หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Chart Sidestory


Chart Sidestory

“ขบวนรถวันนี้มีคนนั่งเยอะกว่าทุกที...ที่เหลือว่างข้างเรากับอีกฝั่งก็น่าจะเป็นของคนที่ขึ้นจากอุตรดิตถ์”
...ผม “ชาติชาย” หนุ่มใหญ่วัยกลางคนประกอบอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์...จากตำรวจชั้นผู้น้อยยศนายสิบแต่ไต่เต้าเพียรพยายามขึ้นมาจนเป็นถึงผู้กองได้ก็นับว่าไม่ใช่ธรรมดาเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นที่จบมาด้วยกัน...
“เข้าอุตรดิตถ์แล้วแม่...รถมันเลทนิดหน่อย...เอ้า!!...มาบ่นกรอกหูแบบนี้มันใช่ความผิดฉันซะเมื่อไหร่?”
“.............................................”
...โธ้~~...แม่บังเกิดเกล้าแท้ๆยังไม่เคยดุว่าถึงขนาดนี้เลย!!...มีการสอนด้วยว่าแล้วทำไมไม่นั่งรถทัวร์กลับจะได้ถึงบ้านเร็วๆ...ก็จะทำไมเล่ายาย(แก่)!!!...อยากนั่งรถไฟน่ะมีอะไรมั้ย?...
(แต่ขืนพูดออกไปสิแล้วจะได้รู้ว่านรกมีจริง...เฮ้อ!!...ให้เราออกไปจับผู้ร้ายปล้นฆ่ายังจะดีกว่าอยู่บ้านฟังเมียบ่นๆๆตั้งเยอะ)
“อีปี้...ตี้นั่งของเฮาอยู่ฮิมตางเดินก๋า?”
(?)
“แม่นละ...คนขายตั๋วเบิ้ลบอกมาจะอั้น...ดูกะ...ขบวนนี้คนนักขะนาดเต็มรถเลยเห็นก่?...มีตี้นั่งว่างก็ดีจ้าดนักละหนา...บ่ยังอั้นเฮาสองคนได้นั่งแกร่วรอรถหวานเย็นปิ๊คกันแน่นอน”
...คู่สามีภรรยาที่เพิ่งลงไปสักครู่ก็มาจากลำปางแถมอู้คำเมืองกันตลอดทาง...ฟังแล้วทำให้เกิดความคิดถึงแดนดินถิ่นมาตุภูมิ...สาวสวยที่เพิ่งขึ้นรถคู่นี้ก็จะต้องเคยอยู่ที่ลำปางมานานอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะคนในพื้นเพนั้นเวลาอู้คำเมืองกันมักจะลงท้ายประโยคด้วยคำว่า “หนา”...
“คิก!!...ดูท่าจะม่วนดีหนา”
“มันม่วนตรงไหน?...ไอ้ขบวนรถตี้ถึงก่จั่งบ่ถึงก่จั่งเนี่ยหนา”
“อีปี้ดูจะอารมณ์บ่ดีไปหน่อยแล้วหนา--”
“ก็...ประมาณอยากจะยอกหน้าใครสักคนตี้มันมาอยู่ขวางหูขวางตานั่นละกะ”
“เฮ้อ!!...เวลาคนโคตเพราะบ่ได้นอนนี่บ่น่าเข้าใกล้แต้ๆเลยหนา”
...ท่าจะเป็นพี่น้องกันแต่เล่นอู้คำเมืองโขมงโฉงเฉงชนิดไม่สนใจคนรอบข้างเลย...สังเกตบางคนก็แอบยิ้มด้วย...คนน่ารักซะอย่างจะทำอะไรก็ไม่ค่อยมีใครว่าหรอกแต่คนไหนจะนั่งข้างผม?...แหม่~~...คนพี่สวยคมขำคนน้องก็จิ้มลิ้มน่ารักเห็นแล้วแช่มชื่นในหัวใจจริงๆ...อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้...ผมชักอยากจะกลับไปเป็นหนุ่มน้อยอีกครั้งซะแล้วล่ะซึ่งรับรองได้เลยว่า 1 ใน 2 สาวนี่หรือทั้งคู่จะต้องอายแล้วเขินอีกเพราะวาจาจีบและคารมอันเหลือร้ายของผม...
(สาวคนพี่ตัดพ้อเราว่าพี่ชาติคะ!!...สาวคนน้องก็ออดอ้อนเราว่าพี่ชาติขา~~...ไม่มีทางผิดไปจากนี้แน่นอน)
“ขอให้คุณแคทกับคุณฝนเดินทางโดยปลอดภัยเจ้าค่ะ”
“อ้อ!!...แล้วอย่าลืมที่ฉันเตือน...ถ้าหวังจะหักเขี้ยวของพยัคฆ์ก็จงช่วยเชื่อฟังพวกเราหน่อยเถอะนะว่าอย่าเพิ่งเลยในตอนนี้...มันยังเกินตัวไปหน่อยสำหรับหนูนิดน่ะ”
“............................................”
...พวกเธอต่างมีกระเป๋าใส่สัมภาระกันคนละใบแต่พวกของฝากนี่เยอะแยะเชียว...สาวผู้พี่ชื่อแคทนั่งข้างผมและสาวผู้น้องชื่อฝนนั่งอีกฝั่ง...ทั้ง 2 คนมีบุคลิกน่าสนใจดีผมจึงลองชวนคุยแต่ด้วยภาษากลางก่อน...
“เอ่อ--...จะนั่งข้างหน้าต่างมั้ยครับ?”
“?”
“............................................”
“โฮ่~~...งั้นเฮามาแลกกั๋นบ่?”
(แต่กลับอู้คำเมืองกับเราซะงั้น)
“ดะ...ได้สิ”
“บ่ต้อง...”
“...........................................”
“ก็ฝนอยากนั่งข้างๆอีปี้นี่หนา”
“ท่าจะอั้นรับประกันได้ก่ว่าอีน้องจะบ่กวน?...อีปี้ขะหลับจะตายอยู่แล้วหนา...ตะคืนก็นอนบ่ค่อยหลับ”
“ฮิๆ...สงสัยท่าจะบ่ได้หรอก”
“ดีขะนาด!!...ท่าจะอั้นก็นั่งตรงนั้นไปเหียเตอะ”
“..........................................”
...สาวชื่อ “ฝน” ท่าทางจะมีนิสัยร่าเริงสดใสช่างพูดช่างจา...ลองคาดคะเนจากสายตา...เธอน่าจะมีอายุไล่เลี่ยไม่ห่างกับหนูจีลูกสาวคุณจุนเจ้าของโรงฝึกเทควันโด้ที่ผมไปฝึกเป็นประจำ...
“ท่าบ่จำเป็นบ่ต้องปลุกหนา”
“แน่ใจละก่าที่อู้จะอั้น?”
“บ่ดีถามซอกแซกฮื้อมันนักหนา”
“เอาจะอั้นก่ได้...เพราะเวลาที่อีปี้ตื่นหลังจากนอนบ่พอน่ะอารมณ์จะบ่ค่อยดี...อีน้องคนนี้ฮู้ดี”
...แต่สาวที่ชื่อ “แคท” กลับเงียบขรึมและยังไม่เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าสักนิดเลย(ง่วงนอนล่ะมั้ง)...โดยรวมนับว่าเธอเป็นคนที่สวยมากแต่แววตาหลังแว่นก็เข้มขลังมากด้วยเช่นกัน...
“เชิญรับข้าวกล่องค่ะ”
“เอามาตี้นี่ฮื้อหมดเลย!!...อีปี้ของหนูเบิ้ลบ่กิน”
“แต่...”
“เอาฮื้อน้องของฉันไปเตอะ...เครื่องดื่มหรือขนมอะหยังบ่ต้องเอามาฮื้อฉัน”
“เย้!!!...กำลังขะอยากอยู่พอดีเลยหนา”
...คงไม่อยากให้น้องสาวมากวนเวลาตัวเองนอนมั้ง.?..ดูไปพี่น้องคู่นี้ก็สนิทและรู้ใจกันดี...มีแฟนกันแล้วหรือยังนะ?...นี่ถ้าผมยังเป็นหนุ่มโสดล่ะก็จะของัดวิชาจีบสาวทั้งหมดมาใช้เพื่อพิชิตใจพวกเธอให้ได้เพราะงั้นถึงมีคนพูดไว้ไงว่าเจอคนสวยแล้วไม่จีบก็เหมือนเข้าห้องน้ำแล้วไม่ยอมล้างมือ...
(เสียดายเรามันเป็นขวานบิ่นเมื่อเจอไม้งามซะแล้ว!?)
“เย็น...”
...สาวผมยาวเอาผ้าห่มไปคลุมขาเพราะหล่อนใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่า...ผิวขาวผ่องเป็นยองใยตามแบบฉบับสาวเมืองเหนือแท้ๆและนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนต่างถิ่นหลงใหลใคร่หวนกลับมาเยือนอีกครา...
“ยังบ่หลับแม่นก่?”
“อืม--”
“นี่ตกลงว่าอีปี้เป็นห่วงหนูนิดหรือพี่อ๋อมล่ะ?”

“ตึงคู่”
“โบราณเบิ้ลว่าไว้...เมื่อเสือมันเจ็บมันก่ย่อมต้องสู้ตายเพื่อเอาชีวิตฮื้อรอด...พี่เอ้บ่ต้องการฮื้อหนูนิดเยียะอะหยังวู่วามตามอารมณ์และเป็นห่วงพี่อ๋อมตวยเจ่นกัน”
“นี่แหละที่ทำฮื้อเมื่อคืนปี้นอนบ่หลับ”
(ไม่มีเจตนาจะแอบฟังแต่พวกเธอคุยกันให้ได้ยินเองแล้วไอ้เสือที่ว่า...ใช่เจ้าตัวที่อยู่ในป่าหรือเปล่า?)
“แล้วอีปี้กึ้ดว่า...พี่อ๋อมจะตวยไปเอาคืนหมู่เฮาถึงพิษณุโลกแต้ๆก่?”
“คำอู้ของเธอคือประกาศิต”
“หวาย~~...ถ้าจะอั้นก่แย่ละก่า!!!...อย่างอี้ก่บ่พ้นต้องสู้กันแห่มละก่า”
“เธอกับฉันน่าจะหาคนกลางมาช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้”
“หมายถึง...เจ้าป้อม?”
“...........................................”
“บ่มีตาง!!!...บ่ว่าจะใดยัยตัวกะเปี้ยกฮั่นก่ต้องเข้าข้างปี้ตัวเก่าอยู่แล้ว...ฝนฮู้นิสัยเจ้านี่ดี...บ่แน่...ป่านนี้มันคงฮู้เรื่องกุอย่างและท่าจะดักรอตี้ไหนซักตี้เพื่อคอยเล่นงานหมู่เฮา”
“...........................................”
“ปี้”
“...........................................”
“อีปี้จ๋า~~...เงอะ!!...ไปอาหรับซะแล้วอีปี้ของเฮา...ท่าจะเพลียสุดๆละก้า”
................................................................................................................

“สามโมงกว่าเพิ่งจะผ่านบ้านดารา...รถเสียเวลาอีกล่ะ”
...เขาพูดกันว่านั่งรถไฟไทยก็ต้องเผื่อเวลาไว้เยอะๆ...ตั้งแต่ผมเดินทางจากเชียงใหม่มาก็หลับๆตื่นๆตลอดแต่พอถึงเมืองลางสาดหวานอุตรดิตถ์ก็มี 2 พี่น้องสาวใสวัยแรกแย้มมานั่งใกล้ๆตามันเลยไม่ยอมปิดอีกโดยเฉพาะเวลานี้...หอมจริงๆ...มันคือกลิ่นดอกราตรีซึ่งมาจากเส้นผมอันยาวสลวยของหญิงสาวใส่แว่น...ผมพยายามควบคุมอัตราการหายใจให้เป็นปกติแต่ก็สูดรับเอาความหอมไปเบาๆด้วยเพราะกลัวอีกฝ่ายรู้ตัวแม้ว่าจะหลับก็ตาม...
(แต่จะว่าไปเส้นผมน้องสาวของเธอก็มีกลิ่นหอมดอกไม้เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเป็นดอกอะไร?)
“.........................................”
“.........................................”
...หญิงสาวผมยาวสวมแว่นวัยกระเตาะผล็อยหลับซึ่งชายวัยกลางคนอย่างผมจะไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยถ้าศีรษะของเธอไม่มาเอนซบถูกหัวไหล่...
(นี่ถ้าเมียรู้เข้าล่ะตายแหงๆแน่ตูเพราะแม่น่ะขี้หึงฉิบผายแต่เด็กมันมาเอง...เปล่าเรียกนะ)
“ฮึๆๆ”
...เสียงหัวเราะในลำคอของเด็กสาวที่เพิ่งฟาดข้าวกล่องทั้งส่วนของตัวเองและของพี่หมดเกลี้ยงชายตามองผมแวบหนึ่งก่อนยกแก้วน้ำดื่ม...คล้ายเธอจะมีเรื่องพูดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา...
“อือ--...ฉันไม่น่าดื่มน้ำก่อนขึ้นรถเยอะเลย...ขอโทษค่ะ”
...สาวเจ้าขอโทษแล้วก็ลุกยืนแต่ในขณะนั้นผมต้องมองตามด้วยความสงสัยเพราะทำไมเธอถึงพยายามจะเอามือปิดตาตัวเองไว้?...
ความดันต่ำจะอั้นก่า?...งั้นเอากาแฟแก้คะหลับสักหน่อยบ่?”
คนอยากคะหลับอยู่ข้างดันจะฮื้อกินกาแฟ...บ่เอาหนา
แห่มบ่เมินก่ถึงพิษณุโลกแล้วหนา...บ่ต้องนอนร้อก!!...มาอู้กับอีน้องคนงามคนนี้ดีกว่า
บ่มีอารมณ์หนา
ปี้แคทเนี่ยจ่างเอาใจ๋ยากขะนาดเนาะ...จะไปห้องน้ำก่เอาผมปิดหน้าเหี่ยเน้อ..สาฮฮูปดูบ่ได้เลย
“...........................................”
“...........................................”
“นี่!!...ของที่มันไม่น่าดูก็อย่าไปเฝ้าจะดูนักเลยจ้ะน้า”
“?”
“น้าเป็นตำรวจใช่มั้ย?...เห็นเสื้อยืดตัวใน”
(ใจจริงไม่อยากให้เรียกน้าเลยเพราะไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอายุแล้ว)
“ใช่...ว่าแต่หนูกับพี่พูดคำเมืองคล่องมากนะ...อยู่ลำปางใช่ไหม?”
“แม่นละ...ฝนกับปี้แคทไปอยู่ตี้ลำปางตั้งแต่ตัวยังน้อยๆ”
“ส่วนน้า...ก่เป็นคนลำปางแต้ๆเลยหนา”
“ว้าว!!!...ยังอี้ก่ม่วนละก่า”
...กลายเป็นว่าผมกับสาวน้อยคุยกันได้ถูกคอ...ภาษาคำเมืองงี้ฟุ้งเชียวถามไปก็ตอบมา...ฝนเล่าว่าเธอกับพี่สาวจะกลับไปเรียนต่อที่พิษณุโลกหลังจากกลับบ้านที่ลำปางในช่วงปิดเทอม...
(นี่สาวเจ้าผมยาวยังเป็นนักศึกษาหรอกหรือเนี่ย?...โห~~...แต่งตัวราวกับสาววัยทำงาน)
“ว่าแต่มาเยียะอะหยังกันตี้อุตรดิตถ์...มาแอ่วกั๋นก่า?”
“คือ...บ้านเกิดของอีแม่น้องกับปี้อยู่ตี้นี่แต่บ่ใจ่ในตัวเมือง...ต้องนั่งรถขึ้นไปตางเหนือแฮ่มร้อยๆกิโลปู้น...เกือบจะฮิมชายแดนเห็นจะได้...เบิ้ลว่าจะอั้นหนา?
“?”
“น้าเป็นตำหนวดอยู่พิษณุโลกก่า?...ก็ดีตี้อาจจะได้เจอหน้ากันแห่ม”
“แม่นละ...แต่น้ากำลังจะได้ย้ายไปประจำตี้ลำปางในปีหน้า...ดีใจขะนาดตี้จะได้อยู่บ้านเพราะช่วยประหยัดสะตางค์ได้จั้ดนัก”
“โฮะ!!!...จะไปเป็นลูกน้องของอีพ่อฝนก่า?...วงศ์ศักดิ์ เทวะกรนันท์...จื่อนี้น้าน่าจะเคยได้ยินมาพ่องก่?”
“นี่เป็นชื่อของ...ท่านผู้บัญชาการ...”
(นึกว่าคนอื่นคนไกล...ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของท่านวงศ์ศักดิ์ว่าที่เจ้านายใหม่ของเราหรอกเหรอเนี่ย?)
“อีพ่อหนูเบิ้ลซวกหน่อยเน้อ!!!...ตี้จะย้ายน่ะกิ้ดฮอดใหม่ฮื้อดีแฮ่มกำก่ได้หนา”
“อะหยังจะขะนาดนั้น”
“ฮ่าๆๆๆ...อีพ่อหนูใครๆก่ฮู้จักดีและลำปางก่เป็นเมืองที่ฝนกับปี้ฮักขะนาด..ฮู้สึกอบอุ่นใจ๋กุเตื้อตี้ได้ปิ๊กไป”
“อืมๆ”
“จะอั้นบ่ต้องห่วงเรื่องอู้คำเมืองแต่ฝนกับปี้เวลาไปอยู่ตี้อื่นก่จะบ่ค่อยอู้กันหรอกเพราะจะเยียะฮื้อกึ้ดฮอดถึงนักล้ำไป...เฮะๆๆ”
“ลำปางน่ะอยู่ใกล้เจียงใหม่...เป็นจะไดหนูกับปี้ถึงบ่ไปเฮียนตี้ฮั่น?”
“.........................................”
“อ่า--...ขอสุมาเตอะ...มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหนู”
“บ่เป็นหยัง..ตอบได้..ก่เพราะญาติปี้น้องเกือบตึงหมดอยู่แถวอุตรดิตถ์กับพิษณุโลกเลยบ่อยากไปไหนไกล”
“อ๋อ~~...จะได้ไปแอ่วหากันสะดวกอี้เนอะ”
“ครอบครัวของหนูเป็นครอบครัวใหญ่ขะนาด...ถ้าบ่นับปี้สาวหนูก็ยังมีปี้น้องแห่มตั้ง 6 คน”
6 คนก่อนก่า?”
“ลูกปี้ลูกน้องค่ะ...คนใหญ่อายุ 26 ส่วนคนน้อยสุดอายุก่าถึง 14
“จะอั้นก่บ่เหงาตะไดก่า?”
...ก่จะอั้น”
(แต่ถึงกระนั้นสาวน้อยก็ดูมีสีหน้าที่ไม่ค่อยแจ่มใส...ไม่ดีใจหรือที่มีพี่น้องเยอะ?)
“เสียงดังไปถึงห้องน้ำ”
อีปี้!!...น้าคนนี้เป็นคนบ้านเดียวกับเฮา...ลำปางๆหนา
น่าตื่นเต้นดีใจ๋ถึงขนาดนั้นเลยก๋า?...จะอี้ก่คงบ่ง่อมปากแล้วเน่อ
“แม่นแล้ว~~
น้องฉันก่เป็นจะเอี้ยแหละค่ะ...เจอคนบ้านเดียวกันเป็นบ่ได้
“แหม่~~...ก่ถ้าบ่อู้คำเมืองใครเบิ้ลจะฮู้ว่าหนูเป็นสาวจาวเหนือแต้ๆหนา
แล้วจะฮื้อเบิ้ลฮู้ไปเยี้ยะอะหยัง?”
บ่เป็นหยังครับ...น้องสาวคุณอู้ม่วนดี
แต่กับฉันคงจะบ่ม่วนหรอก
อู้จะอี้แสดงว่าอีปี้ก่อยากจะอู้กับน้าเบิ้ลเหมือนกันแม่นก่...เป็นจะไดพร่อง!!...อารมณ์ของอีปี้ดีขึ้นพร่องแล้วก่า?
จะฮื้อดีขนาดไหนกันหา...เอาแบบนั่งคะหัวตึงวันอย่างน้องแม่นก่?
ฝนบ่ใจ่คนบ้านะตี้จะนั่งคะหัวได้ตึงวัน!!
“อ้อ~~...ฮู้ตัวเหมือนกันก่า
อี้ปี้เนี่ยละก่!!
...สาวแคทลงนั่งพร้อมถอดแว่นตาออก...ยอด!!!...สุดยอด!!!!...ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนจะหน้าตาสะสวยเท่าเธอมาก่อนจริงๆสาบาน...โหย~~...ใส่แว่นก็ว่าสวยสะคราญแล้วแต่พอถอดแว่นออกก็ยังงามหยดย้อยไม่แพ้กัน...
“น่า--...บ่ต้องไปกุ้มอกกุ้มใจเรื่องฮั่นฮือนักเลยค่ะ...เฮามีเหตุผลของเฮาตางปู้นเบิ้ลก่มีเหตุผลของเบิ้ล
แต่ปัญหาคือเหตุผลตึงสองฝ่ายมันบ่ตรงกันนะก่า
แม่น...คงบ่มีวันเข้าใจ๋กันได้แน่ตราบใดตี้ยังถือตัวว่าฮานี่แหละเฮ้ยตี้แน่กว่าคนอื่น...ปี้แคท...”
“หือ?”
กึ้ดไปกึ้ดมา...เรื่องที่เฮาต้องมาเคียวกันเนี่ยมูลเหตุมันเกิดจากอีตาปี้จายบ้าของฝนเอง
คงจะอั้นละก่า...บ่าวน้อยผู้หยิ่งยโสและบ่ฮู้จักคำว่าพอ...เยียะอะหยังต้วยใจ๋ตัวเก่าเอาแต่อารมณ์...บ่เคยฟังคนอื่นเหียะพร่อง...นับวันปี้ก่ยิ่งฮู้สึกหมั่นไส้นายคนนี้มากขึ้นติกๆ
คงจะบ่ได้ชังตานั่นเหียะแล้วนะคะ
ยัง...แต่ต่อไปบ่แน่
“ก่หมายความว่าเวลานี้เริ่มก่ายขี้หน้าตะหงิดๆ?”
“ถ้าปี้ชังเขาก่คงบ่รับคำขอฮ้องจากพ่ออุ้ยมาหรอก”
“ฮึๆๆ”
“คุณ”
“ฮ้องผมว่าชาติก่ได้ครับ”
...คุณชาติเป็นตำหนวด”
“แม่นละ...แหมบ่เมินก่จะย้ายไปทำงานกับพ่อเฮาต้วย”
“จะอั้นก่า...คือปกติฉันบ่ค่อยจะชวนคนแปลกหน้าอู้ต้วยแต่ก่อยากจะถามอะหยังคุณสักข้อ”
“ได้ก่าครับ”
(แค่เริ่มต้นก็รู้สึกเกร็งแล้ว...ทำไมบรรยากาศถึงได้แตกต่างกับน้องสาวลิบลับเช่นนี้?)
“ในฐานะที่คุณชาติเป็นป้อจาย...คุณจะเยียะจะไดเมื่อภายหลังได้ฮู้ว่า...คุณกำลังถูกล่วงละเมิดความเป็นส่วนตั๋ว”
“ความเป็นส่วนตั๋ว?
“อย่างโดนจับตาผ่อจากใครซักคนเกือบกุเมื่อกุยามเพื่อสอดส่องความประพฤติส่วนตั๋วน่ะค่ะ”
“ผมว่า...ถ้ายังบ่ฮู้ตัวมันก่บ่น่าจะมีอะหยังแล้วแหมอย่างถ้าบ่ได้ทำเฮื่องเสื่อมเสียก่บ่สมควรต้องไปกลัว”
“โว้ว!!!...น้าอู้ได้ถูกเผง”
..........................................
“จะดีจะจั๋วอยู่ตี้ตัวเฮาทำ...จะสูงจะต่ำอยู่ตี้ทำตัว...ผมเจื่อจะอี้มาตลอดน่ะครับ”
“อืม...”
...คำตอบที่ได้คงตรงใจไม่มากก็น้อยจึงเปิดปากยิ้มแม้จะแค่นิดเดียวก็เถอะ...
“ก็กึ้ดว่านายน้องจายตัวดีของฉันจะกึ้ดจะอี้ได้...จะบ่ต้องเปลืองแฮงนัก”
“น้องชาย?”
“แม่นละ...เขานะทั้งเจ้าชู้ทั้งหยิ่งผยองแล้วก่หัวรั้นเป็นที่สุด...น่ากุ้มใจแตนคนบ้านฉันแต้ๆหนา”
“กับคนนิสัยจะอี้บ่ดีใจ้กำฮังบังคับเด็ดขาดเลยครับเพราะจะยิ่งเตลิดไปใหญ่จนอาจจะกู่บ่กลับ...ควรใจ้เหตุผลไปอู้กับเบิ้ลและก่ต้องใจเย็นๆบ่ดีฮีบฮ้อน”
“น้าอู้ได้เยี่ยมแต้ๆ”

“เหตุผลก่า...ใจเย็นก่า...เผอิญในตัวฉันมีไอ้ 2 อย่างนี่จำกัดเหียะต้วย”
“หรือแห่มนัยหนึ่งก็คือความอดทนบ่ค่อยมีจะนั่นแล...เคะๆๆ”
“แม่นละ...มันจะใกล้หมดลงตึงวันตึงวันหลังจากนี้ไป”
“.............................................”
“แต่เห็นแก่ตี้คุณชาติอุตส่าห์ฮื้อกำกึ้ดดีๆ...ฉันจะอดทนค่ะ...ปล่อยฮื้อทำตามใจตัวเก่าต่อไปแหมหน่อยก่อนที่จะบ่มีโอกาส”
“แม่นแล้ว...ฝนรอปี้แคทอู้จะอี้มาจ้าดเมินละ”
“ผมดีใจ๋และยินดีจ้าดนักตี้ได้มีส่วนฮ่วมไขข้อข้องใจ๋ฮื้อคุณตึง 2
“ฝนไปห้องน้ำก่อนหนา”
“บ่ดีลืมบอกสาต้วยเน้อว่าตอนนี้รถผ่านพรหมพิรามมาแล้ว...ฮื้อออกมารอฮับได้เลย”
“จ้า!!
“........................................”
“มีอะหยังติดหน้าฉันก่า?
“บ่มีครับ”
“อั้นผ่อเยียะหยัง?
...ขืนพูดไปว่ามองคนสวยสงสัยจะไม่ดีแน่เพราะดูแล้วอีกฝ่ายคงไม่มีอารมณ์เล่นด้วย...
“คือ...ถ้าน้องฝนบ่บอกผมก็บ่ฮู้นะครับว่าคุณแคทยังเป็นนักศึกษา”
“ฉันดูบ่เหมือนนักศึกษาก่า?
“บ่ใช่หรอกครับ...แบบว่า...คุณแต่งชุดนี้แล้วมีมาดดูเหมือนสาววัยเยียะการนักกว่า”
“รสนิยมของฉันบ่ชอบแต่งตัวสไตล์สาวน้อยไร้เดียงสา...ถ้าอย่างฝนน่ะแต่งขึ้นแน่แต่ฉันบ่ใจ่เลย”
“นั่นคงเพราะคุณแคทเป็นคนเยือกเย็นและเงียบขรึม”
“ฮู้ได้จะไดคะ?
“ผมอยู่ฝ่ายสอบสวนเคยพบเจอผู้ต้องสงสัยมานักจึงรู้ว่าแววต๋าท่าทางกับบุคลิกของแต่ละคนตี้แสดงออกมาฮั่นเป็นจะได...พฤติกรรมจะใจ่คนฮ้ายก่?ส่วนคุณแคทเป็นคนเจื่อมั่นในตัวเก่าและมีจิตใจ๋หนักแน่น...ลักษณะการใจ้คำอู้และน้ำเสียงมันก็ฟ้องอยู่แล้วครับ”
“พกก้อนแฮ่มันย่อมดีกว่าพกนุ่นบ่ใจ่ก่า...คุณชาติอู้ถูกเกือบหมด...แต่...”
“?”
“เพราะนิสัยฉันเป็นจะอี้จึงถูกผ่อว่าเป็นคนขวางโลก...บ่ยึดติดกับกระแสนิยม...เยียะอะหยังตามแต่ตี้ใจ๋ตัวเก่าต้องการ...บางทีตะกี้ฉันก่อาจจะว่าน้องจายแฮงไปหน่อยเพราะพวกเฮาตึงหมดก่มักจะเยียะอะหยังโดยบ่นำพากับเสียงทัดทานของคนอื่น”
“น้องฝนตวยกะครับ?
“ฮะๆๆๆ”
...โอ้!!!!...หัวเราะอย่างอารมณ์ดีด้วยแฮะ...สาวเจ้าคนนี้นับว่าช่างเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ในตนเองอย่างน่าประหลาดยิ่ง...
“นั่นแหละตัวดีเลยค่ะ...เอาแต่ใจ๋ตัวเก่าจ้าดนัก...อื๋อ?...ไอ้ตี้แลบออกมาจากกระเป๋ามันอะหยัง?
“.........................................”
“เครื่องเกมส์...ละอ่อนนี่เอาแหมแล้ว...อุ๊ย!!
“ระวังครับ!!!
(หมับ!!!!)
...อึ๋ย~~...ไอ้ความนุ่มหยุ่นที่มือผมสัมผัสได้และกำลังโอบอุ้มอยู่มันคืออะไร?...ถ้า...ถ้าไม่ใช่...
“..........................................”
“หน้าอกฉัน...กึ้ดจะหยุบแหมเมินก่?”
“ขอสุมาเตอะ!!!...ขอสุมาเตอะครับ!!!!
...จับเข้าเต็มๆเลยกูเอ๊ย~~...หน้าอกซ้ายลูกสาวคนโตของนายตำรวจระดับบิ๊กว่าที่เจ้านายใหม่ซะด้วย!!!...ถูกหมายหัวแหงๆเลยเรา...
“โจคดีตี้น้องฉันยังบ่มา...นั่นน่ะตาเวยจะต๋าย...ถ้ามาฮู้เห็นเข้ามีหวังโวยวายลั่นฮื้อขายขี้หน้าคนอื่นบ่ดาย”
“ผมบ่ได้ตั้งใจเพราะเห็นคุณจะก่น”
“ฉันเข้าใจ๋และจะบ่ถือสา”
...แต่น้ำเสียงและสีหน้าของสาวแคทยังบ่งบอกถึงความขุ่นมัวอยู่ชัดแจ้ง...คือเมื่อกี้ขบวนรถเกิดชะลอความเร็วกะทันหันซึ่งทำให้หญิงสาวที่กำลังยืนทรงตัวไม่อยู่ผมจึงเอามือไปช่วยรองรับ...
“ผมขอสุมาเตอะแต้ๆเลยหนา”
“นี่กึ้ดจะขอสุมาเตอะแหมซักกี่เตื้อ?...จะฮื้อคนอื่นฮู้จนได้แม่นก่?...หากอู้คำว่าขอสุมาเตอะออกมาแหมเตียะเดียว ฉันจะถือว่าตะกี้คุณจงใจ๋นะ”
“...........................................”
“เฮ้อ~~...กว่าจะแล้ว...ห้องน้ำในรถไฟมันส่ายย่อกแย่กตลอดเลยอีปี้...ตุ๊กยากขะนาด...หือ--...เงียบเยียะหยัง?...เป็นจะไดบ่เห็นอู้กัน?”
“ฉันบ่ใจ่เธอนี่ตี้จะสรรหาเฮื่องมาอู้ได้เป็นชั่วโมงๆ!!
...จริงๆเจ้าหล่อนไร้อารมณ์จะเจรจาพาทีกันก็เพราะโดนผู้ชายแปลกหน้าอย่างผมจับนมอันเป็นของสงวนชนิดเต็มไม้เต็มมือเข้าต่างหาก...
.....................................................................................................

...พอรถไฟวิ่งผ่านสถานีเต็งหนามผมก็เตรียมกระเป๋ามารอที่ประตู...
“ของหนักขะนาด...อีปี้ช่วยหน่อยซี่~~
“นี่ก็ถือเต็ม 2 มือแล้วหนา”
“คนลงนักแต้นักว่า...ปี้แคทนี่ก่บ่รอฝนพร่องเลย!!
“ใช้ภาษากลางเถอะ...พี่ชักขี้เกียจพูด”
“เฮอ--...กลัวถูกหาว่าเป็นสาวบ้านนอกหรืองาย?...เฮ้ย!!...ข้างหลังอย่าดัน...อย่าดันเซ่!!!
“โอ๊ะ!!!
...กลุ่มคนไปออกันที่ทางออกและเกิดการผลักดันกันขึ้น...ผมที่อยู่ข้างหลังสาวแคทก็เลยเสียหลักซึ่งจำต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยว...ทว่า!!!...สิ่งนั้นกลับกลายเป็น...
“คุณชาติ!!!...นี่ยังจะบอกว่าไม่ตั้งใจอีกหรือเปล่าหึ?”
“เอ่อ...ไม่...”
...สาวแคทเองก็ขยับหนีไปไหนไม่ได้เพราะที่มันแคบและในมือก็ถือสัมภาระอยู่เต็ม...งานนี้ผมจึงกอดหญิงสาวตาคมผมยาวเข้าเต็มๆและควรดีใจหรือเปล่าที่ได้กอดสาวสวยโดยอาจจะไม่มีความผิด?...
(แต่ก็จะให้ทำยังไงล่ะคือถ้าไม่กอดเราก็ต้องล้มแน่ๆ...เอ๊ะ?...ไอ้ที่นุ่มๆนี่มัน...ยะ...อย่าบอกนะว่าเป็นเต้า...อีกแล้ว!!!!)
“...แล้วก็ข้างเดียวน่ะมันยังไม่พอใจของคุณใช่มั้ย?
“ว้าก!!!!!”
...คราวนี้หน้าอกข้างซ้ายและขวาล้วนถูกโอบอุ้มอยู่ในมือของผมโดยพร้อมเพรียงซึ่งขนาดไม่น่าจะต่ำกว่า 34 (มั้งนะ?)...ชะ...ชักจะไม่ได้การล่ะ...เจ้าหนูของผมมันกำลังจะลุกตื่นเพราะได้รับการกระตุ้นจากเพศตรงข้าม...
(ความแตก!!!...ความต้องแตกแน่ๆเพราะท่อนล่างด้านหน้าของเราก็แนบชิดติดกับบั้นท้ายของเจ้าหล่อน!!!!)
“.........................................”
“.........................................”
“ให้ตายสิ!!!...ผู้ชายมันก็เป็นอย่างนี้เหมือนกันทั้งหมดไม่ว่าจะอายุน้อยหรืออายุมาก...พี่เซคพูดไม่ผิดจริงๆ”
...แม้จะพูดเสียงเบาแต่ต้องฉุนเอาการทีเดียว...ในใจผมคิดล่วงหน้าเลยว่างานนี้โดนจนได้แน่ๆทว่าสาวเจ้ากลับถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย...พอลงจากรถได้ผมก็จะรีบไปแต่มีเสียงดังขึ้นซะก่อน...
“คุณชาติฟังนะ...ฉันเพิ่งกลับมาที่นี่และไม่ต้องการทำร้ายใคร...โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพเดียวกับพ่อฉัน”
“.........................................”
“แต่ถ้าในอนาคตเราเกิดได้พบกันโดยบังเอิญและคุณทำกับฉันแบบนี้อีกก็จะไม่รับรองความปลอดภัยให้”
“คะ...ครับ”
“ฉันจะลืมเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดและถือซะว่ามันเป็นอุบัติเหตุ...คุณเองก็ควรจะสงบใจลงได้แล้ว...ปล่อยให้ไอ้นั่นแข็งโด่อยู่มันน่าเกลียดและน่าอายนะ”
(ที่แท้ก็รู้ตัวนี่หว่า!!!!)
“โฮ่ย~~...พี่ช่วยหิ้วถุงกะกาเป๋าหน่อยเด้!!...ใจคอจะให้น้องถือคนเดียว...มันหนักน๊า~~
...สาวฝนต่อแถวอยู่เกือบท้ายๆเลยไม่รู้ว่าพี่ของเธอกับผมทำอะไรกันแต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปถึงบุคคลที่ 3 อีก...
“สายตาของเธอช่างเย็นชาซะเหลือเกิน...คุณจุนยังขี้เล่นและรู้จักเอาใจดีกว่าตั้งเยอะ”
................................................................................................

1 ความคิดเห็น:

  1. อยากอ่านต่อมากๆครับ แม้จะอ่านภาษาเหนือยาก

    ตอบลบ