หน้าเว็บ

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ANOTHER SPIRITS (5)

ANOTHER SPIRITS (5) “สัญญาน้องพี่!?”

25 ตุลาคม 2548 ... 12.00 น.

...อร นิภากำลังง่วนกับการตระเตรียม อาหารเย็นไว้ให้ลูกๆก่อนจะไปเข้าเวร...ปัจจุบันเธอทำงานที่โรงพยาบาลของ เอกชนแห่งหนึ่งในตำแหน่งหัวหน้าพยาบาล...
“อื้อ!!...เสร็จเรียบร้อยซะที...แคทจ้ะ!!...ฝนจ๋า~~...ยู้~~ฮู~~...อะ...อยู่...หนายเอ่ย?”
“..................................................”
“เออ แฮะ!!...เราใช้ให้ฝนไปซื้อของแล้วหายไปนานแคทเลยออกตามนี่เนอะ...ฮึ!!... ฮึ!!...ฮึ!!...ให้มันได้อย่างนี้สิน่าลูกบ้า!...ไม่รู้เหมือนใครกัน?...อยาก เห็นหน้าคนเป็นแม่จริงจริ๊ง~~”
...แม่บ้านวัย 41 พูดแกมประชดตัวเองแต่ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้วหยาดฝนบุตรีคนเล็กนี่แหละที่เธอ แสนจะห่วงใยยิ่งนัก...ผู้เป็นพ่อออกปากสั่งห้ามเด็ดขาดก็ยังดื้อไม่ยอม ฟัง...มักฉวยโอกาสช่วงสามีและตัวเธอออกไปทำงานแอบหนีเที่ยวโดยใช้ทางลับหลัง บ้านตะลอนไปโน่นไปนี่...บางทีก็มีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นจนได้แผลกลับมาอย่าง เมื่อหลายวันก่อนซึ่งมีหลายครั้งที่แคทไม่อาจหยุดได้ทันแถมยังพลาดท่าให้อีก ด้วย...นับเฉพาะความเจ้าเล่ห์แสนกลฝนกินพี่สาวขาดลอย(มั้ง)แต่ประสบการณ์ ชีวิตเธอยังมีน้อยหรือพูดง่ายๆก็คืออ่อนต่อโลก...
“ลูกๆเราก็เป็นซะอย่างนี้แหละ...จำไม่ได้เหมือนกันว่านิสัยเริ่มเบี่ยงเบนตั้งแต่ตอนไหน?”
...แต่ มีใครบ้างที่จะเข้าใจหัวอกของผู้เป็นแม่อย่างเธอ?...บ่อยครั้งทีเดียวที่ บรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลายแหล่ในสมาคมแม่บ้านมักชอบคุยในเชิงเสียดสีว่ามี ลูกสาวสวยๆตั้ง 2 คนแต่อบรมเลี้ยงดูจนมีกิริยามารยาทเรียบร้อยเยี่ยง “ชายอก 3 ศอก” ...
“ฉันจะเลี้ยงลูกยังไงมันก็เรื่องของฉันว้อย!!!...อย่าเสือกมากได้ป่ะ?...แต่...”
...พอ นึกถึงเรื่องเลี้ยงลูกอรนิภาก็ให้รู้สึกละอายอยู่ในจิตก้นบึ้งเหมือนกัน เพราะการที่ปัจจุบันแคทกับฝนมีนิสัยเช่นนี้ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากตัวเธอเป็น ต้นเหตุก็ได้คือเมื่ออดีตเธอไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดูสั่งสอนลูกๆนักเนื่องจาก หน้าที่การงานและสามียังประจำอยู่ต่างพื้นที่...บ่อยครั้งที่ 2 พี่น้องต้องรับผิดชอบงานบ้าน...หาทำอาหารกิน...หัดซักเสื้อผ้า...รีดชุดนร. เพื่อไปเรียนเอง...เรียกว่าต้องทำเองแทบทุกอย่างและไม่เคยบากหน้าไปขอพึ่ง ใคร...
“...อีกทั้งตอนฝนยังเล็กนิสัยขี้แยมากจึงมักถูกเด็กคนอื่น แกล้ง...แคทก็ไม่ยอมเป็นต้องปรี่เข้าสู้สุดฤทธิ์เพื่อช่วยน้องทุกครั้งไป... มีอยู่คราวหนึ่งถึงขั้นคว้าไม้บุกตีเด็กหัวโจกถึงบ้านจนหัวแตกเย็บตั้งหลาย เข็ม...พอครูรู้เรื่องเลยถูกทำโทษอย่างหนักและเราต้องจัดการย้ายโรงเรียน เพื่อจบปัญหา...นั่นล่ะมั้งที่ทำให้พวกเธอตั้งใจว่าจะต้องมีวิชาการต่อสู้ เพื่อปกป้องกันและกันโดยไม่ต้องใช้อาวุธรวมทั้งจะไม่รุกรานใครก่อนแต่ที่ไหน ได้พอเรียนคาราเต้จนเก่ง...ฝนก็จัดการสืบเสาะตามหาบรรดาคนที่เคยแกล้งเธอและ ตามไปเล่นงานคืนให้สาสมกับความแค้น...หึ!!...จิตอาฆาตรุนแรงใช่ย่อยนะลูกคน นี้”
...อรนิภารำพึงพลางเดินไปหยิบกรอบรูปที่วางบนโต๊ะขึ้นมาดูซึ่งเป็น รูปของลูกสาวทั้ง 2 คนในชุดพื้นเมืองนุ่งผ้าซิ่นถ่ายที่ลานวัดพระธาตุลำปางหลวงเมื่องานบุญเดือน 12 ของปีที่แล้ว...
“ส่วนแคทก็ไม่ค่อยยอมคบหากับใครนัก...พอถูกแซวมากๆ เข้าก็ขัดใจแล้วอัดเขาเละ...ที่สนิทกันมากหน่อยเห็นจะมีแต่เอ้เพราะทั้ง 2 มีอะไรหลายอย่างคล้ายคลึงกันมากจึงเข้ากันได้ดี...แล้ววันนี้เอ้จะมา...ถ้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงที่เราไม่อยู่มันก็ดีไปหรอกนะ...เฮ้อ~~”
.....................................................................................................................

...ถนนสายหลักในตัวเมือง...ผู้หมวดหนุ่ม 2 คนขี่รถซ้อนกันมาหลังจากหยุดพักเที่ยง...
“แม่เจ้าโว้ย!!...แจ่ม~~~”
“?”
“เห็นมั้ย?...ขวามือๆ”
“อะไร?...ข้าขี่รถอยู่!!”
“โน่นๆๆ...เป็นตำรวจน่ะหูตาไวหน่อย~~”
“ไหน?...”
“นั่น!!... สาวเสื้อแขนกุดสีส้มอ่อนกระโปรงสั้นเสมอเข่าสีขาวที่เดินฉับๆอยู่ฝั่งโน้น น่ะ...หูย~~...หน้าขรึมตาคมแต่ดูจิ้มลิ้มพริ้มเพรา...หน้าอกหน้าใจก็ตั้ง เต้าเต่งตึงส๊วยสวย...น่องก็ขาวงามจ๊าดนัก...ลูกสาวบ้านไหนน้าเนี่ย?”
“เอ...”
“วะ!!!...ก็ผู้หญิงสวมแว่นที่ไว้ผมยาวถึงก้นนั่นไงเล่า!!...เอ็งนี่มันตาถั่วจริง”
“เออ!!!...เมื่อกี้เอ็งถามว่าลูกสาวบ้านไหนใช่มะ?...ข้ารู้...นั่นน่ะลูกสาวบ้านเจ้านายโว้ย!!”
“ห๊ะ!?...ไหนเอ็ง...พูดใหม่ซิ!!”
“ข้าจะบอกว่านั่นคือคุณสุรีย์พรรณบุตรีคนโตของท่านผู้บัญชาการวงศ์ศักดิ์...เอ็งทำชี้มือชี้ไม้มั่วๆเดี๋ยวก็ได้มีเฮกันถ้วนหน้าหรอก!!”
“เอื๊อก!!”
.....................................................................................................................

“...คุณแม่ใช้ไปซื้อของแค่นี้กลับเถลไถลหายเข้ากลีบเมฆแล้วนับวันยิ่งล่องหนเก่งขึ้นทุกที”
...แค ทออกปากบ่นอย่างไม่พอใจเมื่อแวะดูร้านเกมส์เป็นแห่งที่ 4 ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของฝน...ร้านแห่งที่ 5 พอเจ้าของร้านหนุ่มเห็นก็รีบออกมาต้อนรับขับสู้...
“สวัสดีครับ”
“น้องฉันอยู่ที่นี่ไหม?”
“เปล่าครับ...”
“..........................................................”
“...เอ่อ...มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?”
“ไม่มี...ขอบคุณค่ะ”
...จับ อาการคู่สนทนาแล้วรู้ได้ว่าไม่พูดโกหกแต่นัยน์ตาอันเยือกเย็นของหญิงสาวยัง มีความขุ่นมัวแฝงอยู่มิใช่น้อย...ลูกค้าในร้านล้วนได้ยลโดยถ้วนทั่ว...เมื่อ รู้ว่าเป็นเป้าสายตามากๆเข้าแคทก็ถอนตัวออกจากที่นั่น...ส่วนเจ้าของร้าน ปลื้มใจซะไม่มีเพราะสาวตาคมผมยาวจอมเย็นชาไม่เคยกล่าวคำขอบคุณเขามาก่อน...
“แม่น้องคนสวยนั่นใครหนา?...งามแต้ๆ”
“...คุณแคทลูกสาวนายตำรวจใหญ่...เป็นคนดังที่กลุ่มคนหลายๆกลุ่มในเมืองนี้รู้จักเคียงคู่กับคุณหยาดฝน”
“โธะ!!...พ่อกูก็นายพันเว้ย!!...ใหญ่พอป่ะ?”
“...แต่มีอีกอย่างหนึ่งคือเธอเก่งคาราเต้ด้วยมึงอยากจะลองดีก็เอาสิ...แต่กูว่าไม่ทันไรก็จะโดนหล่อนกระทืบซะก่อน”
“เฮ่ย~~...ดุขนาดนั้นเชียว?”
“มึงเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่เลยยังไม่รู้จักเธอ...คุณสุรีย์พรรณน่ะจัดการผู้ชายที่ตามจีบตัวเธอกับน้องสาวกระเจิงมาหลายต่อหลายคนแล้ว”
“แต่ หยาดฝนคนน้องก็ร้ายใช่ย่อยเน้อ!!...ลูกพี่กูยังต้องหลีกทางไม่ขอยุ่ง ด้วย...เขาเคยเล่าให้ฟังว่าเวลาเธอเกิดบ้าเลือดขึ้นมาล่ะน่ากลัวสุดๆ... อ่า...กูไม่เคยเห็นนะฟังคนอื่นเล่ามาอีกที”
“...แต่ถ้าไม่ทำให้โกรธก็ไม่ มีอะไรหรอก...ปกติหล่อนอารมณ์ดีคุยสนุกจะตายไป...ต่างกับคนพี่ที่จะไม่พูด กับคนแปลกหน้าและไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน”
“ถ้าเป็นไปตามที่เล่าลือ...งั้นเกิดแจ๊กพ๊อตดันแตกดังโพละโดนพวกเธอหมายหัวเข้าล่ะ?”
“อันนี้ก็คงต้องบอกได้แค่ประโยคเดียวว่า...ซวยสุดขีด...ไอ้คนนั้นจะไม่มีวันได้อยู่อย่างสงบสุขแน่”
“โอ้ย!!...แค่ถูกคนใดคนหนึ่งกาหัวก็ถือว่าดวงแตกแล้วเพื่อน”
..............................................................................................

...หน้า โรงเรียนมัธยมที่แคทกับฝนเคยเรียนมีร้านเน็ตตั้งอยู่ไม่ห่างกัน...ปรากฏใน ลิสต์ที่น้องสาวจอมแก่นชอบมาใช้บริการ...ไม่แน่...ฝนอาจจะมาหาอาจารย์ที่เคย สอนและแวะเล่นเกมส์ก็เป็นได้...
“สวัสดีครับคุณสุรีย์พรรณ!!”
“......................................................”
“ทักซะนอบน้อมเชียะ~~...หล่อนใหญ่มาจากไหน?”
“ไม่ทักทายได้ไงเล่า?...แล้วไอ้ใหญ่ไม่ใหญ่ไม่สำคัญเท่าเธอเป็นคนเก่งและน่ากลัวมากนะเฟ้ย!!”
“เวอร์ๆๆ...แหม~~...อุตส่าห์ทักก็ไม่ทักตอบเว้ย!!...หยิ่งซะไม่มี...อย่ามาเป็นเมียกูได้นะมึง...แฮ่ม!!”
“อุ!...ไอ้บ้า!!...ปากพาซวยกันหมดแล้ว...หล่อนมองมาทางนี้ซะด้วย...เงียบเลยมึง...เงียบ!!”
“.......................................................”
“เฮ้อ!!...โชคดี...คงจะไม่ได้ยิน...เหมือนเธอกำลังตามหาใครอยู่นะ?”
“เฮอะ!!...คิดมากไปทำไม๊!!...สงสัยตามหาผัวแหงๆเพื่อน...แต่หน้าบึ้งอย่างนั้นคงหาไม่เจอ...ฮิๆๆ”
“ไอ้!!...ไอ้ห่าจิก!!!...โอ้ย~~...เกิดอะไรขึ้นกูไม่รู้...ว้าก!!!”
“.......................................................”
...สุรีย์พรรณเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆหนุ่มปากคะนองทางด้านหลังอย่างเงียบเชียบ (หูของเธอดีมาก)...
“มึงเป็นผู้ชายหรือเปล่า?...แค่ผู้หญิงคนเดียวทำกลัวไปได้...ว่าไงเหรอจ๊ะน้องสา...โอะ...โอ้ย!!!”
(พล่อก!!!)
“!!!”
...เสียงกำปั้นทิ่มใบหน้าตามก็ด้วยเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด...
“จะนินทาฉันต้องออกไปให้ห่างเกิน 10 เมตร...จำไว้!!”
...แค ทพูดเนิบๆหลังปล่อยหมัดฮุคซ้ายเข้ากระพุ้งแก้มหนุ่มปากพล่อยโดยไม่พูดพล่าม ทำเพลงในข้อหา...นินทาว่าร้ายให้มีอารมณ์ขุ่นเคืองเพิ่มมากขึ้นเพราะเธอยัง ตามหาน้องสาวไม่เจอ...
“คุณสุรีย์พรรณ...ผม...ผมขอโทษแทนเพื่อนด้วย...มันปากเสียแบบนี้ประจำ...อย่าไปถือสามันเลยครับ”
“.......................................................”
“เป็นอะไรมากมั้ยวะ?”
...สาวหมัดหนักขยับแว่นตาและพูดต่อ...
“...ชอบ ปากเสียเป็นประจำรึ?...งั้นคงจะไม่เคยใส่ใจกับคำที่ว่า...พูดดีเป็นศรีแก่ ปาก...พูดมากปากจะมีสี...เอ้า!!...ถ้าแกยังไม่เข้าใจก็ลุกขึ้นมาเลยสิ”
...เจ้าหนุ่มปากคะนองคงจะไม่เข้าใจจริงๆถึงไม่ออกอาการกลัวรีบลุกขึ้นหวังจะเอาคืนตามคำท้าทาย...
“........................................................”
“ไม่นะ!!...มึงหยุด...”
(เปรี้ยง!!!)
...ไม่ ต้องรอหมัดที่ 2 นาน...คราวนี้เป็นกำปั้นขวาตรงพุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงเฉียดศรีษะคน ห้ามทัพไปถูกหน้าคนปากเสียอย่างจัง...เข้าเป้าหมดจด...ทรุดลงไปนอนแช่กองกับ พื้น...
“หา?”
...จากนั้นสาวแคทก็ใช้แววตาอันดุดันกล้าแข็งสะกดฝ่ายตรงข้ามและตอบอย่างเยือกเย็น...
“แกโชคดีนักหนาเพราะตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดี...เสียดายที่ไม่มีเวลามากพอจะอยู่เล่นด้วย”
“...อุบ!!...อูย~~~...เล่น...งั้นเหรอ?...เธอเก่งพอจะ...กล้าพูดคำนี้ออกมาได้งั้นรึ?”
“ฮึๆๆ...พูดแบบนี้แสดงว่าอยากจะพิสูจน์ฝีมือของฉันสินะ”
...สุรีย์ พรรณถอดแว่นพับใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเงื้อกำปั้นขวาในลักษณะพุ่งปักลง พื้น...เป้าหมายอยู่ที่ปลายคางแต่แท้จริงแล้วหล่อนจะพุ่งมือซ้ายคว้าจับคอซะ ก่อนจากนั้นถึงค่อยตามด้วย “ยมทูตขวาเร็ว” ที่อดีตเคยซัดศัตรูร่วงมานักต่อนัก...
“พอแล้ว!!!...มึงน่ะหยุดปากเก่งซะที...คุณสุรีย์พรรณยกโทษให้มันเถอะนะครับ...ต่อไปผมจะห้ามไม่ให้มันทำแบบนี้อีกครับ”
“.......................................................”
...อย่าง น้อยในที่นี้ก็ยังมีคนพูดจารู้เรื่องและรู้ผิดชอบชั่วดี(ตั้ง 1 คน)หญิงสาวจึงคลายหมัดและมีสีหน้าที่ดีขึ้นนิดๆก่อนจะหยิบแว่นตามาสวมดัง เดิม...
“...เห็นแก่ที่นิสัยนายยังพอจะใช้การได้...ฉันจะหยุดเพียงแค่ นี้...แต่ถ้ายังมีคราวหน้าอีก...ต่อให้ก้มกราบแทบเท้าฉันก็จะไม่รับฟังอะไร ทั้งนั้น...หัดตักเตือนเพื่อนปากเสียคนนี้ซะบ้างนะ”
“...ครับ”
“.......................................................”
...เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้าลุกมาหือกับตนอีกแคทจึงค่อยหันหลังช้าๆก้าวขึ้นรถขับจากไปด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง...
“ไง!!...ซาบซึ้งตรึงใจดีมั้ยไอ้โง่?...กูอุตส่าห์หวังดีเตือนมึงว่าอย่าๆ...แล้วยังจะพล่ามอีกมั้ยล่ะว่ากูพูดเวอร์?”
“อู ย~~...เจ็บฉิบหาย!!...ดูแขนก็เพรียวๆแต่แม่งทำไมหมัดหนักจังวะ?...แม่ไม่อี ร้าค่าอีรม...กูยังไม่ทันจะทำอะไรก็อัดเข้าซะอีกเปรี้ยง...โอย~~~...ล่อปาก ครึ่งจมูกครึ่งเลย”
“...อย่างที่คุณสุรีย์พรรณบอกนั่นแหละ...ต่อไปเกิด มึงเจอคนน้องที่ไหนก็อย่าริปากหมาแบบครั้งนี้เชียวนะเพราะคุณหยาดฝนก็เจ๋ง ไม่แพ้กันแต่โหดกว่า...ถ้าเวลาเธอยัวะขึ้นมาจริงๆ”
“...มึงรู้ได้ยังไง?”
“เขา รู้กันแทบทั้งนั้นโว้ย!!...กิตติศัพท์ความเก่งกาจของพี่น้องเทวะกรนันท์ลูก สาวนายพลจอมเฮี้ยบ...คงมีมึงคนเดียวล่ะมั้งที่โง่งมโข่งไม่รู้จักถึงได้ถูก ชกปากแตก...สมน้ำหน้า!!”
“อย่าซ้ำเติมกันสิวะ!!”
.............................................................................................................

...ที่สวนสุขภาพแห่งหนึ่ง...
“อ๋อ!!...คุณฝนบอกจะไปสถานีครับ”
“สถานี?”
“ครับ...เธอให้แฟนผมขี่รถพาไปส่ง...หิ้ววิทยุกับยืมเบ็ดตกปลาผมไปด้วย”
“เดี๋ยว!!...ที่น้องฉันไปไม่ใช่สถานีลำปางใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่ครับ”
...หญิง สาวหลับตาและคิดในใจ...งั้นก็ต้องเป็นที่นั่น...เราเองก็ไม่ได้แวะดูก่อน เพราะคิดว่าต้องไปเล่นเกมส์แน่...ที่แท้จุดใต้ตำตอกบดานอยู่ใกล้ๆบ้านนี่ เอง...
“ขอบใจ...หึ!!...คุณหยาดฝนผู้มีพระคุณของพวกเธอนี่นับวันยิ่งทำตัวลึกลับขึ้นทุกทีๆนะ”
“?”
....................................................................................................................

...สถานีรถไฟเล็กๆแห่งหนึ่ง(เดาเอาเอง)...
“แหม~~...ไม่เจอซะนานเชียว...ยังสวยไม่มีเปลี่ยนนะครับ”
“..........................................................”
...คำ ชมเหล่านี้ไม่มีความหมายสำหรับเธอ...พอสุรีย์พรรณเข้ามาในบริเวณอาคารสถานี ก็เดินตรงดิ่งไปอีกฟากหนึ่ง...ใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านรุ่มรื่นริมทุ่งหญ้า เขียวขจีและบึงน้ำเล็กๆไม่ห่างจากรางหลีก...หยาดฝนสาววัยใสปูเสื่อนอน เอกเขนกหลับสบาย...ข้างตัวมีวิทยุเครื่องเล็กเปิดเพลงพื้นเมืองแห่งล้านนา ดังขับกล่อม...ที่ขาดไม่ได้คือบรรดาสารพัดขนมนมเนยซึ่งเป็นของที่เธอโปรด ปรานทั้งนั้น...
“มีอะไรหว่า?...ดูหน้าเครียดๆ...ทักก็ไม่ตอบ”
“เป็นแบบนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...เธอคงจะมาตามน้องสาวกลับอีกตามเคย”
...นายสถานีกับผู้ช่วยคุยกันถึงเรื่องของหญิงสาวผู้เย็นชาและทำงานต่อ...
“ตามหาซะตั้งนาน...”
“..........................................................”
“รู้ว่าพี่มายังจะแกล้งหลับ”
“เฮะๆๆ...ถูกต้องจ้า!!...ฝนรู้ตั้งแต่ได้ยินเสียงรถแย้ว...อึ๊บ!!...นอนฟังเพลงลุงจารัญเพลินจนเผลอหลับไปเลย...อื๊อ~~...อือ~~”
....ฝนหิ้วของกินของใช้ที่แม่สั่งให้ซื้อไปเก็บในรถพี่สาวแล้วกลับมานอนกระดิกเท้ากินขนมต่อ...
“ทำไมต้องรบกวนชาวบ้านชาวช่องให้เขามาส่ง?...ที่นี่ไม่ห่างจากบ้านสักหน่อย”
“คือ ว่า...หนูแวะเล่นเกมส์ที่ร้านตั้งใหม่ก่อนแต่แค่แป๊ปเดียวเพราะมันไม่ค่อย สนุกเลยรีบไปซื้อของตามที่แม่สั่งแล้วก็ขอยื้มเบ็ดคนอื่นมาตกปลาเล่นแก้ เซ็ง...อยู่นี่ตั้ง...เกือบๆ 2 ชั่วโมงล่ะค่ะ”
“หึ!!...แทนที่จะรีบเข้าบ้านกลับมัวเถลไถล...เพราะอย่างงี้พี่ถึงหาไม่เจอ”
“...ว่าแต่ปี้มีอะหยังหรอก๊ะ?”
“ข้าวของน่ะจัดเสร็จหรือยัง?...วันนี้เอ้จะมา...พรุ่งนี้เราก็ไปกันแล้วนะ”
“มาถึง 6 โมงกว่าใช่มั้ยคะ?”
“อือ...เอ้มากับรถขบวนที่ 9 กรุงเทพฯ – เชียงใหม่...ขึ้นจากอุตรดิตถ์ 14.45 น. ถึงนี่ราวๆ 18.15 น.มั้ง”
“ว้า!!... ปิดเทอมที่แสนสนุกมันจะหมดลงแล้วหรือเนี่ย...อ่ะ...แต่ก็ยังดีที่ได้ไป เยี่ยมตากะยาย...พี่เอ้ก็ขึ้นมารับด้วยตัวเอง...ไม่น่าเบื่อซะทีเดียว...ของ น่ะจัดไม่นานหรอกค่า~~”
“พี่นึกว่าน้องไปเล่นเกมส์ที่ร้านประจำ...เที่ยวขับรถตามหาซะเกือบทั่วเมือง...ได้ชกคนปากหมาด้วย”
“เออใช่!!...หนูสั่งเจ้าแต้มว่าจะมาที่นี่ด้วยละ”
“แต้มน่ะมันหมา!!”
“ก๊ากๆๆ”
“ชอบล้อพี่เล่นอยู่เรื่อย”
“ฮิๆ...เอ๊ะ!?...เมื่อตะกี้...พี่บอกชกคนปากหมาเหรอ...ใครอ่ะ?”
“ไม่รู้จัก...แต่มันแส่หาเรื่องนินทาเลยซัดไปเบาะๆ 2 หมัด”
“คึๆๆ...ก็ สมเป็นพี่แคทละ...ไม่มีอะไรน่าแปลกหรอกแต่ไอ้บ้านั่นมันบังอาจเนอะ...อย่าง ว่าเพราะหนูกับพี่หน้าตาสวยคนถึงชอบแซว...คนที่ไม่รู้จักความร้ายกาจของพวก เรายังมีอยู่อีกเยอะแยะ...เออ...ไปบ้านโตโดซังหรือเปล่า?...ได้ความว่ายังไง บ้างคะ?”
...หยาดฝนถามพลางหยิบหวีช่วยหวีผมให้พี่สาวอย่างทนุถนอมราวกับผมของตนก็ไม่ปาน...
“โตโดซังเพิ่งกลับมาถึงนี่เมื่อเช้า...เมื่อกี้แวะไปแล้ว”
“งั้นของที่ฝากไปก็ส่งถึงบ้านป้ากวางเรียบร้อย?”
“อืม...โตโดซังบอกว่าบอลเป็นคนรับ”
“หือ?... อ้ายบอลง่าว...ฮึ่ย!!...ได้ยินชื่อหรือนึกหน้าแล้วพาลให้หงุดหงิดทุกที ซี่~~...เวลาใดที่ฝนกลับไปที่นั่นเวลานั้นแหละความสงบสุขของเขาก็จะจบสิ้น ลง”
“จะทำอะไร?”
“หนูจะกลั่นแกล้งตานั่นให้หนักกว่าเดิมอีก”
“มีเรื่องอะไรกันแน่?”
“ม่ายมี๊~~~”
“เป็นไปไม่ได้!!...คนเราอยู่ๆจะมาหมั่นไส้กันเฉยๆ...ไม่มีทาง...ปิดบังพี่เหรอ?”
“เปล่าจักหน่อย...แหมคุณพี่ขา~~...คนสมัยนี้แค่มองหน้าหน่อยมันก็จับมีดคว้าปืนฆ่ากันแย้วจ้า~~”
“...เอาเถอะ...พี่ไม่ขอยุ่ง”
“อ้า!!...แล้วอาจาอานฝากอะไรถึงเรนโดรจังป่าวคะ?...สุริคุง”
“ฝาก...ท่านบอกให้น้องหัดควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้...เลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะ...การมีเรื่องน่ะ”
(แต่ตัวเองเพิ่งตั๊นหน้าคนมาหยกๆ...สาธุๆ)
“หึๆๆ...แน่นอน...เปิดเทอมใหม่ฝนจะเป็นเด็กดี...เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้...ขี้อาย...เหนียม...และก็ใสซื่อบริ...”
“เห!?...พูดใหม่อีกครั้งซิฝน”
“หนูบอกว่าจะเป็นเด็กดี...เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้...ขี้อาย...เหนียม...และก็ใสซื่อบริสุทธิ์...อื๋อ?”
“คึ!!...คิกๆ...”
“!!!”
“หึๆๆๆ...ฮิๆๆ...ฮะ~ฮะ~ฮะ~”
“เอ้ย!!!...พี่ขำ’ไรน่ะ?...ฝนพูดอะไรผิด?”
“อึ๊!!... ยะ...อย่า...ดึงผมซี่~~~...พี่เจ็บ...เจ็บนะ!!...เอ่อ...ฮะๆๆๆ...โอ้ย!!... ตลก...นานแล้วที่พี่...ฮะๆๆ...อุ๊บ!!...ไม่ได้หัวเราะขนาดนี้...คิกๆๆ”
...หยาด ฝนเป็นงงยิ่งนักว่าเพราะอะไรแม่เสือยิ้มยากอย่างพี่สาวเธอถึงได้เปิดปาก หัวเราะงอหายเช่นนี้?...ไม่เห็นว่าคำพูดของเธอเมื่อกี้มันจะน่าตลกตรงไหนเลย ...
“หยุดเดี๋ยวนี้น๊ะ!!...มันน่าขําตรงไหนกันเนี่ย?...ถ้าพี่ยังไม่หยุดน้องจะโกรธจริงๆด้วย!!!”
“อะ...อือ~~...หา?”
“.....................................................”
“ฮะๆๆๆ...คิกๆๆ”
“แง!!!...พี่เนี่ย~~~”
...สุรีย์ พรรณได้ยินน้องสาวจอมแก่นแยกเขี้ยวร้องแหวลั่นจึงพยายามกลั้นหัวเราะอย่าง เต็มที่แต่เรื่องนี้สุดตลกเหลือร้าย...ฝนจะทำได้อย่างไรกันเมื่อลองคิดในแง่ ที่ว่า...ถ้าทำได้นิสัยก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่อดีตนานแล้ว...ไม่ก๋ากั๋น แบบนี้...ไม่บ้าๆบ๊องๆเยี่ยงนี้...อีกอย่างหนึ่งคือได้ยินฝนบอกจะทำๆหลาย ครั้งแต่ไม่เห็นไปจนถึงเป้าหมายได้เลยสักครั้งเดียว...
“อื้อ!!...ได้ๆ...พี่...ได้...พี่จะหยุด...อึ๊!!...ฮิๆ...เอ้า!!...หยุดหัวเราะ...หยุดขำ”
“ฮึ่มๆๆ...น้องตั้งใจจริงแท้ๆพี่ยังเห็นเป็นเรื่องตลกไปซะได้...งอนแล้ว!!!
...น้อง หนูเขี้ยวแหลมทำแก้มป่องหันหลังหนีพลางค้อนให้ทิ้งท้ายเป็นเชิงว่ากำลัง งอนอย่างน่ารักน่าชัง...พี่สาวแสนสวยจึงโผเข้ากอดพร้อมเอ่ยง้อปลอบประโลม ด้วยคำหวานและเวียนหอมแก้มซ้ายขวาจนสาวฝนแอบยิ้มออกมาอย่างมิอาจทนต่อไป...
“ฮึๆ...แค่ หอมแก้มไม่กี่ทีอย่านึกว่าฝนจะหายงอนเลยค่ะ!!...พี่ต้องกอดหนูด้วย...หอม แก้มอีก...และก็พูดง้อซะดีๆ...เอาเสียงหวานๆน่ารักๆด้วยนะ”
...แคทรู้ อยู่แก่ใจดีว่าฝนไม่ได้งอนแล้วแต่ต้องการให้ตนเอาอกเอาใจเพื่อจะอ้อน ออเซาะ...เมื่อโดนกอดหอมแก้มกับถูกง้อมากๆเข้าฝนก็เอนตัวนอนหนุนตักพี่สาวตา แป๋ว...
“โอ๋ๆๆ...คนดีของพี่...อย่าโกรธพี่เลยนะจ๊ะ...ขอโทษๆ...พี่จะไม่ขำแล้ว...สัญญาจ้ะสัญญา...แต่ฝนต้องทำให้ได้อย่างพูดด้วยนะ”
“แน่ นอน!!!...เปิดเทอมใหม่ฝนทำได้แน่...ต่อไปจะไม่ใช้กำลัง...คาราเต้ก็ไม่ ใช้...ทุกคนต้องประจักษ์โดยทั่วกันว่าน้องเป็นเด็กสาวผู้น่ารักแต่อ่อนแอ... ไร้เดียงสา...ใสซื่อไม่มีพิษมีภัยต่อใคร...เป็นคนใจเย็นในขณะที่พี่เป็นสาว เลือดร้อนชอบใช้กำลัง...ก๊ากๆๆ”
“อ้าว?”
“ก็น้องพูดความจริง...ที่ มหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จักพี่แคท...คิดจะเป็นหญิงสาวผู้อ่อนโยนตอนนี้คง ไม่อาจทําได้แล้วล่ะ...ยิ่งวันสอบวันแรก...นางมารร้ายระดมพายุฝ่ามือตบสาวปี 2 ต่อหน้าต่อตาอาจารย์แถมยังอารมณ์ค้างจิกหัวลากไปตีต่อในห้องน้ำ...แตกตื่น กันทั้งตึก...จากนั้นพี่ถูกเรียกไปตักเตือนและหักคะแนน...หนูก็พลอยติดร่าง แหไปด้วยข้อหาเป็นต้นทางซึ่งมันก็จริงๆ”
“ถ้าเป็นคนดีไม่ทำความผิดก็ไม่ มีเหตุผลจะไปตบหรอกและผู้หญิงคนนั้นปากไม่ดีใส่พี่ก่อน...อีกอย่างพี่ไม่มี ความคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยสักนิด”
“ดีมากค่ะ...พี่แคทที่ฝนรู้จักต้องโหดเหี้ยม...เด็ดขาด...ไร้ความปราณีต่อคนชั่วแต่วงเล็บผู้ชายทุกคน”
“...แต่ว่าฝน...พี่จะถามนานแล้วนะ...น้องออกมาข้างนอก...ไม่ได้นุ่งกางเกงในใช่มั้ย?”
“ว้าย!!!...ลามกอ่ะ...นี่ต้องแอบมองบั้นท้ายอันแสนจะงอนสวยของฝนแน่ๆถึงได้รู้น่ะ”
“ทําไมนิสัยเสียแบบนี้!!...ก็เพราะตอนน้องนอนพี่ไม่เห็นรอยตะเข็บ...ใส่แต่กางเกงขาสั้นตัวเดียวออกนอกบ้านได้ยังไง?...น่าเกลียดจริง”
“ก็เหมือนกันนั่นแหละน่า~~”
“อ๊ะ!?...ตายแล้ว!!!”
...ฝนฉวยจังหวะที่แคทไม่ทันระวังตัวจับหน้าอกหมับ...แค่ทีเดียวก็รู้ว่าพี่สาวไม่ได้สวมยกทรงเช่นกัน...
“โนตมแบบนี้ยังจะว่าน้องอีก”
“...พี่ใส่เสื้อยืดทับอีกตัวหรอกย่ะ!!...ให้ตายเถอะ...เรากับคุณแม่นี่เหมือนกันนัก...ถ้าเป็นฝาแฝดรับรองแยกไม่ออกแน่”
“ฮะๆๆๆ...แต่ฝนใส่ยกทรงค่ะ...งั้นพี่ถอดกางเกงในมาให้หนู...จะได้ครบ”
“มีใครเขาทำแบบนั้นกัน?...พี่นุ่งกระโปรงนะยะ!!!...ไม่ได้...เดี๋ยวมันจะรู้สึกหวิวๆเย็นๆน่ะสิ”
“หนูล้อเล่นน่า”
... 2 สาวพี่น้องนั่งคุยสนทนาและฟังเพลงใต้ต้นไม้ริมทางรถไฟสายเหนือจนเวลาล่วงเลยไปจนถึง 6 โมงเย็น...
“ใกล้เวลารถจะเข้าแล้วล่ะฝน”
“รอที่สถานีนี้ก็ได้”
“สถานีเล็กรถด่วนมันจอดซะเมื่อไหร่กัน?”
“อ้าว!!...เดี๋ยวตาเอ้พอเห็นเราก็จะรีบโดดลงมาเองแหละจ้ะ”
“ไปเรื่อย...”
“หืมๆ...พี่เอ้จะหล่อขึ้นสักแค่ไหนน้า?...อยากเจอเร็วๆจัง...นั่นไง!!...เห็นรถวิ่งมาลิบๆแล้ว...ชัวร์แน่ๆ”
“...........................................................”
..........................................................................................................

...ภายในอาคารสถานีรถไฟนครลําปาง 18.20 น....

“...เลิกแล้วต่อกันไปดีกว่านะขอรับ”
“เฮ้ย!!... พูดง่าย...ง่ายไปหน่อยล่ะมั้งเอ็ง...เล่นนั่งเฝ้าจีบแฟนกูยังจะมีหน้าบอกว่า ให้เลิกแล้วต่อกันเรอะ?...วุ้น!!...บอกมาซิว่าตอนอยู่บนรถไฟไอ้หน้าอ่อนตัว นี้มันจีบวุ้นจริงใช่มั้ย?”
“บ้าน่ะพี่!!...เรานั่งข้างๆก็แค่คุยกัน...ไม่มีอะไรเกินเลยสักหน่อย”
“ใช่...ท่านน่ะคิดระแวงมากเกินไป...กระผมนั่งรถเงียบๆมันรู้สึกเหงาเลยหาเพื่อนคุย...ก็เพียงเท่านี้เอง”
“ไม่คิดมากทั้งนั้น!!...นั่นไง...มึงยอมรับแล้วสิว่าจีบแฟนกูจริง...แค่คุยกันกูไม่เชื่อหรอกโว้ย!!”
“คนมองกันใหญ่แล้วพี่...เบาๆหน่อย!!”
“...อธิบายยังไงๆก็มิยอมรับฟังบ้างเลย...เอาละๆ...กระผมมีธุระต้องรีบไปและมิมีเวลาจะมาเสียอีก”
“ไอ้!!”
(!!)
“........................................................”
“อุ!!...อะ...อะไรวะนี่!?...ขา...ขาไม่มีแรง...”
“ก็ กระผมเตือนแล้วแต่ท่านหาได้ยอมรับฟังเหตุผลไม่...ส่วนน้องสาวใจเย็นๆมิต้อง ร้องเอะอะให้วุ่นวาย...แฟนขี้หึงของนางหาได้เป็นอะไรมากดอก...หากแต่เพียง แค่ขาถูกจี้จุดชาเท่านั้น...หึ!!”
...เมื่อบุรุษปริศนาถอดแว่นตาดำออก...ความสงสัยจึงได้ก่อตัวขึ้นโดยมิได้นัดหมายในใจของทั้ง 2 คน...
“โอ~~...โอย~~...ชา...ขาเป็นอะไรไปเนี่ย?...ไม่...ไม่มีความรู้สึกเลย...แก!!...เอ๊ะเดี๋ยว!?...หน้าแก...มันคุ้นๆ...”
“จริง...จริงด้วย...สงสัยนานแล้ว...หน้าอย่างนี้...เหมือน...เหมือนคุณสุรีย์พรรณเปี๊ยบเลย...แต่...เป็นผู้ชาย”
“...นี่พวกท่านรู้จัก...พี่สาวฝาแฝดของกระผมด้วยรึขอรับ?...ใช่...กระผมขอให้นางมารอรับที่นี่น่ะ”
“พี่สาว!!!”
“ฝาแฝด!?”
“หมายความว่าท่านพี่เป็นที่กล่าวขานของคนที่นี่ยิ่ง...มิใช่เรื่องน่าแปลก...ก็นางเป็นคนเก่งมากๆ...น่าภูมิใจจริงๆ”
“ไม่ถึงกับเก่งอะไรมากหรอก”
“?”
“.....................................................”
“.....................................................”
“โอ้วย่าห์!!!”
(ตูม!!!)
...ธรรมเนียม ของเราๆท่านๆเวลาพบเจอเพื่อน,ญาติพี่น้องที่สนิทจะต้องยกมือไหว้หรือกล่าวคำ ทักทายไม่งั้นก็จะยิ้มให้เป็นอย่างน้อยใช่มั้ย?...ทว่า!!...เอ้กับแคทกลับหา ได้ทำแบบนั้นไม่...แข้งปะทะกำปั้นคือเปรียบได้กับคำทักทายของพวกเขาทั้ง 2 ซึ่งได้ดังเข้าไปในโสตประสาทของผู้ที่อยู่ใกล้รวมทั้งผู้ที่ผ่านไปมาและต่าง ต้องแปลกใจตามๆกัน...
“!!!”
“ไม่ดีนะเอ้...หวดเท้าเตะพี่น่ะ”
“ฮะๆๆๆ...แต่ท่านพี่พุ่งหมัดจะชกกระผมมันก็มิค่อยจะดีเช่นกันนะขอรับ”
“ฝีมือดีขึ้นเยอะนี่”
“ยังมิเทียบเท่าท่านพี่ดอก...ขอบคุณมากขอรับที่ยั้งมือให้”
“ถ่อมตัวไม่มีเปลี่ยนจริงๆ”
“อา~~...หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบจริงๆด้วย...ถ้าเป็นผู้หญิงทั้งคู่ล่ะก็คงแยกออกยากแน่”
“ผู้ชายกับผู้หญิง...ผมยาวกับผมสั้น...อีกอย่างสีผมคนนั้นเป็นสีเงินทั้งหัว...ไม่เคยเห็นมาก่อน”
“ว่าแต่...มีปัญหาอะไรกันอยู่เหรอ?...หืม~...พวกเธอเป็นคนรู้จักน้องฉันใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ครับ...เอ่อ...ว่าแต่คุณคนนี้?”
...หนุ่ม น้อยผมสั้นสูง 178 ซม.รูปร่างสะโอดสะองผู้นี้คงจะไม่แปลกอะไรถ้าเส้นผมของเขาเป็นสีดำเฉกเช่นคน ทั่วไปหากแต่กลับมีผมเป็นสีเทาเงินทั้งหมดแล้วที่สำคัญมากที่สุดคือดันมีใบ หน้าละม้ายคล้ายสาวแคทอย่างกับแกะ...
“เขาเป็นญาติฉันเอง...ถ้า...มีเรื่องผิดใจอะไรฉันก็ขอโทษแทนด้วยล่ะกัน”
“อ้อ!!...ไม่...ไม่เป็นไร...อ๊ะ!!...ขอบ...ขอบคุณ...ครับ”
...เอ้ลงนั่งแล้วเอานิ้วจี้ที่ต้นขาเป็นการคลายจุดชา...วิชาที่เขาใช้คือวิชาอะไรกัน?...
“อ่าจ๊ะๆ...เมเยื่องไยกาน?...อ้าวนาย!!...มาทำ'ไรที่นี่ฟะ?”
“...ผมมารับแฟนครับ”
“อื้อๆๆ...โฮะ!!...นี่พี่เอ้เร๊อะ!?...ว้าว!!!...ไม่น่าเชื่อ...รูปงาม...เท่...สมารท์...กรี๊ด!!!...หล่อขึ้นจมหูเลยอ่ะ”
“น้องฝนก็สวยขึ้นจนจำแทบมิได้ทีเดียวขอรับ...”
“อ๊ะๆๆ...ปาก หวาน...ชมกันตรงๆแบบเนี้ยคิดอะไรกับเค้าน่ะตัวเอง...แหม่~~~...เค้าสวยมา ตั้งนานนมเพิ่งจะชมเอาป่านนี้...ได้ไงๆๆ...แต่อย่างน้อย...เห็นแก่ที่ปาก หวานฝนจะให้รางวัลนะจ๊ะ”
...พูดจบหยาดฝนเขย่งเท้าเงยหน้าประทับรอยจูบเข้าที่ปากของเอ้อย่างสุดแสนจะน่าอิจฉานัก...
“อา~~...เล่นจู่โจมกันแบบนี้มันต้องมีคิดลึกซะบ้างแล้ว...แต่น่าจะนานกว่านี้นะ”
“คิกๆๆ...ได้คืบจะเอาศอกหรืองายพี่เอ้?...แค่นี้ก็พอแล้วจ้ะเพราะพี่แคทก็รอจะจูบพี่เหมือนกัน”
“พูดบ้าๆ!!!...แล้วจะไปกันได้หรือยัง?”
“อืม...ลืมไป...ท่านพี่ก็งามหยดย้อยยิ่งกว่าเดิมลิบลับ...กระผมนี่แย่มาก...ลืมชมสาวสวยงดงามหยาดฟ้ามาดินเยี่ยงนี้ไปได้อย่างไรกัน?”
“พอย่ะพอ!!...ฉันไม่ดีใจกับคำชมของนายหรอก...มันเลี่ยน...ตาบ้า!!!”
“แต่หน้าแดงถึงหูเชียวนะคะ”
“...........................................................”
...ความจริงแคทก็รู้สึกเขินไม่ใช่น้อยเหมือนกัน...พอทั้ง 2 คนผู้มีใบหน้าเหมือนจากไป...
“คุณหยาดฝนครับ...ผู้ชายคนนั้น”
“อ๋อ!!... พี่เอ้ลูกพี่ลูกน้องฉันเอง...เขาเก่งมากเลยนา~~...เห็นถุงผ้ายาวๆนั่น มั้ย?...นั่นน่ะใส่ของอันตรายที่ทำให้คนหัวขาดได้ง่ายๆเลย”
...สาวฝนยก นิ้วโป้งให้...ซึ่งแท้จริงแล้วเอ้ก็เป็น 1 ใน 3 ศิษย์เอกของอาจารย์โตโด ทาดะโกโร่...แม้ฝีมือคาราเต้อาจจะด้อยกว่า 2 พี่น้องแต่เคนโด้ของเขาก็เหนือล้ำกว่าแคท...
“หวา!!...เกือบไป...ผมไม่เจียมตัวจะหาเรื่องเขาซะแล้วครับ...แต่ว่าเมื่อกี้พอนิ้วเขาจี้ถูกขาผมแล้วอยู่ๆก็รู้สึกชาไปหมด”
“ฮึ!!...นายโชคดีมหาศาลแล้วที่โดนเพียงแค่นี้...พุ่งจะไปต่อยเขาใช่เปล่า?”
“...ครับ”
“เป๊ะ!!!...ฉันถึงได้บอกว่าโชคดีมหาศาลไง...นายไม่ถูกซัดซี่โครงหักในชั่วพริบตาก็ถือเป็นบุญโขเลยล่ะนะ”
“!?”
.................................................................................................

“อื้อหือ!?...น้องนางหยาดฝนกับท่านพี่สุรีย์พรรณเป็นหัวหน้าขบวนการพิทักษ์เมืองนี่เอง...มิน่าตอนลงจากรถคนถึงได้มองกระผมนัก”
“ก็หน้าพี่เอ้เหมือนพี่แคทอย่างกับพิมพ์เดียวกัน...แถมสีผมก็ดันแปลกไม่เหมือนชาวบ้านเขาอีกแน่ะ”
“มันเป็นมาตั้งแต่เกิดจะให้ทำไงล่ะขอรับ?...ให้ย้อม...กระผมมิเอาด้วยเด็ดขาด”
“ขอแก้ข่าวนะ...ฉันไม่ได้เป็นหัวหน้าก๊วนเหมือนฝนสักนิด...มีเด็กนี่คนเดียวที่ยอมรับตำแหน่งบ้าๆบอๆนั่น”
“ไม่บ้าๆบอๆน๊ะ!!...หนูอธิบายไปตั้งหลายครั้งแล้วนะพี่”
“ฮ่าๆๆ...ร่าเริงดีจังพี่น้อง 2 คนนี้...กระผมซะอีกเป็นลูกคนเดียวแลมิค่อยมีเพื่อนเล่น”
“อะไรค้า~~~...บ้านคุณตาคุณยายก็มีคนอยู่ตั้งเยอะแยะ...ไม่น่าจะเหงาอะไรเลยนิ?”
“................................................”
“...กฏระเบียบ มันเคร่งครัดจะตายและท่านทั้ง 2 ก็เข้มงวดกับกระผมมาก...ปกติมิค่อยได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน...นี่เป็น เพราะจะขอขึ้นมารับหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนทั้ง 2 คนพวกท่านถึงยอม”
“...............................................”
“ลำบากแย่เนอะ...เป็นฝนสงสัยอยู่ได้ไม่เกิน 3 วันต้องคิดถึงบ้านแหงๆ”
“หา ได้เป็นเช่นนั้นดอก...ท่านตาท่านยายรักน้องฝนมากถึงบังคับให้กระผมพาไปหา ท่านให้ได้...อืม~~...ท่านพี่...กระผมจะถามนานแล้วนะขอรับว่าคงโมเคียวเมะ ของท่านพี่ไปไหนซะ?”
“ถามทำไม?”
“ก็เท่าที่กระผมรู้...ท่านพี่มักพกไปไหนมาไหนเสมอ”
“...มีเรื่องนิดหน่อย”
“คึๆๆๆ...ใช่ๆๆ...มันเกิดขึ้นเพราะความบ้าระห่ำของพี่แคทเองแหละ”
“?”
“เงียบเถอะ!!!”
“ยี้!!!”
“...น่าเสียดายนัก...ว่าจะขอประลองกับท่านพี่ที่สำนักของท่านอาจารย์”
“ด้วยชิโระเทนเคียว...ไหนว่ายกให้นิดไปแล้วไงล่ะเอ้?”
“นางออกปากขอร้องแกมบังคับให้กระผมพกมา...เผื่อเจอเรื่องอันตรายน่ะขอรับ”
“หนูนิด?...โอ้!!...คิดถึงๆ...แต่...ถ้าเป็นคาราเต้พี่แคทยังเก่งกว่าพี่เอ้แน่...ฝนด้วย...ฮะๆๆๆๆ”
“แต่ฝีมือเคนโด้ของกระผมเหนือกว่าท่านพี่แคท...จริงใช่ไหมขอรับ?”
“ยังไม่ลองก็ไม่รู้หรอก...อีกอย่างเราจะใช้ดาบไม้ไม่ต้องใช้ดาบจริง”
“ฮี่!!... น่าสนุก...ฝนจะรอดูด้วยหัวใจลุ้นระทึกเชียวละ...หนุ่มหล่อสาวสวยประชันกันใน เชิงคาราเต้และเคนโด้ต่อหน้าอาจารย์ผู้ถ่ายทอด...แต่ฝนขอดูเฉยๆนะ...เพราะ ได้สัญญาน้องพี่กับแม่แคทไปแล้ว...”
“สัญญาน้องพี่?”
“...........................................................”
................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น