หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 103

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 103 “ความจริงเมื่อ 15 ปีก่อน!?

 

“เธอสองคนช่างเป็นแม่พระซะเหลือเกิน--”

“พี่อ๋อมจะมาประชดประชันอะไรกันอีก?”

“บอลอยากรู้เรื่องของฉันกับยัยซกมกแอบจิตศรมุกดาทำไมไม่ไปหาฉันแต่ต้องไปถามเจ้าเอ้ด้วย?”

“แบบนั้นไม่เท่ากับส่งเนื้อเข้าปากเสือเรอะ?”

“พูดบ้าอะไรของเธอ?...หยาดฝน”

“ฝนหยุดก่อน”

“ก็เจ๊ดูสิคะ”

“อ๋อม...พี่ไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรนะ”

“สุรีย์พรรณ...คนฉลาดอย่างเธอครั้งนี้ไหงถึงมองไม่ทะลุ?”

“?”

“งั้นช่วยบอกเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยให้บอลไปพบเอ้”

“ส่วนผสมที่ลงตัวที่สุดไงล่ะ”

“ส่วนผสม”

“ที่ลงตัวที่สุด”

“ใช่...ลองไปคิดดูดีๆเถอะ”

.........................................................................................................................................................

 

“สไตรค์!!

(เก่งแฮะ...สี่ครั้งติด)

“มาเล่นด้วยสิเจ้าคะ”

“ไม่...ไม่เป็นไร”

...ผมเพิ่งสังเกตตั้งแต่เมื่อกี้ว่าคนรอบๆต่างมองพี่เอ้ด้วยความสนใจซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนอกจากหน้าตาหล่อ...เอ่อ--...หน้าตาที่สวยราวกับผู้หญิงแล้วฝีมือเล่นโบว์ลิ่งยังเก่งด้วย...

“............................................................”

(ท่าจับลูกที่ดูราวกับมืออาชีพ)

“............................................................”

(สายตาที่มองด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ)

“............................................................”

(กางเกงในสีเหลืองอ่อน...ว้ากกกกกกกกกก~~...ไม่ใช่ๆ!!!)

“ฮะๆๆ...สไตรค์อีกแล้ว”

“พี่เอ้”

“หืม?”

“เล่นมานานแล้วพักบ้างดีกว่ามั้ย?”

“เหลือเฟรมสุดท้ายแล้ว”

“...........................................................”

(สมาธิดีจริงๆ...ไม่กระพริบตาเลย)

“สวยจังว่ะ”

“มากับแฟนรึ?”

(ไม่ใช่ไอ้พวกบ้า!!!)

“อื้อ~~...สนุกจังเลย”

“พวกผู้ชายนั่นก็อิ่มอกอิ่มใจไปตามๆกัน”

“ทำไมหรือเจ้าคะ?”

“ก็มองกางเกงในพี่ตาเป็นมันน่ะสิ”

“ตายจริง!!

(เบิ่งตาโตมือปิดปากอุทานอะไรของนาย!?)

“น่าดูหรือเจ้าคะ?”

“ผม...ผมไม่รู้...แต่พี่ควรแต่งตัวให้มิดชิดกว่านี้นะเพราะถ้าเกิดความแตกขึ้นมาคนที่ขายหน้าก็คือพี่นั่นแหละ”

(ไอ้นั่นห้อยตุงๆอยู่ในกางเกงในผู้หญิง...น่าทุเรศจนไม่อยากพูดออกมา)

“อ๋อ~~

“?”

“น้องบอลก็มองสินะเจ้าคะ”

“บ้าสิ!!...ใครมองกัน?”

“แล้วรู้ได้อย่างไรว่าผู้ชายเหล่านั้นมอง?”

“เอ่อ--...นั่น”

“หมายความว่าน้องบอลก็ดูเช่นกัน”

“ทำ...ทำไงได้!!...ผมนั่งข้างหลังพี่นี่นา”

“.............................................................”

(ยิ้มอะไรเล่า?)

“ช่างเถิดๆ...เราไปหาอะไรทานกันดีกว่าเจ้าค่ะ”

“พี่จะกินอะไร?”

“ไอศกรีม”

“เหมือนมาเดทกันเลยให้ตาย”

“ก็เดทน่ะสิเจ้าคะ”

“เดี๋ยวก่อน!!...ผมไม่ได้...”

“ฮื่อ~~...ชอบทำลายความฝันผู้อื่นเสียจริง...มิรู้ล่ะเจ้าค่ะ!...เดทวันนี้หาได้มีกรรมการหรือหยุดกลางคันดังครั้งก่อนไม่แลหากน้องบอลมิทำให้พี่พึงพอใจก็จะมิเล่าให้ฟัง”

“อ้าว!?...ไหนว่าไม่มีปัญหาที่พี่จะพูดไงครับ?”

“เช่นนั้นน้องบอลก็ต้องทำให้ได้...ว่าอย่างไรเจ้าคะ?”

“กะ...ก็ได้ครับ”

“ดีมากเจ้าค่ะ”

(คิดว่าเรามีเรื่องที่จะต้องรู้ให้ได้เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว!?)

.............................................................................................................................................

 

“สตรอเบอรี่ซันเดย์กับช็อคโกแลตซันเดย์ค่ะ”

“น่ากินจัง~~

(พี่เอ้ตาลุกวาวกุมมือบิดตัวไปมาราวกับเด็กได้ของเล่น)

“เชอรี่ๆ”

(ถ้าเสแสร้งแกล้งทำจะดูเป็นธรรมชาติอย่างนี้เหรอ?)

“เลอะมุมปากแล้ว”

“อือ?”

“โธ่--”

...ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดให้ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบุคคลตรงหน้าคือ “ผู้ชาย” ...โอ้ย!!...นี่ผมเป็นอะไรไปใหญ่อีกแล้วในเมื่อก็รู้แก่ใจว่าพี่เอ้เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ยังจะทำอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

“อ้าม~~

“อะไรพี่!?

“อ้าปากสิเจ้าคะ”

“เอ่อ--...ไม่ๆ”

“อย่าปฎิเสธไมตรีจากหญิงสาว”

“จะ...จะบ้าเรอะ?...ก็พี่...”

“...................................................................”

“ก็ได้ๆ”

“อะ...อ้าม~~

(น่าอายชะมัด!!...คนรอบข้างมองเรากันใหญ่)

“พี่ชอบไอศกรีมสตรอเบอรี่มากเลย”

“อย่างกะผู้หญิงเลยนะพี่เนี่ย”

“............................................................”

(เมื่อกี้พี่เอ้ชะงักไปนิดนึง...มันชักจะมีอะไรแปลกๆ)

“มีผู้ชายอีกมากก็ชอบสตรอเบอรี่นะเจ้าคะ”

“พี่”

“หือ?”

“อ้าปาก”

“เอ๋!?...จะป้อนพี่หรือเจ้าคะ?”

“เร็ว--”

“อะ...อ้า~~

(อึ่ยยยยยยยยย...แล้วจะหลับตาด้วยทำไมเล่า?)

“...........................................................”

“อืม...อร่อยๆแบบขมๆแต่ก็มีความหวานด้วย”

(ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนไม่ได้ต่างกับผู้หญิง)

“คิกๆ...น้องบอลทำให้พี่เขินนะเจ้าคะ”

(น่ารักมาก!!!...ถ้าเป็นผู้หญิงจริงๆล่ะก็คงช่างเอาอกเอาใจและมีความอ่อนหวานมากทีเดียว)

“น้องบอล”

“..........................................................”

“มีอะไรเจ้าคะ?”

“..........................................................”

“น้องบอล!

“เอ้อๆๆ...ผมไม่ได้คิดอะไร”

“ยังมิได้ว่าอะไรเลยเจ้าค่ะ”

“อือ~~

(เอกคเชนทร์....แกต้องเรียกสติกลับมาโดยเร็วที่สุดและอย่าลืมจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ไปสิ!!!)

“อีกคำเจ้าค่ะ”

“อ่า--”

“ฮิๆ”

“พี่เอ้”

“เจ้าขา~~

(จะลากเสียงกับทำตาเชื่อมทำไมเนี่ย?)

“ผม...ผมก็จะ...”

“อ้าม~~

(เขินจริงวุ้ย!!)

“หวานกันจริงๆนะคู่นั้น”

“ผู้หญิงจะสวยเกินไปแล้ว”

(ผู้ชายต่างหากเล่า!!!)

“พี่เอ้ไม่รู้สึกอายบ้างหรือ?”

“ด้วยเหตุใดเจ้าคะ?”

“ก็ที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงจนคนเข้าใจผิดกันทั้งบ้านทั้งเมืองแบบนี้”

“มิสนใจ”

“นั่นสินะ...แต่พี่น่ะเหมือนผู้หญิงเกินไปล่ะ”

“แล้ว...น้องบอลรู้สึกหวั่นไหวบ้างหรือเปล่าเจ้าคะ?”

“อะ...อะไรนะ!?

...ญาติหนุ่มผู้พี่ท้าวแขนเอียงคอและถามคำถามที่ทำให้ผมอึ้ง...จะบอกว่าไม่แต่การกระทำก็ฟ้องอยู่ทนโท่แล้วถ้าบอกไปตามจริงว่าหวั่นไหวยิ่งไม่น่าอายกว่าเหรอ?...

(เราเนี่ยนะหวั่นไหวกับผู้ชาย?...มันช่างบ้าบอที่สุด!!!!)

“ผม...ผมไม่เป็นอย่างนั้นหรอก!!

“หือ?”

“ยังไงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ใช่ของจริง”

“แต่แววตาสวนทางกับคำพูดมากอ่ะ!!

(เฮ่ย!!...จริงรึ?)

“ไอศกรีมติดปากเจ้าค่ะ”

!?

(นาย!?...นายเอานิ้วที่เช็ดปากเราไปแตะกับริมฝีปากตัวเอง!!!)

“พี่เอ้...ได้เวลาที่พี่จะเล่าให้ผมฟังแล้ว”

“พี่มิชอบใจถ้าจะเอ่ยถึงผู้อื่นในระหว่างการเดทของเรา”

“อ้าว!?

“เข้าใจนะเจ้าคะ”

(พูดจบพี่เอ้ก็ลุกออกไปจากร้านโดยไม่พูดจา...โกรธหรือยังไง?)

“สาวงอนแล้ว...รีบไปง้อสิ”

“เมื่อกี้ยังดีๆกันอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”

“บ้าสิ!...งอนอะไรกัน?”

...ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากรีบจ่ายเงินแล้วเดินตามพี่เอ้ไป...กระโปรงสั้นเหนือเข่ากับเรียวขาขาวที่ดูยังไงก็คล้ายกับผู้หญิง...ไม่!!...เหมือนมากเกินไป...ขนาดเท้าของเขาก็ยังดูไม่ต่างอะไรกับเท้าผู้หญิงเลย...

(หมอนี่เป็นใครกันแน่?)

“เดินเร็วไปแล้ว...อุ๊บ!!

“...........................................................”

“จู่ๆพี่เอ้หยุดทำไมเนี่ย?”

“ก็หยุดให้น้องบอลชนน่ะสิเจ้าคะ”

“ทำ...ทำไม?”

“..........................................................”

“..........................................................”

(ได้กลิ่นหอมอ่อนๆโชยออกมาจากตัวญาติหนุ่มผู้พี่ซึ่งมันยิ่งทำให้จิตใจของเราว้าวุ่นมากขึ้นไปอีก)

“ผม...ผมขอโทษ”

“คำขอโทษนี้หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ?”

“?”

“ขอโทษที่ชนหรือว่า...ขอโทษที่พูดถึงหญิงอื่นในระหว่างที่เราเดทกันล่ะ?”

“เอ่อ--...ขอโทษที่ชนเมื่อกี้”

“ฮึ!!

“เดี๋ยวๆๆ...ผมขอโทษตอนอยู่ที่ร้านด้วยที่พูดถึงผู้หญิงคนอื่นให้พี่ได้ยิน”

“จริงหรือเจ้าคะ?”

“หา?”

“คำขอโทษนี้มาจากใจจริงหรือเสแสร้ง?”

“...........................................................”

“ว่าอย่างไรเจ้าคะคุณชายเอกคเชนทร์?”

(น้ำเสียงยังดูโกรธๆอยู่)

“พี่เอ้มาตรงนี้”

“?”

...ผมพาพี่เอ้มานั่งและก็อธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจจะคาดคั้นหรือทวงสัญญาว่าจะให้พี่เอ้เล่าเรื่องของพี่ม่อนกับอ๋อมแต่ทั้งหมดทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมเอง...

“พูดจริงนะเจ้าคะ?”

“ครับ”

“จากใจจริงแน่นะเจ้าคะ?”

“แน่ครับ”

“ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก”

“ครับ...ผมจะไม่ทำ”

(บ้าเอ๊ย!!...ไปๆมาๆนี่มันคือการง้อสาวไม่ใช่เรอะ?)

“ก็ได้...นับว่าน้องบอลง้อเก่งนะเจ้าคะทุกอย่างจึงดูคล่องแคล่วไปซะหมด”

“อึ๊ก!!

“แต่พี่มิได้งอนสักหน่อย~~

“ห๊ะ!?...แล้วที่ทำเป็นโกรธนั่น?”

“เพราะอยากดูว่าน้องบอลจะง้อเก่งสักแค่ไหน”

“นาย!!...นี่”

“ฮิๆๆๆ...พี่หยอกเล่น...ความจริงพี่งอนเหมือนกันเจ้าค่ะแต่ก็หายตอนน้องบอลง้อเมื่อกี้แล้ว”

“ง้อ...ง้ออะไรกัน?...งอนอะไรกัน?...นายเป็นผู้ชายนะ!!!

“ฮะๆๆ...ไปกับพี่”

“ครับ?”

“มีสถานที่หนึ่งที่พี่อยากไปและก็จะพูดทุกสิ่งอย่างที่นั่น...ความจริงที่น้องบอลต้องการรู้เกี่ยวกับความบาดหมางระหว่างน้องนางศรมุกดาแลนางพญาเสือศรบุษราคัมเมื่อ 15 ปีก่อน”

“พี่จะบอก...แสดงว่าพี่พอใจ?”

“เจ้าค่ะ...พี่พอใจที่สุด...โดยเฉพาะ--”

“?”

“น้องบอลตามง้อจนพี่หายงอนได้...พี่ชอบมากอ่ะ!!

“พี่เอ้!!

“หน้าแดงแล้ว...คิกๆ...น่ารักจัง~~

“อย่าไปพูดให้ใครฟังเชียวนะครับ!!!

“สัญญาเจ้าค่ะ...มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ”

(แต่คนเห็นกันเกือบทั้งห้าง!?)

.......................................................................................................................................

 

...พี่เอ้พาผมมาที่ริมตลิ่งแม่น้ำทางนอกเมืองซึ่งดูสงบเงียบ...ญาติหนุ่มผู้พี่เดินลงไปข้างล่างที่มีหาดทรายจนเกือบถึงริมน้ำ...ผมไม่ได้พูดอะไรแต่ก็เดินตามลงไป...

“ชอบที่นี่ไหมเจ้าคะ?”

“ที่นี่เงียบดี...ผมชอบครับ”

“พี่เพิ่งพบสถานที่นี้เมื่อต้นเดือนก่อนแลก็จะหาเวลามาเท่าที่มีโอกาส”

“...........................................................”

“ทั้งสองคนนั้น...สมัยยังเด็กรักใคร่แลสนิทสนมกันมาก”

(แหม--...นึกภาพไม่ออกเลย)

“ทุกอย่างควรเป็นไปด้วยดี...ทว่า...วันหนึ่งเมื่อ 15 ปีก่อน...ศรบุษราคัมไปเที่ยวหาพี่สาวต่างบิดาที่โยนกบูรพาแล้วตกลงกันว่าจะแอบไปเที่ยวในป่าหลังหมู่บ้านโดยหาได้มีผู้ติดตามไปด้วย...เข้าไปตั้งแต่สายจนตกบ่ายก็หาได้มีวี่แววจะกลับมาไม่...ท่านป้าศรมรกตร้อนใจมากรีบส่งคนออกตามหา”

“แล้ว...หาเจอเมื่อไหร่ครับ?”

“...กลางดึกในคืนนั้น”

“โอ้โห!!...แสดงว่าหลงเข้าไปในป่าลึกมาก”

“คนในหมู่บ้านไปพบน้องนางศรมุกดาในป่าเพียงลำพัง...เธออ่อนเพลียเพราะขาดน้ำขาดอาหาร”

“เอ๋!?...แล้วอ๋อมล่ะครับ?

“บรรดาผู้ใหญ่ที่ช่วยระดมค้นหาเจอเพียงน้องนางศรมุกดาเท่านั้น...น่าจะเกือบๆเที่ยงคืนที่พบตัว...พวกเขาจึงพาน้องนางศรมุกดาออกมาก่อนแลแบ่งกำลังคนตามหาอ๋อมต่อไป”

“...........................................................”

“พี่ในตอนนั้นก็ยังเล็กแลอยากจะเข้าไปช่วยทว่าท่านแม่ห้ามไว้จึงทำได้เพียงรออยู่ที่โยนกบูรพาด้วยความกระวนกระวายใจ...แน่นอน...ท่านพี่ศรเพทาย,ท่านพี่สุรีย์พรรณแลน้องนางหยาดฝนก็เช่นเดียวกัน”

“อืม”

“จนกระทั่งเกือบฟ้าสาง...ท่านตาที่ออกตามหาด้วยก็ไปพบอ๋อมที่ริมลำธารในป่าที่ลึกออกไปไกลมาก...เธอหนาวสั่นไปทั้งตัวแลถูกยุงกัดเป็นตุ่มแดงเต็มไปหมด”

“โห!!...โชคดีมากๆที่ไม่ถูกสัตว์ป่าทำร้าย”

“ใช่เจ้าค่ะ...ป่าหลังหมู่บ้านโยนกบูรพามีสัตว์อันตรายอยู่มากมาย...แม้จะโชคดีที่แคล้วคลาดปลอดภัยแต่ก็ไม่สบายอยู่หลายวันเนื่องจากเป็นไข้ป่า”

“ไข้ป่า...สำหรับเด็กอายุน้อยๆไม่ธรรมดาเลยนะครับ”

“อืม...ก็เกือบจะเอาชีวิตมิรอดเหมือนกันเจ้าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น...”

“พอจะเดาออกแล้วใช่ไหม?”

“...อ๋อมโทษว่าพี่ม่อนทอดทิ้งเธอไป...”

“เจ้าค่ะ...ศรบุษราคัมกล่าวโทษน้องนางศรมุกดาว่าทิ้งให้เธออยู่ในป่าคนเดียว...ลืมคำสัญญาที่ว่าจะกลับมาหากัน”

“ไม่ใช่ว่าตอนนั้นพี่ม่อนก็พลอยหลงป่าไปด้วยหรือครับ?”

“พี่ก็คิดเช่นนั้นเจ้าค่ะแต่นางพญาเสือไม่ยอมฟังแลห้ามใครพูดถึงอีก...จากนั้นผู้ใดถามหรือพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอจะโมโหมาก...พี่ยังจำประโยคนั้นได้ดี”

(“ใครกล้าพูดถึงนังคนทรยศนั่นให้ได้ยินฉันจะไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด!!!!”)

“ตั้งแต่นั้นมาเรื่องนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งในสิ่งต้องห้ามที่ทุกคนในโยนกจัตุรัสจะมิพูดถึง...ครั้งหนึ่งมีคนในหมู่บ้านไปพูดในเชิงล้อเลียนให้ได้ยิน...เธอโกรธจัดคว้าคบไฟเดินไปจุดเผาบ้านคนๆนั้นทันทีเลยล่ะเจ้าค่ะ”

“โอ้โฮ!!!

(แสบตั้งแต่เด็กเลยนี่หว่า!?)

“ทว่ากลับกันพี่ก็เห็นใจเธอนะเจ้าคะ...หลงอยู่ในป่าอันมืดมิดตามลำพังทั้งคืน...หาได้มีแสงสว่าง...อาหารแลน้ำดื่ม...ที่อาศัยหลบภัย....มองไปทางใดก็มีแต่ต้นไม้หนาทึบ...เสียงร้องของสัตว์ป่าที่มิอาจรู้ได้ว่าคืออะไร...ความหนาวเหน็บ,ความหวาดกลัว,ความหวาดระแวงจึงแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้นที่คิดว่าถูกพี่สาวที่ตนรักแลเชื่อใจมากทอดทิ้ง”

(นั่นสินะ)

“แล้วพี่ม่อนไม่คิดจะอธิบายให้อ๋อมเข้าใจเลยหรือครับ?”

“จริงๆตอนนั้นน้องนางศรมุกดาก็ป่วยเป็นไข้ป่าเช่นกัน...พอหายป่วยต่างคนก็เปลี่ยนไปโดยเฉพาะนางพญาเสือที่เกลียดชังพี่สาวของเธอมาก...มากจนประกาศไปทั่วว่าจะมิขอเห็นหน้าอีก...ที่เราเห็นๆทั้งสองพบปะพูดคุยกันทุกวันนี้นับว่าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนะเจ้าคะ”

“.........................................................”

“น้องบอลฟังแล้วเห็นเป็นเช่นไรเจ้าคะ?”

“ผมเชื่อว่าพี่ม่อนไม่ได้ทรยศอ๋อมหรอกครับแต่เพราะมีทิฐิแรงกันทั้งคู่ไง”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ...พวกเราทั้งหมดมิเคยเชื่อว่าน้องนางศรมุกดาจะไร้น้ำใจเช่นนั้นได้ส่วนน้องนางศรโกเมนเวลานั้นก็ยังมิถือกำเนิดจึงหาได้รู้เรื่องนี้ไม่เพราะทุกคนมิได้ปริปากพูดด้วยถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม”

“เธอคงมีเหตุผลอยู่แน่ๆ...อ้า!!...อ๋อมคิดว่าพี่ม่อนปากแข็งไม่ยอมขอโทษที่ทิ้งเธอไว้ในป่ากับหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว”

“ถูกต้องเจ้าค่ะ”

“ฝ่ายพี่ม่อนก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดจึงไม่ขอโทษ”

“น้องบอลเก่งจังเลย~~

...พี่เอ้ปรบมือให้ด้วยความชื่นชมเล่นทำเอาผมแอบเขิน...เข้าใจเรื่องราวล่ะ!!...ต่างคนต่างยึดถือเหตุผลของตนและไม่ยอมปรับความเข้าใจกันปัญหาจึงปล่อยเลยตามเลยมาถึงปัจจุบัน...ช่างเป็นแค่น้ำผึ้งหยดเดียวอย่างที่พี่แคทว่าไว้จริงๆ...

“พี่เอ้”

“เจ้าคะ?”

“จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้อ๋อมนิสัยเปลี่ยนไปและก็เป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้”

“น้องบอลมิได้กล่าวผิดเลย...เป็นความจริงทุกอย่างเจ้าค่ะ”

(จึงทำให้อ๋อมพยายามอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองเข้มแข็งไม่พึ่งพาใคร)

“แต่เรื่องนี้ทั้งสองจะต้องปรับตัวเข้าหากันหรือไม่ก็มีใครคนหนึ่งเป็นฝ่ายยอม”

“...แลน้องบอลเห็นว่าสมควรเป็นน้องนางศรมุกดา”

“ถ้าพี่ม่อนยอมขอโทษอ๋อมจะให้อภัยมั้ย?”

“น้องบอลเห็นเหตุการณ์เมื่อวานใช่ไหมเจ้าคะ?”

“ครับ”

“ท่าทีในตอนท้ายสุดเป็นอย่างไร?”

“เอ--...อ๋อม...ขว้างไม้ทิ้งและมีสีหน้าผิดหวังร้องว่ายัยคนไม่มีจิตสำนึก...ระ...หรือว่า...แค่พี่ม่อนเอ่ยปากขอโทษอ๋อมก็จะให้อภัยแน่ๆ?”

“พี่ก็เชื่อมั่นเช่นนั้นแต่ปัญหาสำคัญคือน้องนางศรมุกดาจะยอมเอ่ยปากหรือเจ้าคะ?...ผู้ใดจะทำได้กัน?”

“พี่เอ้ทำได้มั้ย?”

“หากพี่หรือท่านป้าศรมรกตทำได้...ทุกอย่างจะมิเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าค่ะ”

...ขนาดพี่เอ้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่พี่ม่อนกับอ๋อมให้ความสนิทสนมไว้เนื้อเชื่อใจมากยังไม่อาจประสานรอยร้าวนี้ได้จึงไม่ต้องไปพูดถึงพี่น้องคนอื่น...ไม่สิ!!...ขนาดป้าเอ็มที่เป็นแม่แท้ๆของทั้งคู่ยังทำไม่ได้เลย...

(แล้วตัวเราที่พี่ม่อนชังน้ำหน้ายิ่งนักจะไปมีปัญญาอะไร?)

“กลับกันเถิดเจ้าค่ะ”

“ครับ”

(อื๋อ!?)

“อุ้ย!!...น้องบอลล่ะก็~~

“อะ...อะไร?”

“รู้นะว่าแอบมองใต้กระโปรงพี่”

“เอ้อ!!...ผมเปล่ามอง”

“มิต้องมาแก้ตัว!...พี่รู้จักน้องบอลดีกว่าที่คิดนะเจ้าคะ”

“รู้จักดีแค่ไหนกัน?”

“เป็นคนทะลึ่งมากไงล่ะเจ้าคะ”

“เชอะ!!...ใครไปจะอยากดูผู้ชายใส่กางเกงในผู้หญิง”

“ก็ดูไปแล้วตั้งหลายครั้งมิใช่เหรอ?”

“นั่น...เพราะเวลาขึ้นไปข้างบนมันต้องเงยหน้ามองสูงอยู่แล้ว”

“หมายถึงในโรงโบว์ลิ่งด้วยเจ้าค่ะ”

“อะ”

“ยอมรับซะดีๆ”

!?

“ปากแข็ง!

“พี่จะทำอะไรน่ะ?”

(เข้ามาใกล้กันเกินไปแล้ว)

“...........................................................”

(ถ้าเป็นพี่แคทหรือฝนก็จะจับเข้ามากอดจูบอย่างไม่ลังเลเลย)

“ขึ้นรถ...พี่จะพาไปส่งที่บ้านจากนั้นค่อยทำโทษ”

“ทำโทษ?”

...ระหว่างที่นั่งในรถเราสองคนไม่ได้พูดอะไรกันเลยสักคำแต่ผมลอบมองพี่เอ้หลายครั้ง...ไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นผู้หญิงชัดๆและเมื่อครู่ที่เห็นภายในกระโปรงนั่นก็ไม่เห็นอะไรอย่างที่ตัวผมมีเลยสักนิด...

(หรือจะพยายามซ่อนไว้?...เฮ่ย!!!...ไอ้ป๋องแป๋งมันซ่อนกันได้ยังไงเล่า?)

“หึ!

“พี่เอ้ขำอะไร?”

“ขำคนปากแข็ง”

“ก็บอกว่าผมไม่ได้...”

“เจ้าค่าๆ...พี่ก็มิได้รังเกียจผู้ชายอย่างนี้ดอก”

“พูดแปลกๆ”

“ถึงแล้ว”

“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยเล่าเรื่องราวที่มาที่ไป...ผมจะพยายามทำให้พี่ม่อนกับอ๋อมเข้าใจกัน”

“สู้ๆเจ้าค่ะ...มีสิ่งใดให้ช่วยก็บอกพี่มิต้องเกรงใจ...อื๋อ?”

“อะไรครับ?”

“ยังมิได้ทำโทษน้องบอลเลย”

“จะ...จะทำโทษอะไรผมเล่า?”

“เข้ามาใกล้ๆ”

!!!!!!!!!

(พี่เอ้จูบเราแถมยังเป็นที่ปากด้วย!?)

“พะ...พะ...พี่เอ้!?

“จงเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีนะเจ้าคะ”

“ดี...ดีอะไรกัน?”

“ไปจัดการเรื่องที่สมควรกระทำให้เรียบร้อยส่วนเรื่องของพี่...”

“?”

“สงสัยอยู่ใช่ไหมล่ะเจ้าคะว่าพี่เป็นอะไรกันแน่?”

“แล้วตกลงพี่เป็น...”

“มิบอก~~

!!!!!!

(ทะ...ทีนี้จูบหน้าผากเราอีก!!!)

“ถ้ายังมิรีบออกจากรถล่ะก็...จะถูก...จูบ...มากกว่านี้”

“ฮึ่ยยยยยย~~

“พี่จะเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิงก็ได้แล้วแต่น้องบอลจะคาดหวังให้เป็นไป...จำไว้ให้ดีนะเจ้าคะ”

“งั้นพี่ก็จำไว้เช่นกันเถอะว่าไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่ผมหมายตาไว้ผมก็จะเอามาครอบครองให้ได้!!!!

(ดะ...เดี๋ยวก่อนซิ!?...เมื่อกี้เราพูดอะไรออกไปน่ะ?)

“โอ้!!...เช่นนั้นวันหน้าเราไปเดทกันอีกนะเจ้าคะ”

“เดท!?

“หรือว่าน้องบอลมิต้องการรู้?”

“ใครว่าล่ะ!!...ต้องมีครั้งหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย...ผมจะต้องพิสูจน์ให้รู้ว่าแท้จริงแล้วนายเป็นอะไรกันแน่...คงไม่ขัดข้องนะครับ?”

...พี่เอ้ยกนิ้วโป้งให้แทนคำตอบก่อนจะขับรถออกไปส่วนผมยังยืนงงอยู่หน้าบ้าน...วันนี้มีเหตุการณ์น่าแปลกหลายอย่างก็จริงแต่ผมไม่เข้าใจกับประโยคเมื่อกี้นี้มากที่สุด...

(เราพูดออกไปได้ยังไงว่าผู้หญิงคนไหนที่หมายตาไว้ก็จะเอามาครอบครองให้ได้!?)

“รู้ต้นเหตุที่สองคนนี้โกรธเคืองกันแล้วแต่ยังไงก็ต้องไปถามเจ้าตัวอยู่ดี”

“เป็นไงมั่งตัวเอง?”

“ก็ดี...ฉันได้รู้ทุกอย่างแล้ว...นับว่าวันนี้คุ้มค่า”

“ฮึฮื่อ~~...ต้องดีแน่นอนสิต้องคุ้มค่าสิ...เล่นโบว์ลิ่งทานไอศกรีมแถมมีบทวิ่งตามง้อสาวด้วยละ”

“ยัยผี!?...นี่...นี่พี่เอ้บอกเธอเรอะ?”

“เปล่าน๊า~~...แต่เอาเป็นว่าเค้ารู้ล่ะกัน...แล้ว...ยังมีอะไรดีๆอีกเคอะ?”

“ไม่มีสักหน่อย”

“แน่ใจ?”

“เออ!

“ฮืม--...ไม่มีก็ไม่มีแต่หน้าออกจะแดงๆนะ”

“แดงเดิงอะไร?...ไม่จริง!!

“ฮิ”

“ฮะ”

“เมื่อกี้เธอหัวเราะรึ?”

“เอ๋!?...เค้าเปล่านะ”

(แปลกแฮะ)

....................................................................................................................................

24 ความคิดเห็น:

  1. เอ้/อ้อ นี่คนเดียวกันแต่สองบุคลิกหรือป่าว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ผมว่าไม่น่าใช่นะแต่เป็นแฝดกัน

      ลบ
  2. "..ระหว่างน้องนางศรมุกดาและนางพญาเสือศรบุษราคัมเมื่อ15ปีก่อน" นั่นคือ"อ้อ"ไม่ใช่"เอ้" เพราะเอ้จะเรียกว่าอ๋อม เพราะเคยถูกอ๋อมถีบตกน้ำที่ไปเรียกเธอว่าศรบุษราคัม และอ๋อมก็รู้ว่าอ้อไปพบบอลไม่ใช่เอ้ เธอจึงติงกับฝนแลแคท

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มีหลายตอนที่บ่งชี้ว่า อ้อสนิทกับอ๋อมและม่อนมาก อ้อจึงรู้ความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกัน อ้อมีนิสัยห่ามๆอยู่แล้วและบอลไม่รู้การมีตัวตนของอ้อจึงเชื่อสนิทใจ
      ขอบคุณไรท์ที่สร้างบทให้อ้อ อ้อนางเป็นคนสนุกสนานและรักบอลฝังใจไม่น้อยกว่าคนอื่นๆ จนคุณอรศนีย์ยอมจัดฉากให้อ้อได้เสียกับบอล

      ลบ
    2. ช่างสังเกตุมากๆครับ ผมก็คิดว่าเป็นคนละคน เป็นฝาแฝดกัน

      ลบ
    3. ลูกทั้งสองเชียร์พ่อจริงๆ

      ลบ
  3. อ๋อมกับม่อนก็อยากรู้ว่าผิดใจอะไรกัน ส่วนอ้อ ก็อยากรู้ว่านายบอลไปทำอะไรไว้กับอ้อในวัยเด็กเหมือนกัน

    ตอบลบ
  4. เป็นบอลก็ทำใจยากเหมือนกันนะ ในเมื่อไม่รู้ความจริงแล้วต้องคิดว่าเดทกับพี่ชาย

    ขอบคุณท่าน adslman ที่ลงต่อเนื่องแบบนี้ หายคิดถึงสาวๆ ของบอลเลย

    ตอบลบ
  5. ลงต่อเรื่อยๆครับ อ่านสนุกมากๆ

    ตอบลบ
  6. สตอรี่ของอ้อกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
    รออีก40%ครับบ

    ตอบลบ
  7. ที่นี้ก็รอวันที่อ้อเปิดเผยตัวตนให้เจ้าบอลรู้ เพราะพวกพี่น้องทั้งหลายไม่มีใครบอกเจ้าบอลแน่ๆ

    ตอบลบ
  8. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  9. ช่วงนี้ละมุนๆ กล้วตับจะละลายช่วงเนื้อเรื่องของสาเเละกุลเหลือเกิน ขอล่ะอย่าเลยยยย

    ตอบลบ
  10. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  11. ผมกลับเชื่อว่า เอ้/อ้อ เป็นคนเดียวกัน เพราะ
    1. เหมือนผู้ใหญ่จะพยายามสื่อทำนองว่าพระเอกเป็นหลานชายคนเดียว และคู่แข่งที่พอจะแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อมาได้คือพี่สาวคนโต ..ไม่มีลุ้นให้พี่เอ้
    2. ช่วงสับบท เอ้/อ้อ เนื้อหาค่อนข้างต่อกัน บางจังหวะตัวละครอื่นในตอนยังตกใจ และบางครั้งตกใจการแต่งชุดของอ้อ ที่ดูขัดตา ไม่ว่า "จะแต่งหญิงสวย" (น่าจะแปลว่าปกตินิยมแต่งเป็นชาย) หรือ "แต่งกายแหม่งๆ" ซึ่งน่าจะอารมณ์ว่าแต่งตัวแบบครึ่งหญิง-ชายแปร่งๆ
    3. การแสดงออกของบางตัวละคร เช่น แม่ของเอ้/อ้อ ไม่ได้มีท่าทางทำนองลูกสองคน, พี่น้องหลายๆ คนมักออกแนวปัดป้องปนขำ เวลาบอลพูดเชิงว่าเอ้เป็นผู้เจ้าชู้หรืออะไรทำนองที้ไม่ต่างจากตน และอาจรวมเรื่องเล็กๆ เช่น การพกดาบไม่สมควรใช้ร่วมกันแม้เป็นแฝด แต่สมควรถือแยกดาบกัน เว้นแต่มีสองเล่ม (ง่ะ)
    4. ดูเหมือน คาแรกเตอร์เอ้/อ้อ ที่สลับกันอาจมีมาจากปมเรื่องในวัยเด็กประกอบ ไม่ว่าจะพ่อคนเดียวกัน(อาสน...เดา) และอาจเคยถูกใคร(ซึ่งอาจเป็นบอลเอง) เข้าใจผิด นึกว่าเป็นพี่แคท (หน้าเหมือนกัน) อาจเคยเผลอล้อหรือไล่ให้อ้อไปแต่งชาย เพื่อไม่ให้เหมือนกัน

    ...จริงๆ ผมก็เดาครับ 555 ...และตอนนี้สนุกมาก อยากให้เฉลยไวๆ ครับ และจัดอ้ออีกสักรอบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คิดเหมือนกันครับอ้ออาจต้องเป็นเอ้ตั้งแต่เด็กๆเพื่อให้เห็นว่ายังมีหลานชายอยู่เพราะบทปูมาพิทักษ์ครอบครัวสะเหลือเกิน

      ลบ
    2. ผมว่าที่เอ้เป็นแบบนี้เพราะพ่อพาบอลออกไปอยู่ข้างนอกแล้วแม่ก็เหงาอานีย์เลยให้เอ้มาอยู่เป็นเพื่อนแม่รัญภรณ์แล้วแม่ก็จับเอ้แต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายเพื่อเป็นการปลอบใจตัวเองแต่เด็กน่ะคงจะรู้ตัวตอนโตแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถกลับมาเป็นผู้หญิงอย่างเดียวได้เห็นเม้นนี้แล้วเดี๋ยวจะกลับไปย้อนอ่านช่วง โยนกจัตุรัส อีกสักรอบ 555

      ลบ
  12. อยากให้ถึงช่วงเฉลยปมฝั่ง อ้อย สา และคนอื่น ๆ ไว ๆ ครับ
    คาใจจุงเลย

    ตอบลบ
  13. อ่านย้อนหลายรอบละ เสียวสนุก555 รออานิภาโดน

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. รอเหมือนกันเลยท่าน ทะเล้นน่าโดนสุดๆ

      ลบ
  14. เย้.. ได้อ่านแล้ว​ เป็น​กำลัง​ใจ​ให้​นะครับ​สู้ๆ​ครับผม​

    ตอบลบ
  15. ไม่ระบุชื่อ21 พฤษภาคม 2565 เวลา 09:31

    ผมคิดว่าอ้อ/เอ้ คือคนละคนกันนะครับ(ความคิดเห็นส่วนตัว) เพราะมีช่วงที่ผู้เขียนบอกว่า สาวใช้ได้ยินเสียงแปลกไปในห้องเหมือนเสียงผู้หญิง แต่จำไม่ได้ว่าเอ้ไปไหน แต่ชอบครับเขียนได้น่าคิดตามอ่าน ชวนคิดดีมากครับ จอเป็นกำลังใจให้นะครับ

    ตอบลบ