หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

น้ำตากินนร ตอนที่ 1

 ...นี่คือเรื่องสั้นที่เรียบเรียงไว้เมื่อปีก่อนแล้วเอามาแต่งเติมเพิ่มเนื้อหาเข้าไปใหม่...ทั้งหมด 5 ตอนจบ...จะทยอยเอามาลงครับ

น้ำตากินนร ตอนที่ 1

...คืนนี้อากาศหนาวเย็นกว่าทุกวัน...มันเป็นการดีแน่ถ้าหากเราอยู่ในบ้านและอยู่ในผ้าห่มหนาๆแล้วนอนหลับให้สบายกายรึจะมีคนรู้ใจร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่แต่สำหรับผม...
“หืม--...พี่ทำไม่ถูกใจชายเหรอ?”
“เปล่าครับ...คือผมไม่ค่อยจะมีอารมณ์”
“แล้วมาทำไมกัน?...ก็น่าจะรู้ว่าค่าเข้างานครั้งนึงมันแพงขนาดไหน”
“..................................................”
“งั้นพี่ไปห้องใหญ่ดีกว่า...ชายจะกลับหรือ?”
“ครับ”
“จ้ะ!!...แล้วเจอกันที่คณะ”
“..................................................”
“..................................................”
“พี่ฟาง...รุ่นพี่ที่อยู่คณะเดียวกันแถมเรียนดีซะด้วยนะแต่เบื้องหลัง...”
“ชาย!!
“เออ!!...เอนี่--...ใครหรือ?
“พี่เจี๊ยบเจ้าหน้าที่ห้องสมุด”
“โห~~...รูปร่างดีไม่เบาแฮะ”
“ฮิๆ”
(แม้จะผิวคล้ำและหน้าตาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ก็เถอะ)
“แต่ลีลาก็ไม่เบาเหมือนกันนะเว้ย!!!...สนใจป่ะ?...อ๊ะใช่ๆๆ...เขาจะมาสมทบกันแล้วนั่น”
“เจี๊ยบไปก่อนนะ”
“ครับผม!!
“ป่ะ!!...เข้าไปสนุกกันต่อในห้องใหญ่เถอะ...อยากเย็ดใครก็จะได้รีบเลือกก่อน”
“...กูจะกลับบ้าน”
“เอ้าทำไมเล่า!?
“..................................................”
“พี่ฟางทำอะไรไม่ถูกใจมึงเรอะ?”
“เปล่า...”
“อย่าเพิ่งกลับน่า!!!...ยัยโอ๊คก็มา”
“โอ๊คปีหนึ่งนิติน่ะเรอะ?”
“ใช่...ที่มึงเคยชมว่าน่ารักไง”
“ดูเป็นเด็กเรียบร้อยแท้ๆแต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาร่วมปาร์ตี้เซ็กส์...ตอนไหนวะ?”
“มาหลังจากที่มึงพาพี่ฟางไปสะบึ่มฮึ่มฮั่มกันในห้องเดี่ยวน่ะแหละ”
“ถึงว่า...กูได้ยินเสียงโห่ร้องกันเกรียว”
“ต่อไปเขาจะให้แลกคู่กัน...มึงก็อยู่ลิ้มลองความหอมหวานของน้องเค้าก่อนซี่~~...พอกูเห็นตอนเธอแก้ผ้า...แม่งเอ๊ย!!...ควยแข็งทันทีว่ะ...ยังไงก็จะขอต่อคิวต้นๆให้ได้”
“ฮึ!!!...สำหรับกูแล้วจะผู้หญิงคนไหนๆก็เทียบกับเธอผู้นั้นไม่ได้...กูคิดว่ามึงคงเข้าใจดีนะไอ้ม้า”
...ชายหนุ่มพูดประโยคนี้ออกมาด้วยความเชื่อมั่นอันล้นเหลือก่อนที่จะแยกกับเพื่อนแล้วขับรถกลับบ้านเพียงลำพังแต่ระหว่างทางจู่ๆเขาก็เกิดปวดเยี่ยวขึ้นมาจึงจอดแวะที่พงหญ้าข้างกำแพงวัดแห่งหนึ่ง...
“ห่-เอ๊ย!!...แม่งออกไปให้หมดเลยว้อยทั้งเงี่ยนทั้งเยี่ยว!!!...อูย~~...หนาวฉิบหาย!!!
“.............................................”
...เด็กหนุ่มทำธุระเสร็จจะกลับขึ้นรถตาของเขาก็เหลือบไปเห็นคนๆหนึ่งนั่งอยู่ในเขตของวัดซึ่งทีแรกเขายังไม่รู้ว่าตรงบริเวณนั้นคือป่าช้า...
“บ้านช่องไม่มีหรือถึงมาอยู่ในวัดดึกดื่นๆ?...นี่คุณ!!...ดึกป่านนี้มาทำอะไรที่นี่?
(ผู้หญิง!?)
“.............................................”
...ไม่มีเสียงตอบใดๆจากผู้หญิงคนนี้ชายหนุ่มจึงถามอีกครั้ง...
“นี่คุณมาทำอะไร?
“.............................................”
...ถามกี่ครั้งๆหญิงสาวผู้ลึกลับก็ยังเงียบไม่ยอมพูดทำให้ชายหนุ่มชักรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจึงเดินเข้าไปหาและจากนั้นเขาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อ...
“อะๆๆๆๆ...อะ...หา...หาย...หายไปแล้ว”
“อยู่ลำพัง...”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“...เหงา”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...ผี...ผีหลอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!
...จู่ๆคนที่อยู่ตรงหน้าตนก็อันตรธานหายไปและมาปรากฏกายด้านหลัง...ชายหนุ่มผู้ดวงซวยแทบจะจดจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าบึ่งรถกลับบ้านโดยใช้ความเร็วเท่าไหร่แต่ที่แน่ๆคือเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดชัวร์ซึ่งถ้าหากมีใบสั่งมาถึงบ้านแล้วเขาก็อาจจะอ้างว่าที่ต้องซิ่งรถเร็วก็เพราะหนีผี...
....................................................................................................................

...หลายวันต่อมา...

“นึกทีไรขนลุกทุกที...นี่ดีนะที่กูไม่จับไข้หัวโกร๋น”
“ความจริงที่วัดนั้นเขาร่ำลือกันมานานแล้วว่าผีโคตรเฮี้ยนมาก...มึงคงจะไปลบหลู่อะไรเข้าล่ะสิ?”
“คงไม่หรอก...กูได้ยินว่าแม้แต่ชาวบ้านแถวนั้นก็โดนหลอกกันไปหลายคนแล้ว...พอตกดึกก็จะไม่ค่อยมีใครออกจากบ้านหรือกล้าใช้ถนนเส้นนั้น”
“ผีผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษาใช่มั้ย?”
“เออ!!...เห็นทีแรกก็หน้าตาสะสวยมากแต่พอเข้าไปใกล้ๆ...หน้างี้เละน้ำเลือดน้ำหนองเยิ้มน่าสยดสยองที่สุดว่ะ”
“โห~~
“แถมยังลือกันไปอีกว่าเคยมีคนช็อคจนหัวใจวายตายด้วย”
“แสดงว่าที่กูเจอมันแค่เบสิคพื้นฐาน...เอ๊ะนั่น?...”
“ชาย...ขวัญใจของมึงมาแน่ะ!!!
“เอ้าๆ...เข้าห้องกันได้แล้วจ้ะ”
“ครับๆๆ”
... ประดับดารา หรือ “พี่ดาว” หญิงสาววัย 27 ที่ผมแอบหลงรักมานานแสนนานแต่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้สมหวังเนื่องจากเธอมีคู่หมั้นคู่หมายแล้วซึ่งนั่นแหละคือสาเหตุที่คำสารภาพรักของผมถูกปฏิเสธอย่างสุภาพ...
(พี่เอ็นดูชายเหมือนน้องคนหนึ่งดังนั้นเรื่องระหว่างเรามันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก...อีกอย่างพี่ก็จะแต่งงานในเดือนเมษาของปีหน้านี่แล้ว)
...เรารู้จักกันมาตั้งแต่เล็กและเนื่องจากบ้านของผมกับพี่ “ดาว” อยู่ห่างกันแค่ 4 เสาไฟฟ้าเท่านั้นจึงมีบ่อยครั้งที่ผมจะได้ติดรถไปมหาวิทยาลัยด้วย...ไม่อยากจะบรรยายให้ใครคนอื่นรู้สึกสมเพชเลยว่าตอนสมัยม.ปลายตัวผมเองน่ะเฝ้าอ่านหนังสือชนิดเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อมุ่งจะสอบเข้าเรียนคณะรัฐศาสตร์ที่พี่ดาวเป็นอาจารย์สอนอยู่...เหตุผลมีแค่นี้เอง...
(จนกระทั่งตอนนี้ขึ้นปี 2 แล้วอย่างนี้สิ่งที่เราพากเพียรพยายามไปทั้งหมดจะได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง?...มีเพียงแค่คำชมและให้กำลังใจว่าตั้งใจเรียนเข้านะ...อนาคตจะได้สบาย)
“ต่อให้ไม่ต้องเรียนผมก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือ...ลืมไปแล้วหรือครับว่าพ่อผมเป็นนักการเมือง?”
...นี่เป็นประโยคที่ตัวผมเองมักจะโต้แย้งอยู่ในใจ...พ่อกับแม่แยกทางกันได้หลายปีแล้ว...แม่แต่งงานใหม่กับฝรั่งใช้ชีวิตที่เมืองนอกและส่งเงินมาให้ใช้บ่อยๆฝ่ายพ่อก็เลี้ยงอีหนูไว้หลายคนวันๆแทบไม่กลับมานอนบ้านส่วนตัวผมเพราะความเสียใจที่หญิงอันเป็นที่รักไปหมั้นหมายกับชายอื่นเลยประชดตัวเองด้วยการเที่ยวซ่องเที่ยวอาบอบนวดตามคำชักชวนของเพื่อนๆ...หึ...“ลูกชายนักการเมืองชื่อดังเที่ยวซ่องกะหรี่” มันคงงามหน้าดีพิลึกแต่ผมไม่เคยแคร์สักนิดและหลังจากนั้นก็เปลี่ยนแปลงนิสัยทำตัวเป็นพ่อบุญทุ่มเที่ยวมีกิ๊กกับสาวๆมากหน้าหลายตาก็ตามที่เล่าไปตอนต้นว่าบ้านรวยมีรถหรูขับมีเงินใช้เป็นฟ่อนๆจึงไม่แปลกที่ผู้หญิงมีแต่จ้องจะจับผมด้วยกันทั้งนั้น...
“เฮ่ยชาย!!...กูฟันอีจุ๊บเรียบร้อยแล้ว...หอยแม่งอร่อยเด็ดอย่างงี้เลย...แหม~~...มึงน่ะยังจะชิ่งได้อีกนะ”
“กูไม่คิดจริงจังอะไรตั้งแต่แรกเพราะยัยนั่นก็ผ่านมาไม่รู้กี่ดุ้นต่อกี่ดุ้น”
...ไอ้ม้าเพื่อนที่รู้ใจและสนิทที่สุดของผมพยักหน้าเออออ...มันมีความยินดีโดยไม่เคยเกี่ยงงอนหรืออิดออดที่จะรับผู้หญิงที่ผมเคยฟันแล้วไปจัดการต่อ(ซึ่งส่วนใหญ่จะได้เผด็จศึก)และนอกจากนี้ผมมักจะให้เงินไปใช้จ่ายเพื่อซื้อใจแต่มันก็เอาไปปรนเปรอสาวๆเกือบหมดเป็นประจำ...
“ดีแล้วๆ...ทำให้กูพลอยได้อานิสงค์ไปด้วยส่วนเรื่องของมึงจะเอาไงต่อไป?”
“ยังไม่รู้”
“แว่วๆว่าเรือนหอของอาจารย์ดาวใกล้จะเสร็จแล้วนะ”
“ใช่...เรือนหอของพี่ดาวกับกู...ไม่ใช่กับไอ้หน้าปลาจวดนั่น!!!
“มองความเป็นจริงหน่อยเพื่อน”
“หากได้พี่ดาวมาครอบครอง...ต่อให้ต้องฆ่าคนกูก็จะทำ!!!!
“.................................................”
“กูกลุ้มใจเรื่องพี่ดาวจนนอนไม่ค่อยหลับหลายคืนแล้ว”
“น่ากลัวไปแล้วสหายเอ๊ย!!...ถึงว่า...ปาร์ตี้ครั้งล่าสุดมึงถึงหนีกลับก่อน”
“ก็กูไม่มีอารมณ์”
“พี่ฟางเล่าให้กูฟังเองแหละ”
“ได้ฟันแล้วล่ะสิ?”
“เรียบร้อย...เมื่อกี้เจอกันยังแอบชมกูเล้ย!!!
...พฤติกรรมอันเหลวแหลกของผมอีกอย่างหนึ่งคือชอบไปงาน “ปาร์ตี้เซ็กส์” แต่ไม่มีเรื่องยาเสพติดมาเกี่ยวข้องนะเพราะถึงแม้ผมจะไม่ใช่คนดีเด่อะไรนักแต่ก็ไม่เคยคิดเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย...งานปาร์ตี้นี้ผมกับไอ้ม้าและรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้วคนนึงร่วมกันจัดขึ้นมา...ปัจจุบันมีสมาชิกราวๆยี่สิบคนทั้งนักศึกษาที่เรียนจบไปและที่ยังเรียนอยู่เช่นพี่ฟางกับน้องโอ็ครวมไปถึงลูกจ้างที่ทำงานในมหาลัยอย่างพี่เจี๊ยบ...เหตุผลที่จัดนี้ผมจำได้ว่ามันเกิดขึ้นหลังจากที่ได้ข่าวพี่ดาวหมั้นหมายกับ “ไอ้เสริฐ” ผู้ชายชั่วช้าที่บังอาจมาแย่งคนรักของผมๆเสียใจไปหลายวันทีเดียวและก็ประชดชีวิตกับความรักของตัวเองโดยวิธีนี้...
“ชาย”
“อะไร?”
“เคยได้ยินที่เขาพูดกันมั้ยว่าถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล?”
“มึงหมายความว่า...”
“กูคิดว่ามึงคงต้องพึ่งทางไสยศาสตร์ซะแล้วว่ะ”
“?”
“ก็บรรดาหมอดูหรือไม่ก็...ทำเสน่ห์ยาแฝดอะไรทำนองนี้ไง”
“จะได้ผลจริงเร้อ?...แหกตาหลอกเอาเงินชาวบ้านล่ะสิไม่ว่า”
“คือมีคนหนึ่งที่กูเคยได้ยินว่าเป็นหมอทำเสน่ห์ที่เก่งมาก...เค้าเล่าลือว่าสำเร็จมานักต่อนักแต่หมู่นี้ไม่ค่อยได้ข่าว...บ้านแกอยู่ใกล้ๆนี่เอง...ลองไปดูมั้ยเล่า?”
“.............................................”
“มันยังดีกว่ารอหมาคาบไปแดกไม่ใช่หรือเพื่อน?”
“ก็ไปสิวะ!!
...จริงของไอ้ม้า...อย่างน้อยก็ยังดีกว่าอยู่เฉยๆโดยไม่มีอะไรคืบหน้า...ยามเมื่อคนเราสิ้นหวังมันก็ต้องหาที่พึ่งทางใจส่วนจะผิดหรือถูกค่อยมาว่ากันอีกที...
........................................................................................

...บ้านของ “หมอทำเสน่ห์” ที่ไอ้ม้ากำลังพาผมไปนี่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่ถึงกิโลนี่นา?...
“กลับไปซะคุณ...ที่นี่ไม่มีหมอทำเสน่ห์อะไรทั้งนั้น”
“แต่ป้าบ้านหัวมุมซอยบอกเราว่าลุงนั่นแหละคือตาไฝหมอทำเสน่ห์...ไม่ผิดตัวแน่ๆ”
“...............................................”
“...............................................”
“...............................................”
“...ผมเลิก...ทำนานแล้ว”
“อ้าว!!!...นี่เพื่อนผมกำลังกลุ้มใจเรื่องความรักและอยากให้ลุงช่วยเหลือนะครับ...ช่วยสงเคราะห์หน่อยเถอะนะนึกว่าเอาบุญ”
“ใครๆก็อ้างแบบนี้...ไม่พูดเรื่องรักๆใคร่ๆก็ยกเอาบุญกุศลมาขอร้อง”
“ถ้าเป็นเรื่องค่าตอบแทนรับรองเพื่อนผมคนนี้จ่ายไม่อั้นนะ”
“ลุงต้องการเท่าไหร่ว่ามา...ผมยินดีจ่ายให้โดยจะไม่เกี่ยงงอนเลยสักคำเดียวถ้ามันได้ผลจริงๆ”
“................................................”
“................................................”
“................................................”
“...อันที่จริงผมก็...ไม่อยากตกลงเลยแต่เพราะเวลานี้มีความจำเป็นจะต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนเหมือนกัน...หลานผมนอนป่วยอยู่โรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายมันก็สูงมาก”
“ลุงจะเอาเท่าไหร่?”
“... 2 แสน”
“โอ้โฮ!!!...มากไปหน่อยมั้งลุง?”
“เดี๋ยว!!...ถ้ามันจะสามารถทำให้ผู้หญิงที่กูรักเปลี่ยนใจมาหากูได้...นับว่าถูกมากๆโว้ยไอ้ม้า!!!!...ตกลงครับ”
“...รอสักครู่...”
...ชายชราผมหงอกหายเข้าไปในบ้านส่วนผมก็ให้ไอ้ม้าไปหยิบเงินมารอท่า(ทีแรกถอนมาตั้งใจว่าจะไปถอยรถใหม่)...
“เฮ่!!...มึงเอาจริงเรอะ?”
“สังเกตจากแววตาก็พอรู้ว่าไม่ค่อยจะเต็มใจอยากตกลงนักฉะนั้นกูไม่คิดว่าลุงเขาจะหลอกลวงนะ”
...ตาไฝหมอทำเสน่ห์ปรากฏตัวออกมาอีกครั้งและยื่นขวดสีชาเล็กๆให้ผม...
“เห--...ขวดยาหยอดตาอันจิ๊ดเดียวคืออะไรเนี่ยลุง?...อย่าบอกนะว่าไอ้ที่ใส่ไว้ข้างในนี่คือยาเสน่ห์?”
“ใช่...มันชื่อว่าน้ำตากินนร...ใช้ผสมลงในน้ำหรือเครื่องดื่มพอผู้หญิงที่เรารักได้ดื่มลงไปก็จะค่อยๆเกิดจิตปฎิพัทธ์รักใคร่ในตัวเรา...สำหรับเวลาที่จะเริ่มเห็นผลก็ราวๆ 2 ชั่วโมง”
“แค่เนี้ย?”
“อืม--...เวลาจะใช้น้ำตากินนรคุณก็พึงตั้งจิตให้มั่นและนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงที่เรารักแล้วกลั้นหายใจพร้อมกับหยดลงไป...แค่หยดเดียวก็พอ”
“มันไม่ง่ายไปเหรอลุง?”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ...นี่เป็นของเก่าของแก่ที่สืบทอดมาแต่สมัยโบราณ...เรื่องราวไสยศาสตร์ลี้ลับน่ะหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อฟังหรือเคารพนับถือกันเท่าไหร่นักหรอก”
“เดี๋ยวก่อนๆๆๆ...ผมเชื่อครับ...ขอให้ผมเถอะ...เงิน 2 แสนอยู่นี่แล้วลุงรับไปได้เลย”
“ไอ้ชาย!!...มันจะดีหรือวะ?...เกิดถูกต้มขึ้นมา 2 แสนเนี่ยหายวับไปในอากาศนะว้อย!!!!
“อย่ามัวพูดมาก!!!...ให้เงินลุงไปซะ”
“จุ๊ๆๆ...มีน้ำอยู่ในขวดไม่ถึงครึ่งแต่เรียกราคาตั้ง 2 แสนเชียว...สุดยอด~~
“ที่อยู่ในขวดนั่นก็ใช้ได้หลายครั้งแต่ผมอยากจะขอเตือนไว้สักอย่างนะ”
“อะไรหรือครับ?”
“ผู้หญิงที่ได้รับหยดน้ำตากินนรเข้าไปจะมีจิตหลงรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา...หน้ามืดตามัวหลงใหลใคร่รักจนตัวตายกันไปข้างหนึ่งเชียวล่ะ...ดังนั้นถ้าขืนนำไปใช้กับผู้หญิงคนอื่นอีก...รับรองว่าจะต้องเกิดความหึงหวงทะเลาะเบาะแว้งอย่างรุนแรงถึงขนาดเอาชีวิตกันได้ง่ายๆเลยและแม้คุณตายไปพวกเธอก็อาจจะแย่งชิงกระทั่งเถ้ากระดูกของคุณรวมทั้งสิ่งของทุกอย่างที่คุณเคยใช้เมื่อยามมีชีวิต”
“ลุงพูดซะน่ากลัวเชียว”
“วางใจได้ครับ!!!!...ผมรักเธอผู้นี้เพียงคนเดียวเท่านั้น...ถ้าได้ครอบครองทั้งตัวและหัวใจของเธอ...รับรองผมจะไม่มีใครอีกเลยชั่วชีวิตนี้”
“ขอให้เป็นอย่างคุณพูดล่ะกัน...อันที่จริงผมเคยรับปากคนหนึ่งๆไว้เมื่อ 2 ปีก่อนว่าจะเลิกอาชีพหมอทำเสน่ห์โดยเด็ดขาดเพราะการใช้อวิชาด้านมืดชักนำจิตใจให้คนมารักกันอย่างผิดหลักกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติคือสิ่งที่จะยอมรับไม่ได้...ท่านผู้นั้นต้องโกรธผมมากแน่ๆ”
“ถ้าบาปกรรมจะเกิดก็ขอให้มาลงที่ผมเถอะนะ...ผมยินดีรับไว้ทั้งหมดเพียงคนเดียว”
.........................................................................................................

“ขออภัยอย่างยิ่งครับ...กระผมฝ่าฝืนคำสั่งของท่านแต่เพราะความจำเป็นบังคับ...คือหลานของกระผม...”
“หุบปาก!!...เจ้ามิต้องยกหลานมาเป็นข้ออ้างเพราะมันหาได้ทำให้เจ้าพ้นความผิดในครั้งนี้ไม่!!!
“คะ...ครับ”
“ทั้งที่ทราบแก่ใจตนแต่เจ้าก็ยังบังอาจละเมิดคำสั่งของเรา...อันว่าน้ำตากินนรคือสิ่งที่มนุษย์มิสมควรจะรับรู้ถึงความมีอยู่เพราะมันจะนำพามาซึ่งเรื่องวุ่นวายแลความทุกข์ต่อผู้ที่ผิดหวังอย่างแสนสาหัสนัก...นี่เจ้าให้บุรุษผู้นั้นหมดสิ้นเลยกระนั้นรึ?”
“ครับ”
“...เราพลาดเอง...หากในอดีตรู้แต่แรกดังนี้ก็จะชิงทำลายมันให้สิ้น...เอาเถิด...บุรุษผู้นั้นจะมีสิทธิ์ใช้น้ำตากินนรเพียงหยดเดียวเพราะนี่คงเป็นบุพกรรมเก่าในอดีตชาติจึงทำให้เขาหน้ามืดตามัวแลเห็นผิดเป็นชอบ...ส่วนโทษทัณฑ์ของเจ้า...”
...ชายชราหมอบคุกเข่าก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาฝ่ายตรงข้าม...ในอดีตนอกจากการทำเสน่ห์ยาแฝดเขาก็ยังมีชื่อเสียงในด้านคาถาอาคมปลุกเสกของขลังแต่ราวๆ 2 ปีก่อนเขาพ่ายแพ้ต่อสตรีอายุเพียง 19 ปีที่มีพลังจิตแข็งกล้ายิ่งนักโดยสิ่งต่างๆที่ร่ำเรียนมาแต่วัยหนุ่มไม่อาจจะกระทำอะไรเธอผู้นี้ได้เลย...
“ดังเช่นเมื่อ 2 ปีก่อนตอนสู้กับเราเป็นไร?...ที่กาลนั้นร่างกายเจ้ากลายเป็นอัมพาตครึ่งตัวแลต้องทนทุกข์ทรมานไปเกือบขวบปี!!!
(“อย่านึกว่าข้าจะปราบแกไม่ได้นะนังผีชั่ว!!!!...อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!...ทำไม!?...ทำไมมีดหมอของข้า?”
“ถูกเสียบด้วยอาวุธของตนเองรู้สึกอย่างไรบ้าง?...แค่มีดเล่มนั้นปักลึกเข้าไปอีกครึ่งเข็มหมุดขั้วหัวใจของเจ้าก็จะโดนตัดขาด”
“เออะ!!!...อั๊กกกกกกกกก!!!!!!!
“พร้อมไปหรือยัง?...โลกหน้า”
“แก...แกไม่ใช่ผี!?
“เบื้องหน้าของเจ้าเป็นผีฤาคนก็หาได้แยกแยะออกไม่แลยังจะกล้าประกอบอาชีพหมอเสน่ห์...ช่างโง่เขลานัก!!!...วิชาอาคมที่เจ้าร่ำเรียนมานับว่าน่าชื่นชมทว่าเมื่อมาเผชิญหน้ากับเราแล้วมันก็หาได้มีประโยชน์อันใดดอกเช่นนั้นจงเตรียมใจพร้อมจะทิ้งชีวิตแลวิญญาณอันสกปรกโสมมนั่นซะเถิด”
“ยะ...อย่า!!!!!!!!”)
“............................................”
“............................................”
“ทว่าก็ยังมีความดีอยู่บ้างที่เจ้ามิได้ปกปิดแลบอกความจริงให้เราทราบ...เจ้าจงตอบมาซิว่าบุรุษผู้นั้นมีรูปพรรณสัณฐานอย่างไร?”
“เขา...เขาแต่งชุดนักศึกษาขับรถยนต์สีแดงและมากับเพื่อนอีกคน...”
“สีแดง...ดังเช่นโลหิตของเจ้าใช่หรือไม่?”
“ได้...ได้โปรดไว้ชีวิตกระผมด้วย!!!!!!
“............................................”
“?”
...เหตุการณ์กลับเงียบผิดสังเกต?...หมอเฒ่าทำเสน่ห์เงยหน้ามาอีกทีก็ไม่มีใครอยู่ตรงหน้าซึ่งทำให้เขาเข้าใจความหมายนั้นทันที...ตาไฝปลาบปลื้มดีใจน้ำตาไหลพรากรีบก้มลงกราบแทบพื้นอยู่เป็นเวลานานโดยปากก็วนเวียนพูดแต่ประโยคที่ว่า...
“ขอบ...ขอบพระคุณที่กรุณายกโทษให้...กระผมจะนำเงินที่ได้ไปรักษาหลานให้หายและจะย้ายไปอยู่ที่อื่นรวมทั้งไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับอาชีพหมอทำเสน่ห์อีกเลยตลอดชีวิตครับ”
.........................................................................................................................

“..............................................”
“..............................................”
“อย่าเคืองแค้นกันเลยเจ้างูเอ๋ย~~...เป็นเพราะเจ้ามาอยู่ขวางหน้าแลพยายามคุกคามจะทำร้ายเราเอง”
“..............................................”
“แต่ถึงเราจะพูดอย่างไรเจ้าก็มิอาจขยับตัวได้อีกต่อไปเพราะร่างของเจ้า...หมดสิ้นแล้วซึ่งความรู้สึกใดๆประดุจรูปปั้นงูจงอางแผ่แม่เบี้ยที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ”
“..............................................”
“แลสิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือมิให้ร่างของเจ้าคงอยู่ในสภาพเช่นนี้...มิฉะนั้นท้องทุ่งนาแห่งนี้คงจะหาได้มีผู้ใดกล้าสัญจรไปมาอีก...จงขาดเป็นชิ้นๆเสียเถิด”
...ร่างงูจงอางตัวใหญ่ถูกความลี้ลับบางอย่างบีบอัดจนขาดออกเป็น 8 ท่อนจากนั้นบุคคลลึกลับผู้นี้ก็เดินหายเข้าไปในพงไม้อย่างไร้ร่องรอย!?...แต่ทว่าอีกไม่นานต่อจากนี้ “เธอ” คงจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง...
..........................................................................................................................

...นี่เป็นเรื่องราวกึ่งแนวลึกลับเหนือจินตนาการ...โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน...

2 ความคิดเห็น: