หน้าเว็บ

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ANOTHER SPIRITS (2)

ANOTHER SPIRITS (2) “ชายผู้บังอาจ!?...ชายผู้น่าสงสาร!?...ชายชาตรี!?...ชายผู้เสียสละ!?”

 12 ตุลาคม 2548

(ตึง!!!)
"อุ๊ก!!!"
...วันนี้ มีการประลองคาราเต้ของ 2 พี่น้องที่จะมีขึ้นเพียง 2 ครั้งในรอบ 1 เดือนและดำเนินมาถึงที่สุรีย์พรรณถูกเท้าซ้ายของหยาดฝนหวดเข้าอย่างแม่นยำ ที่ต้นแขนจนเสียหลักล้ม...พอลุกขึ้นก็เอามือกุมแขนขวาแน่น...
"ถ้าไม่ลุกแพ้นะ"
"............................................."
...หญิง สาววัย 22 ทรุดนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลับตาไม่เอ่ยปากพูดหรือเคลื่อนไหวใดๆจึงเป็นการยอม รับความพ่ายแพ้โดยดุษฎี...หมัด “ยมฑูต” ซึ่งมีความรวดเร็วปานสายฟ้าต้องปราชัยต่อการร่ายรำอันงดงามของบาทา “เทพธิดา” อีกครั้งหนึ่ง...
"จบการประลอง!!...คะแนน 3 ต่อ 0 ...มุมขาวเป็นฝ่ายชนะ"
".............................................."
"...ไม่ดีใจที่ชนะหรือ?"
"ชนะ พี่เวลานี้ฝนไม่ดีใจหรอก...การออกหมัดไม่มีความหนักแน่น...ท่วงท่าก็ไม่มั่น คงเต็มไปด้วยความหวั่นไหว...บอกน้องหน่อยสิว่าพี่เป็นอะไรไป?"
".............................................."
"นั่นสิ...สุริคุง"
"อาจารย์โตโด..."
(*“สุริคุง” เป็นคำที่โตโด ทาดะโกโร่อาจารย์สอนคาราเต้และเคนโด้วัย 51ใช้เรียกสุรีย์พรรณ)
"ถ้านี่เป็นการต่อสู้โดยเดิมพันถึงชีวิตเธอคงตายไปแล้ว...จงสำนึกในความผิดพลาดของตนซะและอย่าได้กระทำแบบนี้อีกเป็นอันขาด"
"โอทสุ!!...ขอบพระคุณที่ชี้แนะค่ะอาจารย์"
"พี่มีเรื่องกังวลในใจจริงๆแหละ...ที่ผ่านมาเราผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด...แต่..."
"ช่างเถอะ...วันนี้พอแค่นี้"
"..............................................."
"โอทสุ!!...เอ่อ...อาจาอาน"
"บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกแบบนี้!!!"
"ก็แล้วที’จานเคยเรียกเรนโดรล่ะ?...เรนโดร...เรนโดร...ต้องเรนโดรจังต่างหาก...เติมจังเข้าไปด้วยสิค๊ะ!!"
"เออๆ ต่อไปจะเรียกใหม่...เธอก็เลิกพูดอาจาองอาจาอานหรือเรียกอะไรสั้นๆสักที... ถ้าไม่เรียกอาจารย์ก็เรียกโตโดซัง...อ้อ!!...ถึงมีชัยวันนี้ก็ไม่ได้หมาย ความว่าจะละเลยไม่เอาใจใส่ในการฝึก...จิตใจเธอยังไม่นิ่งพอเลยมีความลังเล ไม่โหมเต็มที่...ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่พี่สาวแต่เป็นศัตรูเธอนั่นแหละที่จะฆ่าตัว เอง...เข้าใจมั้ย?"
"เคะ!!...ทราบแล้วเจ้าค่า----"
"..............................................."
...การ ประลองครั้งนี้ไม่เป็นที่พอใจต่อโตโด ทาดะโกโร่เนื่องจากคนหนึ่งจิตใจไม่พร้อมจะต่อสู้ส่วนอีกคนก็ยังขาดความเด็ด ขาดอยู่แม้จะกระหายในชัยชนะ...ลูกศิษย์คนโปรดทั้ง 2 ของเขาจะต้องฝึกฝนตัวเองอีกมากนัก...
"ยังเทียบกับคนๆนั้นไม่...เอ้อ!!...ช่างเถอะ...รื้อฟื้นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา"
"..............................................."
"มีอะไรเหรอจ๊ะ?"
"...อาจารย์คงผิดหวังในตัวพี่...ทั้งๆที่ท่านอุตส่าห์เฝ้าสอนสั่ง"
"ผิดหวังในตัวหนูด้วยแหละค่ะแต่ไม่ต้องคิดหรอกมากนะพี่เปลี่ยนชุดแล้วกลับบ้านกันเถอะ...ลุกไหวมั้ย?"
"พรุ่งนี้หยุด?"
"อื้อ!!...หยุดจ้ะ...พี่ปวดแขนมากหรือเปล่า?...ขอโทษนะ"
“ไม่เป็นไร...เอายาทาแล้วนวดสักหน่อยก็คงทุเลา...ไม่ต้องคิดมาก...น้องเอาจริงเอาจังกับการฝึกซ้อมน่ะดีแล้ว”
(**“เรนโดร” เป็นคำที่บางครั้งโตโด ทาดะโกโร่ใช้เรียกหยาดฝนเวลาที่มาฝึกคาราเต้แต่คุณเธอชอบให้เรียกว่า “เรนโดรจัง” มากกว่า)
(*** ความหมายของชื่อหยาดฝนตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า RAIN DROP)
...

...รุ่งขึ้น...

"จะออกไปไหนจ๊ะลูก?"
"นิดหน่อยค่ะ"
"แน่ะ!!...จะไปหาของอร่อยๆกินใช่ม้าย---...ไม่พาน้องไปด้วยแบบนี้...แย่มากนะตัวเอง"
"ไม่ใช่สักหน่อย"
"จะอั้นปายทามอะหยัง...เอ๋?...วัน...นี้..."
"ไปก่อนนะคะ"
"อ๋าพี่!!...เดี๋ยว---...งั้นที่เมื่อวานขอให้หนูช่วยทำกับข้าวนั่นก็คือ..."
...หยาด ฝนฉุกขึ้นคิดได้...มิน่า...เมื่อวานพี่แคทดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงเป็น เหตุสำคัญที่ส่งผลให้พ่ายแพ้เธออย่างง่ายดายในการประลองฝีมือที่จะมีเพียง 2 ครั้งในรอบ 1 เดือน...ใช่...อีกอย่างหนึ่งช่วงนี้ของทุกๆปีพี่จะมีอาการแปลกๆเสมอ...
"ถึงว่า...ทำไมแคทดูซึมๆไป...ที่แท้วันเวลาก็ครบรอบมาถึงอีกแล้วหรือเนี่ย"
"...เรื่องเศร้าแบบนี้ควรจะลืมมันไปได้สักทีนะคะ...ไม่มีเหตุผลจะต้องจดจำเลยสักนิด"
"ลืม ง่ายๆได้ยังไงล่ะคุณ?...บุคคลที่ตนนิยมชมชอบต้องมาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ...แคทก็เหมือนผม...ชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่มีวันลืมเลยก็ได้ยิ่งเป็นผู้ที่ เกี่ยวข้องโดยตรงด้วยแล้ว"
"พี่---"
...ฝนมองพี่แคทที่ขี่จักรยานยนต์ จากไปด้วยความห่วงใย...เมื่อวานเห็นได้รับบาดเจ็บเลยไม่กล้าถามอะไรมาก... เธอเองก็ลืมนึกไป...ความทุกข์ใจของพี่สาวในอดีตเมื่อ 5 ปีก่อน...
"สภาพจิตใจไม่ดีแถมยังเจ็บแขนอยู่แบบนั้นชวนให้เป็นห่วงจริงๆ...ขวายมฑูตซะด้วย...ถ้าเกิดเจอคนไม่ดีหรือคู่อริเก่า...ไม่มีทาง!!"
"อ้าว!!...ลูกฝนจะไปไหนอีกน่ะ"
"จะไปคุ้มครอง...หนูเป็นห่วงพี่ค่ะแม่...ถ้าไปที่นั่นจริงหนูก็จะตามไปไหว้ด้วย"
"แล้วเราจะตามไปยังไง?...รถยนต์ก็ยังขับไม่เป็น"
"จักรยานไงป้อ...จะรีบถีบไปค่ะ...อ้อ!!...ต้องเอาไอ้นั่นไปด้วย"
"ไอ้นั่น?...เฮ้ย!!!...เดี๋ยวซี่---...พกของอันตรายแบบนั้นออกจากบ้านได้ยังไงกัน?...หยุดนะ!!"
...

...ณ วัดเล็กๆแห่งหนึ่ง...หลังจากปัดกวาดทำความสะอาด...หญิงสาวนำดอกไม้มาวางหน้า เจดีย์เก็บกระดูกรวมทั้งจัดของคาวของหวานต่างๆเป็นระเบียบซึ่งล้วนแต่เป็น ของที่ผู้นี้ตอนยังมีชีวิตอยู่ชอบ...สุดท้ายเป็นเหล้าฝรั่งชั้นดี...
"คุณสันต์...เสียดายที่ฉันทำอาหารไม่เก่งเลยได้แต่วานน้องฝนช่วยทำให้...คงจะไม่ว่ากัน...และก็นี่...เหล้าของโปรด"
...สุรีย์พรรณค่อยๆบรรจงรินเหล้าลงในแก้วใบเล็กที่เตรียมมา...
"รู้ มั้ยคะ?...สุราถือเป็นของคารวะผู้ตายทั้งชายและหญิงที่ดีที่สุด...ขอบคุณ... ขอบคุณมาก...ขอบคุณจริงๆ...5 ปีที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตโดยสำนึกถึงบุญคุณของคุณสันต์มาตลอดไม่มีลืม...จาก วันนั้นถึงวันนี้"
(...ย้อนอดีตไปเมื่อ 5 ปีก่อนในเดือนมกราคมเวลานั้นสุรีย์พรรณอายุ 16 เรียนชั้นมัธยมปีที่ 4...หยาดฝนอายุ 13 อยู่ชั้นมัธยมปีที่ 2 พวกเธอยังให้คุณพ่อไปรับไปส่งอยู่แต่วันนี้เป็นกรณีพิเศษโรงเรียนเลิกเร็ว ทั้ง 2 จึงมาหาคุณพ่อที่กองบังคับการ...
"คุณน้องครับ...ที่นี่เป็นห้องทำงานของท่านรองผบ."
"ฉันทราบดีแต่คุณต้องการจะบอกอะไรคะ?"
"ที่นี่เป็นสถานที่ราชการ...ถ้าคนนอกไม่มีกิจอันสมควรก็ไม่ควรเข้ามาตามใจ"
"คึ!!... พี่ชายว่าพวกเราเป็นคนนอกเรอะ?...แทนที่จะเอาเครื่องดื่มมารับรองกลับเปิด ประตูแล้วมาบอกว่าเราเป็นคนนอก...หืม--...ร.ต.ต. สันต์ ไสวกิ่งคะ...กรุณามองใหม่อีกครั้งว่าบุคคลตรงหน้า...เป็นใคร!!"
"..........................................."
"เงียบ?...นี่นายไม่รู้จักพวกเรารึ!!...เป็นไปได้ไงกัน?...พี่ยังพอว่าแต่ฉันคนนี้...ไม่รู้จักได้เหรอหา!!!...พ่อตำรวจจบใหม่"
...แม่หนูฝนตอนนั้นก็แก่นแสบไม่เบา...เธอลุกจากโซฟาเดินอาดๆมาหยุดตรงหน้าตำรวจหนุ่มพลางท้าวเอวเงยหน้าจ้องเขม็ง...
"เหะ--...สูงแฮะ..."
"ผมต้องรู้จักแน่นอนครับ...เด็กหญิงหยาดฝนบุตรสาวคนเล็กของท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภาค...พลตำรวจตรีวงศ์ศักดิ์ เทวะกรนันท์"
"พูดอย่างนี้มันแม่งๆแฮะ...กึด---...ประชดกันนี่นา!!...ดูถูกฉันเป็นเด็กด้วย"
"............................................."
"ฉันกับน้องไม่อยากจะรบกวนคนอื่นเลยมานั่งรอคุณพ่อในห้องนี้และท่านก็อนุญาตแล้ว"
"พี่ไม่ต้องสงสัยนะคะ...ทีแรกที่จำไม่ได้คงเพราะในงานเลี้ยงนั่น...พวกเราแต่งตัวสวยเกินไปหน่อย...ฮะๆๆ"
...สันต์ ผู้หมวดหนุ่มได้ฟังแล้วแอบอมยิ้มเมื่อเขานึกถึงในคืนงานเลี้ยงที่จัดขึ้น เพื่อฉลองอำลานายตำรวจที่เกษียณอายุราชการ...จุดสนใจอย่างหนึ่งของงานคือ บุตรสาวสุดสวย 2 คนสุรีย์พรรณและหยาดฝน...คนพี่ยังพอพูดว่างามได้แต่คนน้องนี่สิ...
"คุณขำอะไร?"
"อย่า เพิ่งโกรธสิครับคุณสุรีย์พรรณ...ความจริงน้องสาวคุณพูดถูกต้องแต่คืนนั้น น่ะ...คุณต่างหากที่แต่งตัวสวยส่วนคุณหยาดฝนต้องเรียกว่าน่ารัก...ฮะๆๆ"
"กล้าหัวเราะฉันเร๊อะ!!...หนอย---"
...ครั้ง แรกที่เจอกันในงานเลี้ยงฝนก็ไม่ค่อยถูกชะตากับตำรวจหนุ่มคนนี้แล้ว...ด้วย นิสัยเอาแต่ใจตัวแล้วพอถูกเปรียบกลายๆว่ายังเป็นเด็กจึงเกิดความไม่พอใจและ จากนั้น...
"โอ้!!...ใช้ได้แต่เตะสูงแบบนี้...กระโปรงเปิดเวิบวาบหมดนะครับคุณหนู...วิ้ว---...คืนนั้นสีชมพู...บ่ายนี้ใส่สีครีมหรือครับ"
"กรี๊ด-----...ลามก!!!...อ๋า---...ปล่อยน๊ะ...อึ่ย---...พี่จ๋า---...ช่วยด้วย!!!"
...สุรีย์ พรรณในอดีตก็ยังเป็นคนพูดน้อยต่อยหนักและรักน้องสาวมากแม้ฝนจะเป็นฝ่ายผิด เธอก็พร้อมจะเข้าข้างเสมอ...หล่อนกำหมัดพุ่งกำปั้นขวาหมายกระแทกกกหูฝ่ายตรง ข้าม...แต่ว่าหมัดของสาวน้อยกลับโดนปัดเบี่ยงออกไปและถูกวกจับแขนอย่างง่าย ดาย...
"อ๊ะ!!...คา...ราเต้?"
"แง---...ปล่อยซี่!!!...ไม่ปล่อยเค้าจะร้องให้จริงๆด้วย...หา?"
"!!!"
"หึ!!!"
... 2 สาวตกตะลึงไปตามๆกัน...นายตำรวจจบใหม่ปล่อยมือจากขาของฝนและแขนของแคทแล้ว เคลื่อนตัวมาอยู่ข้างหลังพวกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...
"เร็ว..."
"สุดยอด..."
"แหม---...วิวดีจริงๆนะครับ"
"ว้าย!!...ไอ้คนทะลึ่ง----"
...หยาด ฝนที่ลงไปนั่งแปะกับพื้นพอรู้ตัวก็รีบหุบขาทันที...ที่ผ่านมาในชีวิตไม่เคย มีคนหาญกล้าทำกับเธอขนาดนี้มาก่อน...แม้จะขัดเคืองแต่ก็ทึ่งในฝีมือของนาย ตำรวจใหม่ผู้นี้นิดๆ...สุรีย์พรรณที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดจิตก็รู้สึกเช่น เดียวกัน...ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ออมมือให้อย่างน้อยเธอต้องแขนหักไปแล้ว...
"ไง!!...แพ้ราบคาบเลยนะลูกพ่อ"
"ป้อจ๋า---...ไอ้บ้านี่มัน!!...มันมองกางเกงในหนูแถมแกล้งหนูกับพี่สารพัดเลยอ่ะ"
".................................................."
"ฮ่าๆๆ...แกล้งลูกสาวผมแรงไปหน่อยมั้งหือ?...ผู้หมวดสันต์...จะเป่าปี่แล้วน่ะ"
"หามิได้ครับ..."
"เออ--...ผมดูจากนอกห้องตลอดแหละ...ฝนเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อนอันนี้เข้าใจ"
"แล้วป้อไหงไม่เข้ามาช่วยล่ะ?...ฮึ!!"
"ก็...พ่ออยากดูฝีมือผู้ช่วยของครูสอนคาราเต้คนใหม่ของพวกลูกๆไงจ๊ะ"
"ครูคนใหม่!!!"
"ผู้ช่วย?"
"อืม--...รายละเอียดเอาไว้คุยกันทีหลังนะ...เย็นนี้สันต์เขาจะไปทานข้าวที่บ้านเราด้วย"
"ย้าก!!!!...ป้อทำอะไรไม่ปรึกษาหนูอีกแล้ว...จะชวนคนที่แกล้งลูกสาวตัวเองไปบ้าน...ฮึ่มๆๆ"
"อย่าเสียงดังสิลูก!!!"
"..............................................."
"แคทไม่มีปัญหาใช่มั้ย?"
"...ถ้าคุณพ่อมีความเห็นเช่นนั้นแคทก็ไม่ขอโต้แย้งค่ะ"
"เอ้ย?...พี่!!"
"...ฝนมานี่"
"ไยอ่ะ?"
"...จะคุยอะไรด้วยหน่อย"
...จากนั้น 2 พี่น้องก็รวมหัวซุบซิบกันชวนให้น่าสงสัย...
"ระวังตัวไว้นะ...ท่าทางลูกสาวที่น่ารักของผมจะเตรียมวางแผนอะไรอยู่"
"เพื่อแก้เผ็ดผมสินะครับ"
"หื่อ--... ถ้าพี่คิดแบบนี้...ตกลง!!...น้องไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาแกล้งฟรีๆอยู่ แล้ว...หมอนั่นจะต้องสนุกจนลืมไม่ลงแน่...ชายผู้บังอาจเอ๋ย--")
...

“บอก ตามตรงนะคะว่าตอนนั้นฉันกับฝนยังไม่ยอมรับคุณ...เมื่อคุณสันต์ไปบ้านพวกเรา ครั้งแรกเลยโดนฝนเอาคืนซะอ่วมแต่ฉันไม่ได้ร่วมมือด้วย...ยังไงซะคุณก็ซวยซ้ำ ซวยซ้อนอยู่ดี...”
(“หึๆๆๆๆ...แค่นี้ก็เรียบร้อย”
...ก็อย่างที่เล่าไปแล้ว...หยาดฝนเธอก๋ากั๋นเหลือประมาณและไม่ยอมให้ใครมาลูบคมได้ง่ายๆ...
“นี่!!...หยุดสักทีนะ...ยังไงสันต์ก็เป็นลูกน้องพ่อ...เราจะทำตัวไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่อย่างนี้มันใช้ไม่ได้”
“อ๊ะ!!...ป้อเข้าทางหลังบ้าน...เดี๋ยวก็เสียแผนหมดหรอกค่ะ”
“พ่อสั่งให้ลูกหยุดไงล่ะ!!”
“เรื่องสิ...บอกแล้วว่าฝนอยากรู้กึ๋นของเค้า...จะแน่พอเป็นครูสอนคาราเต้ของหนูกับพี่ได้หรือไม่?...นี่เป็นการทดสอบนะคะ”
“ทดสอบอะไรกัน?...ดูยังไงมันก็เหมือนกลั่นแกล้งกันมากกว่า”
“คึๆๆ...นั่นคือความคิดของป้อแต่ในความคิดของหนู...ถ้าแค่นี้ยังผ่านไม่ได้ก็อย่าหวังจะมาสั่งสอนพวกเราได้เลย”
“นี่ พ่ออุตส่าห์หวังดีสรรหาครูฝึกคาราเต้อย่างที่ลูกๆต้องการเพราะพ่อเองก็งาน ยุ่งไม่ค่อยมีเวลาเหมือนก่อน...ที่สำคัญสันต์กับอาจารย์โตโดยังมีฝีมือเก่ง มากๆด้วยนะ... ฝน!...ฝน!!”
...เด็กหญิงจอมแก่นไม่ฟังคำของพ่อแล้วเดินหนี ไปดื้อๆ...เปล่าหนีหรอก...เธอไปเตรียมการขั้นต่อไปต่างหาก...คุณวงศ์ศักดิ์ จึงได้แต่ส่ายหน้า...
“ถ้าเอาอย่างแคทสักนิดก็ดี...นั่นออกจะเรียบร้อย ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรง่ายๆ...ไม่รู้ด้วยนะสันต์เอ้ย!!...เพราะถ้าฉันยอม ช่วยนายมีหวังโดนไปด้วยเหมือนกัน”
...เย็นวันนั้น...
“ท่าน?...ไม่ต้องถึงกับออกมารับเองหรอกครับ”
“เอาน่า---...เจ้าของบ้านจะไม่ออกมาต้อนรับแขกที่ตัวเองเชิญได้ยังไงกันเล่า?”
...พอท่านนายพลเงยหน้ามองที่ระเบียงก็เห็นลูกสาวคนเล็กยืนกอดอกตีหน้าถมึงทึงเหมือนเป็นการเตือนว่าอย่าได้เผยพิรุธออกไปเด็ดขาด...
“จ้องอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ...ฉันเป็นพ่อแกนะ”
“มีอะไรครับท่าน?”
“ไม่หรอก...เข้าไปก่อนได้เลย...”
...ชาย หนุ่มรู้สึกเอะใจลึกๆเพราะไม่ค่อยมีบ้านไหนหรอกที่เจ้าของจะให้แขกเปิดประตู เข้าไปก่อนแต่เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาจึงขัดไม่ได้...ผลก็คือ...เข้าแผนของ เด็กหญิงสุดบ๊องเต็มเปา...
(โพละ!!!)
“โอ๊ะ!!...แหวะๆๆ---...อะไรนี่?”
...ลูกโป่ง บรรจุแป้งผูกไว้ที่ประตูและใช้ด้ายขึง...เมื่อมีคนเปิดประตูจึงเป็นการตัด ด้ายขาดโดยอัตโนมัติ...ฝีมือฝนเอง...พอแผนแรกได้ผลแผนสองก็ตามมาติดๆ...
“โฮ่---...แป้งเลอะตัวไปหมด...ไม่เป็นไรนะ...น้ำอยู่นี่แล้ว”
“อย่า!!!...อุ๊บ!!”
“หวา----”
(ซ่า----...)
“โอ้ย!!!...เย็น...เย็นเจี๊ยบ”
“ไหงฉันต้องโดนด้วยเนี่ย?...เฮ้ย!!”
...ต่อ ให้ห้ามยังไงก็ไม่ทันแล้วแต่ไม่ให้เย็นอย่างไรไหวก็คุณเธอเล่นเอาน้ำจากตู้ เย็นใส่ถังวิ่งมาสาดโครมรดถูกผู้หมวดจนเปียกปอนไปทั่วและยังพลอยให้คุณวงศ์ ศักดิ์โดนหางเลขไปกับเขาด้วย...
“ท่านครับ!!...ไอ้ที่ผมจะโดนคือแบบนี้เองหรือครับ?”
“ฝน!!...แล้วทำไมจะต้องสาดพ่อด้วย?...เกินไปแล้วนะ!!”
“ฮี่ๆๆๆๆ...สนุกจัง...เอิ้กๆๆ...อ๋อ!!...นั่นเพราะป้อพาเจ้าหมอนี่มาแกล้งหนูไงล่ะคะ...ก๊ากๆๆ”
“ปัทโธ่!!!”
...และตอนนี้เด็กหญิงไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากลงไปนอนกลิ้งหัวเราะงอหายที่แผนของตนประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม...
“ฝนนิสัยแย่มากนะ...เดี๋ยวพ่อต้องตีเราแน่ๆ”
“......................................................”
“......................................................”
“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮิๆๆๆๆ...แล้วคุณป้อนึกว่าฝนจะอยู่ให้ตีรึไง?”
...พอ ถูกดุยัยเด็กแก่นก็ลุกพรวดนั่งดูหน้าพ่อและหนุ่มคู่แค้น...มองคนโน้นทีคนนี้ ทีแล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะคิกคักจนผู้เป็นแม่ยังอดขำตามไปด้วยไม่ได้...
“ต้องขอโทษอย่างยิ่งจริงๆ...ฉันไม่น่าชวนนายให้มาเป็นเหยื่อของลูกตัวแสบแถมตัวเองยังพลอยซวยไปด้วย...เสื้อผ้าเปียกหมดดูไม่ได้เลย”
“......................................................”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วอาบน้ำที่นี่เลยดีกว่า...ส่วนชุดที่เปื้อน...”
“นิจัดการให้เองค่ะ”
“ขอบคุณ...คุณหญิงมากครับ”
“ว้าย!!...เรียกแบบนี้เขินจัง...คุณหญิงอะไรกัน?...ฉันเพิ่งจะ 35 เองค่ะ”
“งั้นนิก็ช่วยวางตัวให้สมกับเป็น...คุณหญิง...แหม---...หัวเราะผมดีมากนะเมื่อกี้”
“แต่เอ?...รู้สึกว่าห้องน้ำเวลานี้...พี่จะใช้อยู่”
...หยาด ฝนนึกในใจ...แผนการอันชั่วร้ายของเธอยังไม่หยุดเท่านี้...หล่อนคอยซุ่มดูชุด ที่คุณพ่อจะเอาไปให้ผู้หมวดสันต์ผลัดเปลี่ยน...พอทุกคนเผลอก็รีบเข้าไป จัดการอะไรบางอย่างกับเสื้อผ้าชุดนั้น...
“มารยาททรามที่สุด!!!!”
“เดี๋ยวก่อน!!...ผม...อ๊าวส์!!!”
...ฝน ได้ยินเสียงเอะอะจึงวิ่งไปดูและได้พบร่างตำรวจหนุ่มนอนแผ่แน่นิ่งหน้าห้อง น้ำ...พี่แคทนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวยืนหน้าบึ้งกำหมัดขวาแน่น...พอรู้ว่าอะไร เป็นอะไรเด็กน้อยวัย 13 ก็กระโดดโลดเต้นไปรอบๆด้วยความยินดี...
“โอ้เย้!!...โอ้เย้!!...พี่สาวหนูเก่งจังเยย--...อิๆๆ...ชายผู้น่าสงสาร”
“อะไรกันน่ะแคท?”
“แคทกำลังอาบน้ำ...อยู่ๆเขาก็เปิดประตูเข้ามาค่ะ”
“โห---... สุดเลวมาก...คุณป้อ!!...ลูกน้องคนโปรดของป้อทำไมถึงได้ลามกจกเปรตขนาดนี้ คะ?...นี่ริอาจจะทำมิดีมิร้ายลูกสาวเจ้านายถึงในบ้านเชียว”
“เอ่อ...ไม่ใช่...มัน...อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน...เฮ้!!...สันต์...”
“เข้าใจผิด’ไรกัน?...อย่าเข้าข้างลูกน้องสิป้อ...ดูยังไงๆพี่แคทก็เป็นฝ่ายเสียหายน๊ะ...จับมันเข้าคุกเลยป้อ”
...คุณวงศ์ศักดิ์อึ้งกิมกี่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแต่อย่างน้อยๆเขาก็มั่นใจว่าลูกสาวคนโตคงไม่ได้ร่วมมือกับลูกสาวคนเล็กแน่...
“..................................................”
...โดนหมัดลุ่นๆของแคทต่อยเบ้าตาเต็มๆ...ที่จริงสันต์สามารถหลบได้สบายถ้าดันไม่ตาดีเห็น...
“ตื่นซี่---...อ้า!!...รู้สึกตัวแล้ว”
“ภะ...ภูเขาแฝด...มี 2 โดมตั้งบนยอด...สาหร่ายทะเล...โอ...โอ...โอ...งาม...งดงามเหลือเกินครับ”
...เพราะ สุรีย์พรรณพุ่งหมัดตั้นหน้าสันต์ด้วยความตกใจและจังหวะนั้นผ้าเช็ดตัวของสาว น้อยดันหลุดลงไปกองที่พื้น...ภาพสุดท้ายที่เขามีวาสนาได้เห็นก่อนจะสลบไปก็ คือของลับสวยๆสดๆหลังอาบน้ำของสาวน้อยวัย 16 นั่นเอง...
“นายพูดอะไรน่ะ?”
“พาไปพักที่เตียงก่อนเถอะค่ะคุณ...คราวหลังแคทก็ล๊อคประตูด้วย”
“ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนทะลึ่งพรวดพราดเข้ามาล่ะคะ?”
“มันต้องตั้งใจแน่ๆแม่จ๋า--...มาบ้านเขาวันแรกก็ออกลายซะได้...เลวบริสุทธิ์”
...ฝ่าย หยาดฝนสุดจะสะใจยิ่งเพราะนี่ไม่ใช่แผนที่เธอวางไว้แต่หนุ่มคู่แค้นดันเซ่อ ซ่าเดินทอดน่องมาให้พี่สาวต่อยเอง...ตอนบ่ายทำเป็นวางมาดอวดเก่งนัก...แต่ หล่อนยังสงสัย...
“พี่...เมื่อกี้มันเพ้ออะไรของมันอ่ะ?...หนูไม่เข้าใจ...ภูเขาแฝด...สาหร่ายทะเล...คือ’ไรเหรอ?”
“น้องไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก!!!...จงเข้าใจแต่ว่าไอ้คนไร้มารยาทแบบนี้อย่าหวังว่าพี่จะไปเรียนคาราเต้ด้วยก็พอ”
“ใช่...สอบตก...หนูก็ไม่เรียนกับเจ้าลามกนี่ค่ะ...แต่ถ้าพี่ยังแค้นอยู่...นั่น...รอให้มันอาบน้ำใส่เสื้อผ้าของพ่อก่อน”
“อะไร?”
“หนู โรยหมามุ่ยไว้จ๊ะพี่...รับรองเจ้านั่นต้องทรมานทรกรรมกับการเกาเหมือนลิงแน่ นอน...ให้รับรู้ซะบ้างว่าคิดจะเล่นกับฝนมันต้องเจอแบบนี้!!!”
“..............................................”)
...

“...แต่ หลังจากนั้นฉันกับฝนก็ต้องเปลี่ยนความคิด...มันถูกต้องจริงๆที่พวกเรายอมลด ทิฐิ...คุณเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งทั้งกายใจโดยแท้...ชายชาตรีที่หาใครเทียบ ยาก...”
(“...ว้าว!!...นั่นตาไปโดนอะไรมาเหรอหมวดขา---”
“.....................................................”
...วันนี้ฝนกับแคทก็มาหาคุณพ่อ...อีกทั้งยามนี้หนูเขี้ยวอยากเห็นหน้าหนุ่มคู่กัดมากๆ...
“เฮะๆเฮ้---...เงียบ...ไม่ตอบรึ!!...งั้นฉันตอบให้เองก็ได้...นี่ๆๆๆ...ฟังทางนี้นะคะคุณพี่ทั้งหลาย”
“อะไรหรือครับคุณหยาดฝน?”
“อย่าพูดนะครับ!!”
“ก็เนี่ย...ร.ต.ต. สันต์ ไสวกิ่ง...เมื่อวันก่อนโดน...โดนพี่สาวหนูชกตาเขียวปั๊ดเจ้าค่า---...ก๊ากๆๆ”
“นั่นแน่!!...ไอ้สันต์--...มึงโกหกกูว่าเพราะฝึกคาราเต้”
“ว่าแล้วเชียว...ที่แท้นายโดนคุณแคทต่อยเบ้าตาบวมเองเหรอ?”
“กูไม่เชื่อมันแต่แรกแล้วว่ะ”
“โธ่ว้อย!!”
“อ๊ะ!!...นาย...อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉันนะ...คิดจะทำอะไร?...จะลวนลามฉันเร๊อะ!!”
“ไม่ใช่...คุณฝน”
“ปล่อยมือ!!!...หนอย---...จะทำมิดีมิร้ายกับพี่แคทไม่พอยังจะคิดแต๊ะอั๋งฉันด้วย...ดูสิทุกคน”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงครับ!!!”
“เสียงดังเอะอะอะไรกัน!!!”
“ห๊ะ?”
“อึ๋ย---”
... “นายพลจอมเฮี้ยบ” ปรากฏกายออกมาแล้ว...บรรดาตํารวจน้อยใหญ่ต่างรีบหุบปากเงียบกันหมด...
“ที่นี่สถานที่ราชการไม่ใช่ตลาดสดที่จะมาส่งเสียงดังหนวกหู...ฝน...เสียงลูกดังไปถึงในห้องพ่อเลย”
“ขอประทานอภัยครับ”
“คิกๆๆ”
...หนุ่มสันต์สุดจะอึดอัดใจยิ่งเมื่อชำเลืองดูบุตรีคนเล็กของเจ้านายทำท่าล้อเลียนเขาไม่หยุด...
“เรานี่เหลือเกินจริงๆ...แล้วพี่ไปไหน?”
“เดี๋ยวก็มาจ้า--...นั่น!!...มาแล้ว”
“...............................................”
“ดี...แคทฝนทั้ง 2 คนแล้วก็สันต์...ตามไปที่ห้อง”
...

“พูดเป็นการ์ตูนไปได้!!...ป้อเล่นมัดมือชกบังคับพวกเรา”
“ถ้าไม่ฝึกกับหมวดสันต์คนนั้นก็ไม่ต้องหัดคาราเต้อีกเลยสินะ”
“อื้อ!!...แล้วจะเอาไงดีล่ะคะ?”
“...............................................”
“...เมื่อเป็นดังนี้...เราทำตามคำสั่งคุณพ่อเถอะ”
“อือ---...ไม่อยากเลย...แล้ว...พี่จะไปไหนกันเนี่ย?”
“เพื่อนพี่จะมารับไปดูหนัง”
“ไม่ให้หนูไปด้วยแสดงว่ามีเดทกับผู้ชายอีกสินะคะ?...มีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกน้อง”
“แฟนเฟินเดทเดิทอะไร?...ก็แค่ไปดูหนัง...ทานข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง”
“นั่นแหละค่ะที่เรียกว่าเดทล่ะ...คาสโนวี่”
“ฮะๆๆ...แก่แดดจริงนะฝน...รู้จักคำนี้ด้วย”
“อ๊าว!!!...ถึงฝนจะอายุแค่ 13 แต่ก็รู้อะไรๆเยอะนะเออขอบอก”
“................................................”
“พี่เป็นคนสวย...จะมีหนุ่มๆมาต่อคิวให้เลือกได้ตามใจชอบยังไงก็ได้แต่หนูไม่เคยเห็นพี่คบกับใครจริงๆจังๆเลยสักคน”
“เพราะพี่อยากทดสอบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณสมบัติประจำตัวของผู้ชายแต่ล่ะคนน่ะ”
“ไยคะ?”
“เด็กอย่างฝนยังไม่ควรรู้เรื่องพรรค์นี้หรอก”
“หงึ!!”
“ไม่ต้องเถียงและไม่ต้องยิงฟันใส่จ้ะ...น้องยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กหญิงหรือไม่ใช่?”
“คึ!!... ถือว่าตัวเองเป็นนางสาวแหล่ว...ด้าย--...ไว้ให้หนูโตกว่านี้เต๊อะ...หนูจะ ต้องสวยเลิศ...ต้องเสน่ห์แรงกว่าพี่แน่นอน...พี่แคทมัวแต่เลือกมากแบบนี้ ระวังฝนจะแซงเข้าสักวันนะก๊ะ”
...

...เย็นวันต่อมา 2 พี่น้องชวนกันมาหาอะไรทานที่ตลาดและในระหว่างขากลับ...
“เฮ่!..พี่”
“?”
“มึงเจ๋งนักหรือวะ?...เรื่องของผัวเมียโว้ย!!...คนนอกกรุณาอย่าเสือก”
“คุณตำรวจ...ฉันไม่ใช่เมียเขานะคะและเขาพยายามเข้ามาในบ้านด้วย”
“เอา ล่ะครับ...ผมคิดว่าตัวเองคงไม่ใช่คนนอกเพราะผมเชื่อว่าคุณไม่ใช่สามีผู้หญิง คนนี้...คุณกลับไปซะดีกว่าครับ...ไม่งั้นอาจจะโดนจับกุมในข้อหาบุกรุก”
“ถือว่าเป็นตำรวจแล้วเบ่ง...อย่านะๆ...ไอ้หน้าอ่อนกระจอกๆอย่างมึง...กูไม่เคยกลัว”
“ถ้าคุณยังจาบจ้วงผมไม่เลิกอาจจะโดนข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานเพิ่มอีกนะครับ”
“เจ้านั่นนี่นา...”
“................................................ ”
“กูไม่สนใจว่ามึงเป็นใคร...ต่อให้เจ้านายของมึงมาเอง...ไอ้นายพลจอมเฮี้ยบบ้าบออะไรนั่นก็ยังไม่กล้าทำอะไรกู”
“เหอะ?...มันหมายถึงป้อเรานี่พี่...บังอาจ!!!...ไอ้ปากเสีย”
“...เหมือนจะเคยเห็นที่ไหน...อ้อ--...ลูกน้องเสี่ยซุง”
“หึ!!...งั้นลูกชายเขาใช่มั้ยคะที่เคยบอกรักพี่?”
“อ๊ากกกกกกก...โอ๊ยยยยย”
“!!!!”
“!!!!”
...แค่ช่วงแคทกับฝนหันหน้าคุยกันเดี๋ยวเดียวเท่านั้น...
“เมื่อกี้เจ้านั่นทำอะไรน่ะ?”
“พี่ทันเห็นแค่...หมัดสุดท้ายเท่านั้น...”
“ว้าว!!!...วิเศษ--...ทีเดียวน๊อคเลยอ่ะ...ตาลามกสันต์เจ๋งจริงนี่หว่า”
“ฮึ!!...บางครั้งตำรวจก็จำเป็นต้องวิสามัญคนร้ายเหมือนกัน...คุณผู้หญิงเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?”
“มะ...ไม่ค่ะ...แล้วเขา?...”
“อ๋อ!!...นี่ก็ไม่มีอะไรมาก...ทำร้ายร่างกาย...พูดจาข่มขู่ผู้อื่น...ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน...รูปการณ์นี้คงพูดกันไม่รู้เรื่องหรอกครับ”
“แก--...เอ๊อะ!!...มึง...มึงรู้มั้ยว่า...เจ้านายกูเป็นใคร?...อูยยยยย”
“รู้สิครับ...แต่ถ้าเจ้านายคุณทำชั่วผมก็ไม่ไว้หน้าเช่นกัน”
“แก!!!”
“กฎหมาย ศักดิ์สิทธิ์...คนชั่วไม่มีทางหนีรอดอาญาบ้านเมืองไปได้ต่อให้ใหญ่โตสักแค่ ไหนก็ตาม...ท่านวงศ์ศักดิ์ผู้ที่เป็นแบบอย่างให้ตำรวจทุกคนดำเนินรอยตามเคย สั่งสอนผมไว้...คำพูดนี้ไม่ผิด”
“.........................................."
“หืม---...ตานี่ดูๆไปก็ใช้ได้นะคะพี่...ช่วยไม่ได้...เพราะป้อสั่งมาหรอก...ฝนจะไปเรียนให้ก็ได้”
...สุรีย์พรรณไม่ตอบหยาดฝน...เธอได้แต่ยิ้มและเริ่มชื่นชมนายตำรวจหนุ่มอยู่ในใจ...ทุกอย่างเริ่มต้นจากครั้งนั้น...)
“พอเรา 2 คนไปฝึกวันแรกก็ซาบซึ้งเลยว่าไม่ง่าย...ฝนถึงกับบ่นอุบว่าเคี่ยวสุดๆ...แต่ยังไงซะคาราเต้ของคุณก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
...ท้องฟ้าที่แจ่มใสมาตั้งแต่เช้าพอล่วงเข้าเวลาสายกลับเริ่มมีกลุ่มเมฆมาบดบังแสงอาทิตย์...
“..........................................”
...หญิงสาวยังนั่งชันเข่าหน้าที่เก็บกระดูกนึกถึงความหลังอันแสนเศร้าพลางเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้าที่มีสีหมองหม่นลง...
“หรือฝนจะตก?...จริงสิ...เหมือนกับวันสุดท้าย”
“ไง!!...คนสวย”
“..........................................................”
...เบื้องหลังสุรีย์พรรณมีร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่...ขอเรียกสั้นๆว่า “กรณ์” ในอดีตเขาเป็นผู้ที่เคยพ่ายแพ้ต่อหญิงสาวนักคาราเต้...
“บังเอิญจังเจอกันอีกแล้ว...ท่าทางเรา 2 คนคงมีวาสนาต่อกันนะเนี่ย”
“หึ!!...ฉันว่าไม่บังเอิญหรอกและไม่ใช่วาสนาด้วย”
“?”
“ชะตากรรมที่น่าบัดซบต่างหาก...แกน่าจะรู้ดี”
“คราว นี้มันไม่เหมือนกันแน่นอน...เธอเคยเอาชนะฉันได้แต่ฉันก็จะไม่ยอมแพ้ตลอดไป หรอก...เธอนั่นแหละสุรีย์พรรณ...จะมัวมาอาลัยอาวรณ์กับคนตายไปแล้ว ทำไม?...ไร้ค่าบรมเลย”
“ถึงคุณสันต์จะเสียชีวิตไปแล้วแต่เขาก็ยังอยู่ในใจฉันเสมอ...แกอย่าบังอาจลบหลู่เขาเด็ดขาดไอ้เศษสวะ!!”
“ด่าได้ด่าไป...แต่ฉันจะเปลี่ยนความคิดเธอซะใหม่ว่าผู้ชายที่เหมาะสมกับเธอที่สุดคือฉันคนนี้เท่านั้น”
“ไอ้!!...อุ--”
...แขนขวาของแคทมีอาการปวดระบม...อาการบาดเจ็บที่เกิดจากการซ้อมแข่งกับน้องสาวเมื่อวานนั่นเอง...
“หือ--...นั่นเธอ?...ฮ่าๆๆๆ...แขนขวายมฑูต...ถึงคราวสิ้นชื่อ...แน่...อ๊อก!!!”
“ฮึ!!”
...หญิงสาวจับจังหวะฝ่ายตรงข้ามเผลอฝืนทนความเจ็บปวดพุ่งหมัดขวาชกกรามอย่างแรงแต่มันไม่ได้ผลเพราะพลังทำลายลดหายไปกว่าครึ่ง...
“อึ๊ก!!”
“แหมๆๆ...เกือบฟันร่วงแน่ะ...ถุด!!...หึๆๆๆ...เธอไม่มีทางชนะหลงเหลืออีกแล้ว”
“พล่ามอะไรของแก!!”
“ปกติ หมัดขวาของเธอหนักปานค้อนทุบ...เมื่อกี้ฉันประมาทเลยโดนสอยนึกว่าจะม่องซะ แล้วซิ...แต่...หมัดที่ต่อยออกมามันเบากว่าเก่ามากเลย...ปิดบังอาการบาดเจ็บ ไม่ได้หรอกนะสุรีย์พรรณของฉัน”
“หุบปาก!!!...ฉันไม่ได้มีแขนข้างเดียว...ขา...”
“เฮอะ!!”
“โอ๊ะ!!!”
...เมื่อ รู้สึกเจ็บแปลบสุรีย์พรรณก็ก้าวถอยโดยสัญชาตญาณและผงะเซเกือบล้มเพราะชุดอัน รุ่มร่าม...ชายชื่อกรณ์ซัดมีดบินปักเข้าที่หัวไหล่ขวาของเธอ...ไม่ต้อง บรรยายถึงความเจ็บปวด...หญิงสาวทรุดนั่งเอามือกุมไหล่อันแดงฉานไปด้วย เลือด...
“เป็นยังไงบ้างล่ะ?...การใช้มีดของฉัน”
“ไม่เลว...ไม่นึกว่าแกจะหัดใช้มัน”
“ก็ ตั้งแต่แพ้เธอเมื่อ 2 ปีก่อนแล้วนี่ไม่ได้มีมีดแค่อันเดียวนะ...เธอไม่มีทางหนีพ้นแน่ๆและความจริง ก็รู้แต่แรกว่าแขนขวาเธอมีปัญหา...น้องฝนสุดที่รักของเธอและการซ้อมแข่ง คาราเต้ช่วยงานฉันได้มากจริงๆ”
“กรณ์!!!...นี่แกคอยติดตามดูฉันตลอดรึ?”
...กระโปรง ยาวถึงน่องแหวกผ่ากลางไปถึงต้นขาสีขาวที่หญิงสาวสวมใส่บัดนี้มีสีแดงแห่ง โลหิตซึ่งไหลไม่หยุด...เป็นภาพที่น่าหวาดเสียวยิ่งนัก...
“ถูก ต้องๆ...ตั้งแต่ได้ข่าวว่าเธอกลับมาที่นี่ฉันก็ดีใจจนเนื้อเต้นและสั่งให้ ลูกน้องตามสืบความเคลื่อนไหวโดยตลอดแล้วในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้...วัน ที่เธอจะพ่ายแพ้และตกเป็นของกรณ์คนนี้...ฮะๆๆๆๆๆๆ”
“กรอด!!...แกมันบ้า...ไอ้โรคจิต!!!”
(แย่จริงๆแขนขวาใช้การไม่ได้ซะแล้ว...คงโมเคียวก็ไม่ได้เอามาด้วย...เราตัวเปล่าไม่มีอาวุธ...เสียเปรียบมาก)
“เอา ละ!!...มาตัดสินกันซะทีนะที่รักของฉัน...ต่อหน้าหลุมฝังศพแฟนเก่านี่แหละ แล้วอย่าขัดขืนจะดีกว่าเพราะร่างอันเปลือยเปล่างดงามของเธอแต่ถ้าย้อมไปด้วย สีแดงของเลือดมันคงจะไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่แต่ฉันขอยอมทำแบบนั้นเพราะถ้า เกิดเธอคิดสู้หรือคิดจะหนี”
“..................................................”
...

(“ฝีมือดีขึ้นมากนะครับ”
“...ก็ยังสู้คุณไม่ได้อยู่ดี”
“ฝึกแค่ 4 เดือน...จะให้เก่งถึงขั้นเอาชนะผม...ยังเป็นไปไม่ได้แน่”
“หืม--... ต้องมีสักวันแหละที่ฉันจะก้าวไปอยู่เหนือคุณให้ได้ส่วนฝนเจ็บใจมากๆเพราะคิด ว่าตัวเองเก่งขึ้นแต่วันก่อนก็ยังแพ้คุณราบคาบ...เธอน่ะฝึกหนักกว่าฉันซะ อีก”
“ฝนมีกำลังขาที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก...ถ้าขยันฝึกฝนพอกพูนฝีมือตัวเองต่อไปเรื่อยๆล่ะก็...น่าจับตามองอย่างยิ่ง”
“เพราะ?”
“คนเราปกติจะมีกำลังขามากกว่าแขนราวๆ 3 เท่าแต่สำหรับฝนเธอพิเศษกว่านั้นคืออาจจะมีมากถึง 4 เท่าหรือ 5 เท่าเลยก็ได้”
“จริงเหรอคะ!!...งั้นนี่จะกลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวของเธอในอนาคต...อือ--...แต่คุณเคยบอกว่ากำปั้นของฉันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน”
“ครับ...คุณมีพลังหมัดที่หนักเกินผู้หญิงทั่วไปเช่นกัน...กำปั้นที่ดีมากๆ”
“อาจ เป็นพรสวรรค์หรือความผิดปกติมาแต่เกิดล่ะมั้ง?...ตอนยังเรียนนายร้อยคุณพ่อ เคยเป็นแชมป์คาราเต้นั่นจึงทำให้ฉันกับน้องสนใจและอยากจะเก่งเหมือน ท่าน...”
“เอ่อ...คุณสุรีย์พรรณครับ”
“นี่!!...เรารู้จักกันมาตั้งนานและไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไร...เรียกแคทก็พอแล้ว...ไม่เห็นจะต้องเป็นการเป็นงานเลย...มีอะไรหรือคะ?”
“คือ...คือว่า...มัน...คือ...”
“เอ้าๆๆ...คุณครูคะ!!...อ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้...มั่นอกมั่นใจในตัวเองแล้วก็พูดออกมาสิ”
“.....................................................”
“ถ้าไม่พูดงั้นแคทกลับล่ะ”
“เดี๋ยว!!...นะ...นี่ครับ!!”
“เอ๋!?”
“มัน...อาจจะไม่ใช่ของมีค่าอะไรมากมาย...แต่...อยากให้คุณแคท...รับไว้...จะได้มั้ยครับ?”
“คุณสันต์!?”
“..................................................”
“บ้า!!!...จู่ๆก็เอาของแพงๆอย่าง...แหวนมาให้...รู้นะว่าคิดอะไรและอยู่ๆก็มาพูดแบบนี้”
“รู้ครับ...แต่ผมชอบคุณแคทมาตั้งนานแล้ว...อยากให้ของสิ่งนี้คือคำแทนความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณ...ผม...อยากจะขอคุณแคทแต่ง....”
“...มัน...ยังเร็วไป...แคทเพิ่งอายุ 16 เองนะคะ”
“อะไรเร็วๆ....มีอะไรกันเหรอจ๊ะ?”
“หวา!!!!”
“อ้าว!!!...มีพิรุธเฟ้ยไอ้นี่?...พี่...อีตานั่นเป็นไรอ่ะ?...หน้าแดงวิ่งหนีไปดื้อๆ...เอ๊ะพี่ก็?...หน้าแดงด้วยหรือเปล่าเนี่ย!!”
“แดงเดิงอะไรกัน!!...ไม่...ไม่มีอะไรหรอกฝน”
“อะไร ของตาบ้านี่ก็ไม่รู้!!...จู่ๆก็จะมาขอผู้หญิงแต่งงานเอาดื้อๆ...แต่ยังไม่ ทันฟังคำตอบก็กลับหนีไปซะ...มีใครที่ไหนเขาทำกันบ้างล่ะยะ!!...แล้วแหวนนี่ ล่ะจะทำยังไง?...”
“...........................................................”
(แหวนวงนี้ทำจากทองคำแท้...ไม่ใช่ของราคาถูกอย่างที่บอกแน่นอน...ลำพังเงินเดือนก็จะไม่ค่อยพอใช้อยู่แล้วยังจะ)
“ช่วยไม่ได้นะ...จะเก็บไว้ก่อนล่ะกัน”)
“............................................................”
...ผืน นภามืดครึ้ม...หมู่เมฆล่องลอย...ละอองสายฝนโปรยปราย...ธารโลหิตไหลหลั่ง... หยาดน้ำตาร่วงริน...สถานการณ์การต่อสู้ล่าสุด...บาดเจ็บด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย...
“ท่าทางจะถอดใจแล้วสินะยอดรัก”
“ยังพล่ามอะไรอยู่ได้!!...แกต่างหากที่โดนอัดอยู่ฝ่ายเดียว...มีดของแกมันยังไม่มีผล”
“อา ไร้---...ลำพังแขนซ้ายกับขา 2 ข้างของเธอน่ะล้มฉันไม่ได้ร้อก!!...เพราะงั้นถึงเล็งจัดการเขี้ยวเล็บที่ สำคัญที่สุดของเธอก่อนไง...คึๆๆๆ”
“เชอะ!!...แต่ถึงจะไม่ใช่หมัดขวาแต่ ไอ้ที่โดนไปทั้งหมดก็ไม่น่าจะทนยืนอยู่ได้...แกไม่น่าจะทนทายาดถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่เลือดก็ออกเยอะ...ไม่สิ...แกรู้สึกเจ็บบ้างหรือเปล่า?”
“คิกๆๆๆ...”
“...................................................”
“ไม่รู้สึก...ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรเลย...แต่ฉันกลับมีความสุขซะอีกที่ได้เห็นสภาพที่ใกล้จนมุมของเธอ”
“!?”
(นึกแล้ว!!...นี่มันคงจะฉีดหรือกินอะไรเข้าไปสักอย่างร่างกายถึงแทบไม่รับรู้ความเจ็บปวด)
“ฮ่าๆๆๆๆ...ย้าก!!”
“ฮึ่ม!!!”
(ฟู่---... เฉี่ยวไปนิดเดียว...ผมยาวก็อย่างงี้...แหว่งแล้วล่ะมั้ง...ท่าทางของมันก็ เหมือนผีดิบยังไงยังงั้น...ถูกถีบถูกชกแต่ยังเดินหน้าขว้างมีดใส่เฉยเลย)
“จุ๊ๆๆ...จะหนีหรือจะหลบมีดของฉันได้สักแค่ไหนกันจ๊ะคนสวย...อย่าดิ้นรนให้เสียแรงเปล่าเลยน่า”
“...................................................”
(คงมีแต่ต้องจัดการจุดตายเท่านั้น...แต่นี่มันในวัดและอยู่หน้าหลุมศพของเขา)
“สุรีย์พรรณเอ๋ย--...รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงยึดติดกับเธอถึงขนาดนี้”
“?”
“เพราะรักเธอยังไงเล่า!!...เธอเป็นคนเดียวที่สร้างรอยแผลบนหน้าฉัน...ไม่มีวันลืมเธอได้...ไม่มีวัน!!!”
...ใน การต่อสู้เมื่อ 2 ปีก่อนสุรีย์พรรณใช้ “คงโมเคียวเมะ” ฟันเข้าที่ใบหน้าของกรณ์ตั้งแต่หน้าผากเฉียงผ่ากลางนัยน์ตาเฉือนจมูกผ่านลง มาถึงแก้มขวาและนับแต่นั้นถ้าใครขืนบังอาจเรียกเขาว่า “ไอ้หน้าบาก” ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่จะต้องโดนทำร้ายทันที...
“แกมันบ้า...ความรักบ้าๆบอๆของคนเสียสติอย่างแก...ฉันไม่รับ!!!”
“พูดแบบนั้นออกมาน่ะมองดูสภาพตัวเองบ้างหรือเปล่า?...หา!!!”
“ชิ!!!...หนอย--”
...มีด ปลายแหลมขนาดเล็ก 5 เล่มวิ่งแหวกอากาศเข้าหาแคทอย่างน่าหวาดเสียว...หญิงสาวก้มหลบและกลิ้งหมุน ตัวจากนั้นพุ่งโถมเข้าไปจับหน้ากรณ์...
“ฮะ!...มือเธอนุ่มจัง...หอมด้วย”
“อึ๊บ!!!...ฮื้ย---”
(ปึง!!!)
...สุรีย์พรรณมีเรี่ยวแรงมหาศาล...เธอบีบหน้ากรณ์และเกร็งกำลังกดฟาดลงกับพื้นไปทั้งหัวทั้งตัว...
“โอ๊ก!!!”
“!!!”
“ฮ่าๆๆ...อย่างนี้แหละที่ฉันชอบ...แคทจ๋า--”
“โอ้ย!!”
...สุรีย์ พรรณถูกต่อยเข้าที่ท้องอย่างจังแต่เธอรู้ตัวดีว่าถ้ายอมหมอบแค่นี้ต้องเสร็จ เจ้าผู้ชายจิตวิปลาสแน่จึงเอาศีรษะโขกใต้คางของกรณ์และพยายามล่าถอยให้ห่าง ที่สุด...
“อูย--...อา--...นะ...นี่แกเป็น...ตัวอะไรกันแน่!!...อือ--...”
“เหะๆๆ...ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เชยชมเธอล่ะก็ไม่มีวันยอมตายหรอก”
...ที่ ศีรษะของแคทมีเลือดไหลออกมาบวกกับอาการบาดเจ็บสะสมแต่แรก...หญิงสาวเริ่ม อ่อนแรงลงทุกทีๆ...ยามนี้ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักมันให้ความรู้สึกหนาวเหน็บและ ปวดร้าวที่บาดแผลยิ่งนัก...
“เราเตะต่อยมันไปตั้งหลายทีแต่กลับไม่ได้ผล...ถ้าเป็นฝนล่ะก็...มันคงโดนระบำบาทามรณะจนกระดูกหักทั่วตัวแน่ๆ”
“เงยหน้าดูท้องฟ้าสิแม่ยอดยาหยีของฉัน...ฟ้าดินยังเป็นใจอวยพรให้เรา 2 เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลย”
“..........................................................”
“ลูกพี่ครับ!!”
...มีผู้ชายอีก 2 คนวิ่งฝ่ากลางสายฝนมาสมทบ...หญิงสาววัย 22 อดจะกังวลไม่ได้...
(แย่แล้ว!!...มันมีลูกน้องด้วยรึ?...เราโทรมไปทั้งตัวแบบนี้จะสู้ไหวได้ยังไงกัน)
“พวกแกมาทำไม!!”
“เอ่อ--”
“กูบอกให้พวกมึงเฝ้าเป็นต้นทางอยู่หน้าวัดไงเล่า!!”
“เพราะพวกมันหนีฉันมาเองแหละ!!!”
“ฝน!?”
“หือ?”
...หยาดฝนมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว...ในมือของเธอถือดาบคงโมเคียวเมะอาวุธคู่กายของพี่สาว...
“มาได้จังหวะพอดีเลยนะ”
“เลือด!!!...นี่มัน...มันกล้าทำร้ายพี่จนเลือดออกเชียวเหรอ!!!!...ไหล่พี่?...หน้าผากพี่?”
“...โดนมีดแทงน่ะ...ดีจัง...ถ้าน้องมาช้าอีกนิดเดียวล่ะก็...ฝน?”
“........................................................”
“หรือว่าน้อง?...”
“ฮึ่ม!!!...ไอ้...ไอ้พวกเศษมนุษย์!!”
...แค่ พี่สาวถูกนินทาหยาดฝนก็เคืองจะแย่แล้วแต่นี่เจ็บตัวถึงขั้นเลือดตก ยางออก...มือที่กุมดาบสั่นเทาจนใครก็มองเห็นได้ชัดเจน...สุรีย์พรรณเข้าใจ ความรู้สึกดี...เลือดในกายกำลังเดือดพล่าน...จิตสังหารกำลังลุกโชน...
“ยกโทษให้ไม่ได้!!!...อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด!!!!”
“!!!!”
“อะหวา!!!”
“มะ...มันเป็นอะไรน่ะ?”
“เรื่องใหญ่แล้ว...ไม่ได้เห็นซะนาน...นี่หมายความว่าน้องฉันโกรธสุดขีดแล้วไงล่ะ”
“???”
...หยาด ฝนเธอมีความลึกลับบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวและแสดงมันออกมาให้ศัตรูเห็นใน ยามโกรธถึงขีดสุด...สาวน้อยผู้ร่าเริงแจ่มใสคนนั้นบัดนี้ได้เอ่ยน้ำเสียงอัน บ่งบอกถึงความเคียดแค้นชิงชังอย่างที่สุด....แม้แต่สุรีย์พรรณเองก็ยังเข็ด ขยาดจนไม่อยากจะเห็นน้องสาวในสภาพนี้เลย...
“ตาย--... ต้องตาย!!!...ฉันจะหักกระดูกพวกแกทุกตัวให้พิการไปตลอดชีวิต!!...บังอาจทำ ร้ายพี่สาวสุดที่รักของฉัน...อย่าฝันว่าจะรอดกลับไปแบบครบ 32 !!!!”
“เสียงห้าวขึ้น!!...ไหงเสียงยัยนี่ถึงเปลี่ยนไป?...คนอะไรจะเปลี่ยนเสียงตัวเองได้วะ?”
...ตั้งแต่ เรียวขาไล่ไปถึงปลายเท้าของสาวน้อยเหมือนกับมีกลิ่นอายอำมหิตพวยพุ่งเพราะ มันเต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงโทสะอันยากจะมอดดับนั่นเอง...
“.................................................”
“!!!!”
(เปรี้ยง!!!)
“โอ้ย!!...แขน...อ๊าก!!!...แขนกูหักแล้ว---”
...สาว น้อยวัย 18 ในอีกโฉมหน้าหนึ่งช่างร้ายกาจเกินกว่าจะคาดคิด...เธอเคลื่อนไหวร่างกายได้ รวดเร็วราวกับหายตัว...กว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็สายไปซะแล้ว...1 ใน 3 คนถูกเตะเข้าที่แขนอย่างรุนแรง...กระดูกของเขาหักในชั่วพริบตา...
“อั๊ก!!...โอ๊ย---...กูไม่ได้...ทำพี่...แกนะว้อย!!!...กูแค่...เป็นต้นทาง...”
“ฮึ!!...ต้นทางรึแก?...ดี!!..งั้นจะลดลงเหลือโทษตายทั้งเป็นให้”
“โอ๊ย!!...เจ็บ!!”
...หยาด ฝนยกเท้าเหยียบอกชายคนนั้นก่อนจะขยี้กดอย่างแรง...ชายอีกคนจะรีบเข้ามาช่วย แต่พอเห็นสาวน้อยสะบัดศีรษะถลึงตาใส่จึงชะงักกึกอยู่กับที่...ไม่อาจจะใจ กล้าพอเข้าไปช่วยเพื่อนได้...
“หึๆๆๆๆๆ”
“ขืนเข้าไปมีหวังผมโดนฆ่าแน่ครับลูกพี่...เคยเห็นเมื่อก่อนออกจะเอ๋อๆบ๊องๆ”
“พอเอาจริง...เลือดเย็นไม่เบา”
(เพราะ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขาดสะบั้นไปแล้วยังไงล่ะ...เธอไม่มีวันหยุดจนกว่า ศัตรูจะหมดสภาพไปต่อหน้า...เมื่อฝนโมโหจัดถึงขั้นควบคุมสติไม่ได้อย่าง นี้...อย่าว่าแต่เราเลย...ต่อให้คุณพ่อหรือคุณแม่มาเองก็หยุดไม่ได้)
“ฝน...เอาดาบมาให้พี่”
“...............................................”
...อาวุธคู่กายถูกส่งคืนสู่มือเจ้าของโดยไว...สุรีย์พรรณชักดาบคู่ใจออกจากฝักทันที...
“ตาฉันบ้างกรณ์...ขอเอาคืนจากแผลที่ไหล่ขวานี่...”
“เฮอะ!!...ฮะๆ...แน่ใจรึที่พูดแบบนั้นออกมา?...ดูนี่ก่อน!!”
“?”
...กรณ์ควักของในกระเป๋ากางเกงให้ 2 สาวดู...มันคือแหวนทองคำเล็กๆวงหนึ่ง...
“แก!?”
“แหวนนี่เป็นของเธอที่มอบให้ไอ้สันต์มันใช่มั้ย?”
“แกบังอาจนัก!!!...แหวนแลกเปลี่ยนของพี่ฉันกับพี่เขย!!!...ฉันไม่เอาแกไว้แน่!!”
...สาว ผู้น้องชี้หน้าและเตรียมถลันไปชิงแหวนของพี่สาวคืนแต่ถูกห้ามไว้...อย่าง น้อยก็มีแคทคนหนึ่งที่ฝนยอมเชื่อฟังแม้ยามถูกจิตสังหารครอบงำ...
“ฝน!!...ไอ้ 2 ตัวนั่นยกให้แต่ไอ้นี่พี่ขอ”
“เฮ้ย!?”
“...ก็ได้---...จะเป็นพี่หรือเป็นฉัน...มันก็ไม่แตกต่างกันนัก!!”
“...คนชั่วช้าอย่างแกไม่มีสิทธิ์แตะต้องของสิ่งนั้น...เอาคืนมาซะแล้วฉันจะละเว้นโทษ”
“เฮอะ!!...เรื่องอะไรฉันจะคืน”
“หนีรึ?...แต่ยังไงก็มีค่าเท่ากัน”
“................................................”
...สุรีย์ พรรณสั่งอะไรบางอย่างกับหยาดฝนแล้วรีบวิ่งตามเจ้ากรณ์ราวกับคนไม่มีอาการบาด เจ็บ...1 ใน 2 ลูกน้องก็พลอยวิ่งตามกรณ์ไปด้วยทอดทิ้งให้คนที่แขนหักอยู่กับชะตากรรมอัน ทุกข์ทรมานเพียงลำพัง...สาวน้อยวัย 18 หันขวับจ้องตาเขม็งไปที่เจ้าคนที่เหลือทันที...เหมือนอสรพิษกำลังจ้องเล่น งานเหยื่อ...
“ฮะๆๆๆ...ฮะๆๆๆ”
“อย่า---...อย่านะ---...อย่าเข้ามานะ!!!”
...หยาด ฝนเชิดหน้าก่อนจะหัวเราะในลำคอพลางก้าวเท้าไปหาช้าๆ...เธอเอียงคอไปมาก่อนจะ พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและแตกต่างออกไปจากปกติ...คล้ายกับไม่ใช่หยาดฝน ผู้ร่าเริงแสนซนแก่นแก้วคนเดิม...
“ไม่ต้องงงไป...ที่เห็นตอนนี้คืออีกด้านหนึ่งของฉัน...เพราะการกระทำของพวกแกเอง...ไม่อาจโทษใครได้!!!”
“ปะ...ปล่อยฉันไปเถอะ...ฉันโดนลูกพี่บังคับให้ทำ...ฉันขัดเขาไม่ได้...อึ๊!!...อึ๋ย---”
...การ ยกมือไหว้อ้อนวอนไร้ผลโดยสิ้นเชิง...สาวน้อยส่ายหน้าช้าๆและแสยะยิ้มที่มุม ปากทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าใกล้ความตายไปทุกขณะ...
“เพราะเพื่อนแกมันแล้งน้ำใจหนีไป...แกเลยต้องรับกรรมทั้งหมด...ถึงเวลาของแกซะที...ลา...ก่อน”
“ดะ...ได้โปรด---...อย่าาาาาาาาาาา...อ๊าาาาาาาาาาาาาาา”
(เปรี้ยงงงงง...ครืนนนน)
...เสียง ฟ้าร้องดังอื้ออึงกลมกลืนไปกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดแว่วไปตามสาย ลม...กระบวนท่า “บาทามรณะ” เป็นไม้ตายที่ปล่อยพลังเตะได้รุนแรงที่สุดของ “ระบำเทพธิดา” ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันหยาดฝนเคยใช้ท่านี้เพียง 4 ครั้งเท่านั้นและทุกคนที่โดนก็...ไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม?...
“ใช้บาทามรณะจริงๆด้วย...เสียงร้องดังมาถึงนี่เชียวรึ?...เพลงเตะแห่งความสูญเสีย...สูญ...เสีย...”
(“...ไม่จริง!!...ไม่จริงใช่มั้ย?...เป็นเพราะแคท...เป็นเพราะแคทคนเดียว!!!”
“อั๊ก!!...อา--...อย่า...โทษตัวเอง...อย่า...เสียใจ...ด้วยนะแคท...ผม...ทำเพื่อ...ความถูก...ต้อง...และ...ชีวิต...ของแคท”
“คุณสันต์!!”
“หยุด...ร้องให้...แคทตอนร้องให้...ไม่สวย...แคทไม่เหมาะกับ...น้ำตา...เชื่อผม...”
“ตา สันต์!!...ฮือๆๆ...คนบ้า!!...อย่าเป็นอะไรไปนะ...นายจะให้พี่ฉันเป็นหม้าย ตั้งแต่ไม่ทันแต่งงานเหรอ?...ไหนเคยคุยว่าฝีมือเก่งที่สุดไง...ลุก!!...ลุก ขึ้นมาสู้กับฉันสิ...ลุกขึ้นมานะ!!”
“ฝน...อย่าทำแบบนั้นลูก!!”
“ฮะๆๆ...น้อง ฝน...ก็ไม่เหมาะ...กับน้ำตา...สักนิด...นะ...เออะ!!...ร่าเริง เข้า...หัวเราะเข้าสิ...ต่อไป...นี้...ฝนจะต้อง...อยู่...กับพี่...สัญญา... ว่าฝนจะ...มีชีวิต...อยู่กับแคท...กับคุณพ่อ...คุณแม่...อย่างมีความ... สุข...นะ”
“อือ--...อื้อ!!...พะ...พอแล้ว!...ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วคน บ้า!!...ฝนยังมีอะไรจะให้พี่เขยสอนอีกตั้งหลายอย่างแถมยังประลองคาราเต้ไม่ ชนะเลยสักครั้ง...แล้วพี่เขยจะใจร้ายทิ้งพี่สาวกับฝนได้ลงคอเชียวเหรอ?”
“...................................................”
“แค ทครับ...ผมรักคุณ...ต่อไป...จง...มี...จิตใจที่เข้มแข็ง...ก้าวไป...อยู่ เหนือ...ทุกคนให้ได้...อย่าเสียใจ...ในการ...ตายของผม...เลยนะ... ก้าว...เดิน...ไปข้างหน้า...เสมอ”
...

“...ขอ... แสดงความเสียใจด้วยนะครับ...ลูกกระสุนถูกจุดสำคัญอีกทั้งคนไข้ยังเสียเลือด มาก...ผม...พยายามช่วยชีวิตอย่างเต็มความสามารถแล้ว...แต่...”)
...

...ความทรงจำทั้งสุขสมหวังและทุกข์ระทมทั้งมวลเมื่อ 5 ปีที่แล้วทยอยพรั่งพรูออกมาจากในห้วงความคิด...
“คุณสันต์...ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต...ฉันก็จะต้องเอาแหวนวงนั้นกลับคืนมาให้ได้!!!”
... 2 คนเลือกจะหนีไปทางที่มีต้นหญ้าขึ้นรกเพื่อให้ยากต่อการติดตาม...
"ลูกพี่!!!...ท่าทางจะยังตามเรามา"
"อย่างงี้แหละดี!!...เป็นหลักฐานแสดงว่ายัยนั่นเอาจริงแล้ว"
"อันตรายนะครับ"
"มึงกลัวก็มุดรูหนีไปซะ...ไอ้ขี้ขลาด!!"
...เจ้า หนุ่มปอดแหกนั่นจึงรีบแยกหนีออกไปอีกทาง...แม้เบื้องหน้าจะมีหญ้าสูงรกขึ้น หนาแน่นแต่สุรีย์พรรณกลับไม่ลังเลหรือกลัวว่าจะมีกับดัก...เธอตวัดดาบฟันพง หญ้าให้แหวกเป็นทางพลางวิ่งไล่กวดศัตรูไปอย่างไม่ลดละ...
"เพื่อไอ้ของแค่นี้ถึงกับไล่ล่าถึงขนาดนี้?...กูไม่ยอม!!!...นี่กูสู้คนที่ตายไปแล้วไม่ได้หรือไง?"
...เมื่อ เขาหยุดอยู่กับที่จึงเปิดโอกาสให้สุรีย์พรรณเข้ามาใกล้...เสียงสับฝีเท้าและ เสียงดาบฟันต้นหญ้าที่สูงเกือบถึงระดับเอวดังขึ้นเรื่อยๆ...ทันใดนั้นก็ ปรากฏร่างหญิงสาวโดดใช้เท้าถีบอย่างแรงจนผู้ที่หยุดรออยู่กระเด็น...กระเด็น ไปทั้งคนทั้งแหวน...
"อ๊อก!!!...คะ...คิดอยู่แล้ว...แค่กๆ--"
...น่า หวาดเสียวยิ่งนัก...ปลายดาบหญิงสาวตอนนี้กำลังจ่อที่คอชายผู้บังอาจช่วงชิง ของสำคัญของเธอมา...ถ้าหล่อนกดมือลงไปเพียงนิดเดียว...ชีวิตหนึ่งอาจถึงคราว แตกดับก็ได้...
"ของพรรค์นี้สำคัญกับเธอนักรึ?"
"................................................"
"...นั่นสิ...ไม่น่าถาม...สีหน้าและดวงตานั่นก็บอกชัดเจนแล้ว"
"ฉันไม่ยกโทษให้แก...จะมอบความเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่แกเคยรับเมื่ออดีตอีกครั้ง...รับไป!!!!"
...สิ้น เสียงตวาดอันดังกึกก้อง...สุรีย์พรรณยกดาบชูขึ้นเหนือหัวก่อนจะฟันแหวกอากาศ ลงไปอย่างไม่มีอาการลังเล...โลหิตสาดกระจายพร้อมเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทรมานแสนสาหัส...
...............................................................................................................

“เฮะๆๆๆ...ฮิๆๆๆๆ”
“..................................................”
“ยอดมาก!!...แผลรูปกากบาท...ประทับใจ...ประทับใจจริงๆ...ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฉันว่าแกไปโรงพยาบาลประสาทจะดีกว่านะ”
“ไม่มีประโยชน์!!!...โรคของฉันไม่มีทางรักษาหายเพราะมันคือโรครัก...รักเธอยังไงล่ะ...สุรีย์พรรณ”
“..................................................”
...แหวนสีทองส่องประกายแวววับเมื่อยามต้องสายฝน...แคทก้มเก็บมันขึ้นมาแล้วกำไว้แน่น...
“ฉันไม่คิดจะใช้ดาบเล่มนี้ฟันหน้าแกถ้าแกไม่ชิงแหวนวงนี้มา...เจตนาเดิมคือแค่เฉือนเนื้อที่หัวไหล่แกเท่านั้น”
“อุ!!... อย่างนี้แหละดี...มีไม่กี่คนที่จะเยือกเย็นเหี้ยมโหดพอจะยกดาบฟันหน้าคนอื่น โดยไม่มีลังเลเช่นเธอ...รอยแผลมันคงจะงดงามมาก...ในความคิดของฉัน...เธอก็งด งามยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้”
“เอาล่ะ!!...รถพยาบาลมาแล้ว...ต่อไปแกคงไม่ได้เห็นหน้าฉันอีก”
“น่า เสียดาย...เอาเถอะ...ถึงไม่มีโอกาสเห็นแต่เธอก็ต้องมีฉันอยู่ในใจ...ไม่มี วันลืมเช่นกัน...ผู้ชายชื่อกรณ์ที่หลงรักเธออย่างสุดหัวใจ...สุรีย์พรรณ”
“............................................................”
“พี่!!”
“เจ้านั่นเป็นยังไงบ้าง?...อ้าว!!...กลับมาแล้วหรือ?”
“เพิ่ง กลับมาเมื่อกี้ค่ะแต่พี่ไม่เห็นก็คงจะเดาได้...ยับเยินทั้งตัว...แบบว่าตอน นั้นฝนกำลังโกรธจัดเลยหวดไม่ยั้ง...พอหยุดทุกอย่างมันก็สายไปแล้วอ่ะ”
“...........................................................”
...แคทหยิบแหวนไปไว้ในกล่องและวางเก็บไว้ที่เดิม...ฝนหยุดตกแล้วบัดนี้แสงอาทิตย์ได้สาดส่องลงมายังแดนดินอีกครั้ง...
“แคทเอามาคืนคุณแล้วนะคะ...แหวนที่แคทใช้เงินเก็บตัวเองเพื่อตอบแทนความรักของคุณ”
“ฝนขอไหว้พี่สันต์ค่ะ...พี่เขย...ขอบคุณที่บันดาลชัยชนะให้พวกเรานะจ๊ะ...ฝนเก่งขึ้นเยอะเลยใช่มั้ย?”
“.......................................................”
(“โอ!!...ยอมสวมแล้วหรือครับ...แต่ทำไมเป็นข้างขวาล่ะ?...นี่...ผมก็ใส่แหวนที่แคทให้ด้วย”
“นี่พ่อคุณ!!...ฉันยังเป็นนักเรียนนะยะ...ขืนใส่ที่นิ้วนางซ้ายไปโรงเรียนเกิดอาจารย์เห็นเข้าก็แย่สิ”
“แหม--...จริง”
“จะเปลี่ยนข้างก็ได้...แต่คุณเตรียมหาคำอธิบายกับคุณพ่อแคทไว้ให้ดีล่ะกัน...ยัยฝนด้วย”
“ครับ...ผมจะบอกท่านว่าเราเป็น...”
“เป็น?”
“ฟะ...แฟ...แฟน”
“ตาคนบ้า?...แลกแหวนกันไปแล้วยังจะมัวอายอะไรอีก?...คุณนี่ไม่ไหวเลยนะคะ...ทีเวลาทำงานเถอะ”
“..............................................”
“อ๊ะ!!...อยู่ตรงนี้นี่เอง...ฝนจะถามนานแล้ว...เมื่อวานพี่กับตาทะลึ่งนี่หายไปไหนกัน 2 ต่อ 2?”
“เอ่อ...”
“นับวันนายก็ยิ่งมีพิรุธนะเนี่ย?...รีบสารภาพออกมาซะดีๆนะว่าพาพี่ฉันไปไหน!!”
“คือ”
“เอ๋?...อะจ๊าก!!...หรือ...หรือว่า...นะ...นาย...นายพาพี่สาวฉัน...ไป...ไปมี...ความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ใช่มั้ย?”
“หา?...ไม่ใช่ครับ!!!...ไม่จริงอย่างที่น้องฝนบอกเลยนะ...ผม...ผม”
“แล้ว...ทำไมนายต้องปากคอสั่นด้วยล่ะเนี่ย?...อื๊อ--...สันต์...นายรังแกพี่สาวฉันไปซะแล้ว...จะฟ้องป้อกับแม่แน่ๆคอยดูนะคอยดู!!!”
“เดี๋ยวก่อนสิฝน!!...อย่าพูดนะครับ...เอ้ย!!...มันไม่ใช่สักหน่อย...ทำไงดี?...แบบนี้ความแตกแน่เลยแคท”
“น้องฉันแหย่คุณเล่นหรอกย่ะ!!...นี่เชื่อจริงๆเหรอไง?...เธอไม่ได้แอบตามเราไปสักหน่อย...ไม่รู้หรอก”
“ฮ่าๆๆๆ...ว้าย---...หน้าถอดสีเลยอ่ะตาพี่เขยบ๊อง...ก๊ากๆๆๆ...ถ้าไม่ให้ฝนฟ้องก็จงพาไปเลี้ยงพาเฟ่ห์ชุดเดอลุกซ์ภายในวันนี้ซะดีๆ”
“เห็นมั้ยล่ะคะ...ไปๆมาๆเด็กคนนี้ก็วกมาเรื่องกินจนได้”
“แต่ว่าแคท...เมื่อกี้น้องฝนเรียก!!”
“ขนาดน้องสาวที่หวงแคทอย่างกับอะไรดียังยอมรับคุณ...ต่อไปก็เลิกนิสัยขี้อายไม่เข้าท่านี่ได้แล้ว...เวลาอยู่ต่อหน้าฉันน่ะ”)
“พี่สันต์เป็นคนดีมาก...ครั้งนี้ก็เหมือนเขาจะดลใจให้หนูรีบไปช่วยพี่”
“อื้อ!!...พี่ขอบคุณน้องมากที่มาช่วยได้ทันเวลาพอดี”
“หนู รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยรีบปั่นรถตามมา...รีบร้อนจนล้มได้แผลด้วย...ก็มือ ข้างหนึ่งถือดาบไว้ด้วยนี่...มาถึงได้เห็นพี่บาดเจ็บเลือดไหลสติเลยขาดผึงไป ใหญ่”
“นานแล้วนะที่พี่ไม่ได้เห็นฝนโกรธหนักขนาดนี้”
“ต่อไปขออย่าให้เป็นแบบวันนี้อีกเลย...นี่ขนาดตัวเองยังกลัวนะเนี่ย...ไม่เอาแล้ว!!...ไม่พูด”
“กลับบ้านกันเถอะ”
“ถ้าเห็นเข้าป้อมีหวังโวยลั่นกับแม่ได้มีสิทธิ์ลมจับแหงๆ...ฮิๆๆ”
“.......................................................”
“พี่?”
“คุณ สันต์...สําหรับฉัน...คุณเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษนัก...เอาใจ ผู้หญิงหรือ?...ก็ไม่ได้เรื่องซะเลย...แต่งตัวบางครั้งก็ปอนๆแถมเชยอีกด้วย แต่ฉันกลับชอบคุณมากเพราะคุณเป็นคนที่ใจดีและมีความจริงใจยิ่งกว่าใคร...ยอม สละได้แม้กระทั่งชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องฉัน"
"................................................."
"...ชั่ว ชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันลืมคุณเลยเพราะคุณคือผู้ชายคนแรกที่ทำให้แคทรู้จักกับ ความรัก...ฉันขอให้สัญญาอีกครั้งว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็งเพื่อให้สม กับความตั้งใจครั้งสุดท้ายของคุณ...ชายผู้เสียสละได้แม้ชีวิต"
...

“ปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่...เรียบร้อยแล้วนะขอรับท่านอาจารย์”
“แม้ไม่ต้องถึงมือเธอแต่ฉันก็ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์รีบมา”
“กระผม จะทำเพิกเฉยได้เช่นนั้นหรือขอรับในเมื่อญาติพี่น้องคนสำคัญกำลังมีภัยเข้ามา คุกคาม?...แต่...ครั้งนี้พี่แคทคงจะทุกข์ทรมานใจมิใช่น้อยเป็นแน่เทียว”
“อืม--...อย่างไรซะชีวิตยังต้องดำเนินต่อไปแม้จะเป็นทุกข์มากแค่ไหนก็ตาม...สุริคุงจะสามารถลุกยืนหยัดขึ้นได้อีกครั้งแน่นอน”
“น้องฝนก็เยี่ยมยอด...บาทามรณะของนางคล้ายกับที่ท่านพี่สันต์เคยสำแดงเดชออกมามิมีผิดเพี้ยน”
“เธอ ยังต้องฝึกปรืออีกมากโดยเฉพาะการถูกจิตสังหารครอบงำ...ไม่รู้อวัยวะภายในชาย คนนั้นจะเสียหายตรงไหนหรือเปล่า?...โจมตีเข้าเป้าทุกจุดอย่างนั้น”
“อย่างเบาะๆ...กระดูกก็ต้องหักมิต่ำกว่า 2 แห่งแน่ขอรับ...กำลังขาของน้องนางหยาดฝนเหนือชั้นยิ่งกว่าใคร”
“................................................”
“พวกแก!!...เป็นพวกเดียวกับยัยมารร้ายนั่น?”
...ชายคนที่แยกหนีออกไปตอนถูกแคทตามล่านั่นเอง...
“เสียมารยาท...ใครคือมารร้ายกันน่ะขอรับ?...มิใช่สักหน่อย...คนยืนคุยกันอยู่เห็นๆ”
“อย่ามาหลอกกู...หน้าแกมันก็บอกอยู่ว่าเป็นพวกเดียวกันกับยัยนั่น...คราวนี้กู...กูสู้ตายแล้วโว้ย!!!”
“ถ้าท่านคิดทำร้ายกระผมระวังจะเจ็บตัวกลับไปมิรู้ด้วยนะ”
“หุบปาก...อ้าก---...อ๊อก...อ๊ากกกกก...ท้อง...ท้องกู!!!”
...เกิดเสียงกระแทกดังสนั่น...วิ่งเข้ามาหวังจะทำร้ายเขาแต่ตัวเองกลับถูกอัดกระเด็นกลับไปซะเองอย่างน่าสนเท่ห์ยิ่งนัก...
“อุตส่าห์เตือนแล้วทว่าท่านไม่ฟังเองนะขอรับ”
“อุ๊บ!!...แค่กๆ...แหวะ--”
“ดีแล้วที่แค่อาเจียน...ถ้ากระผมเอาหนักกว่านี้ก็น่าลุ้นเหมือนกันนะว่าอะไรในท้องของท่านมันจะแหลกเหลวไปบ้าง?”
“อู--...ช่วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย!!...พวกแกมัน...พวกแกมันเป็นปิศาจทั้งนั้น...ไม่เอาแล้ว!!...ไม่อยู่แล้ว!!”
“.....................................................”
“เธอก็ยังเฉียบคมเหมือนเดิม...ไม่!!...ฝีมือดีขึ้นเยอะทีเดียว”
“เพราะ มีท่านอาจารย์โตโดเฝ้าสอนสั่งและได้ท่านพี่สันต์ช่วยชี้แนะขอรับแต่กระผมมิ ใช่คนชื่นชอบการต่อสู้...จะลงมือก็ต่อเมื่อป้องกันตัวหรือช่วยผู้อื่นเท่า นั้น...เอาล่ะ...เห็นทีกระผมคงต้องขอตัวกลับก่อน”
“ไม่อยู่เจอสุริคุงกับเรนโดรจังก่อนหรือ?”
“ขอ รับ...กระผมหาได้แจ้งต่อพวกนางว่าจะมาที่นี่เดี๋ยวจะโดนว่ายุ่งมิเข้าเรื่อง แต่ถึงช้าหรือเร็วก็ต้องเจอกันอยู่ดี...เอาไว้คราวหน้าคงเป็นการดีกว่านี้ ซึ่งเรา 3 คนพี่น้องจะไปเยี่ยมเยียนท่านอาจารย์พร้อมๆกันขอรับ”
“ขอให้โชคดี”
...................................................................................................................

...ปัจจุบันย่อมต้องมีอดีตและอนาคตย่อมต้องมีปัจจุบัน... 
..................................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น