที่ต้องเงยหน้าขึ้นมองและผมก็ได้เห็นว่าช้างตัวนี้มีสีดวงตาสองข้างที่ไม่เหมือนกันคือข้างซ้ายสีดำส่วนข้างขวากลับมีสีขาว...นับว่าแปลกประหลาดมากทีเดียว...
(ใจหนึ่งก็กลัวจะโดนทำร้ายเพราะอยู่ใกล้มากจริงๆแต่นานเข้าก็เริ่มวางใจเนื่องจากไม่มีท่าทีดุร้ายเลย)
“............................................................”
(ค่อยยื่นงวงคว้าอ้อยเข้าปากแล้วก็กินจนหมด)
“มีข้าวโพดด้วยนะครับ”
“............................................................”
(เมื่อกินเสร็จแล้วพญาคชสารเดินไปที่ลำธารเพื่อกินน้ำและสักพักก็เดินกลับมาหาเรา)
“เอ๊ะ?”
(เอาปลายงวงชี้มาที่...น่าจะสร้อยคอที่แขวนช้างของเรา...หมายความว่ายังไงกัน?)
“............................................................”
“ท่านครับ...นี่คือ...”
(จากนั้นพญาคชสารก็ค่อยๆหันหลังเดินเข้าป่าไปทิ้งให้มีคำถามอยู่ในใจว่าเหมือนท่านจะบอกอะไรสักอย่าง)
“เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนสิครับ!!!...หะ...ห้องเรานี่!?”
...รู้สึกตัวตื่นก็พบว่าอยู่ในห้องผมเองพอคลำที่อกสร้อยก็ยังอยู่ที่คอตามปกติ...ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมากทั้งที่ในความฝันขณะเผชิญหน้ากับพญาคชสารที่มีร่างกายใหญ่โตมหึมายิ่งกว่าช้างตัวใดๆในโลกยังไม่รู้สึกตกใจมากเท่าไหร่...
“หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น?”
................................................................................................................................................
“ตัวเอง”
“........................................................”
“บอล?”
“........................................................”
“นี่!!”
“คะ...ครับ!!”
“ตัวเองเป็นอะไรน่ะ?”
“ก็...เปล่านี่”
(นึกถึงความฝันเพลินไปหน่อย)
“ไม่มีอะไรก็รีบกินข้าว...จะได้เก็บสำรับ”
“ครับอา...เอ่อ--...ตอนบ่ายพี่แคทว่ามีอะไรจะบอกนะครับ?”
“เอาไว้กินข้าวเสร็จก่อนดีกว่า”
“มันแย่...ขนาดนั้นเชียวหรือเจ๊?”
“นั่นสิ...หนูเซคคิดจะก่อเรื่องน่าปวดหัวอะไรอีก?”
“หนูก็ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ”
(ทีแรกไม่ค่อยสนใจแต่ทีนี้ชักอยากรู้แล้วว่ามันคืออะไร?)
...หลังมื้อเย็นพี่แคทเอาจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของพี่เซคมาส่งให้...ผมอ่านจบก็คิดในใจว่ามันรู้สึกไม่ชอบมาพากล...
“ให้ไปอยู่บ้านราศีกาญจนา...ทำงานบ้าน 1 เดือน...ถ้าทำได้จะเสนอคุณปู่ให้เป็นนายใหญ่รุ่นต่อไป”
“อะไรกันนี่อางงจังเลย?...เจตนาชัดแจ้งเกินไปไม่สมกับเป็นหนูเซค”
“ค่ะคุณแม่”
“ถ้าตัวเองทำไม่ได้จะเป็นไง?”
“ในจดหมายไม่ได้บอกไว้แต่นี่คือคำท้าใช่มั้ยล่ะ?”
“ครับ”
“แต่ก็ง่ายๆไม่ใช่เหรอ?...เดือนเดียวเองด้วย”
“แล้วเกิดพี่เซคให้ฉันไปทำงานเยี่ยงทาสกดขี่กลั่นแกล้งสารพัดจะทำไง?”
“พี่เซคไม่ทำถึงขนาดนั้นหรอก...อย่ากลัวเลย”
“ผมก็ไม่ได้กลัวอะไรแค่ไม่ค่อยเข้าใจเท่านั้น...ก็นะ...มีแต่ต้องเดินเข้าไปถึงจะรู้ว่ามันมีอะไรรออยู่”
“เริ่มต้นเมื่อไหร่?”
“พี่เซคบอกว่าเมื่อบอลพร้อมก็ขนของไปได้ทุกเวลาค่ะคุณแม่”
“แต่ผมมีบางเรื่องที่ต้องไปทำให้เสร็จสิ้นก่อน”
“............................................................”
...เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นนอนลงมาข้างล่างก็เจอช๊อตเด็ดสะท้านหัวใจจนตาสว่างหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง...วันนี้อาอรนิภาไม่ได้ไปทำงานและถือแก้วไวน์ยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างสบายอารมณ์ซึ่งแค่นั้นไม่ทำให้ใจเต้นได้ถ้าเธอไม่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแค่ตัวเดียวกับเห็นกางเกงในสีชมพูซ่อนอยู่รำไร...
“ดื่มไวน์แต่เช้าเลยหรือครับ?”
“จะสิบโมงแล้วจ้า~~”
“ขาวเหลือเกิน--”
“อะไรขาว?”
(มองเราด้วยหางตาแว่บหนึ่งและจิบไวน์เข้าปาก)
“ทุกส่วนในตัวนิครับ...ขาวผ่องไปหมด”
“ฮิ!...สงสัยสายตาจะมีปัญหาแล้วมั้งจ๊ะ?”
“?”
“นิใส่กางเกงในสีชมพูและจะบอกว่าขาวทั้งตัวได้ไง?”
“อ่า--”
“และก็...อะไรๆตรงนั้นของนิก็มองไม่ยากว่ามันมีสีดำ...จริงมะ?”
“งั้นต้องขอเข้าไปดูใกล้ๆแล้ว”
“แน่ๆๆ!!...อย่าทำเจ้าชู้ถ้าใจไม่กล้าพอ”
“ทำไมผมจะไม่กล้า?”
“แคทกับฝนกำลังตีแบตกันอยู่ตรงนั้นแน่ะ”
“!?”
(มิน่าถึงมองออกไปข้างนอก)
“อื๊อ~~...บ้ายุจังเลยเธอนี่!”
“หอมจัง”
“ไม่กลัวถูกเห็นหรือไงนะ?”
“ผมจะทำอย่างมีชั้นเชิง”
“จ้าพ่อคนเชิงสูง!!...นี่--...เมื่อคืนไม่ได้ปลดปล่อยหรือไงถึงแข็งขนาดนี้?”
“เดาสิครับ”
“ไม่เดา!”
“เมื่อไหร่เราจะได้อยู่บ้านด้วยกันสองต่อสอง?”
“บอกแล้วว่าโอกาสไม่ได้มากันบ่อยๆ”
...ผมสวมกอดอานิภาแต่ก็พยายามซ่อนตัวให้พ้นจากสายตาลูกสาวทั้งสองคนของเธอ...น่าตื่นเต้นชะมัด!!!...พี่แคทกับฝนเล่นตีแบตกันอยู่นอกบ้านส่วนผมกำลังรุกเร้าทางเพศกับแม่ของพวกเธออยู่ภายในบ้าน...
“อือออออออออออออ”
“ก้นนินุ่มจังเลย”
“ทำให้นิอยากอีกแล้ว~~”
“ค่อยเป็นค่อยไปสิจ๊ะ”
“นิสัยเสีย~~...เมื่อไหร่จะถึงเวลานั้นสักทีเล่า?”
“ใกล้แล้ว--”
“ฮึ!...ใกล้ที่ว่าคือน้ำจะออกหรือไง?”
“ผมไม่ไก่อ่อนขนาดนั้นหรอก”
“ย่ะ!...พ่อคนเก่ง--...อึ๊ยยยยยยยยยย~~...มันเข้าหว่างขาพอดีเลยอ่ะ!!”
(รู้สึกได้ว่าอาสาวคนสวยเกร็งไปทั้งตัวเพราะเจ้าหนูของเราสอดเข้าใต้จุดยุทธศาสตร์ของหล่อนพอดิบพอดี)
“เสียงนิเซ็กส์ซี่จัง”
“ชอบฟังเหรอ?”
“ชอบจ้ะ”
“ตอนถูกเอาเซ็กส์ซี่กว่านี้อีก”
“โอ้โห!!!”
“อืมมมมมมมมม...อูยยยยยยยยยยยยย”
(การปลุกเร้านี่มัน!?)
“อื้อออออออออออออออ...อืออออออออออออออออออออ”
(อานิภาจูบแรงมาก...อารมณ์ของเราทั้งคู่ปั่นป่วนไปหมดแล้ววววววว)
“ยังจะทนไหวอีกมั้ย?”
“ก็ไม่ต้องทนสิ”
“ใจคอจะจับอาตัวเองทำเมีย...บอลเนี่ยร้ายกาจเกินไปแล้ว”
“แล้วยอมมั้ยจ๊ะ?”
“แหม~~...ยังจะมาถาม!!”
“ผู้หญิงที่ผมหมายตาไว้จะไม่มีทางหลุดรอดไปได้”
“นั่นคือความคิดที่ดีแต่ยังไม่ถึงเวลาของพ่อนะ”
“เพราะพ่อยังมีหน้าที่สำคัญกว่านั้น”
(เสียงนี่!?)
“อะ...อะไรหรือ?”
“ได้ยินเสียงอะไรมั้ยครับ?”
“เสียง?”
“เฮ้อ~~...เหนื่อยจังเลย!”
“พอแค่นี้ก่อน”
(พี่แคทกับฝนเลิกเล่นแบตแล้ว!!)
“ผม...ได้ยินเสียงเด็ก”
“เด็กอะไร?...อย่าพูดให้นิกลัวสิ!!”
(พี่แคทเคยเล่าว่าอานิภาถูกผีหลอกในบ้านหลังนี้แต่เสียงที่ได้ยินเมื่อกี้ยังไงก็คือเสียงของหนูหนึ่งกับหนูสองชัดๆ!!!)
“อ้าว!...ตัวเองตื่นแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อกี้นี้”
“ตัวเองมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์แบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน...แม่ดื่มไวน์รึ?”
(ไม่ได้อ่านแค่เอามากางปิดเป้ากางเกงเพราะไอ้น้องชายยังลุกโด่!!)
“จ้า~~”
“ถึงว่าหน้าออกแดงๆ”
“คุณแม่แต่งกายให้เรียบร้อยด้วย...แบบนี้ไม่เหมาะสมเลยค่ะ”
“อยู่บ้านแม่ก็อยากแต่งตัวสบายๆมั่ง”
“แต่นี่สบายเกินไปแล้วค่ะ...อย่าลืมว่าไม่ได้อยู่กันเฉพาะผู้หญิง”
“อ่าๆ...จ้ะๆๆ”
(พี่แคทพูดกับอานิภาแต่ก็ปรายตามองเราและโชคดีมากที่ได้ยินเสียงลูกซะก่อนไม่งั้นล่ะก็...ไม่อยากคิด)
“ทำไมถึงหน้าแดงคะ?”
(ฉิบ~~)
“อ๋อ!!...ก็แม่ดื่มไวน์ไง”
“ที่หนูเห็นจากนอกหน้าต่างคือถือไอ้นี่เอง”
(ใจเต้นระทึก!!...แล้วเห็นเราด้วยหรือเปล่า?)
“แม่เข้าห้องก่อนนะ”
“ผมก็จะไปกินข้าว...เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ”
“หึๆ”
“เธอจะไปโยนกประจิมวันนี้สินะ?”
“ใช่ครับ...ออกราวๆบ่ายโมง”
“อย่าเถลไถลล่ะ”
(คิดไปเองหรือเปล่าว่าวันนี้พี่แคทดูเย็นชา?)
“พี่ไม่รู้ว่าคุณน้าจะรู้สึกยังไงแต่คิดว่าบอลคงมีคำตอบที่ดีแล้วนะ”
“บอกตามตรงผมก็ยังไม่รู้”
“อ้าว!!...ตัวเองจะไหวมั้ยเนี่ย?...ให้เค้าไปด้วยม๊า~~”
“ไม่เป็นไร”
“น้องจะไปด้วยทำไม?”
“อือ--...รู้แล้วน่าเจ๊ก็!!”
“เดินทางปลอดภัยระวังตัวด้วย...ถึงไหนก็ติดต่อมา”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ...ยังไงศุกร์เขาก็ขับรถให้ผม”
“อืม”
(คงจะคิดมากไปเอง)
...พี่แคทเดินขึ้นบ้านไปแล้วและเพิ่งสังเกตว่าเธอรวบผมนุ่งเสื้อโปโลใส่กางเกงขาสั้น...เมื่อกี้มัวแต่ตกใจเลยไม่กล้าสบตามองมากส่วนฝนยังไม่ไปไหนและตามผมเข้าไปในครัวด้วย...
“...เธอหิวอีกรึ?”
“ใช่...วัยกำลังกินกำลังโต”
“อย่าอ้วนเป็นหมูล่ะกัน”
“ว่าไงน๊ะ!?...ถ้าอ้วนเป็นหมูแล้วตัวเองจะไม่รักเค้าเรอะ?”
“ไม่ใช่--”
“ฮื่อ--”
(ฝนตักข้าวต้มมาให้และก็นั่งข้างๆ)
“จะป้อนให้”
“ฉันกินเองได้”
“อย่าดื้อ!”
“ว่าคนอื่นได้หรือน่ะ?”
“อ้าม~~”
(ให้ตายสิแต่จริงๆก็อบอุ่นใจมีความสุขแหละ)
“อร่อย”
“เค้าทำเองแหละ”
“ฝีมือไม่ตกเลย”
“เรียนมาจากแม่ทั้งนั้น”
“อานิภานี่เก่งทุกอย่างจริงๆ”
“อ่ะ!...อีกคำ”
“................................................................”
“ตัวเองฝันถึงหนูรินมะ?”
“ไม่เลย”
(ฝันเห็นแต่พญาช้างตัวมหึมา)
“หรือจะไม่มาพบเค้าซะแล้ว?”
“ไม่ๆ...บอกแล้วว่าไม่ใช่ว่าอยากเจอก็จะเจอกันได้เลยสักหน่อย”
“...นั่นสินะ”
(ฝนมีสีหน้าเศร้าๆ)
“เฮ่!...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...แม่ลูกจะต้องได้เจอกันอย่างแน่นอน”
“จริงเหรอ?”
“เท่าที่ฉันสัมผัสนะหนูรินนิสัยดีร่าเริงแจ่มใสและก็รักแม่ของเธอมาก...ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานหรอก”
“ฮะๆๆ...ใช่เลย!!...เค้าต้องได้เจอลูกสาวน่ารักคนนี้...ลูกจ๋า!!...แม่รอพบหนูอยู่นะ~~”
(เปลี่ยนอารมณ์ไวดีวุ้ย!!)
“ไม่ต้องๆเค้าล้างเอง...ตัวเองไปเตรียมตัวเดินทางเถอะ”
“ขอบใจ”
“นี่!”
“หือ?”
“ตัวเองว่าแม่เค้าน่ารักหรือเปล่า?”
“อานิภา?”
(จู่ๆถามทำไม?)
“ไม่มีอะไรให้สงสัย...เธอน่ารักจริงๆ”
“อืมๆ”
“ถามทำไมรึ?”
“...ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“หา?”
“เค้าเห็นนะ”
“เห็น...อะไร?”
“เมื่อกี้ที่ตัวเองกอดจูบกับแม่เค้า”
“!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
............................................................................................................................................................
“แม่สำนึกตนมาตลอดว่าได้ทำผิดต่อท่านพี่จนกระทั่งปัจจุบัน...แม่จะยังมีหน้าไปสู้ท่านพี่ได้อีกหรือ?”
“แต่หากวันนั้นท่านแม่ตัดสินใจทำร้ายท่านพ่อ...น้องนางหยาดฝนก็อาจจะมิได้ถือกำเนิดขึ้นมา...ว่าไปแล้วหนูก็รู้สึกขอบคุณมากเลยเจ้าค่ะ”
“เอ้...แม่มิอยากให้ลูกต้องเสียใจแลผิดหวังในความรักซ้ำรอยแม่”
“หนูรู้สถานะของตนเองดีแลจะมิขอเรียกร้องสิ่งใด...เพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขกับคนที่หนูรัก...นี่คือเหตุผลแห่งการคงอยู่ที่หนูได้ค้นพบแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นแม่ก็พอจะรู้แล้วว่าต่อไปภายหน้าลูกจะมีความสุขยิ่งกว่าแม่อย่างแน่นอน”
“ท่านแม่มั่นใจได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“เพราะแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักแลความศรัทธาของลูกคือคำตอบ”
...........................................................................................................................................................
ลูกพี่ชายของเจ้าบอลแน่เลย
ตอบลบตอนใหม่มาเร็วสมใจ ไรท์ให้บทกับพญาช้างสารแล้วแม้จะทำทีจะให้บทกับนารก บทของบอลเริ่มจากตื่นกลัว/กังวลเมื่อพบสิ่งใหม่ๆ เป็นมาตั้งแต่เมื่อผมมีความสุข ก่อนที่จัดการ/ควบคุมได้
ตอบลบยังรอลุ้นตอนอานิภาเหมือนเดิมครับ 😅😅
ตอบลบไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องร้ายกับหมอเซคหรือป่าว ทำให้หัสดินเทวนาถมากล่าวเตือน แต่เตือนเรื่องอะไรนี่สิ คงถึงคิวบทบาทพี่ใหญ่อย่างหมอเซคแล้วซิ
ตอบลบอรุณสวัสดิ์ครับ...แหม่..ตื่นมาก็พบเจอสิ่งดี ๆ กันเลยทีเดียว ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริง ๆ บอกเลยว่านี่เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเหมือนเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นที่นับวันคอยให้ #วันจันทร์ มาถึงสักที 555
ตอบลบมิพักจะพูดถึงว่า หัสดินเทวนารถ มาเพื่อพบเจอบิดาด้วยตัวเอง นับว่าปีนี้เริ่มต้นปีด้วยความสุขเหลือเกิน ขอบคุณครับ
หัสดินเทวนาถ มาเตือนว่าที่คุณพ่อ หรืออาจจะมาบอกว่าตัวเองก็ลูกอีกคนของบอล
ตอบลบลงต่อเลื่อยเรยคับ
ตอบลบตอนนี้เสียงของบอลมีมากกว่า บอลพลิกขึ้นมาเป็นต่อพี่เซ็ค
ตอบลบยังชอบการเขียนการเดินเรื่องของท่านผู้เขียนมาก เป็นการเดินเดินเรื่องโดยใช้บทสนทนา
ตอบลบซึ่งผมถือว่าเป็นการทำได้ยากมาก เพราะต้องเรียบเรียงทั้งถ้อยคำและเนื้อเรื่อง
ขอบคุณมากที่ยังมาต่อให้อีก และช่วงนี้เขียนได้เร็วมาก ถึวตอนที่ 150 กว่าก่อนสิ้นปีแน่ครับ
อ่า สนุกละสิงานนี้ ความแตกสะแล้ว ฝนรู้แล้วจะว่ายังไงจะโกรธหรือจะยอม ถ้าฝนรู้แล้วแคทจะรู้ด้วยมั้ยน่าคิด
ตอบลบถ้าฝนรู้แล้วพี่แคทจะไม่รู้หรอ แต่แค่ยังไม่พูด แล้วที่ไปโยนกประจิมนี่คงไปพบเอ้ซินะ คงจะถามเรื่องคืนนั้นที่มีอะไรกับเอ้แน่ๆ
ตอบลบรออานิต่อ555
ตอบลบเมื่อ100%ถึงได้เข้าใจ เหตุผลแห่งการคงอยู่ ขอบคุณครับ
ตอบลบอานิภามาแหย่ๆ ให้อยากแล้วจากไป
ตอบลบบอลเริ่มบุกเข้าบ้านละ น่าสนุกจริงๆ
ขอบคุณครับ
ทำไมถึงหน้าแดงคะ?”
ตอบลบ(ฉิบ~~)
“อ๋อ!!...ก็แม่ดื่มไวน์ไง”
“ที่หนูเห็นจากนอกหน้าต่างคือถือไอ้นี่เอง”
จากบทสนทนานี้น่าไม่รอดสายตาแคทแล้วละ
เหตุผลของการคงอยู่ ทำให้เข้าใจหัวอกของเอ้ เห็นใจอานีย์ คงได้เห็นบอลปรับความเข้าใจกับเอ้
ตอบลบสองสาวจับได้ซะแล้ว ฝนคงพอจะคุยง่ายแต่แคทนี่สิน่าจะยากหน่อย บอลคงเหมาหญิงหมดทั้งตระกูลแน่
ตอบลบความลับของอานิ กับบอลก็โดนจับได้ซะแล้ว ส่วนพี่เอ้นั่นก็หวานแบบไม่น่าเชื่อเลยมีมุมโรแมนติกในตัวนักฆ่าด้วยน่ารักอีกแบบ
ตอบลบเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ชอบครับ รอบทรักกับสาวเอ้ รอฉากสวาทกับอานิ ...และรอสอยสาวม่อน
ตอบลบศรเพทายเลือกแล้วให้บอลเป็นพ่อของลูกชาย หรือเป็นแผนของป้าศรมรกตตั้งแต่เริ่มแรก
ตอบลบในมุมองผมคิดว่าเป็นตัวเลือกแรกครับ เพราะตอนเด็กก็ไม่ชอบหน้าบอลอยู่แล้ว
ลบหายเหงาไปนิดลงต่อเรยคับ
ตอบลบรอต่อไปไม่ไหวแล้วคราบ
ตอบลบอ่านตอนนี้ซ้ำหลายรอบมาก กระสันอยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
ลบลงต่อลงต่อลงต่อลงต่อเรยคับ111ต้องมาละคับ50%ก้อยังดีคับ
ตอบลบ111ต้อวมาแล้วคับตามด้วย112คับมันถึงจะสุดคับลงต่อลงต่อคับ
ตอบลบรอแล้วก็รอลงต่อโรยคับ
ตอบลบสนุกขึ้นเลยๆ..รอตอนต่อไปเลยครับผม
ตอบลบต่อเรยคับ
ตอบลบท่านผู้เขียนบทความช่วยลงต่อคับ
ตอบลบขอบคุณครับที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่าน เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะครับ
ตอบลบถ้าฝนรู้แบบนี้ พี่แคทรู้แน่นอน
ตอบลบลงต่อเรยคับ
ตอบลบ26ลงต่อเรยคับลงต่อเรย
ตอบลบตอนใหม่ต้องมาแล้วคับลงต่อลงต่อคับ
ตอบลบลงอีกสักตอนสองตอนครับ
ตอบลบเมื่อไรจะได้อานิ เฉียวไปเฉียวมา
ตอบลบ