หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 38

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 38 “ระวังหน่อยเอกคเชนทร์!!!”

...เวลา บ่ายของวันเดียวกันหลังจากป้าเอ็มกลับไปพร้อมความสำเร็จ(จะไม่สำเร็จได้ไงก็ เล่นพาอธิการมาด้วย?...บรรดาคณะกรรมการสอบสวนต่างตกใจหน้าถอดสีกันไปหมด)...
“ผู้หญิงที่มากับอธิการคือป้าของมึงจริงเหรอ?”
“จริงสิ...พี่สาวพ่อกู”
“เส้นใหญ่ไม่เบาเว้ย!!!...นี่แหละที่เขาเรียกว่ารู้จักใช้อำนาจและอิทธิพลในเวลาอันเหมาะสม”
“กูไม่ค่อยเห็นด้วยแต่ในเมื่อมันช่วยให้มึงรอดพ้นคดีก็พอจะรับได้”
“และก็นะ...”
“?”
“ทำไมหน้าเด็กจังวะ?...ไว้ผมก็แปล๊กแปลก!?”
“กูจะรู้มั้ย?”
“แต่เทียบกะแม่ยายมึงแล้วคนละเรื่อง...ป้ามึงน่ะยังสวยราวกับสาววัยสักสามสิบ...รูปร่างทรวดทรงก็...แฮ่ม!!”
“ไอ้ห่-!!...รอดตัวได้ก็ปากไม่อยู่สุขเรอะ?...อย่ามาเสือกวิพากษ์วิจารณ์คุณป้ากับแม่ยายกู!!!”
“ก็แค่พูดตามที่เห็นแต่ถ้าไม่ใช่ป้ามึงล่ะก็จะลองจีบได้มั้ยวะ?”
“ไหนเคยบอกชอบเด็ก?”
“ก็พูดไปตั้งหลายครั้งแล้วว่าสาวใหญ่สวยๆกูก็นิยม...กระดังงาลนไฟไงเพื่อน!!!...เป็นงานอยู่แล้วไม่ต้องสอนกันมาก”
“หุบปากเถอะไอ้หูหม้อ!!”
“เฮอ--... มึงอย่าบังอาจมาเถียงเชียวว่าไม่เคยคิด...กูไม่มีวันเชื่อหรอก!!!...ก็คุณเธอยังงามไม่สร่างแบบนั้นทั้งที่อายุเกือบห้าสิบ”
“.................................................”
...ไอ้ เชนทำให้จิตใจผมฟุ้งซ่านแล้วมั้ย?...นั่นคุณป้าแท้ๆโดยสายเลือดเลยนะ ~~...ไม่ไหว!...ขืนอยู่ฟังมันพูดนานๆมีหวังได้ก่ออาชญากรรมทางเพศซ้ำ สอง!!...ระวังหน่อยเอกคเชนทร์!!!...
(“แล้วเจอกันคืนนี้นะจ๊ะ”
“เอ่อ...”
“...กังวลเรื่องของผู้หญิงคนนั้นอยู่ใช่มั้ย?”
“.................................................”
“อย่าห่วงไปเลยจ้ะเพราะป้าขอให้สัญญาว่านังแอมจะไม่มีทางมาแผลงฤทธิ์กับตาหนูหรือใครๆได้อีก...ตลอดไป”
“จะ...จะสั่งเก็บเธอหรือครับ!?”
“แหม~~... บ้านเมืองมีขื่อมีแปแล้วป้าจะไปทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ?...มันมีวิธีอื่นที่ จะหุบปากใครสักคนอีกตั้งมากมายแต่ตาหนูไม่ต้องสนใจหรอก...ป้ารับประกันว่า งานนี้จะยังไม่มีใครตายอย่างแน่นอน”
“.................................................”
“ใส่ใจแต่ว่าคืนนี้พ่อบอลต้องแต่งตัวให้หล่อที่สุดและป้าก็จะเฝ้ารอดูด้วยใจจดใจจ่อ...”)
“ต๊ะเอ๋~~”
“เธอ!!...มาเงียบๆตกใจหมด!?”
“มาอยู่นี่ทำมายอ่ะ?”
“หาหนังสืออ่านเรื่อยเปื่อย...”
“โฮ่!?...ของสำนักพิมพ์ไหน?...สนุกไหมเคอะ?”
“ยัยผีนี่พูดจากวนประสาทฉันอีกแล้ว--”
“คิๆๆ”
...ก่อนนี้ยังรู้สึกเฉยๆแต่ปัจจุบันมันชักไม่เหมือนเดิมเพราะผมเห็นว่าลูกสาวคนเล็กของอานิภานั้นน่ารักขึ้นทุกวันๆ...
“ทำอะไรน่ะ?”
“ถามแปลกวุ้ย!!...นี่ใจคอนายจะให้สุภาพสตรียืนคุยหัวโด่อยู่เนี่ยน่ะเรอะ?”
“เชิญครับเชิญ--...มะ...ไม่ต้องนั่งใกล้กันนักก็ได้”
“อ๊ะเขินเหรอ!?...เขินฝนอยู่ใช่มั้ย?...หวาย!!...หน้าแดงด้วย~~...น่ารักอ่ะๆๆ”
“ฉันผู้ชายเว้ย!!”
“ม่ายเกี่ยว~~...ใช้คำนี้กับผู้ชายก็ได้จ้ะพี่”
“.............................................”
...โซฟายาวยังมีที่ว่างเหลือแต่ฝนกลับเลือกจะนั่งกะแซะติดผมแบบแขนสัมผัสแขน...อุ!!...กลิ่นตัวหอมจังเลย...
(หอมอย่างเป็นธรรมชาติโดยที่ไม่ได้ใช้น้ำหอมหรือเครื่องประทินโฉมใดๆและไม่กลิ่นแรงจนฉุนจมูกเกินไป)
“.............................................”
“.............................................”
“ฝน...”
“ขา~~”
“พะ...พูดอะไรบ้างและจะขานเสียงหวานทำไมกัน?”
“ชอบเปล่า?”
“ถะ...ถ้าคนอื่นมาได้ยินจะไม่ดี”
“ฮึ!!”
“?”
“ช่างเถอะๆ”
“ฝน...คนเมื่อวานที่ไปหาฉันที่ห้องเป็นเพื่อนเธอจริงๆใช่มั้ย?”
“ก็จริงอ่ะดิแต่ไม่ใช่เพื่อน...เป็นลิ่วล้อตังหาก”
“โอโฮ้!?...ยิ่งใหญ่จังเลยนะแม่คุณ”
“เปล่าขี้จุ๊นา--”
“เธอส่งเขามาสอดส่องฉัน?”
“ไม่ใช่ๆ...ฝนให้คุ้มครองบอล”
“บ้ารึ?”
“ก็นายน่ะมีคนหมั่นไส้มากขึ้นเรื่อยๆเลยรู้ไหม?”
“มั่ว~~”
“ฝนหมายความว่าเพราะบอลหน้าตาหล่อเหลาจึงเป็นที่สนใจของสาวๆแต่กลับเป็นที่น่าหมั่นไส้ของหนุ่มๆไงจ๊ะ”
“ไม่จริง--”
“แต่เค้ามีความหวังดีกับตัวเอง”
“งั้นฉันควรจะขอบใจเธอสินะเนี่ย?”
“แฮ่ม!...ช่ายแย้ว~~...ชมดิ...ชมมาดิ!!”
“บ๊ะ!!...ฉันประชด--”
“แหงะ!!!...ใจร้าย~~”
“ทีหน้าทีหลังก็บอกกล่าวกันก่อนซี่!!...เมื่อวานฉันนึกว่าจะโดนตื้บคาห้องตัวเองซะแล้ว”
“อย่างนั้นฝนคงโดนป้าเอ็มเฆี่ยนหลังลายแหงๆ”
“จะไปละ?”
“ที่นี่ชักไม่สนุก...เอ้อ!!...ได้ยินว่าช่วงหยุดยาวจะไปแอ่วเวียงหละปูนรึ?”
“อะ...อืม--”
“บ้านคงจะเหงาลงอีกเยอะเพราะป้าเอ็มก็จะไปพรุ่งนี้”
“แล้วเธอกับพี่แคทไม่กลับลำปางล่ะ?”
“ไม่!!...ฝนอยากกลับบ้านเกิด...บ้านเกิดของพวกเราสามคน!!!”
“................................................”
“ซึ่งพี่แคทเองก็...เห็นด้วย”
.....................................................................................

...แล้วที่ร้านเบเกอรี่เล็กๆแห่งหนึ่ง...

“พี่เซคร้อนรนจนตัดสินใจพลาด...นี่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ”
“เจ้าค่ะ...เช่นนั้นเราทั้งสองจะหยุดส่งคนสะกดรอยท่านแม่แลนายเอกคเชนทร์ตั้งแต่บัดนี้”
“ดีเหมือนกัน...อีกอย่างฝนก็รับหน้าที่นี้อยู่...”
“...ท่านพี่สุรีย์พรรณ”
“แต่พี่ก็จะคอยตามดูฝนอีกที...ไม่ปล่อยให้เรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นแน่เพราะพี่จะมองหน้าใครต่อใครไม่ได้หลายคนไปจนชั่วชีวิตเลย”
“มิทราบว่า...ท่านน้าเอกภพมีความเห็นเยี่ยงไรบ้าง?”
“เกี่ยวกับเรื่องนี้...”
...หญิง สาวไว้ผมบ๊อบใส่ชุดนักศึกษาและผูกผ้าคลุมแพรสีขาวซึ่งกำลังรินน้ำชาให้แค ทด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะผ่องใสนักเพราะอยู่ดีๆก็อาจจะต้องไปแต่งงานกับ ผู้ชายที่ไม่ได้รักอีกทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องอันแสนน่าชิงชังของตัวเอง ด้วย...เธอมีชื่อว่า “ศรมุกดา ราศีกาญจนา” บุตรสาวคนที่สองวัย 21 ปีของคุณศรมรกต...
“คุณลุงจะหาเหตุผลอะไรไปต่อล้อต่อเถียงได้ถ้าคุณป้าตัดสินใจแล้ว...ม่อนว่าจริงไหม?”
“เจ้าค่ะ...ท่านแม่เป็นผู้มีทิฐิแรงกล้าชอบเอาชนะแม้เรื่องนั้นจะเล็กน้อยหรือหาสาระสำคัญมิได้สักเพียงใดก็ตาม”
...ศร มุกดามีชื่อเล่นว่า “ม่อน” เรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ภาคสมทบปีสามด้านนิสัยโดยรวมเป็นคนไม่ค่อยพูดค่อยจา และตามหาตัวให้พบได้ยากแถมยังไปมาไร้ร่องรอย(!?)...
“ก็ตามที่พี่เล่านี่แหละจ้ะ...คุณลุงน่ะลำบากใจมากทีเดียว...ไม่รู้จะบ่ายเบี่ยงไปได้นานแค่ไหน”
“...เป็นดังที่น้องคิดไว้หาได้มีอะไรน่าแปลกใจ...เชิญรับน้ำชารสเลิศเจ้าค่ะ”
“ไม่มีน้ำตาล...”
“น้อง...จะเอามาให้!?”
...ม่อน มี “พลังจิต” ติดตัวมาตั้งแต่เล็กซึ่งสืบทอดมาจากบิดาผู้ล่วงลับ...เพียงเธอหันหน้าแล้ว เพ่งมองไปทางชั้นวางที่มีขวดโหลน้ำตาลตั้งอยู่...ไม่นานสิ่งนี้ก็ค่อยๆลอย ตัวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ก่อนจะลอยมาเข้ามือสาวเจ้า...นี่คือพลัง “เทเลคิเนซิส” ...
“ขอบใจจ้ะ”
“แต่...”
“?”
“ธรรมดาน้ำชานั่นหาได้ค่อยมีผู้ใดนิยมจะตักน้ำตาลทรายใส่ลงไปดอก”
“เอ๋!?...แต่เวลาฝนชงมาให้พี่ก็จะใส่ทุกครั้งนี่นา?”
“คิกๆ...สมเป็นน้องนางหยาดฝนเสียจริง”
“พี่จะทำเองเด็กนั่นก็ไม่ยอมเลยปล่อยตามใจแต่นี่ไม่ใช่ข้ออ้างเรื่องที่ทำอาหารไม่ได้เรื่องนะ”
“ท่านพี่สุรีย์พรรณ...”
“?”
“เป็นความจริงหรือเจ้าคะที่น้องนางหยาดฝนมีใจให้นายเอกคเชนทร์?”
“...อืม--...ถึงบอกว่าต้องเฝ้าติดตามดูพฤติกรรมไง”
“แลท่านน้าอรนิภาก็เห็นดีเห็นงามด้วย?”
“....................................................”
“เหตุใดภาวการณ์จึงกลับกลายเป็นเช่นนี้?”
“เรื่อง ของเรื่องคือบอลดันไปให้สัญญาว่าสักวันเมื่อโตขึ้นจะขอฝนแต่งงานแล้วเด็กนี่ ก็ยึดถือเป็นจริงเป็นจังและพี่เพิ่งมารู้ความจริงทีหลังว่าฝนนั้นไม่พอใจมาก ที่บอลจะไปลงเอยกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง...ที่ผ่านมาเก็บงำอาการได้ สนิทอย่างน่ากลัวชนิดที่ไม่มีใครมองออกเลยแม้กระทั่งพี่”
“น้องทราบว่า เพลานี้ในใจท่านพี่สุรีย์พรรณกำลังคิดอะไร...แหวนฟางวงเดียวทำเหตุโดยแท้... ก็คล้ายคลึงกับกรณีของสองนางพยัคฆ์เจ้าค่ะ...ท่านพี่สุรีย์พรรณพอจะทราบหรือ ไม่?”
“...ก็พอจะรู้อยู่บ้าง...น่าลำบากใจนะม่อนที่พี่น้องจะต้องมาแก่ง แย่งชิงดีกันเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว...เรื่องบ้าๆบอๆพรรค์นี้ไม่สมควรจะ เกิดขึ้นในตระกูลของเรา!!!”
“ม่อนมีหนทางหนึ่งจะเสนอ”
“?”
“คือ...”
“..........................................................”
“..........................................................”
“ไม่มีทาง!!!...พี่ไม่ยอมเด็ดขาด!!!!”
“แต่อาจจะได้ผลนี่เจ้าคะ?”
“ช่างมีอารมณ์ขันอย่างไม่น่าเชื่อเลยนะจ๊ะ?”
“หึๆ...ก็ น้องเห็นว่าใบหน้าอันงดงามหมดจดของท่านพี่สุรีย์พรรณออกจะมีแววแห่งความขุ่น ข้องหมองใจเกินไปแล้ว...ทุกสิ่งล้วนมีวิธีแก้ไขซึ่งบางทีก็อาจจะต้องใช้ เงื่อนไขพิเศษ...เช่น...”
...สาวน้อยผมบ๊อบค่อยๆลืมตาขึ้นพร้อมทั้งมีแสง สว่างสีขาวนวลพวยพุ่งออกมาที่ปลายนิ้วชี้ดูแล้วเย็นตาราวกับว่ามันสาดส่องมา จากดวงจันทร์...นั่นคือเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวที่ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นไม่ มี...
“จันทรกานต์จักมีประโยชน์ต่อท่านพี่สุรีย์พรรณเป็นแน่”
“อื้อ!!...เทเลคิเนซิสเมื่อกี้ก็น่าทึ่งมาก”
“แต่ อย่างไรเสียทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีขีดจำกัดแห่งตน...หากใช้โดยมิคำนึงผลได้ ผลเสียก็อาจจะก่อเกิดหายนะเช่นนั้นน้องจึงสนใจศาสตร์การต่อสู้”
“อยากฝึกอะไร?”
“เทควันโด้...”
“ดีนี่!!...หาครูฝึกได้หรือยัง?”
“ติดต่อไปแล้วแต่ยังมิได้รับคำตอบกลับมาเจ้าค่ะ”
“ที่ไหน?”
“สำนักชองมิน”
“เอ๋!?”
“รู้จักหรือเจ้าคะ?”
“ก็ นะ...ลูกสาวเจ้าของโรงฝึกที่นี่เรียนอยู่ห้องเดียวกับฝนก็จัดว่าฝีมือเข้า ขั้นทีเดียวเพียงแต่ปัจจุบันสองคนนี้ไม่กินเส้นกันแล้วที่แย่ไปกว่านั้นคือ ฝนเริ่มจะมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์...หงุดหงิดบ่อยขึ้น...ไม่ถูกใจก็เอะอะหา เรื่องซึ่งมันอาจจะเกี่ยวกับ...”
“รักษาโดยวิธีสะกดจิตจะได้ผลไหม?”
“เด็กนั่นมีสุริยะโลหิตที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่...ถึงพลังของม่อนจะแข็งแกร่งกว่าแต่จะได้ผลแน่เหรอ?...ต้องไม่ให้รู้ตัวเท่านั้นแหละ”
“มิได้!...การรักษาโดยวิธีสะกดจิตจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเจ้าค่ะถ้าหากอีกฝ่ายหาได้เต็มใจร่วมมือไม่”
“หาก ปล่อยทิ้งไว้จะยิ่งเลยเถิดไปใหญ่แต่พี่ก็จนใจเพราะยังคิดหาวิธีดีๆไม่ออกแถม มาปวดหัวกับนายบอลเพิ่มขึ้นอีก...คุณตานี่ก็ช่างสั่งอะไรไม่เข้าท่าเลย”
“ตามใจท่านเถิดนะเจ้าคะ”
“ยังมีเยื่อใยอยู่น่ะสิ?...ก็อย่างว่า...เห็นแต่หลานสาวเดินกันให้เพ่นพ่านมานานก็คงจะอยากพบหน้าหลานชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปีบ้าง”
“แต่ กฎที่บัญญัติไว้เมื่อเนิ่นนานว่าผู้สืบทอดจะต้องเป็นบุรุษเท่านั้นสมควร เปลี่ยนแปลงได้แล้ว...โอ--...ยังมีท่านพี่สุริยาวรรณอีกคนเจ้าค่ะ?”
“ตานี่รักชีวิตสันโดษไม่ชอบวุ่นวายกับใคร...เขาไม่ยุ่งหรอกน่ะแต่ป่านนี้แผลที่แขนคงจะหายดีแล้ว”
“อืม--... เรื่องราวอันน่าอดสูในวันนั้น...นายเอกคเชนทร์คือต้นเหตุอย่างหาได้มีอะไร ให้ต้องสงสัยอีกไม่...ครั้งนี้ก็ยังจะ...หึ!!...น้องสมควรเจียดเวลาไปพบปะ บุคคลผู้นี้สักคราหนึ่งคงจะดีเป็นแน่ทีเดียวเพราะตัวจริงก็มิได้อยู่ด้วยแต่ สามารถทำให้พี่ๆน้องๆผิดใจถึงขั้นลงไม้ลงมือ...ช่างน่านับถือเป็นยิ่งนัก!!”
“แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันไม่ใช่น่านับถือ?”
“....................................................”
“ชั่งใจให้ดีเพราะว่าคุณป้ากำลังโปรดปรานหลานชายคนนี้มากๆ”
“นั่น มิใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยเจ้าค่ะ...แต่ทว่า...ก็ในเมื่อได้รู้ซึ้งถึง พฤติกรรมอันเหลวแหลกเกินกว่าจะให้อภัยของนายเอกคเชนทร์แล้วเหตุใดท่านแม่จึง ยังหลงรักใคร่เอ็นดูเขาดุจประหนึ่งว่าหาได้มีอะไรเกิดขึ้นอยู่อีก เล่า?...นี่สิเจ้าคะที่ม่อนรู้สึกสนเท่ห์เป็นยิ่งนัก”
“เพราะคุณป้าต้องการให้บอลขึ้นเป็นนายใหญ่ไงล่ะ”
“มิ สำเร็จดอก...อันว่ากฏในการเลือกเจ้าบ้านคนใหม่ของตระกูลวิษณุมนตรีนั้น... นายเอกคเชนทร์จะต้องได้รับความเห็นชอบเกินครึ่งจากลูกพี่ลูกน้องที่เหลือของ เขาอีกเจ็ดคน...ท่านแม่แลท่านน้าทั้งสามหรือผู้อื่นก็หาได้มีสิทธิ์ออกเสียง ไม่”
“เกินครึ่งก็คือสี่คน...บอลไม่นับเพราะเขายกมือให้ตัวเองไม่ได้”
“ท่านพี่,ท่านพี่สุรีย์พรรณ,น้องนางหยาดฝนแลเมื่อรวมศรมุกดาผู้นี้แล้ว...ความหวังของท่านแม่ย่อมมิอาจจะเป็นจริง”
“...แต่ไม่แน่บางทีฝนอาจเปลี่ยนใจในภายหลังก็ได้...คือพี่แค่คิดเผื่อไว้เฉยๆ”
“หาก น้องนางหยาดฝนจะไปเข้ากับสองนางพยัคฆ์รวมเป็นสามเสียง...เช่นนั้นเราก็ชิง ตัดหน้าดึงท่านพี่สุริยาวรรณมาทดแทนสิเจ้าคะแล้วผลลัพธ์ในท้ายที่สุดก็จะคง เดิมมิเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น”
“ไม่รู้เอ้จะร่วมมือด้วยหรือเปล่าเพราะเขาไม่เคยพูดอะไรออกมาเลย?”
“นั่นอาจจะขึ้นอยู่กับความสามารถของท่านพี่สุรีย์พรรณเจ้าค่ะ...ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกว่าใครๆให้เป็นประโยชน์”
“พี่น่ะเหรอ?”
“ทว่า ท่านพี่สุริยาวรรณก็น่าจะแจ้งใจอยู่เช่นกันว่านายเอกคเชนทร์นั้นหาได้มี คุณสมบัติคู่ควรสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลไม่แลหากเป็นคนอื่น...ม่อนคงจะ... ลงฑัณท์เขาไปตั้งนานแล้ว”
“.......................................................”
.....................................................................................

“ท้องชักหิว...สา...ทางซ้ายใช่ร้านข้าวหรือเปล่า?”
“...ใช่นะ”
...กลับ ถึงบ้านไม่มีอะไรทำก็เลยชวนแฟนขี่รถออกเที่ยวเล่นเอื่อยเชื่อยฆ่าเวลามาจน ถึงบ้านไร่ปลายนาก็ยังไม่แคล้วเจอร้านอาหาร(เชื่อแล้วว่าเมืองไทยนี่อาหาร การกินอุดมสมบูรณ์จริงๆ)ถนนสายนี้ถ้าไปต่อเรื่อยๆก็จะทะลุถึงทางแยก... เลี้ยวซ้ายขึ้นภาคเหนือผ่านอ.วัดโบสถ์,อุตรดิตถ์และเลี้ยวขวาจะลงใต้ไป นครสวรรค์,กรุงเทพฯ...
“มีรถเบนซ์จอดด้วย”
“ก็คงจะแวะหาอะไรกินเหมือนเรา”
(สีขาวหม่นสะท้อนแดดวาววับจับตา...รุ่นเดียวกับคันที่ป้าเอ็มใช้แต่ต่างสี)
“เชิญจ้า~~”
“เอาเหมือนกันจะได้เร็วๆ”
...งั้นหิวๆอย่างนี้ก็ต้องเอาอะไรที่มันเร็วๆง่ายๆไว้ก่อน...ผมจึงสั่งข้าวกะเพราเนื้อไข่ดาวสองจาน...
“แหม่!!...ถ้ามาเร็วกว่านี้ก็จะได้ผัดทีเดียว 4 จานไปเลย”
(ลูกค้าสองคนทางโต๊ะด้านหลังก็สั่งกะเพราเนื้อไข่ดาวรึ?)
“ขอน้ำส้มสองขวดค่ะ”
“เดี๋ยวสาต้องเล่าให้ฟังนะว่ามีเรื่องกลุ้มใจอะไรกันแน่?”
“ไว้กินข้าวเสร็จก่อน”
“...ผู้หญิงคนข้างหลังเรียนที่เดียวกับสาหรือเปล่า?”
“ไหน?... เอ--...เครื่องหมายก็ไม่ติดแต่มหาวิทยาลัยมีนักศึกษาเป็นพันๆคนแล้วยังแบ่ง ภาคเช้าภาคสมทบและก็มีภาคเสาร์-อาทิตย์...สาไม่รู้หรอกว่าจะใช่หรือเปล่า?”
“ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรแค่ถามเฉยๆ...ขอน้ำซุปด้วย!”
(โฮะ!?...คู่หญิงชายที่โต๊ะในสุดนี่กินข้าวไม่พูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว...อะไรจะขนาดนั้น?)
“บอล”
“จ๊ะ?”
“ว่าจะพูดหลังจากนี้แต่มันคันปาก”
“งั้นก็เล่าสิ”
“...คุณศรมรกต...”
“ทำไม?”
“ท่าน เกลียดแม่,พี่กุนและก็สา...น้องอ้อยกับป้าศรีก็ด้วย...ต้นสายปลายเหตุยังไม่ รู้แต่มันต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีต...บอลก็รู้ว่าสมัยก่อนแม่กับลุงภพ เคยรักใคร่ชอบพอกันแต่เพราะเกิดเหตุบางอย่างจึงต้องแยกทางไป”
“อืม”
“ที่สามั่นใจเพราะเมื่อหลายสิบปีที่แล้วแม่กับป้าศรีก็อาศัยอยู่ที่ตำบลโยนกจัตุรัส”
“จะบอกว่าแม่กวางกับป้าเอ็มต้องมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันอยู่เป็นทุนเดิมใช่มั้ย?”
“ถูก...คุณศรมรกตเลยพลอยไม่ชอบหน้าเราสองคนพี่น้องไปด้วย...ไม่ใช่การพูดมั่วตีความเองแน่เพราะบอลก็น่าจะรู้สึกได้บ้าง”
“พอดี...เมื่อเช้ากุนโทรมาคุยเรื่องนี้แล้ว...แต่ไม่น่า...”
“ไม่น่าอะไร?”
“ป้าเอ็มไม่น่าจะเอาเรื่องเก่ามาปนเป...จริงอยู่ท่านอาจจะมีนิสัยเจ้าอารมณ์แต่ก็ไม่ใช่คนหลักลอยไร้เหตุผลนะ”
“ก็บอลเป็นหลานรัก...นี่!...คุณศรมรกตเคยพูดในทำนองว่าจะให้บอลรู้จักกับผู้หญิงคนไหนหรือเปล่า?”
“ไม่เคย”
“แน่นะ?”
“เป็นความจริง...ท่านก็รู้ว่าผมมีแฟนแล้ว”
“ไม่แน่นัก...บางทีท่านอาจจะมองๆใครไว้ให้เธอบ้างก็ได้และหลังจากนั้นก็เขี่ยพวกเราทิ้งไปให้พ้นทาง”
“เฮ่!...สมัยนี้ยังมีระบบคลุมถุงชนอีกเรอะ?”
“.................................................”
(ไม่ขำแฮะ?)
“ผมไม่โอเคหรอกนะถ้าจะต้องไปแต่งงานกับใครไม่รู้...เคยรักเคยชอบมาก่อนรึก็เปล่า”
“เกิดฝ่ายนั้นสวยกว่าสากับพี่กุนล่ะ?...อ้อ!!...และก็ร่ำรวยแถมช่างเอาอกเอาใจเหมือนน้องอ้อยด้วย”
“สาอย่าหมิ่นน้ำใจผม!!!”
“แต่...”
“กลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองไปตั้งแต่เมื่อไหร่?...สาที่ผมรู้จักไม่ใช่คนอ่อนแอยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้!!!”
“ก็สากลัวว่าคุณศรมรกตจะพรากบอลไป...”
“ถ้า ผมไม่เต็มใจซะอย่างก็ทำอะไรไม่ได้...แม้ป้าเอ็มเคยพูดไว้ว่าจะสนับสนุนให้ผม ขึ้นเป็นนายใหญ่ของโยนกจัตุรัสแต่ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะสลักสำคัญอะไรเลย”
“จริงเหรอ?”
“อยู่ เช่นทุกวันนี้ก็ถือว่ามีความสุขตามอัตภาพแล้วจะไปดิ้นรนตะเกียกตะกายให้ เหนื่อยหน่ายใจไปทำไมกัน?...อีกอย่างบอลตัดขาดจากที่นั่นเป็นสิบปีป่านนี้คง จะถูกตัดหางปล่อยวัดเรียบร้อยไปนานแล้ว”
“.................................................”
“ถึง ปัจจุบันจะไม่มีแม่ภรณ์แต่ก็ยังมีแม่กวางที่รักผมเหมือนลูกในไส้แถมยังยกลูก สาวให้ตั้งสองคนและก็มีน้องสาวที่น่ารักอย่างน้องอ้อย...ผมมีข้าวกินมีที่ อาศัยซุกหัวนอนกับมีโอกาสได้เรียนหนังสือแล้วยังจะไปดิ้นรนต้องการอะไรอีก ล่ะ?”
“.................................................”
“ถ้าป้าเอ็มหวังจะให้ผมรับตำแหน่งผู้นำตระกูลก็ต้องยอมรับคนรักของผมด้วย...ไม่อย่างงั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก”
(เพล้ง!!!)
“ขอ...ขอประทานโทษครับ!!!...แก้วแตกซะได้...เดี๋ยวกระผมจะชดใช้ให้นะครับ”
...ผมกับสาสะดุ้งเฮือกพร้อมๆกัน...เพิ่งจะได้ยินเสียงจากข้างหลังนะเนี่ยแต่ไม่ใช่เสียงคุย...
(นึกว่าหล่นลงพื้นที่แท้แก้วมันแตกบนโต๊ะ!?)
“บอล...”
“ดูซิ~~...กังวลมากซะจนหน้าเง้าหน้างอดหมดสวยเลยเนี่ย?”
“ตาบ้า!!”
...สาพอยิ้มออกได้บ้างแต่ผมจะคุยเรื่องนี้กับป้าเอ็มแน่นอนเพราะไม่อยากให้มันค้างคาใจกันอีกต่อไป...
“เออ--...แล้วบอลจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ลำพูนพรุ่งนี้ใช่มั้ย?”
“...ก็นะ...ถ้าไม่ไปเดี๋ยวมันจะเสียน้ำใจแย่”
...ความ จริงไม่ได้ไปหรอกแต่เพราะป้าเอ็มสั่งผมจึงจำต้องโกหกรวมถึงคืนนี้ที่จะไป ร่วมงานเลี้ยงที่โรงแรมก็บอกไม่ได้...ยกโทษให้ผมด้วยนะสุดที่รัก...
“อย่ามัวเที่ยวเพลินจนลืมกลับบ้านเพราะไปหลงเสน่ห์สาวเหนือซะล่ะ?”
“โถ~~...ใครจะลืมเมียตัวเองได้ลง?...โดยเฉพาะ...”
“ทะลึ่ง~~...กล้ามากไปแล้ว!!”
“หยิกเจ็บจัง~~”
“สมน้ำหน้าย่ะ!!...ใครใช้ให้ถือวิสาสะมาจับนมคนอื่น?”
“จับนิดจับหน่อยทำหวงเดี๋ยวก็พาลงข้างทางซะเลย...แหม่!!”
“ยังอีก~~...เอ๊ะ!!...ก้อยโทรมา...บอลไปจ่ายตังค์สิจะได้กลับบ้าน”
“ได้ๆ...เท่าไหร่ครับป้า?”
“... 35 จ้ะ”
“หา!?...สองจานบวกไข่ดาว...น้ำอัดลมอีกสองขวดนะครับ?”
“นั่นแหละ...พ่อหนุ่มจ่ายแค่สามสิบห้าเพราะที่เหลือมีคนจ่ายให้แล้ว”
“ใคร?”
“ก็ที่นั่งรถเบนซ์ออกไปเมื่อกี้ไง”
“เฮ่ย!!...ผมไม่รู้จักเค้า”
“แต่ก็จ่ายแทนให้จริงๆ...ป้าไม่ได้โกหก”
“?”
(สองคนนั่นเราไม่เคยรู้จักมักจี่หรือเคยคุยด้วยสักหน่อยแล้วจะเลี้ยงก็เลี้ยงแค่จานเดียว...แปลกมนุษย์!?)
......................................................................................................................

“บอลจะลาหยุดสี่วันสินะ?”
“ครับ...ที่ร้านรับเด็กใหม่เพิ่มขึ้นผมก็เลยขอลาได้โดยไม่กังวล”
“อื้อ!!... ลูกค้าขาประจำมีเยอะขึ้นก็ต้องปรับปรุงร้านให้ใหญ่กว่าเดิมจึงเป็นธรรมดาที่ จะจ้างเด็กเพิ่ม...ต่อไปพี่จะตั้งให้บอลเป็นหัวหน้าพนักงานเลยดีมั้ย?”
“ป้าของผมจะยิ่งฉุนกว่าเก่าน่ะสิครับ”
“ฮะๆๆ...นั่นสิเนอะ...ก็เล่นเอาหลานชายสุดหวงมาใช้งานใครบ้างจะรู้สึกเฉยๆได้?”
...ไม่รู้จะยอมให้ผมทำงานพิเศษได้จนถึงเมื่อไหร่?...
(“เรื่องอะไรต้องไปทำงานเลิกดึกดื่นอดหลับอดนอน?...ป้าไม่ชอบเลย”
“ผมทำงานก็เพื่อหาเงินเรียนหนังสือและจ่ายค่าเช่าห้องพัก...”
“ตาภพมันเลี้ยงลูกยังไงวะเนี่ย?...นี่หลานชายของฉันทั้งคนนะเฟ้ย!!!...เงินทองที่ฝากมาไม่ใช่ว่าเอาแต่ไปลงให้คนอื่นหมดนะ!?”
“.....................................................”
“ถ้า เรื่องเงินน่ะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจสักนิด...ตาหนูอยากได้เท่าไหร่ก็บอก ป้ามาสิจ๊ะ...แล้วไอ้ห้องเล็กเท่ารูหนูนั่นอีก!?...ป้าจะหาซื้อคอนโดหรือ อพาร์ตเม้นส์หรูสักแค่ไหนก็ทำได้...ไม่งั้นก็บ้านเป็นหลังๆเนื้อที่เยอะๆไป เลย!!...คุณชายหกแห่งวิษณุมนตรีไม่สมควรจะต้องไปก้มหัวให้คนอื่นปะหลกๆ...ทำ งานหามรุ่งหามค่ำแลกกับเงินแค่เล็กๆน้อยๆอย่างนี้มันใช้ไม่ได้!!!”)
“......................................................”
“บอล!!”
“......................................................”
“เหม่ออะไร?”
“คะ...ครับ”
“กำลังคิดว่าคืนนี้จะนัดสาวคนไหนดี?”
“มะ...ไม่ใช่หรอกครับ...ผมจะไปหาไอ้เชนต่างหาก...แล้วพี่แก้ว?”
“ก็ว่าต่อจากนี้จะไปดูหนังกับนันเค้าน่ะ”
“งั้นผมไปล่ะครับ”
“จ้ะ”
...ที่ ออกมาก่อนเวลาที่ป้าเอ็มนัดไว้ตั้งเกือบสองชั่วโมงน่ะไม่ใช่อะไรหรอก...คือ กลัวใครๆจะมาหาน่ะสิไม่ว่าสา,อ้อยหรืออาจเป็นบุศกับน้องโบว์...
“นั่น!!!...รีบจนลืมกระเป๋าตังค์เข้าให้...โฮ่ย~~...มาได้เกือบครึ่งทางแม่งต้องกลับไปเอาอีก”
...ไม่มีทางเลือกจึงต้องเลี้ยวรถกลับหอพักแต่มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้เสือกทะลึ่งขับรถมาจอดขวางทางเข้า...
“จอดตรงนี่ก็ได้วะ!!...เดินเอาหน่อย”
...ผมเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าตังค์แล้วจะไปแต่เผอิญเหลือบเห็นห้องของพี่นันเปิดประตูอ้าซ่าไว้และข้างในก็ไม่มีใครอยู่...
“อ้าว!?...ประตูเปิดทิ้งไว้ได้ยังไงกัน?...เดี๋ยวก็มีใครเข้าไปลักของหรอก”
“เห--...จะไปทำอะไรในห้องพี่เหรอ?”
“คือผมเห็นประตูเปิดทิ้งไว้เลยจะ...”
“อ๋อ~~...พี่ไปอาบน้ำ...ห้องนี้ไม่มีอะไรร้อก!!...อย่างมากก็มีชุดชั้นในไว้ให้โจรโรคจิตแอบสอย...อ๊ะ!?”
“!!”
...จู่ๆสาวรุ่นพี่ก็ฉุดผมเข้าห้องและให้ไปซ่อนในตู้เสื้อผ้า...
“มันอะไรครับ?”
“อย่าเพิ่งถาม!!!”
...พี่นันปิดประตูตู้เสื้อผ้าแต่ยังพอเหลือช่องว่างให้ผมแง้มมองความเป็นไปต่างๆฝ่ายพี่แก้วเข้ามาในห้องโดยถือตะกร้าใส่ผักด้วย...
“อาบน้ำเสร็จแล้ว?”
“...แก้วก็ไปอาบสิ”
“จ้า!”
...ว้า วๆๆ...บ๊ะล่ะเฮ้ย!!!...พี่แก้วถอดกางเกงลำลองขาสั้นเผยเนื้อหนังมังสาของวัย สาวและกางเกงชั้นในลายขาว-ชมพูพาดขวางแต่นี่มันน่าดูกว่าทางม้าลายเยอะ... เอ๊ะ!?...นี่ผมคิดมั่วซั่วอะไร?...
“จ้องกันอยู่ได้?”
“อ๋า!!...ฉันก็แค่ชื่นชมว่าแก้วน่ะใจกล้าดี”
“ใจกล้า?”
“คือแบบ...นุ่งกางเกงสั้นจุ๊ดจู๋ออกไปถึงตลาดโน่นน่ะสิ”
“ก็อากาศวันนี้มันอบอ้าวเลยไม่อยากใส่กางเกงขายาว”
...มาตะลึงกันต่อ...โอวววววววววววว~~...นายจ้างของผมออกไปข้างนอกยกทรงก็ไม่ใส่ล่ะเว้ยเฮ้ย!!!...จุกนูนๆ...
“เห็นหน้าอกแก้วทีไรน้อยใจตัวเองทุกที...สมัยม.ต้นฉันโตกว่าแท้ๆแต่กลับชะงักอยู่แค่นี้...เจ้าหน้าอกไม่รักดี!!!”
“คิดมากไปไยเล่า?...หน้าอกก็คือหน้าอก...แค่มียื่นออกมามากกว่าผู้ชายอกสามศอกเขาก็เรียกว่านมแล้วจ้ะ”
“นั่นสิ...มันก็แค่ก้อนเนื้อเท่านั้นแหละเนอะ...ฮะๆๆ”
“ว่าถึงนั่น”
...ไม่ เสียเที่ยวที่ลืมกระเป๋าตังค์แล้วต้องกลับมาเอา...ทรวดทรงองค์เอวของพี่แก้ว กินขาดพี่นันไม่เห็นฝุ่นจริงๆด้วย...จะทั้งส่วนบนหรือส่วนล่างก็จัดว่าพอฟัด พอเหวี่ยงกับสาทีเดียวเชียวโดยในระดับปีสามของคณะเราหากไม่มีพี่แคทสักคนเธอ ก็คงจะเป็นที่หนึ่ง...
(ตอนปีหนึ่งพี่แก้วเคยเป็นเชียร์ลีดซึ่งก็การันตีได้แล้ว)
“หล่อนจะหยิบกางเกงในไปทำไม?”
“เออแฮะ!?...เดี๋ยวมันก็ต้องถอด”
...เพราะ เป็นห้องส่วนตัวและอยู่กับเพื่อนสนิทอีกทั้งไม่คาดคิดว่าจะมีรุ่นน้องผู้ชอบ ดูหญิงสาวโป๊โดยไม่กลัวตาเป็นกุ้งยิงแอบซ่อนในตู้เสื้อผ้าพี่แก้วจึงเดิน เฉิดฉายโชว์เต้ากระเพื่อมไปมาอย่างสบายใจแต่พี่นันซึ่งรู้อะไรเป็นอะไรกลับ ไม่พูดเพียงแต่มองและก็ยิ้มๆเท่านั้น...
“จะคืนดีกับจ๊อดเมื่อไหร่?”
“อย่าเอ่ยถึงตานี่ได้มั้ย?...นึกแล้วเสียอารมณ์!!”
“ขอโทษๆ”
...แต่ ผมกลับต้องร้องขอบคุณในใจเมื่อพี่แก้วหันบั้นท้ายมาทางทิศที่ซ่อนอยู่แล้ว หล่อนก็ย่อตัวถ่างขาออกนิดหนึ่งพลางรูดกางเกงชั้นในลงถึงปลายเท้ารวดเดียว แต่แม้จะมองไม่ค่อยชัดก็ยังดีที่เห็นบั้นท้ายขาวๆและเนินโคกสวาททางด้าน หลัง...พี่นันปรายตามาทางตู้เสื้อผ้าแว่บหนึ่งแล้วทำสีหน้าเหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้น...
“เฮ้อ!!...นี่ถ้าไม่อาบน้ำให้สดชื่นซะก่อนใจฉันไม่สงบแน่”
“เร็วๆเข้า...เห็นนมเธอแล้วเกิดอารมณ์กระสันอยากบีบอยากดูด”
“ย่ะ!!”
...เมื่อพี่แก้วออกไปจากห้องแล้วผมจึงออกจากตู้เสื้อผ้าได้...อูย~~...ข้างในร้อนอบน่าดู...
“ไงไอ้หนุ่ม!!...ของจริงสวยกว่ารูปถ่ายมะ?”
“ผม...ผมไปได้แล้วใช่มั้ย?”
“เชิญ~~...ไม่มีใครมัดเธอไว้สักหน่อยนิแต่หากออกไปก็คงพลาดที่จะได้เห็นอะไรดีๆต่อจากนี้”
“?”
...ผมรู้แจ้งแล้วเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลึกๆของสาวรุ่นพี่ทั้งสองที่คบหากันมาตั้งแต่เรียนมัธยมต้น...
(และบางทีของในตะกร้าที่พี่แก้วเอามาก็อาจจะไว้ใช้สำหรับ...อู~~...แค่คิดก็เสียววาบตั้งแต่ในท้องน้อยไล่ไปถึงปลายจู๋...เอ้ย!!!)
“เอ๊ะ?...ยะ...อย่าครับ!!...เดี๋ยวพี่แก้ว...”
“เฉยๆน่า--”
“ผะ...ผม...โออออออออออออออออ...พี่...พี่นัน”
“......................................................”
“หยุด...เถอะครับพี่...ผมเสียววววววว”
...ไม่ ฟังเสียงทัดทานสักนิด...พี่นันใช้เวลาว่างระหว่างเพื่อนซี้ไปทำกิจส่วนตัวอม รูดดูดควยรุ่นน้องหนุ่มที่จับผลัดจับพลูโดนดึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย...โอ้ ย!!!...หะ...ให้ตายสิ~~...ถ้าควยผมยังถูกลิ้นกับเรียวปากของรุ่นพี่นันทิยา โจมตีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ...อีกไม่เกินห้านาทีรับรองได้เรื่องเต็มปากเต็มคอ เจ้าหล่อนแหงๆ...
(ยิ่งอารมณ์ค้างไม่ได้เย็ดแฟนมาก่อนหน้านี้ด้วย)
“ซีดสสสสสสสสสสส~~”
“เห็นของในตะกร้าหรือเปล่า?”
“มะเขือ...แตงกวา”
“จากนี้แก้วเค้าจะชวนพี่เล่นเสียวกัน”
“ฮ้า!!!!”
(กูว่าแล้ว--...ชวนกันทำเรื่องเสียของ...สมัยนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงหรือไง?)
“พี่ไม่โกหก...อยากดูหรือเปล่าเล่า?”
...รุ่นพี่สาวทั้งสองแอบมีรสนิยมเล่นดนตรีไทยชนิดที่ไม่มีใครจะระแคะระคายล่วงรู้...ผมพักอยู่ห้องข้างๆก็ยังไม่เคยคาดคิด...
“เมื่อคืนแก้วไปค้างกับจ๊อดแล้วเกิดทะเลาะกันเพราะอีตานั่นเสือกไม่สู้...ทีนี้สบโอกาสที่เธอไม่อยู่เลยชวนพี่”
“ทำไมต้องเป็นผม?”
“ก็ชั้นบนสุดนี้มีแค่เราที่เช่าอยู่...ถ้าพวกพี่ทำอะไรกันบอลก็รู้หมดซี่~~”
“ผมไม่ขัดความสุขหรอก”
“แต่เธอจะแอบดูสินะ?...อย่านึกว่าพี่ไม่รู้...แถวๆหลังทีวีนั่นมีรูเจาะไว้”
“ผมไม่ได้ทำ”
“จะใครก็ช่างเอาไว้ทีหลัง...ตกลงจะอยู่หรือไม่อยู่?”
“...มาถึงขั้นนี้แล้วถ้าผมออกไปก็โง่เต็มทน”
“ว่าแล้วไงอีตาลามกนี่!!!...คงอยากล่อหียัยแก้วด้วยล่ะสิ?”
“ผมไม่ขอปิดบังว่าอยากแต่พี่เขาจะยอมหรือครับ?”
“งั้น...พี่ จะช่วยสร้างโอกาสให้แล้วก็ขึ้นอยู่กับบอลล่ะแต่ยังไงเปอร์เซ็นต์สำเร็จมันมี มากกว่าล้มเหลวแน่เพราะแก้วก็แอบสนใจบอลอยู่แล้ว”
“....................................................”
“ฉะนั้นโดนควยเข้าไปทีนึงแล้วมีรึจะไม่ร้องเอาอีกๆแถมถ้าหยุดกลางคันน่ะแหละบอลจะถูกด่าอีกต่างหาก”
“ผมต้องทำยังไงบ้าง?”
“แล้วจะได้รู้เอง...กำไรทั้งคู่เห็นๆไม่ต้องกังวลเพราะฉันก็อยากแกล้งดัดนิสัยคนปากไม่ตรงกับใจอย่างยัยแก้วด้วย”
“....................................................”
“เอ้าๆ...ซ่อนตัวและคอยดูให้ดีว่าพี่แก้วของเธอที่ภายนอกดูหงิมๆติ๋มๆแต่ภายในน่ะร้อนแรงมากมายขนาดไหน”
...นาย จ้างสาวเข้าห้องมาแล้ว...เธอคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเวลานี้หล่อนกำลังทำให้ ลูกจ้างหนุ่มวัยกลัดมันเกิดอารมณ์ทางเพศ...แม้จะรู้ว่ามันไม่สมควรแต่ผมอดใจ ไม่ไหวแล้วยิ่งพลาดไม่ได้เย็ดสามาก่อนหน้านี้ความอยากก็ยิ่งทวีมีมากขึ้นนับ ไม่รู้กี่เท่า...
(เกือบลืม...ต้องปิดมือถือก่อนเพราะไม่งั้นเสียแผนแน่และโชคดีนะที่ตอนแอบครั้งแรกไม่มีใครโทรเข้ามา)
.....................................................................................

“จ๊อดเขาเครียดอะไรนักหนา?”
“...เรื่องที่ร้าน”
“ก็...กำลังไปได้สวยไม่ใช่เรอะ?”
“แต่ตานี่ชอบคิดมากจนเกินเหตุ...อย่าไปสนเลย”
“สนเรื่องของเราดีกว่าใช่มั้ยจ๊ะ?”
“อืม...ช่วยปลดเปลื้องความอยากให้ที...เมื่อคืนแก้วไม่มีความสุขเลยสักนิด”
“ผิดกับนัน”
“ใช่ซี่~~...หล่อนได้ขึ้นเตียงกับลูกน้องฉันสมใจอยากแล้วนี่!!!”
“แก้วรู้?”
“อย่าดูถูกกันนัก”
“งั้นเธอไม่อยากให้บอลช่วยปลดปล่อยบ้างเหรอ?”
“แฟนกับบรรดากิ๊กของเขามีตั้งเยอะตั้งแยะแล้วจะมาสนใจอะไรฉัน?”
“มันก็ไม่แน่...บางทีบอลอาจจะแอบมองๆเธออยู่เหมือนกัน”
(ใช่แล้ว!!!...อยู่ใกล้ๆแค่ปลายจมูกนี่เองแหละครับ)
“หากแก้วเผยเจตนาให้นายคนนี้ได้รู้ล่ะก็...ไม่พลาดแน่”
“พูดง่ายๆคือให้ท่าอ่อยเหยื่อ?”
“ประมาณนั้น”
“...เพื่อนเราหลายคนในห้องก็ท่าทางจะใช้วิธีที่นันบอก...ลองสังเกตดูดีๆสิว่าพวกที่ยังไม่มีแฟนน่ะอยากแอบกิ๊กกับบอลทั้งนั้น”
“งั้นนันก็โชคดีสุดๆที่ได้ล่วงหน้าไปก่อนใคร...เหอๆ”
“ย่ะ”
“มะ...มาเริ่มเลยดีกว่า”
“อื้อ!!”
...สาว รุ่นพี่ทั้งสองของผมต่างปลดผ้าขนหนูที่ห่อหุ้มร่างกายตัวเองแล้วเริ่มต้นหอม แก้มกับซุกไซ้ไปตามซอกคอของกันและกัน...ผมขนลุกซู่ทั้งตัวหัวใจเต้นแรงแทบ ระเบิดแข้งขาก็สั่นพั่บๆควบคุมไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นพี่แก้วกับพี่นันทำอะไร อย่างนี้มาก่อน...
“แก้วเนี่ยเนื้อนุ้มนุ่ม”
“แหม~~...นันก็ด้วยแหละตัวงี้หอมกรุ่น...ไม่เหมือนผู้ชายเนอะ?...แข็งกระด้างแถมหยาบกร้านด้วย”
“อ๊าาาาาาาาา...ดี...ดีมาก”
“เธอก็เกิดอารมณ์ไว้จังแฮะ”
“อื๊อออออ!!...อืออออออออออออออ”
“งั้นเดี๋ยวได้สนุกแน่”
“ใช่--...สนุก”
.............................................................................................

เกร็ดที่น่ารู้เกี่ยวกับสาวน้อยศรมุกดา
*เอกลักษณ์ อีกอย่างหนึ่งของศรมุกดาคือจะหลับตาไว้เกือบตลอดเวลาอันเนื่องจากเธอมีปัญหา ในการมองเห็นดังนั้นจึงต้องพกแว่นกันแดดไว้กับตัวยามออกนอกบ้านแต่มันไม่ได้ เป็นอุปสรรคสำหรับการดำรงชีวิตเลยเพราะอย่างไรเธอก็รู้อยู่ดีว่าคนที่อยู่ ตรงหน้าคือใครและมีรูปพรรณสัณฐานยังไงบ้าง(!?)
*ทรงผมบ๊อบของศรมุกดาได้แรงบันดาลใจมาจาก “ศันสนีย์” ตัวละครเด่นในเรื่องจำเลยรักที่ฉายทางช่อง 3
*ศรมุกดาไม่เคยฝึกยุทธศิลป์ยุทธศาสตร์เหมือนลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆเลยฉะนั้นเธอจึงบอบบางอ้อนแอ้นเฉกเช่นผู้หญิงทั่วไป(มั้ง?)
*เกริ่น ไปหลายครั้งแล้วว่าศรมุกดาชอบการ์ตูนโดราเอม่อนเป็นชีวิตจิตใจแต่ที่จริงเธอ ยังอ่านหนังสืออีกแนวหนึ่งคือ “แนวสยองขวัญ” แล้วก็ชอบดูภาพภูตผีปิศาจมากๆด้วย(?)
..............................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น