หน้าเว็บ

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 24

ตราบเท่าที่ยังมีชีวิต ตอนที่ 24 “เสน่ห์สาวสุริคุง!?...ผู้ส่งสาสน์แห่งความตาย!!!!”

 “หืม?”
“.......................................”
“.......................................”
“กำลังทำอะไรกันนะ?”
...ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน...ยัยฝนตัวแสบกับพี่แคทต่างสวมชุดคาราเต้กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่...
(จะประลองกันงั้นหรือ?...แล้วเมื่อไหร่จะได้คิดบัญชีกับเจ้าเด็กบ๊องนี่ซะทีวะ?...หนอย~~...ตอนบ่ายทำเราแสบนัก!!!!)
“พี่แน่ใจนะ?”
“อือ--”
“ถือว่าแลกเปลี่ยนวิชาซึ่งกันและกันเพื่อเรียนรู้ซึ่งต่างกับเมื่อวันก่อนที่สถานีรถไฟ...ครั้งนี้วินๆกันทั้ง 2 ฝ่าย”
“เข้ามาเลย!!...พี่พร้อมแล้ว”
“ได้...ฮึ๊บ!!!”
“โอ๊วววววว”
...โอ้โห!!...2 พี่น้องต่างตรงเข้าวัดฝีมือกันชนิดไม่มีใครยอมล่าถอย...พี่แคทชกหมัดใส่บริเวณท้องของฝนแต่ก็ถูกรับได้ด้วยฝ่ามือ...
“3 – 4 - 5...ตั้ง 7 หมัดติดๆกันเลยเหรอ?”
“อุ๊ก!!!...ย้าก~~”
“ฮึ่ม!!!”
...แต่ ก่อนที่จะสาวผู้พี่จะประเคนกำปั้นต่ออีกสาวผู้น้องก็ชิงโดดถอยไปข้างหลัง ราวๆ 7 ก้าวซึ่งเมื่อกี้เธอพลาดท่าถูกชกท้องหมัดหนึ่ง...
“อื้อหือ?...ไม่ออมแรงเลยนะพี่...เอ้า!!!...รับให้ดี--”
“!!!!!!”
(อะ...อะไรกันนั่น!!!!)
“ฮ่าห์~~...เทพธิดาทะยานฟ้า!!!!”
...ไม่ น่าเชื่อ!!!!!...ฝนถอยหลังไปจากเดิมอีก 3 - 4 ก้าวแล้วก็กระโดดลอยตะแคงตัวเข้าไปหาพี่แคทโดยเฉียบพลันซึ่งเท้าทั้ง 2 ของเธอนั้นยังได้สับถีบไปข้างหน้าในกลางอากาศอีกด้วย...หล่อนทำได้ยังไงกัน นะเนี่ย?...แค่โดดถีบธรรมดายังพอทำเนาแต่นี่สับเท้าถีบในช่วงลอยตัวกลาง อากาศแถมระยะทางเกือบ 10 ก้าวเดินนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ใครๆจะทำได้อย่างน้องสาวของผม...
“ฮึ่ยย้าห์!!!!”
...พี่ แคทก็ตั้งท่ารอรับแล้วรัวพายุกำปั้นออกมาตอบโต้การถีบของน้องสาวอย่าง ทันควันจนเส้นผมสะบัดเช่นกัน...เสียงฝ่าเท้ากระแทกกับสันหมัดมันช่างดุเดือด และดังสนั่นเข้าไปในโสตประสาทของผมจริงๆ...
(ร่างกายของพวกเธอทำด้วยเหล็กไหลกันหรือยังไงหว่า?)
“...........................................”
“...........................................”
...หลัง การปะทะกันอย่างรุนแรงทั้งพี่แคทกับฝนต่างก็ผละออกโดยเฉพาะสาวเขี้ยวปิศาจ ที่กลับตัวกลางอากาศก่อนจะเอาเท้าลงสู่พื้นได้อย่างเหมาะเจาะและน่าตื่นตา ตื่นใจมาก...ว่าแต่เคยเล่นกายกรรมมาก่อนหรือไงนะยัยนี่?...
“หมู่มวลยมทูตรึคะ?...ยอดจริงๆ”
“น้องต่างหากเล่า...พี่ชกเกือบ 10 กว่าครั้งได้มั้งถึงจะเอาท่าถีบเทพธิดาทะยานฟ้าของน้องอยู่?...ไม่สิ...ถูกถีบที่ไหล่ทีหนึ่งด้วย”
(ยมทูตจากนรกกับเทพธิดาบนสวรรค์ต่อสู้กัน?)
“งั้น ครั้งนี้ถือว่าเราเสมอกันนะคะเพราะเมื่อสักครู่หนูก็โดนต่อยท้องไปที นึง...เอ--...พอแค่นี้ก่อนดีกว่า...มีหนุ่มหล่อมาแอบดูอยู่แน่ะพี่”
“บอล?”
“ครับ”
“ดูเหมือนเธอจะมีธุระกับฝนนะ...งั้นเชิญตามสบายล่ะกัน”
...พี่ แคทกลับเข้าบ้านไปแล้ว...ฮ่าๆๆ...ทีนี้แหละยัยผีเอ๊ย!!...แน่ๆ...เป็นหมูไม่ กลัวน้ำร้อนด้วยเว้ยเฮ้ย!!!...ยังมายืนยิ้มเผล่ได้หน้าตาเฉยอยู่อีกเร๊ อะ?...
“แหมๆๆ...ทำหน้าเข้มเชียวน๊า~~...นี่จะขอเตือนไว้ก่อน!!...ถ้าคิด ว่าตัวเองถูกฝนแกล้งแล้วคิดจะเอาคืนล่ะก็...นายจงระวังเทพธิดาทะยานฟ้าให้ดี นะเออ--”
(อึ๋ย!!!...แล้วตูจะเอายังไงดีวะเนี่ย?)
...

...นี่ ผมงี่เง่าหรือหน้ามืดตามัวจนหลงลืมมองความเป็นจริงไปแล้วจึงได้เลี่ยงจากมา เฉยๆ?...ก็ทีแรกหมายมั่นปั้นมือจะเอาเรื่องฝนที่แกล้งใช้เสน่ห์สาวเรนโดรจัง (บ้าๆบอๆอะไรก็ไม่รู้)ยั่วยวนซะเกือบเสียผู้เสียคนแต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น คือน้องอ้อยดันมาเห็นจังหวะสำคัญพอดี...
“สรุปคือตัวกูต้องโง่ไปแล้วแน่ๆที่ป่านนี้ก็ยังหลงเชื่อคารมยัยผีนั่น”
...คือแม่สาวหยาดฝนให้เหตุผลว่า...
(นั่น เพราะนายก็อยากจะมีอะไรกับฉัน...ภายใต้ในก้นบึ้งของจิตใจไงล่ะ...ผู้ร้ายปาก แข็งเอ๋ยไหนเคยบอกว่าไม่เคยคิดอะไรกับน้องสาวตัวเอง?...รึจะเถียงล่ะว่าไม่ จริง!!!)
“มันไม่จริงว้อย!!!!”
...เพราะในเมื่อผมมีแฟนเป็นตัวเป็นตน อยู่แล้วตั้ง 3 คน...ว่าแต่...เสน่ห์สาวสุริคุงที่ฝนเตือนไว้เมื่อกี้นี้มันคืออะไร?...จะ เหมือนกับเสน่ห์สาวเรนโดรจังของเจ้าหล่อนหรือเปล่าแล้วก็ยังมี “ผู้ส่งสาสน์แห่งความตาย” อีก?...
“ยังมีการแทงกั๊ก...ถ้าอยากรู้ความ หมายจริงๆก็ให้ไปถามพี่แคทเอาเอง...หึ!!...แต่ยังไงก็ไม่มีทางหลงกลซ้ำสอง แน่นอน!!!...คิดจะร่วมมือปั่นหัวฉันอย่างสนุกสนาน...ไม่มีทาง!!!!”
...อ้อ~~... ถ้าอย่างนี้หมายความว่าพอถัดจากคนน้องก็เป็นคนพี่อย่างงั้นสินะ?...นั่นไง --...เหนือบันไดขั้นบนสุดปรากฏร่างของพี่สาวตาคมผมยาวยืนตระหง่านมองดูด้วย อาการนิ่งสงบ...
“...............................................”
“...............................................”
...ใครๆ คงจะรู้สึกอิจฉาจนขอบตาร้อนผ่าวได้อย่างไม่ยากเย็นคือขอบอกกันตรงๆว่าผมเคย เห็นพี่แคทในสภาพโป๊ๆเปลือยๆออกบ่อยไปแต่ไม่ใช่เพราะความตั้งใจอยากดูของตัว เองนะ...เป็นเจ้าหล่อนต่างหากที่ไม่ค่อยจะระวังเนื้อระวังตัวเรื่องการแต่ง ตัวยามอยู่บ้าน...อีกอย่างเธอคงเห็นเราเป็นน้องเป็นนุ่งจึงไม่ใส่ใจอะไร... ครั้งนี้ก็เช่นกัน...พอผมเดินผ่านญาติผู้พี่สาวสวยไปหล่อนก็ชายตามองตามและ หัวเราะเบาๆ...
“พี่ยิ้มอะไรครับ?”
“เปล่าจ้ะ...แค่รู้สึกสนุกอะไรนิดหน่อย”
“?”
...จะ สนุกอะไรนี่ผมไม่ทราบแต่ดูแต่งตัวเข้า...หลังถอดชุดคาราเต้ก็เปลี่ยนเป็น นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวอวดต้นขาขาวปานหยวกกล้วยอยู่ตรงหน้าผู้ชายโดยไม่เห็นมี ท่าทางเขินอาย...อู~~...บุญตาน้องชายอย่างผมแท้ๆที่มีพี่สาวมานุ่งน้อยห่ม น้อยให้ดู...แต่เดี๋ยวก่อน!!!...อย่าไปสนใจให้มากจะดีกว่าเพราะคุณเธอน่ะ ยิ่งไม่ปกติเหมือนคนอื่นๆแถมเรื่องของอ้อยก็ยังตามรบกวนจิตใจอยู่...
“อือ--...แต่บอลดูท่าทางเหมือนกำลังหงุดหงิดนะ...ใครเรอะ?”
(เข้าใจว่าคงกำลังไปอาบน้ำแต่รู้สึกน้ำเสียงและการพูดการจาจะนุ่มนวลเสนาะหูขึ้น?)
“จะมีใครได้อีกครับ?...นอกจากฝนน้องสาวคนสำคัญของพี่นั่นแหละ”
...ผมพยายามมองต่ำไม่กล้าเงยหัวขึ้น...ดีที่พี่แคทยังสวมกางเกงในด้วย(เห็นขอบตะเข็บแวบๆ)...
“เด็กคนนั้น...เขาทำอะไรให้จ๊ะ?”
“ก็ทำ...”
...บ้า จริงๆ!!!...ก็อย่างที่บอกไปว่านี่มันจะต้องเป็นกับดักที่เจ้าเด็กสาวตาโต เขี้ยวปิศาจขุดล่อไว้และอ้อยก็หลงกลเข้าเต็มเปาเมื่อเธอแสดงอาการไม่พอใจ อย่างเห็นได้ชัด...
“ยะ...ยังไงก็ช่าง...พี่ต้องตักเตือนฝนบ้างนะครับ... ถึงผมจะเป็นลูกพี่ลูกน้องแต่ก็เป็นผู้ชาย...แต่งตัววาบหวิวเดินทอดน่องเอ้อ ระเหยในบ้านอย่างนี้มันไม่งาม”
“อย่าไปคิดมากเลยเพราะเดินในบ้านมันก็ดีกว่านอกบ้านเป็นไหนๆไม่ใช่เหรอ?”
“.............................................”
“แต่...ก็ยังดีกว่าเธอ...”
“?”
“จะถามตรงๆไม่อ้อมค้อม...ก่อนอื่นพี่อยากรู้ว่าน้องขวัญนี่เป็นใครกัน?”
(เฮ่ย!!!!)
...หะ...เหตุใดจู่ๆพี่แคทก็ถามถึงแฟนเจ้าเชนในเวลาเช่นนี้?...
“เอ้า!!...ตอบมาหน่อยซิ”
“เธอ...เป็นเพื่อนสนิทของอ้อยเคยมาที่บ้านนี้ครั้งหนึ่งไงครับ...พี่น่าจะจำได้”
“เคยมาที่บ้าน--...ใช่คนที่ตัวโตกว่าใครเลยใช่มั้ยล่ะ?...เอ--...เธอก็น่ารักดีนะ”
(นะ...น่า รักเรอะ?...อย่าบอกว่าลูกพี่ลูกน้องของเราจะมีรสนิยมชอบเด็กมัธยมด้วยนะแต่ นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าเพราะอะไรเธอจึงเอ่ยถึงน้องขวัญในห้วงเวลาที่พวกเรา เพิ่งไปอยู่ด้วยกันมา?...มันชักจะไม่เข้าทีซะแล้วล่ะ!!!)
“พี่แคท...กรุณาพูดความจริงออกมาซะทีเถอะครับ”
“ความจริงอะไรหรือ?”
“พี่เป็น...เลส...เลสเปี้ยนจริงๆ?”
...คำถามนี้ทำเอาเจ้าหล่อนนิ่งไม่ตอบกลับมา...เอาแต่ยืนยิ้มท้าวเอวพลางสยายผมอยู่นั่นเอง...
“ว่ายังไงครับ?”
“...บอลจะอยากรู้ไปทำไม?”
“ก็ จะได้คอยระวังให้สาไงครับ...กลัวเธอจะถูกพี่หรือฝนใช้กำลังทำเรื่องผิด ธรรมชาติ...นี่ทั้ง 2 คนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?...ดูเหมือนจะเที่ยวถูกใจใครต่อใครไปทั่วแต่ทั้ง หมดนั่นเป็นผู้หญิงนะครับ?”
“เอาล่ะจ้ะ!!...ถ้าพี่เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆและเกิดนึกพิสมัยน้องสาขึ้นมา...เธอจะทำอย่างไร?”
“ผมไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นแน่!!!”
“.........................................”
...พอ ได้ยินดังนี้หญิงสาววัย 22 ในสภาพกึ่งเปลือยก็สืบเท้ามาใกล้และสบตากับผมชนิดห่างกันแค่ลมหายใจ สัมผัส...ภายในจิตใจเริ่มมีความไหวหวั่นไม่ว่าจะเกิดจากกลิ่นหอมดอกราตรีจาก เส้นผมยาวดำขลับ...ดวงตาคู่กลมโต...เรียวจมูกสันโด่ง...ริมฝีปากสีชมพู ธรรมชาติ...หัวไหล่ขาวเนียน...หน้าอกที่ตั้งเด่นชูชันแล้วมีผ้าขนหนูปิด ทับ...
(หือ?...รอยแผลที่ไหล่ขวานั่นมันอะไรกัน?)
“อืม--...น้ำเสียงหนักแน่น...น่าดีใจแทนสา”
“.........................................”
“ก็ไม่เถียงหรอกนะ...มันเป็นความจริงที่พี่น่ะชอบพูดคุยหรืออยู่ใกล้กับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย”
“...พี่แก้วกับพี่นันพูดไม่ผิดเลย”
“ถูกแล้วจ้ะ...ส่วนฝนเองก็ดูจะถูกอกถูกใจหนูอ้อยมากทีเดียว...เธอจะมีความคิดเห็นว่ายังไง?”
...อึ๊ก!!...จะตอบว่าอ้อยก็เป็นแฟนผมด้วยเช่นกันไง...ไม่ได้!!!...เรื่องอะไรจะพูด?...
“เพราะพี่อยากฟังคำตอบจากเธอที่อยู่ในฐานะพี่ชายของหนูอ้อย”
“.........................................”
“.........................................”
“ใน...ใน ฐานะที่ผมมีศักดิ์เป็นพี่ชายของอ้อย...เธอยังเด็กอยู่และยังไม่สนใจเรื่อง รักๆใคร่ๆหรอกครับพี่แคท...แล้วผมก็เชื่อมั่นว่าอ้อยคงไม่มีรสนิยมชอบ ผู้หญิงด้วยกัน”
“ดูเธอจะ...มั่นอกมั่นใจในตัวหนูอ้อยซะเหลือเกินเนาะ?”
...อุ!!!...พูดไปยิ้มไปก็จริงแต่สายตากล้าสู้คนของพี่แคทนี่มันช่างรับมือยากเหลือเกิน...
“ฮึๆ...แต่เรื่องนี้น่ะช่างมันก่อนก็ได้...เธอไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องคุยเลยนา--...พี่ยังสนใจเด็กที่ชื่อขวัญอยู่น่ะ”
(นึกแล้วว่าวิธีนี้ต้องใช้ไม่ได้ผล!!!)
“น้องขวัญเป็นแฟนของเชนเพื่อนผม...พี่จะไปสนใจเรื่องของคนอื่นทำไมครับ?”
“แฟนของเพื่อน--...โอเค!!...ถ้ามันเป็นจริงอย่างเธอพูดแล้วเมื่อคืนนี้...”
“อะ...อะไรนะครับ?”
“คิกๆ...ทำเนียนใช้ได้นี่น้องพี่”
“ผมไปทำเนียนอะไร?”
(เอ๊ะ?...ระ...หรือว่า--)
“พี่ขา~~...ฝนจะซักชุดชั้นในแล้วนะคะ...ตัวที่ใส่อยู่น่ะถอดออกมาซะสิ”
“..........................................”
...หวาดเสียว!!!!...ญาติสาวผู้พี่ถลกผ้าชายผ้าเช็ดตัวขึ้นและถอดกางเกงชั้นในต่อหน้าต่อตาผมโดยพูดไปพร้อมกัน...
“ฮะๆๆ...อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้เรื่องสิจ๊ะ...เมื่อคืนตัวเธอออกไปกับเด็กที่ชื่อขวัญหลังจากกินข้าวที่ร้านอาหาร”
“พี่...พี่รู้ได้ยังไง?”
“........................................”
“อะ...อ๋อ!!!...ที่แท้ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดไปเอง...พี่คอยซุ่มแอบดูผมจริงๆด้วย...ใช่มั้ย?”
“........................................”
...พี่ แคทไม่ตอบแต่ทิ้งกางเกงในสีเหลืองอ่อนลงไปชั้นล่าง...สักพักฝนที่ผลัดนุ่ง ผ้าถุงก็เดินมาหยิบแล้วจากไปซึ่งแสดงว่าต้องรู้กันกับพี่ตัวเองแน่...บัดนี้ หญิงสาวผมยาวแทบจะตัวเปล่าล่อนจ้อนเต็มที...มิน่าถึงไม่ยินดียินร้ายตอนน้อง สาวแต่งตัวโป๊ไปยั่วผมก็เพราะเจ้าตัวทำเป็นแบบอย่างซะเอง...จากนั้นความคิด บางอย่างเพื่อเอาตัวรอดก็ผุดขึ้นในสมอง...
“หึๆๆๆ...อย่างนี้เขาเรียกว่ามีอคติครับ”
“?”
“เรา ก็แค่เจอกันแล้วทักทายตามประสาคนรู้จัก...จากนั้นผมก็ไปส่งเธอที่บ้านเพราะ มันดึกมาก...เด็กผู้หญิงอยู่ตามลำพังมันไม่ค่อยปลอดภัยหรอกนะครับ”
(เจ๋ง!!...หาเหตุแก้ต่างให้ตัวเองได้เจ๋งเป้งไปเลย...งั้นจะรอช้าอยู่ไยรีบสำทับเข้าไปอีกสิ!!!)
“..............................................”
“ในเมื่อผมเป็นผู้ชายก็จะปล่อยให้น้องขวัญกลับบ้านในยามวิกาลตามลำพังคนเดียว...เห็นทีจะไม่ได้”
“..............................................”
“หรือพี่คิดว่าพวกเราจะไปทำเรื่องมิดีมิงามกัน?...นี่น่ะแหละความคิดอคติ!!”
(เงียบไปเลย...ไงเล่า!!!...ดีแต่จ้องจะจับผิดกันดีนักเรอะ?)
“ผมพูดไม่ผิดใช่ไหมครับ?”
...พอได้ฟังดังนี้สาวสวยผมยาวก็ค่อยๆพยักหน้า...แต่...
“ไม่ผิดสักนิดเดียวจ้ะ...แต่อคติเป็นคำตำหนิติเตียน...เธอจงอย่าใช้มันพร่ำเพรื่อดีกว่านะ”
“หา?”
“ประโยค ของพี่มีแค่ว่าเธอออกไปกับเด็กที่ชื่อขวัญหลังจากกินข้าวที่ร้านอาหารเท่า นั้น...ยังไม่บอกสักคำว่าพวกเธอไปทำเรื่องมิดีมิงามกัน...มีตรงไหนบ้าง เหรอ?”
(อึ๊ก!!)
“คุณพ่อของพี่เป็นตำรวจเธอก็รู้ดีและท่านเคยสอนไว้ว่า...คนที่ทำความผิดไว้มักจะพูดมากเกินไปอย่าง...ผิดปกติ”
“พี่แคท!!!!...นี่พี่หาว่า...”
“............................................”
...ผมตรงเข้าคว้าแขนซ้ายของพี่แคทซึ่งเธอก็ไม่ปัดป้องหรือหลบหลีกเลยสักนิดเดียว...
“ฮื่อ--...ร้อนตัวหรือไงเอ่ยถึงได้ลนลานแบบนี้?”
“ไม่ใช่!!...ผมไม่ได้ร้อนตัวอะไรทั้งนั้น!!!”
“...ครั้งนี้จะถือว่าลูกพี่ลูกน้องจับมือถือแขนกันเป็นเรื่องธรรมดานะจ๊ะบอล”
(แต่ที่ผ่านมาไม่กล้าแม้แต่จะแตะเนื้อต้องตัวพี่สาวคนนี้ตรงๆเลย...ก็ทำเอาใจเต้นตึกตักไม่น้อยทีเดียว)
“พี่ ไม่ได้อยู่ในฐานะคนรักของเธอเหมือนกับพี่กุนและน้องสา...ดังนั้นพวกเธอจะ ต้องดีใจอย่างมากแน่ที่ถูกกระทำแบบนี้...ไม่สิ...ผู้หญิงคนอื่นที่มีใจให้ เธอก็คงยินดีเช่นกัน...แล้วเมื่อคืนเธอทำอย่างนี้กับน้องหนูขวัญด้วยใช่ มั้ย?...อ๊ะ!...พี่เจ็บนะ!!”
...ปากบอกเจ็บแต่สีหน้ากลับดูจะไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย...วันนี้พี่แคทยิ้มบ่อยเกินไปจนผิดปกติ...
“ไม่ต้องทำเหมือนว่าตัวเองอ่อนแอจะดูน่ารักกว่านี้ครับเพราะฝีมือคาราเต้ของพี่น่ะน่ากลัวมากแถมหมัดยังหนักกว่าผู้ชายซะอีก”
“งั้นเหรอ?...เธอเคยโดนฉันชกตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะจ๊ะเนี่ย?...จำไม่ได้เลยจ้ะ”
“ฮึ!!”
(ยังจะยิ้มออกได้อีกนะ)
“น่ากลัวจะหลอกแต๊ะอั๋งพี่มากกว่ามั้ง?...หึๆ...อย่างนี้บอลก็เอาไปโม้กับเพื่อนๆได้แล้วสิ”
“ไม่ต้องตีฝีปากกับผมนะ!!!”
“โอ เคๆ...บอลก็กำลังจับแขนพี่อยู่อย่างถนัดมือนิ...งั้นพอจะบอกให้รู้ได้ ไหม?...มีตรงส่วนไหนบ้างล่ะที่บอกว่าหมัดพี่หนักกว่าของผู้ชายน่ะ?”
(จริง ด้วย!!!...ท่อนแขนที่เพรียวบางและเนียนนุ่ม...มือก็เล็กเรียวเหมือนผู้หญิง ทั่วๆไปนี่เองแล้วพี่แคทไปเอาพละกำลังมาจากไหนพลังกำปั้นของเธอถึงได้มี ระดับความรุนแรงที่สูงนัก?)
“...........................................”
...ผมไม่รู้จะพูดโต้ตอบยังไงต่อไปดีแต่จำต้องปล่อยมือซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้...
“เฮ้อ!!...เธอนี่คงจะชอบให้พี่ทำตาดุๆอารมณ์ร้ายๆใส่มากกว่าทำตัวหวานๆน่ารักๆซะล่ะกระมังหึ?...ก็ได้!!!”
“!!!!”
...จู่ๆ ประกายตาของพี่แคทก็ดุดันเข้มขลังขึ้นและสาวเจ้าวัย 22 จัดการสะบัดแขนจนหลุดแล้วตรงเอาเส้นผมอันยาวนั้นเหวี่ยงรัดเข้าที่คอโดย พลัน...เจ้าหล่อนเอาคืนผมแล้ว!!!!...
“อ๊อก!!!!”
“ถ้านี่เป็นการต่อสู้หรือเป็นศัตรู...พี่จับเธอทุ่มหัวโขกพื้นเลือดอาบหมดสติไปนานแล้ว”
“โอ๊ย~~”
“ไง!!!...อยากจะให้พี่ใจร้ายกับเธอมากนักใช่มั้ย?...ตอบมา!!!!”
“ไม่...ครับ”
“............................................”
...การ กระทำของพี่แคทลูกพี่ลูกน้องวัย 22 จัดการข่มผมซะมิดเลยอีกทั้งรอยยิ้มบนใบหน้าก็เลือนหายไปแล้วโดยเวลานี้มีแต่ ความดุดันเด็ดขาดเข้ามาแทนที่...หญิงสาวหมุนตัวไปอยู่ข้างหลังพร้อมคลายเส้น ผมออกจากนั้นก็ยืนกอดอกพูดช้าๆราวกับเมื่อสักครู่เธอไม่ได้ทำอะไรกับผมทั้ง นั้น...
“แล้วเหตุใดทีแรกเธอถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น?”
“ผม...”
...ยังพอจะหาเหตุแก้ตัวให้รอดพ้นข้อสงสัยไปได้...ไม่มีทางยอมจนแต้มง่ายๆหรอกน่า!!!!...
“คือ ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่จะต้องให้ความสำคัญและไม่นึกว่าพี่จะสนใจแต่ขอให้ ทราบไว้เลยนะครับ...น้องขวัญเป็นแฟนของเพื่อนสนิท...ผมไม่เคยมีความคิดอัน สกปรกที่จะแย่งเธอมาเป็นของตัวเองแน่นอน...ผู้หญิงคนอื่นก็เช่นกัน”
“ถ้าเช่นนั้นอีก 15 นาทีเธอไปที่ห้องของพี่...เรายังมีธุระที่จะต้องคุยกันอีก”
...จาก นั้นญาติสาวผู้พี่ก็เดินลงบันไดไป...น้ำเสียงแววตาสีหน้ารวมถึงการพูดกลับมา เป็นพี่แคทคนเดิมอีกครั้งแล้ว...ถ้าเมื่อกี้เป็นเสน่ห์สาวสุริคุงอย่างที่ฝน บอกจริงๆก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าอภิรมย์แต่มันควรจะกังวลใจซะมากกว่า...
"ถ้า พี่เขาทำแบบน้องสาวเมื่อตอนบุกเข้าห้องล่ะก็จะทำยังไงดีเพราะเราสู้เธอไม่ ได้แน่นอน...เอ๊ะ?...หรือคำว่าผู้ส่งสาสน์แห่งความตายมันก็คือ..."
...ในใจของผมตอนนี้เกิดความสับสนคิดกังวลไปต่างๆนาๆเลย...
...........................................................................................................

...ครบ 15 นาทีผมจึงไปที่ห้องของพี่แคทและเข้าไปได้อย่างง่ายดายเพราะบานประตูถูกเปิดอ้ารอไว้แล้ว...
“ขออนุญาตครับ”
...ปลาย เตียงมีเสื้อผ้ากับชุดชั้นในวางอยู่แต่ไม่เห็นเจ้าตัว...ธุระที่หล่อนจะคุย ด้วยคือเรื่องของอ้อยหรือเรื่องอื่นก็ยังไม่แน่ใจแต่ช่างมันเถอะ...ผมชัก เริ่มทำใจแล้วว่าคงจะปิดบังลูกพี่ลูกน้องไปได้อีกไม่นานแต่ก็อยากจะซื้อเวลา ต่อไป...ยังไงซะก็เป็นญาติกันคงไม่ถึงกับขั้นฆ่าแกงให้ตายหรอกน่าและกุนกับ สาก็เคยรับปากว่าจะช่วยอธิบายความจริงให้ทั้ง 2 คนรู้...
“...อยู่ในห้องน้ำรึ?”
“อ๊~~~~~~~า”
“!!!!!!!”
...พี่แคทร้องดังเชียว!!!...เธอกำลังทำอะไรน่ะ?...
(ละ...แล้ว...แล้วก็มีเสียงน้ำไหลตามมาด้วย!!!...ระ...หรือว่า?...มันก็คือ!!!!)
“อ๊ะ!!...ขอโทษนะ...ที่แต่งตัวไม่สุภาพ”
“งั้นผมออกไปก่อน...”
“ไม่เป็นไร...เวลาไม่เคยคอยท่าเพราะฉะนั้นเราจะคุยธุระกันเลย”
“.......................................”
...บอก แต่งตัวไม่สุภาพแต่ญาติสาวผู้พี่ก็ยังอยู่ในสภาพผ้าขนหนูห่อกายก่อนลงนั่ง ไขว่ห้างหวีผมและเสริมสวยที่โต๊ะเครื่องแป้ง...ว่าแต่เสียงของเธอเมื่อกี้ คืออะไรกันแน่?...ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงๆล่ะก็...
(อกุศลจิตจริงๆเลยนะตัวกู!!!...พี่แคทจอมเย็นชาคนนี้เนี่ยนะจะทำอย่างนั้น?)
“ผมขอถามอะไรสักนิด”
“...ว่ามา”
“เมื่อกี้ในห้องน้ำ...พี่ทำอะไรครับ?”
“..........................................”
...มันคันปากจนอดรนทนไม่ไหวเลยโพล่งออกไปแต่ลูกพี่ลูกน้องวัย 22 กลับเสยผมพลางตอบว่า...
“ก็ลองเก็บไปคิดเอาเองสิ...”
(ถ้าให้เดาเอาเองก็ย่อมต้องเป็นเรื่องพรรค์นั้นตามประสาหนุ่มวัยคะนองนั่นแหละ...อุ!!!...เผลอจินตนาการจนเกือบได้เรื่องแล้วไหมล่ะ)
“ช่วยหน่อยซิ”
“ครับ”
“รวบผมให้ที...พี่อยากมัดน่ะ”
(ไหว้วานยัยน้องตัวแสบจะไม่ดีกว่ารึไง?...หืม--...ว่าแต่แก้มไหงถึงแดงเรื่อมากกว่าที่ควรจะเป็นเช่นนี้?)
“.........................................”
“.........................................”
...มือสั่นเล็กน้อยเมื่อได้สัมผัสผมของพี่แคทซึ่งนอกจากจะยาวสลวยแล้วก็ยังนุ่มละมุนมากและที่มิอาจลืมคือกลิ่นหอมของดอกราตรี...
(โอว~~...หอมติดมือเลยนะนี่แต่เมื่อครู่ช่างอันตรายล้นเหลือ...รัดคอเราแทบหายใจไม่ออก)
“บอลก็หวีได้ดีนี่?”
“เพราะสาชอบวานให้ช่วยหวีบ่อยๆครับแต่เพิ่งจะหวีผมยาวๆแบบนี้เป็นครั้งแรก”
...บรรดาแฟนคลับของพี่แคทมีหวังต่อแถวเรียงคิวตื๊บผมเละแน่ถ้ามาเห็นเข้า...
“อย่างนี้เอง...ที่แล้วมาถ้าพี่ไม่ทำเองก็จะให้ฝนช่วย...เด็กคนนั้นเขารู้ดีว่าต้องจัดการยังไงบ้าง”
“............................................”
“เพราะ การสนิทชิดเชื้อจนรู้ใจกันมันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ภายในเวลาอัน สั้น...นอกจากฝนแล้วพี่ก็ไม่ค่อยสนิทกับใครมาก...บอลซะอีกนะที่มีเพื่อน เยอะ...ทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิง”
“อ่า--...ผมพี่หอมดอกราตรีจังเลยนะครับ?”
...ผม รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเพราะชักรู้สึกไม่วางใจซึ่งเธอก็กำลังสบตามอง ผ่านกระจกด้วย...ยังสงสัยเรื่องของน้องขวัญกับน้องอ้อยอยู่แน่ๆ...
“หึ!!...ต่อให้หอมหวนมากกว่านี้อีกนับสิบเท่าก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้พี่”
“ไม่จริงหรอกครับ...ในมหาวิทยาลัยมีแต่คนอยากทำความรู้จักพี่สาวคนนี้ของผมทั้งนั้น...ไม่ว่าจะนักศึกษาหรืออาจารย์หนุ่มๆ”
“นั่นเพราะพวกเขายังไม่รู้จักตัวจริงของฉัน”
“ตัวจริง?”
“ไม่งั้นจะมีคนขนานนามพี่ว่าเป็นผู้ส่งสาสน์แห่งความตายรึ?”
...ใช่แล้ว!!!...ฝนก็พูดไว้ก่อนหน้านี้...ภายใต้ใบหน้าอันงดงามของพี่แคทมันมีความน่าสะพรึงกลัวและโหดเหี้ยมอำมหิตแฝงอยู่...
“ผู้ส่งสาสน์แห่งความตาย?”
...ผม ช่วยหวีและจัดทรงให้พี่แคทเสร็จพอดี...เป็นทรงที่เคยเห็นมาแล้วตอนเธอไปเด ท(?)กับเจ้าเคย์...ทำขมวดสั้นเป็นปมทางด้านหลังและปล่อยปอยผมลงผ่านใบหูทั้ง 2 ข้างยาวประบ่า...
“คำนี้แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Messenger Of Death ส่วนในภาษาไทยถูกเปรียบได้กับยมทูต”
(ผู้ที่จะมารับวิญญาณไปยมโลกหลังจากเราตายน่ะรึ?)
“แต่ผมว่าพี่คงจะเป็นยมทูตที่สวยที่สุดแน่ๆ”
“นี่ชมหรืออะไร?”
“ก็ต้องชมสิครับ”
...หญิงสาวจึงยิ้มออกแต่ก็ไม่ถึงกับมากมายอะไรนัก...
“ยมทูตที่สวยที่สุด?...ขอบใจ...นานมากทีเดียวนะที่นอกจากฝนก็ไม่มีใครชมพี่แบบนี้...ตั้งแต่แฟนพี่เสียชีวิตไป”
“แฟน...”
“คิดว่า...เธอก็คงรู้อดีตของฉันมาจากพี่กุนบ้างแล้ว?”
...บัด นี้เรื่องที่พี่แคทเคยมีแฟนไม่ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่นัก...เขาเป็นตำรวจ หนุ่มจบใหม่ไฟแรงชื่อ “สันต์ ไสวกิ่ง” และได้เสียชีวิตไปในการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดเมื่อราวๆ 5 ปีก่อน...
“คุณสันต์นับเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมาก”
“หือ?...หยุดก่อนตรงนี้...ในความหมายของบอล...เขายอดเยี่ยมยังไง?”
“คือเขาจะต้องนิสัยดี...หน้าตาก็หล่อสุดๆและเอาอกเอาใจเก่งมากๆถึงได้จีบพี่ติด”
“...ผิดถนัด”
“?”
...ญาติสาวผู้พี่รีบสะบัดมือพั่บๆๆ...
“ตรงกันข้ามเลยต่างหาก...เขาน่ะทั้งขี้อายแล้วก็เอาใจผู้หญิงไม่เก่ง...นิสัยพื้นๆหน้าตาก็ธรรมดาๆ”
“หา?”
“แทบ จะไม่เคยชวนพี่ไปเที่ยวไหนด้วย...วันๆเอาแต่ทำงานแล้วก็ฝึกคาราเต้...ไม่ ค่อยเอาใจใส่เรื่องการกินการอยู่ของตัวเอง...การแต่งเนื้อแต่งตัวก็สุดแสนจะ เห่ยอีกต่างหาก...อ้อ!!...ที่พอจะมีดีอวดชาวบ้านได้ก็เฉพาะคาราเต้เท่านั้น แหละมั้งที่พี่กับฝนไม่เคยเอาชนะเขาได้สักที...ปัจจุบันนี้ต่อให้ยังมีชีวิต อยู่...พี่ก็คงแพ้อีกนั่นแหละ”
...ถ้าแค่เก่งการต่อสู้แล้วจะมัดใจพี่สาวจอมเย็นชาได้ยังไงกันล่ะ?...
“ใช่ๆ...มีอยู่วันหนึ่งตานั่นก็ยื่นแหวนให้แล้วขอคบกับพี่แต่ไม่ทันจะรอฟังคำตอบก็วิ่งหนีไปซะดื้อๆ...ไม่ไหวเอาซะเลย...แต่...”
“............................................”
“เขา สามารถเอาชนะใจพี่เพราะความดีในตนเอง...พี่รักเขามากถึงขนาดยอมสวมแหวนที่ ได้รับมาไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายเป็นการตอบรับหมั้นโดยไม่ขออนุญาตคุณพ่อกับ คุณแม่”
“โอ้โห!!!!”
(ถึงขั้นมอบแหวนตีตราจองหมั้นหมายกันเชียวหรือ?...เหมือนกับเราเลยนี่หว่า)
“บอลว่ามันน่าตลกดีมั้ยล่ะที่ทีแรกพี่กับฝนนั้นทั้งหมั่นไส้แล้วก็ชังน้ำหน้าคนๆนี้?...มีโอกาสก็จะร่วมมือกันหาเรื่องกลั่นแกล้ง”
“............................................”
“แต่ไปๆมาๆพี่กลับไปหลงชอบได้ซะนี่...ฝนเองก็ติดเขามากจนเรียกพี่เขยทุกครั้ง”
“เหมือนกับเราชอบแกล้งคนที่แอบชอบอยู่ในใจไงครับ”
“อื้อ!!”
...ฟัง มาถึงตรงนี้ใครอื่นจะคิดยังไงผมไม่ทราบแต่สำหรับส่วนตัวแล้วคุณสันต์นี่แหละ ครับสุดยอดลูกผู้ชายตัวจริงเพราะเขาสามารถทำให้พี่แคทกับฝนละพยศและยอมรับ ได้ถึงขนาดนี้...เสียดายที่อายุสั้น...
“แล้ว...แผลที่ไหล่ขวาของพี่?”
“นี่เรอะ?...มันก็คือแผลแห่งความภาคภูมิใจที่ได้ปกป้องสิ่งที่พี่มอบให้เพื่อตอบแทนความรักของเขาไง”
“ผมรู้สึกเสียใจที่พี่ต้องสูญเสียคนอันเป็นที่รักยิ่ง”
...ความ รักครั้งแรกในชีวิตมันมีอานุภาพมาก...เข้าใจได้ดีขึ้นเยอะเลยว่าทำไมพี่แค ทถึงไม่ยอมคบกับผู้ชายคนไหนอีกซึ่งสำหรับเธอคุณสันต์นับเป็นชายผู้เลิศเลอ สูงค่าอย่างที่สุดแล้ว...
“ใช่...การสูญเสียบุคคลหรือสิ่งของที่ตนรักและ หวงแหนมันย่อมนำมาถึงความเศร้าโศก...ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาพี่จึงไม่ปลงใจกับผู้ชายคนไหนอีก...ความรักครั้งใหม่ก็ไม่เคยคิด เสาะแสวงหา...สำหรับพี่มันคงพอแล้วล่ะ”
“.........................................”
“อีก อย่างพี่ไม่ใช่คนที่จะลืมใครได้ง่ายๆ...หลังจากนั้นส่วนใหญ่ของผู้ชายที่ เข้ามาทำความรู้จักก็จะรู้สึกเฉยๆกับออกไปทางเกลียดมากกว่า”
...เลยอาจมีแววหันเหไปสนใจผู้หญิงด้วยกันแทนซะงั้น(หรือเปล่า?)...
“ช่วงเวลาที่คบกับคุณสันต์...หึงเขาบ้างมั้ยครับ?”
...พี่แคทฟังคำถามแล้วก็มีสีหน้าเบื่อหน่ายถอนหายใจพลางตอบว่า...
“ไม่...จะหึงไปทำไม?”
“อ้าว!?...อย่างมีสาวอื่นมาติดพันน่ะครับ”
“ตานั่นไม่เคยมีหญิงมาจีบอีกอย่างเขาก็รักเดียวใจเดียวไม่มีใครคนอื่นนอกจากพี่”
(นั่นคงเพราะลูกพี่ลูกน้องของเราสุดยอดที่สุดไงล่ะ...ถ้าเฉพาะรูปร่างหน้าตาน่ะนะ)
“น่าเบื่อออกนะ...การหึงหวงกันไปมาเนี่ย...นอกจากจะไม่ทำให้มีความสุขใจแล้วยังกลายเป็นคนไร้เหตุผลอีก”
“ก็มันเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดีว่าเรามีความรักและแคร์เขาหรือเธอคนนั้นไงครับ”
“งั้นรึ?...แต่ฉันเชื่อถือในความคิดของตัวเองอย่างนี้มานานมากแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย”
“..............................................”
...นับเป็นคนมีความเป็นตัวของตัวเองสูงไม่ยอมให้ใครมาชี้นำได้ง่ายๆ...
“คนอื่นอยากจะโต้แย้งก็เชิญแต่ชีวิตพี่เจอมาอย่างนี้ก็จะเชื่ออย่างนี้...บอลเองก็คงจะหึงหวงพี่กุนกับสาล่ะสิ?”
“แน่นอนครับ...โดยเฉพาะสา”
“ทำไม?”
“สำหรับ กุนผมไว้ใจเธอและมีป้าศรีคอยดูแลอยู่...ดังนั้นจึงไม่มีทางมีผู้ชายอื่นนอก จากผมแน่แต่สาเธอมีเพื่อนผู้ชายเยอะ...ผมเลยรู้สึกกังวลใจ”
“หึๆ...เชื่อใจแฟนของตัวเองเข้าไว้เถอะน่า”
“ครับ”
“แล้วหนูอ้อยเล่า?”
(เอาแล้ว!!...ไปๆมาๆก็วกมาที่อ้อยจนได้)
“ฉันหมายถึงในฐานะพี่ชายกับน้องสาว...อย่าเข้าใจเป็นอื่น”
“ไม่ใช้คำว่าหึงแต่เป็นห่วงหรอกครับ...อ้อยยังไม่ถึงเวลาที่จะคบหาเป็นแฟนกับใครแต่ถ้าเพื่อนน่ะไม่เป็นไร”
“...........................................”
“และเธอจะคบกับใครก็ต้องบอกผมก่อนอยู่แล้วเพราะผมเป็นพี่ชายของเธอครับ”
“อืม--... ในเมื่อเธอยังยืนยันว่าอ้อยมีศักดิ์เป็นน้องสาวคนหนึ่งแล้วพี่จะไปซักไซ้ไล่ เรียงให้มันได้อะไรขึ้นมาหรือ?...ฉะนั้นจะไม่มีคำถามนี้หลุดออกมาจากปากพี่ อีกต่อไป...เด็กที่ชื่อขวัญก็ด้วย...พี่จะไม่ถามอะไรอีก”
(ก็ดีน่ะสิแต่ยังไงต่อไปเราสมควรต้องจะระมัดระวังในการกระทำอย่างเข้มงวดด้วย)
“บอกตรงๆว่าพี่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเธอ 2 คนมาโดยตลอดแต่ในเมื่อบอลยืนยันหนักแน่นเช่นนั้น...พี่จะเชื่อ”
...เรื่องนี้เคลียร์ได้ซะทีซึ่งไม่รู้ว่าจะเชื่อจริงหรือไม่แต่ก็น่าจะดีกว่าบอกว่าไม่เชื่อนะ...
“ฝนล่ะครับ?”
“นั่นเขาชอบสงสัยอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่แล้ว...ตัวเธอก็จงพิสูจน์ให้เห็นสิว่าไม่ได้เป็นไปตามที่เด็กคนนั้นคิด”
...ด้วย การเลิกคบหากับอ้อยน่ะรึ?...ไม่มีทาง!!!...ผมไม่มีทางทำได้แน่ๆ...ให้ตาย สิ~~...มันต้องมีหนทางให้ผมเลือกเดินหลงเหลืออยู่สิน่า...
“อ้อ!!...แล้วธุระที่เรียกมาคุยถึงในนี้ก็คือฉันรู้มาว่าเธอเถียงกับฝนเรื่องไม่พาพี่กุนและน้องสาไปบ้านโยนกอุดร”
“ใช่แล้วครับ!!...ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกลับไปที่นั่นเพราะผมไม่เคยมีความทรงจำที่ดีด้วยเลยแม้แต่วินาทีเดียว”
...พี่น้องคู่นี้มีการคอนเน็คกันตลอดจริงๆด้วย...ประมาณว่าแม้จะแยกกันอยู่แต่ก็รวมกันตีสินะ...
“แต่ฝนน่ะตรงกันข้ามเลย...อย่างนิทานที่เล่าก็มีที่มาจากโยนกอุดรนั่นแหละ”
“จะบอกว่าเด็ก 3 คนนั้นคือผม,พี่แคทและก็ฝนใช่มั้ยครับ?”
“.........................................”
“งั้น ต้องขอโทษด้วยที่ผมจดจำมันไม่ได้เลยสักนิด...เมื่อหลายปีก่อนคุณหมอเคยบอก กับคุณพ่อไว้ว่าจากแรงช็อคที่คุณแม่เสียชีวิตไปทำให้ผมสูญเสียความทรงจำ ตอนอยู่ที่โยนกอุดรไปจนเกือบหมด...เรื่องราวความสนุกสนานต่างๆที่อาจจะเคย เกิดขึ้นกับผมครั้งยังเด็ก...ในหัวสมองตอนนี้มันว่างเปล่าทั้งหมดเลยครับ”
“แรงช็อค?...เรอะ...แต่ถ้าเธอกลับไปพบสภาพแวดล้อมเก่าๆที่คุ้นเคย...ความทรงจำก็อาจฟื้นคืนมาได้บ้างนะ?”
“พอ เถอะพี่ครับ!!!...ผมไม่อยากจะจดจำเรื่องราวในอดีตอีก...มันโหดร้ายกับผมมาก พอแล้ว...ความทรงจำทั้งหมดนั่นให้มันสูญสลายไปตลอดกาลได้ยิ่งดี...ผมจะทำ ปัจจุบันให้ดีที่สุดอย่างไม่หวนระลึกถึงอดีตแห่งความเลวร้ายอีกต่อไป”
...นี่ พยายามสะกดอารมณ์สุดๆแล้วนะ...ถ้าเป็นคนอื่นก็จะด่าอย่างไม่ไว้หน้าเลย...มี อย่างที่ไหนจะให้กลับไปพบหน้าฆาตกรที่ฆ่าแม่ตัวเอง...
(เผอิญคนตรงหน้าเป็นจอมหมัด...ขืนเผลอทำอะไรไม่เข้าท่ามีหวังเจ็บตัวเอาง่ายๆแต่ตอนนี้ในใจก็เดือดเชียวล่ะ)
“อย่าง นั้นหรือ?...ความตั้งใจของเธอนี่ช่างแน่วแน่นัก...ดื้อรั้น...เย่อหยิ่งใน ศักดิ์ศรี...ไม่รับฟังคำสั่งจากใคร...สมแล้วที่เป็นคนในตระกูลวิษณุมนตรี เช่นเดียวกับฉัน...มีสายเลือดเดียวกับฉัน...เป็นน้องของฉัน”
“พี่!!!”
“ออกไปซะ...กลับไปทบทวนตัวเองใหม่และจากนั้นฉันจะขอฟังคำตอบอีกครั้ง”
...ทบทวนว่าจะกลับบ้านอุดรรึ?...ยังไงคำตอบก็เหมือนเดิมแหละน่า...
“........................................”
“........................................”
...จู่ๆ หญิงสาวก็พลันยุติการเคลื่อนไหวทุกอย่างโดยแม้แต่ปลายนิ้วก็ยังไม่ขยับ เขยื้อนสักนิดราวกับหุ่นยนต์ที่ไร้ซึ่งพลังงานส่วนริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ทั้งบนล่างนั้นก็หาได้เผยอขยับเพื่อเอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆออกมาอีกสุดท้ายที่ นัยน์ตาทั้งสองข้างก็ค่อยๆหรี่ลงจนแทบจะปิดสนิท...สรุปญาติสาวผู้พี่อยู่ใน ท่าอิริยาบถหลังมือท้าวศีรษะนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานานเอาการทีเดียว...
“คำตอบของผมยังเหมือนเดิม...ไม่ต้องรอหรอกครับ”
“...........................................”
“ไม่ เข้าใจเลยจริงๆนะ...ทำไมฝนกับพี่ถึงพยายามโน้มน้าวให้ผมกลับไปโยนกอุดร นัก?...ทั้ง 2 คนเคยรู้บ้างมั้ยว่าผมปลาบปลื้มดีใจแค่ไหนที่หลีกหนีออกมาจากที่นั่น ได้?...มันคือนรกบนดินโดยแท้จริง”
“...........................................”
“ไม่ต้องทำเป็นเงียบเลยครับ!!!”
...จะเข้าไปจับตัวหญิงสาวก็ต้องชะงักเพราะดวงตาของเธอยังไม่ปิดสนิทอีกทั้งไม่ได้หลับด้วย...
“ตะ...ต่อให้พี่พยายามมากสักแค่ไหนหรือจะใช้กำลังบังคับ...ผมก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่นอน”
“...........................................”
(ไม่มีการตอบสนองแม้แต่ส่วนที่เป็นตาดำก็ยังหยุดนิ่งอยู่กับที่...อย่างกับในตัวหล่อนตอนนี้ไร้ซึ่งดวงวิญญาณสิงสถิติยังไงยังงั้น)
“เอ่อ...”
“...........................................”
“ผม...ผมไปก่อนล่ะ”
“...........................................”
...ตั้งแต่เปิดเทอมใหม่มานี่ตัวผมเองมีความรู้สึกว่าท่าทีของสองพี่น้องชักเริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ยังไงนี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน...
“ฝน อยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้นซึ่งบางทีไปที่ไหนๆก็จะได้เจอราวกับชะตาชักนำส่วนพี่ แคทก็ดูจะลดความเย็นชาลง...คือเมื่อก่อนมักแสดงสีหน้าไม่ยี่หระมองด้วยหางตา พลางพูดจาห้วนๆว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรู้...ถามคำตอบคำ”
(ในช่วงปิดภาคเรียนที่ผ่านมามันมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างนะ?)
...ขณะที่กำลังสงสัยแม่ตัวต้นเหตุก็โผล่หน้าเข้ามา...
“โฮะ!!...อย่าไปเผลอหลงรักเข้าล่ะ”
“ฉันจะไปหลงใครกันมิทราบฟะยัยผี?”
“ก็พี่สาวของฝนไงเล่าเคอะ”
“เพ้อเจ้อ!!!”
“นั่นน่ะซี่ๆ...ก็นายมีน้องอ้อยอยู่ทั้งคนนิ...หวะ!!...จะพาฉันไปไหนน่ะ?”
“มานี่เลยมานี่!!!...เลิกทำหน้าเป็นลิงหลอกเจ้าแล้วก็ไขหูฟังซะ”
“งื่อ!!...เสียมารยาทนัก...ฉุดกระชากลากถูผู้หญิงอ่อนแอ”
“หล่อนน่ะมันอ่อนแอตรงไหนฟะเนี่ย?”
...จะไม่เถียงล่ะว่างานนี้ทั้งยื้อยุดฉุดลากแต่สุดท้ายฝนก็ยอมตามมาฟังผมอธิบายตั้งแต่ต้นจนจบโดยดี...
“โฮ่~~...ขอบใจที่ช่วยอธิบายให้ฟังแต่จะเชื่อหรือไม่มันก็แล้วแต่ฝน”
“ขนาดพี่แคทยังเชื่อฉัน...”
“ก็เรื่องของ...จริงด้วย!!...ฉันมีธุระกับพี่นี่นา”
...ภายในห้อง...สาวเจ้ายังนั่งไขว่ห้างหลังมือยันศีรษะและทำกิริยาหรี่ตาคล้ายจะหลับเหมือนเดิมทุกประการ...
“เป็นอะไรไปน่ะ?...นิ่งตลอดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“ฮืม--...สำหรับฝนนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก...เวลาอยู่คนเดียวพี่เค้าจะเป็นแบบนั้นเสมอแหละ”
“เสมอเลยเหรอ?”
“อื้ม!!... เธอมักจะทำแบบนี้เวลาปลีกตัวอยู่เงียบๆคนเดียวเพื่อชำระจิตใจคิดพินิจตรึก ตรองและทบทวนการกระทำที่ผ่านมาทั้งหมดของตัวเอง...บางทีกินเวลานานนับ ชั่วโมงเชียวนะ”
(ทีแรกก็นึกว่าหล่อนแกล้งทำเฉยเพราะไม่อยากรับรู้การตัดสินใจของเราที่จะไม่กลับไปโยนกอุดร)
“มี สมาธิเป็นเลิศมาก...โดยระหว่างนี้ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็จะไม่รับฟังหรือตอบ อะไรหรอก...จิตใจตั้งมั่นอยู่แต่ในห้วงความคิดของตัวเองเท่านั้น...บางที เหมือนกับว่าได้ตายไปแล้ว”
“พูดเกินไป”
“เธอไม่ใช่คนทำอะไรโดยขาด สติ...ต้องคิดให้รอบคอบก่อนเสมอ...ไม่แน่...เวลานี้เธออาจกำลังตัดสินใจใน เรื่องที่สำคัญมากๆทีเดียวและจะผิดพลาดไม่ได้อีกด้วย”
“........................................”
“หรือ ไม่งั้นก็คงจะกำลังระลึกถึงคนรักที่เสียชีวิตไป...อย่างว่า...ความรักไม่ใช่ สิ่งที่จะลืมกันได้ง่ายๆยิ่งโดยเฉพาะผู้หญิงแบบพี่แคทด้วยแล้ว”
...สาวน้อยวัย 18 เอ่ยขณะแก้ปมเส้นผมของบุคคลอันเป็นที่รักให้ปล่อยยาวดังเดิม...
“ปล่อย ผมเถอะนะคะ...แบบนี้สิที่จะช่วยส่งเสริมให้พี่แคทดูสวยและสง่างามยิ่งกว่า ใคร...อีกอย่างพี่เขยก็ชอบผมยาวของพี่มากๆด้วย...เขาเปรียบว่ามันดูสะบัด พลิ้วไหวไปมาเหมือนกับมีชีวิตและวิญญาณ”
“หรือว่าคุณสันต์?”
“อืม!!!...ราวๆ 1 ปีก่อนพี่เขยจะจากพวกเราไปเขาอยากให้พี่ไว้ผมยาวซึ่งเธอก็ทำตามที่ขอ...ไว้มาตลอดไม่เคยตัดสั้นเลย”
...ที่ แท้เหตุผลของการไว้ผมยาวก็เป็นเพราะชายหนุ่มคนรักขอร้องนี่เอง...เหมือนได้ ก้าวเข้าไปใกล้ตัวตนของพี่แคทที่ไม่เคยรู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน...เมื่อใด ที่ดวงตาคู่นั้นถูกเปิดขึ้นเต็มที่อีกครั้ง...ชะตาชีวิตของเจ้าหล่อนและของ คนรอบข้าง(รวมทั้งผม)จะดำเนินไปในทิศทางไหน?...
......................................................................................................................

...จากนั้นอีกเกือบชั่วโมงหลังจากบอลออกจากบ้านไปแล้วฝนก็ยังคอยเฝ้าอยู่ใกล้ๆแคทอย่างไม่ยอมห่างกาย...
“.........................................”
“พี่...”
“.........................................”
“คิดถึงและอาลัยรักพี่เขยอยู่สินะคะ?...น้ำตาถึงไหลออกมาอย่างมิอาจจะยับยั้งได้เช่นนี้”
...ฝนเห็นแล้วอดรำพึงด้วยความสงสารไม่ได้เพราะทราบดีว่าพี่สาวของเธอกำลังระลึกถึงเรื่องราวในอดีตครั้งยังมีความรักอยู่เต็มหัวใจ...
“รวม ทั้งเรื่องที่พวกเราจะต้องกระทำมันคงทำให้พี่ทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส...มันฝืน ความรู้สึกมากเกินไป...แม้พี่จะเป็นคนเข้มแข็งแต่ก็ต้องมีบ้าง...เวลาที่ ต้องการใครสักคนมาช่วยปลอบปะโลมยามเมื่อยามหงอยเหงา”
“น้องร่วม...สายเลือดเอ๋ย~~...เธอคือ...คนเดียว...ที่เข้าใจหัวอกของฉัน”
...หยาด น้ำตายังไม่เหือดแห้งลง...แม้แคทจะเอ่ยคำพูดออกมาแต่ก็เหมือนกับคนที่ไม่มี สติรวมทั้งร่างกายก็ยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ...ฝนนั่งคุกเข่าและจับมือพี่สาวแนบ ถูกับแก้มตัวเองอย่างทนุถนอม...
“ค่ะ...น้องแสนจะภาคภูมิใจเหลือเกินที่ เป็นคนๆนั้น...ความโศกาอาดูรของผู้ส่งสาสน์แห่งความตาย...มีน้องคนเดียวเท่า นั้นที่หยั่งรู้ได้...ไม่เป็นไรค่ะไม่เป็นไร...ยังมีเวลาเหลือมากพอที่พวก เราจะหาหนทางแก้ไขได้นะพี่จ๋า--”
.................................................................................................................

...และอีกด้านหนึ่งของกลุ่มคนลึกลับ...
“ท่าน คะ...อย่างนี้จะดีแล้วหรือ?...ตัวดิฉันแค่ลองจินตนาการดูว่าได้สูญเสียบุคคล อันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับก็รู้สึกหดหู่รันทดใจมาก...ดิฉันสงสาร คุณสุรีย์พรรณเหลือเกิน”
“ตัวเจ้าคิดจะมีบุรุษผู้ใดอยู่ในหัวใจอีกกระนั้นหรือ?...ไหนเจ้าเคยเอ่ยปากว่าจะมีแต่เราเพียงผู้เดียวไงเล่า?”
“ทะ...ท่าน...”
“...เจ้า มิต้องเป็นเดือดเป็นร้อนแทนท่านพี่สุรีย์พรรณให้วุ่นวายไปดอก...เนื่องเพราะ นางเป็นคนจิตใจเข้มแข็งนักจึงหาได้ต้องห่วงกังวลอะไรอีกไม่แลพวกเรายังมี ภารกิจอื่นรอให้สะสางอยู่...เช่นนั้น...ที่นี่ก็พึงยกให้เป็นธุระของน้องนาง หยาดฝนที่จะเป็นผู้จัดการทุกอย่างให้ลุล่วงเถิด”
.............................................................................................................

...ผลพวงจากความเศร้าโศกเมื่อนึกถึงชายคนรักที่ตายจากไปทำให้เหตุการณ์ในตอนหน้ากลายเป็นฝันร้ายของศัตรู!?...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น