หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รักไม่นับตัวเลข ตอนอวสาน


รักไม่นับตัวเลข ตอนอวสาน “จากความรักไม่จำกัดเลขแห่งอายุหวนคืนสู่ความรักจนตราบเท่าที่ยังมีชีวิต”

“ทำไมพี่บรีมกับคุณแม่ถึงมาไม่ได้?”
“เพราะคุณพ่ออยากให้บรีนกลับ...พรุ่งนี้ค่ะ”
“หรือว่า...ท่านยังทำใจยอมรับไม่ได้ที่จะให้ผมคบกับบรีน?”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ...เคนอย่าเพิ่งเข้าใจผิด”
“แล้วจะให้เข้าใจเป็นอื่นอีกได้หรือ?...ไม่!!...ผมไม่ให้บรีนไป!!!...รึถ้าจะไปก็ขอฝากหลานให้คุณพ่อสักคนก่อนล่ะกัน”
“ว้าย!!!!...เคนนี่ล่ะก็~~
“เคนพูดจริงนะ!!!...บรีนพร้อมมีให้เคนหรือเปล่าครับ?”
“คือว่า...”
“............................................”
“ค่ะ...บรีนอยากมีลูกกับเคน...อยากมีที่สุด”
“งั้นเหตุผลแค่นี้ก็พอแล้วที่ผมจะไม่ให้บรีนกลับไปที่นั่น”
“โธ่~~...ฟังก่อนสิคะ...คุณพ่อท่านอยากให้บรีนไปช่วยงานที่บริษัทต่างหาก”
“ข้ออ้างทั้งเพ!!!
“พี่บรีมก็ด้วย...เธอจะกลับเมืองไทยเป็นการถาวรและเข้าทำงานพร้อมกับบรีนเพื่อช่วยแบ่งเบางานของคุณแม่จ้ะ”
“ถ้าอย่างงั้น...งานที่บรีนทำกับคุณอาตอนนี้?”
“คุณอาบอกว่าให้บรีนกลับไปช่วยคุณพ่อเถอะ”
“ทั้งนั้นแหละ!!!...ใครๆก็ต้องการพรากบรีนไปจากผม”
“เคน--”
...............................................................................................................

4 พฤศจิกายน 2548

อีกประมาณ 10 นาทีขบวนรถด่วนดีเซลรางปรับอากาศขบวนที่ 12 เชียงใหม่ปลายทางกรุงเทพฯจะเข้าจอดเทียบในชานชาลาที่ 2 ผู้ประสงค์จะโดยสารโปรดนำสัมภาระและสิ่งของรอขึ้นขบวนรถในชานชาลารางที่ 2 ครับ
“ทั้งที่เราเพิ่งจะได้อยู่ด้วยกันแค่วัน 2 วันเองนะ...บรีนไม่อยู่ผมจะนอนกอดใคร...ต้องนอนเหงากายเหงาใจเพียงคนเดียวแน่เลย”
“ไม่เอา...เคนอย่างอแงเป็นเด็กๆสิคะอีกอย่างก็ไม่ได้จากกันชั่วชีวิตสักหน่อย...เราสองคนต้องพยายามมากแค่ไหนกว่าที่จะมีวันนี้...ดังนั้นเราจะต้องได้อยู่ด้วยกันตลอดไปแน่ๆค่ะ”
.....................................................................................................................

...ขบวนรถด่วนวิ่งไหลเข้ามาในตัวสถานีพิษณุโลกช้าๆโดยจะจอดประมาณ 10 นาทีเพื่อเติมน้ำและตรวจเช็คสภาพ...บรีนบอกจะเอาของขึ้นไปไว้แล้วรีบลงมาเพื่อต้องการอยู่กับผมให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ในระหว่างที่ขึ้นไปนั้นเธอชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง...
“ขอโทษค่ะ!!
...........................................
...หญิงสาวคนนั้นยิ้มกลับมาในเชิงความหมายว่าไม่เป็นไร...ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้!!!...ผมไม่ได้เห็นพวกเธอซะนาน...จริงสิ!!!!...เพราะนี่มันใกล้จะเปิดเทอมใหม่แล้วนี่หว่า...
“โฮ่ย~~...พี่ช่วยหิ้วถุงกะกาเป๋าหน่อยเด้!!...ใจคอจะให้น้องถือคนเดียว...มันหนักน๊า~~
............................................
“ทำเฉย?...หงึ!!...ใจร้าย~~...ใช้แรงงานน้องนุ่ง”
“อย่าบ่นมากได้มั้ย?...ที่มันหนักก็เพราะบรรดาของฝากที่เธอซื้อทั้งนั้น”
“อ้าวพี่!!...ไม่รู้จักหิ้วของติดไม้ติดมือมาฝากเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราไม่มีน้ำใจนะจ๊ะ...เนี่ย--...แคบหมูน้ำพริกหนุ่มส่วนนี่กุนเชียงเจ้าอร่อยในลำปาง...ทางนี้ก็ของฝากจากอุดรบ้านเรา...เครื่องดื่มมึนเมาที่ตาบอลจะต้องชอบและติดใจแน่นอน”
“เออ--”
...สาวผู้พี่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำนุ่งกระโปรงสั้นเหนือเข่าสีครีมสวมรองเท้าหนังสีขาวปลอดส่วนสาวผู้น้องใส่เสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายชินจังนุ่งกางเกงยีนส์สวมรองเท้าแตะดูน่ารักน่าชังส่วนนายตำรวจที่ลงจากรถมาก่อนหน้าคนนี้ผมเคยเห็น...เขามักไปฝึกเทควันโด้ที่สำนักของพี่จุนบ่อยๆและคนอื่นชอบเรียกเขาว่า “ผู้กองชาติ” อีกทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ผมเห็นที่สระว่ายน้ำตอนไปกับพี่จุน...
“ฝนจะไปซื้อกาแฟดื่มแก้ง่วง...ของฝากไว้ที่พี่ก่อนนะจ๊ะ”
“ซื้อน้ำเปล่ามาฝากด้วย...เอ๊ะ?...แบมือทำไมน่ะ?”
“ก็ตังค์ไง”
“จะออกไปก่อนไม่ได้หรือไง?...เอ้า!!
“นี่ลืมไปแล้วเรอะพี่จ๋า?...หนูฝากเงินไว้ที่พี่ทั้งหมดนิ”
...ทั้ง 2 พี่น้องยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด...บรีนลงจากรถมานั่งข้างๆผมและถาม...
“เคนรู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือคะ?...เห็นมองเธอจัง”
“เธอคือพี่แคทที่ผมเคยเล่าให้ฟังไงครับ”
“อ๋อ!!...สาวรุ่นพี่คนนี้เองที่เคนแอบปลื้มนักหนา...ตัวสูง...รูปร่างสมส่วน...แหม~~...หน้าตาก็ยังสะสวยมากเลย...ขนาดบรีนเป็นผู้หญิงยังอดชื่นชมไม่ได้...”
“ไม่ใช่นะครับ!!!!...เคนยอมรับว่าเมื่อก่อนแอบชอบพี่แคทแต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว...ผมมีบรีนอยู่ในใจเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“รีบแก้ตัวเชียวนะคะแต่บรีนก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย...มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดที่เคนจะเคยแอบชอบเพราะเธอสวยมากจริงๆ”
...ผมรีบคว้าบรีนมากอดและพูดปลอบประโลมเพราะฟังจากโทนเสียงก็ชักรู้สึกว่าสาวคนรักจะมีความหึงหวงนิดๆแล้ว...
“อย่าได้สงสัยอีกเลยนะจ๊ะสุดที่รักของผม...เวลานี้ทั้งกายและใจของผมเป็นของบรีนจนหมดสิ้น...ต่อไปห้ามพูดตัดพ้อแบบนี้อีกนะรู้มั้ย?”
“...ก็บรีนอดหึงเคนไม่ได้นี่~~
...หญิงสาวเอนศรีษะซบแผ่นอกชายหนุ่มพลางเผยความในใจออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาอันวิงวอน...ผมเชิดคางขึ้นและประทับจูบกลางหน้าผากบรีนด้วยความตื้นตันในหัวอก...
“กว่าที่เราจะครองคู่กันต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมาย...บรีนไม่อยากจากเคนไปไหนอีกเลยจริงๆนะคะ”
“ตัวผมก็ไม่ต้องการจากบรีนไปแม้สักเสี้ยววินาทีเดียวเช่นกัน...อีกไม่ถึง 5 นาทีรถไฟก็จะออก...ดีล่ะ!!!!...เคนจะไปกับบรีน”
“อะไรนะคะ?”
“ไม่มีอะไรจะมาพรากความรักของเรา 2 คนได้!!!...จะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อการพลัดพราก...เคนจะไปพบคุณพ่อของบรีนด้วย...เคนเชื่อว่าท่านจะต้องเห็นใจพวกเรา”
“เดี๋ยวสิคะ!!!...แล้วเรื่องเรียนล่ะ?...อีกอย่างคุณพ่อก็...”
“ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นครับนอกจากต้องการจะพิสูจน์ความจริงใจและความรักที่มีต่อบรีนให้คุณพ่อได้ประจักษ์!!!!
(แปะๆๆๆ)
“ฝน?
...สาวน้อยวัยกระเตาะยืนปรบมือก่อนเดินเข้ามาหาพวกเรา...
“พูดได้ดีนิ!!!...ถึงฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรก็เถอะแต่ต้องขอชื่นชมกับความกล้าของนายนะเคน”
“เธอ...เธอรู้ชื่อฉันได้ยังไง?”
“ไม่รู้ก็แปลกแล้ว...คือคุณผู้หญิงตอนเดินสวนกับฉัน...เธอเอ่ยแต่คำว่าเคนซ้ำไปซ้ำมา”
“คุณได้ยิน?”
“แหะๆ...ขอโทษนะคะที่ฉันหูไวดันไปได้ยินเข้า...ถึงแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ก็ขอพูดอะไรสักนิด...ในเมื่อทั้ง 2 ไม่อยากพลัดพรากก็จงอยู่ร่วมกันตลอดไปสิคะ”
“ฉันต้องการอย่างนั้นยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในโลกนี้ค่ะ...แต่คุณพ่อฉัน...
“คือฝนยังเด็กอยู่มากและไม่ถนัดกับเรื่องรักๆใคร่ๆนี่จึงไม่ขอบังอาจออกความเห็นส่วนตัวให้ขายหน้าน่ะค่ะ...แต่!!...ขอให้พวกคุณจงมีความกล้าและความหวังเป็นเครื่องคุ้มครองใจไว้เถิดนะคะ”
“ความกล้า...”
“...ความหวัง”
“ใช่แล้ว!!!...ความกล้าคือพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้มนุษย์สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ส่วนความหวังก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกันเพราะถ้าไม่มีความหวัง...เราก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว...หายใจอยู่ไปวันๆไม่มีอะไรดีขึ้นมา”
“ขอบคุณ...ขอบคุณมากค่ะ...คุณได้มอบความกล้าให้ฉันอีกแล้ว”
“เอ๋?”
“ขอขอบคุณเธอมากจริงๆนะฝน...ความฝันของเรา 2 คนผมสัญญาว่าจะต้องทำให้สำเร็จ”
“หึๆ...นายนี่เติบโตขึ้นมาก...ยินดีด้วยๆ...ต่อไปนี้ขอให้ทั้ง 2 คนสมปรารถนาดังใจหวังนะคะ”
(เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง)
“ค่ะ...คุณพ่อ”
...............................................
“อะไรนะคะ?”
...............................................
“จริง...จริงหรือคะคุณพ่อ!?
!?
...หญิงสาวโผร่างเข้ากอดผมแน่นแต่ไม่ยอมบอกอะไรเลยสักคำ...ถามก็ไม่ตอบ...
“มีอะไรหรือครับ?”
“พ่อ...คุณพ่ออยากพบเคนค่ะ”
“หา?...จริง...นี่เรื่องจริงหรือ?...เอ่อ--...ท่านมีอะไรจะคุยกับผมล่ะเนี่ย?”
“ค่ะ...ท่านสั่งให้เคนเดินทางไปพร้อมกับบรีนซะด้วยกันเลยและย้ำว่าถ้าไม่ไปก็อย่ามานับถือเป็นพ่อตา”
“ไชโย!!!!!...ฮ่าๆๆๆๆๆ...สำเร็จ...สำเร็จแล้ว!!!!!!!!!
“ว้ายเคนอ่ะ~~~...คนมองใหญ่แล้ว!!!!
“ไม่มีอะไรให้ต้องอายครับ!!!...ดีซะอีกที่ทุกคนจะได้เป็นสักขีพยานในความรักของเคนกับบรีน”
...ผมแหกปากร้องตะโกนอย่างลิงโลดก่อนจะตรงเข้ายกตัวว่าที่ภรรยาในอนาคตแล้วหมุนไปรอบๆจนไม่ทันสังเกตว่าฝนกำลังเดินจากพวกเราไปช้าๆพร้อมยกนิ้วโป้งให้...บรีนน้ำตานองหน้าด้วยความดีใจอย่างล้นเหลือซึ่งเธอยิ้มและก็ร้องให้เหมือนกับเด็กๆ...ท่ามกลางเสียงคนในบริเวณที่พูดคุยกันด้วยความสงสัยบางคนก็ปรบมือให้ทั้งที่ไม่รู้เรื่องราวรวมไปถึงเสียงหวูดรถไฟที่ส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังใกล้จะออกจากสถานีแล้ว...
“คุณผู้โดยสารเชิญขึ้นขบวนรถได้แล้วค่ะ”
“บรีน...ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าอนาคตหรือความสุขของเราก็ล้วนจะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บัดนี้ไปนะครับ...แม้จะมีกำแพงที่สูงชันหรืออุปสรรคต่างๆนาๆมาขวางกั้นแล้วมันจะแน่นหนาแข็งแกร่งหรือยากลำบากเพียงใด...ความรักของเราที่มีให้กันและกันมันก็จะพังทลายจนหมดสิ้น!!!!
“ค่ะ...เราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป...จะไม่มีใครสั่นคลอนขัดขวางความรักอันมั่นคงของสองเรา!!!!
...น้ำตาแห่งความสุขสมหวังยังหลั่งรินไหลอาบแก้มหญิงสาวอย่างไม่ขาดสาย...ไม่ว่าจะทั้งสุขหรือทุกข์สิ่งนี้มันก็ช่วยทำให้คนเราเข้มแข็งขึ้นเติบโตขึ้นพร้อมทั้งลุกเดินหน้าต่อไป...ผลตอบแทนจากความรักที่ไม่นำพาต่อตัวเลขได้กลับคืนมาสู่เรา 2 คน ณ บัดนี้แล้วจะกลายเป็นความรักที่ยืนยงถาวรจนตราบเท่าที่ยังมีชีวิต...

รักไม่นับตัวเลข อวสาน.
.................................................................................................................

...หลังจากที่ขบวนรถด่วนเที่ยวล่องเคลื่อนตัวออกจากสถานีไปแล้ว...

“ขบวนรถที่กำลังจะเข้าจอดเทียบชานชะลารางที่ 2 เป็นขบวนรถเร็วเที่ยวขึ้นรับส่งผู้โดยสารจากกรุงเทพฯปลายทางสถานีเด่นชัย...”
“เมื่อไหร่สากับหนูอ้อยจะซื้อของเสร็จซะที?...เชอะ!!...แค้นใจเจ้าพี่บ้านั่นนัก...ไม่มารอรับพวกเราได้ยังไง?”
“เขาอาจจะติดธุระสำคัญอยู่ก็ได้”
“จะมีธุระอะไรสำคัญกว่าการมารอรับน้องสาวผู้น่ารักคนนี้...อื๋อ?...พี่แคท!!!!
“ฟิ้ว~~...เอาจนได้...ฝน...น้องเคยบอกว่าป้อมอาจจะดักรอที่ไหนสักแห่งเพื่อคอยเล่นงานเรา...”
“ใช่ค่ะ...แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้านี่จะมาจองกฐินกันตั้งแต่สถานีรถไฟเชียว!!!
...บริเวณกลางเสาของชานชะลาสถานีปรากฏเข็มสีทองยาวประมาณครึ่งไม้บรรทัดปักอยู่โดยห่างจากใบหูของสาวแคทเพียงไม่ถึงขนาดความยาวของนิ้วก้อย...
“เข็มเล่มที่ 7?”
“อยู่ไหน?...ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”
“ออกมาสิน้องป้อม!!...เรามาพูดคุยกันดีๆตามประสาพี่น้องเถอะ...พี่สาวคนนี้จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเอง”
“.........................................”
“.........................................”
“ไม่ยอมออกมาเจรจากันรึ?...งั้นยึดไอ้นี่ล่ะนะเจ้าป้อม...เหะ!!...ช่างให้เกียรติพวกเราซะจริงๆเพราะเท่าที่ฉันรู้น่ะเธอยังไม่เคยนำเข็มทองคำมาใช้กับใครเลย...ใช่มะ?”
“.........................................”
“นั่นไง!!!...มันกำลังขึ้นไปอยู่บนสะพานลอยค่ะพี่แคท”
“แล้วทำไมต้องยิ้มแสยะอย่างนั้น?”
...ที่สะพานลอยข้ามทางรถไฟพลันปรากฏร่างของเด็กหญิงผู้หนึ่ง...นั่นคือลูกพี่ลูกน้องคนเล็กสุดของแคทและฝนที่มีวัยเพียง 14 ปี...
“พี่ลองเพ่งดูตาซ้ายที่ลุกวาวเป็นประกายของยัยตัวเล็กซึ่งปกติจะไม่ได้เห็นกันง่ายๆ...ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องซ่อนอุบายอะไรบางอย่างไว้แน่นอน”
“อุบาย?”
“เราได้รู้แน่ค่ะ...ฝนจะไปจับตัวมันมาเอง!!!
...สาวน้อยเดินเข้าไปใกล้ช้าๆแต่พยายามเงยหน้ามองเด็กหญิงข้างบนตลอด(ไม่ให้คลาดสายตา)ซึ่งอีกฝ่ายก็มองตอบลงมาแล้วฉีกยิ้มจนเห็นฟัน(เขี้ยว)ขาว...แต่ทว่า--...พอเท้าข้างหนึ่งของฝนแตะถูกขั้นบันไดขั้นแรกป้อมก็สับเท้าวิ่งจู๊ดลงอีกฝั่งอย่างเร็วจี๋ก่อนจะใช้ประโยชน์จากแมกไม้ช่วยอำพรางตัวหายไปโดยปล่อยให้อีกฝ่ายอ้าปากค้างยืนงงเป็นไก่ตาแตก...
“เฮ้ย!!!!
!?”
“หน็อยแน่ะเจ้าบ้า~~...คอยจ้องตาเป็นมันเชียวนะยะ!!!...อุบายที่ว่าก็แค่เผ่นเท่านั้นเองเรอะ?”
...จะมีลูกพี่ลูกน้องที่ไหนทำแบบนี้กันบ้าง?...เด็กหญิงป้อมมอบรอยยิ้มให้ “พี่สาว” คล้ายกับว่าเป็นมิตรแต่กลับไม่ยอมอยู่แม้จะสนทนาซ้ำยังโกยแน่บไปต่อหน้าต่อตาอีก...
“ถึงความเร็วจะเป็นรองฝนแต่ในรูปการนี้ป้อมได้เปรียบไม่มีเสีย...วันนี้เธออาจจะแค่มาทักทายพวกเรา”
“จะอยู่คุยกันสักคำก็ไม่มี...หา!!!...ทักทาย?...พี่แคทพูดอะไรคะนี่?...เจ้ามะขามป้อมซัดเข็มทองคำปักเสาเฉียดหูพี่ไปแค่นิดเดียวเนี่ยนะเรอะ?”
“ก็นั่นแหละคือการทักทาย...ถ้าหากมุ่งหวังจะทำร้ายก็คงพุ่งเข็มมาที่ตัวพี่แล้ว”
“ฮึ่ย~~...ยัยตัวกะเปี๊ยกไม่กล้าหรอกแต่ไม่แน่ว่าตอนนี้มันคงจะหัวเราะเยาะเรา 2 คนจนท้องขัดท้องแข็งแล้วล่ะมั้ง?...เจ็บใจ!!
“ป้อมส่งข้อความมา...”
“ท้ารบว่ายังไงคะ?”
“...ขอฝากเข็มทองไว้ที่พวกพี่แล้วอีกไม่นานจะมารับคืน...เจอกันครั้งหน้ารับรองสนุกกว่านี้เพราะฉันกับพี่อ๋อมจะไปเยี่ยมเยียนถึงที่แน่นอน”
“สาเหตุมาจากเรื่องที่เราคุยกันบนรถจริงๆ...เสือน้อยเข้าคู่กับนางพญาเสือ...นับว่าตึงมือมากถึงมากที่สุด”
“ทำได้ดีจ้ะน้องรัก...พี่ภูมิใจในตัวป้อมมากนะ”
“ฮึ้ย~~...มันจ้องจะตีกับเราอยู่ข้างพี่ยังไปชมอีก?”
“ฝนฟังนะ...อ๋อมน่ะอาจต้องใช้ความพยายามมากสักหน่อยจึงจะทำให้เธอเข้าใจแต่สำหรับป้อมคงคุยได้ไม่ยากหรอก...น้องก็รู้ดีนี่นา”
“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้นค่ะเพราะใจจริงหนูไม่ต้องการจะทะเลาะกับญาติพี่น้องตัวเองเลยสักนิด...เอ้ย!!!
“โวยวายอะไรอีกล่ะ?
“ดูท้ายขบวนรถเร็วที่วิ่งออกไปสิพี่...ยัย...ยัยตัวเล็กมันยืนอยู่ตรงนั้น!!...หนอย~~...เชิดหน้าใส่เราด้วย!!!
“ก็คงจะกลับโยนกทักษิณล่ะนะ”
“ชิ!!...ถ้าคราวหน้าเจ้านี่เกิดพาพี่อ๋อมออกมาด้วยจริงก็จะต้องเกิดเรื่องยุ่งแน่ๆและคนที่ซวยที่สุดก็ต้องไม่พ้นฝนกับพี่แคท...สงสัยก่อนจะพูดจารู้เรื่องมีหวังได้ตีกันแหลกก่อนแหงๆมั้ง?”
“..........................................”
...................................................................................................................

4 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดคับ ชอบเรื่องนี้มาก เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคับ จะติดตามผมงานนะคับ ขอบคุณมากคับ

    ตอบลบ
  2. แล้วเรื่องรักไม่มีขีดจำกัด ใช่คุณadslman แต่งหรือเปล่าครับ ผมอยากอ่านครับ

    ตอบลบ
  3. เรื่องนี้สนุกมากคับ ขอขอบคุนท่านผู้แต่งที่แต่งนิยายดีๆไว้ไห้พวกเราได้อ่านนะคับ

    ตอบลบ
  4. ขอติดตามผลงานต่อๆไปครับ

    ตอบลบ