หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 25


รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 25 “ผู้มีพระคุณทั้งในอดีตและในปัจจุบัน!?

(“ฟื้นแล้วๆ!!!!
“........................................”
“เคนลูกแม่~~...ขอบพระคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์!!!!...ต่อไปลูกอย่าทำแบบนี้อีกนะแม่หัวใจจะวายตายแล้วรู้มั้ย?”
“เกือบไปแล้วนะไอ้หนู...ซนไม่เข้าเรื่องเข้าราว!!!...แอบหนีแม่มาเล่นน้ำคนเดียวตามลำพังได้ยังไงกัน?”
“ตรงนี้ลึกซะด้วย...ถ้าไม่ได้แม่หนูคนนั้นโดดลงไปช่วยไว้มีหวังจมน้ำตายแน่ๆ”
“ฉันขอขอบใจแม่หนูจริงๆนะจ๊ะ...ชื่ออะไรเหรอ?”
“...ชื่อบรีนค่ะ”)
!!!!!!!!!
(อะไรกันนี่?)
“ฝันว่าจมน้ำ...นี่เราไม่ได้ฝันถึงมานานแค่ไหนแล้วนะเนี่ย?”
...ใช่...ตอนยังเล็กมากๆผมเคยแอบหนีไปเล่นน้ำในคลองและขาเกิดเป็นตะคริวซึ่งในขณะที่กำลังจะจมก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผ่านมาเห็นแล้วลงไปช่วยชีวิตไว้ได้ทัน...
“เราจำชื่อเธอคนนั้นไม่ได้เพราะเวลาผ่านมานานเหลือเกิน...เคยถามแม่เหมือนกันแต่ก็ลืมไปแล้ว...งั้นทำไมวันนี้อยู่ๆก็ฝันถึงล่ะ?”
(แถมยังนึกหน้าไม่ออกอีกด้วยเพราะความทรงจำกับสติเวลานั้นมันเลือนรางจริงๆแต่สงสัยคงจะคิดถึงบรีนมากไปจึงเก็บเอาไปฝันแน่ๆ)
...สาวคนรักยังไม่กลับมาที่นี่พร้อมกันและในช่วง 3 วันที่ผ่านมาผมก็เอาแต่นอนพักผ่อนไม่ได้ออกไปไหนเลย...
“แต่ยังไงวันนี้ต้องออกไปเพราะหมอนัดไว้”
“จะออกไปไหนน่ะลูก?”
“หาหมอครับ”
“ไปคนเดียวได้นะ?”
“ครับ”
...พอทราบข่าวจากน้าจี๊ดว่าผมไม่สบายแม่ที่ทำงานอยู่อ.ห้างฉัตรก็รีบกลับมาบ้านทันที...
“แต่แม่ตกใจมากเลย...ไม่เคยคิดจริงๆนะว่าลูกกับหนูบรีนจะเป็นแฟนกัน”
“แล้วแม่...จะว่ายังไงล่ะครับ?”
“จะว่าอะไรได้เล่า~~...เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับพวกเธอ 2 คนอีกอย่างหนูบรีนก็เป็นคนดี...แม่น่ะมีแต่จะดีใจซะอีก”
“......................................”
(ยิ้มด้วยความยินดีอย่างนี้จึงยังไม่รู้สินะครับว่าบรีนเคยตั้งท้องและก็แท้งมาแล้ว)
“นี่แหละน๊าที่เขาเรียกบุพเพสันนิวาส...ต่อให้จากไปไกลแสนไกลแต่ก็ยังหวนกลับมาครองคู่กันจนได้”
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ?”
“?”
“ที่ว่าจากไปไกลแต่กลับมาครองคู่...”
“อ้าว!!!...นี่ลูกยังไม่รู้หรอกเรอะ?”
“รู้อะไรครับ?”
“........................................”
“แม่?”
“แย่จริงๆเลยนะเราเรื่องสำคัญอย่างนี้ลืมไปได้ยังไงกัน?...เคยสำนึกหรือเปล่าว่าลูกมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะใครช่วยไว้?”
“เอ๊ะ?”
“ยังจะทำหน้างง...งั้นแม่จะไม่เป็นผู้บอกหรอก...เคนนั่นแหละต้องไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเองแล้วเมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้อะไรเป็นอะไร?”
“.........................................”
......................................................................................................

...ตัวผมมีกำหนดตรวจร่างกายประจำปีอยู่แล้วซึ่งถึงแม้จะเพิ่งกลับมาจากหัวหินแต่ก็ไม่อยากผิดเวลา...
“พี่กรรณทำงานอยู่โรงพยาบาลนี้...นั่นไง!!
(พอพยาบาลสาวเพื่อนสนิทของบรีนเห็นเข้าก็เดินมาทักทันที)
“วันนี้เคนมาทำอะไรเหรอ?”
“ตรวจ...ร่างกายครับ”
...ไม่กล้ามองหน้าพยาบาลสาวเต็มตาจริงๆด้วย...อายเหมือนกันนะก็เพราะเธอคนนี้คือผู้หญิงคนแรกในชีวิตวัยหนุ่มของผมนี่นา...
“รู้ใช่มั้ยว่าบรีนจะมาเย็นพรุ่งนี้?”
“ครับ”
“ดีจริงๆ...ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆและวินาทีเฉียดตายมาได้...คราวนี้ทั้ง 2 คนก็จะได้อยู่ด้วยกันซะที...เคนทำได้ดีมากเลยนะ”
“...........................................”
“จะบอกให้รู้...ช่วงเวลาก่อนบรีนจะไปอยู่ที่หอพักเธอเคยอาศัยอยู่กับพี่และชอบพูดให้ฟังเสมอๆว่าดีใจอย่างที่สุดที่จะได้กลับมาพบกับเคนอีกครั้งหลังจากห่างเหินกันไปนาน”
“หา?...ที่พี่กรรณบอกว่าหลังจากห่างเหินกันไปนาน...มันอะไรน่ะครับ?”
“เอ๊ะ!!!...อย่าบอกนะว่าเธอ...?”
“..........................................”
“จำไม่ได้...ไม่รู้งั้นเรอะ?...บรีนไม่เคยเล่าให้ฟังเลยหรือไง?”
...ผมส่ายหน้าแทนคำตอบซึ่งนั่นทำให้พี่กรรณเอามือท้าวเอวและเป่าปากด้วยเพราะคงเซ็งในอารมณ์...
“โธ่เอ้ย!!...2 คนนี่ทำไมช่างบ้าบออะไรอย่างนี้นะ?...บรีนปิดปากเงียบไม่ยอมพูดส่วนนายก็ยังเซ่อซ่าจำอะไรไม่ได้อีกด้วย...มานี่เลยๆ!!!
...พี่กรรณพาผมไปตรงที่ๆไม่มีคนพลุกพล่านแล้วก็เล่าเรื่องในอดีตให้ฟังซึ่งทำให้ผมตกใจจนตาค้าง...
“จริง...จริงหรือครับเนี่ย?”
“ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหละ...ไม่มีคำไหนที่จะโกหก”
...จากที่พี่กรรณเล่า...ในวัยเด็กของผมเมื่อ 14 ปีที่แล้วบรีนเคยมาเที่ยวบ้านอาและวันที่ผมจมน้ำเธอซึ่งขี่จักรยานผ่านมาพบเข้าโดยบังเอิญจึงได้ช่วยเหลือไว้...งั้นที่เห็นบรีนอยู่ในความฝันนั่นก็เป็นความจริงน่ะสิ!!!!...
“ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมในตอนนั้น...ที่แท้ก็คือบรีนเองหรอกหรือ?”
“หึ!!...ทีนี้คงเข้าใจแล้วสินะว่าเธอกับเพื่อนรักของฉันคนนี้มีสายใยผูกผันกันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...คนอื่นอาจจะไม่แต่กับบรีน...เธอคอยเฝ้าคิดถึงแต่เคนคนเดียวมาโดยตลอด...ความรักมันได้เพาะบ่มเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนั้น”
“..........................................”
(ขนลุกซู่เลย...นี่แหละคือเหตุผลที่บรีนไม่ยอมรับรักของนายรุจ)
“ดังนั้นพี่จึงมีความเชื่อว่าพวกเธอทั้งสองจะต้องเป็นเนื้อคู่กันอย่างไม่ต้องสงสัย...อ้อ!!...แล้วไม่ใช่เพียงแค่นี้”
“?”
“นั่นคือ...”
“เอ่อ--...จะกลับแล้วหรือครับคุณหมอ?”
“ก็งานของดิฉันมันเสร็จสิ้นไปหมดแล้วนี่”
...หญิงสาวใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนคไทมีหูฟังคล้องคอสวมเสื้อกาวส์ทับอีกชั้นและอยู่ในสถานที่แห่งนี้เกือบทุกคนก็คงจะต้องบอกว่าเป็นหมอแน่นอนเพียงแต่แววตาที่หนักแน่นใบหน้าอันอิ่มเอิบและท่วงท่าที่มีสง่าราศีของสาวเจ้ากลับทำให้ผมลืมนึกถึงเรื่องของบรีนไปชั่วขณะหนึ่ง...
“ใช่...ศัลยแพทย์หญิงศรเพทาย...หัวหน้าแผนกศัลยกรรมโรงพยาบาล...”
“ศร...เพทาย...ไม่เห็นมีชื่อในกระดานเลยนี่ครับ?”
“เธอได้รับเชิญให้มาผ่าตัดมะเร็งลำไส้ใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อนเป็นกรณีพิเศษ...ไม่ใช่หมอในโรงพยาบาลนี้หรอก”
...แต่ผมว่าถ้าเอาหูฟังกับเสื้อคลุมออกหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ใช่หมอแล้วล่ะครับ...อย่างน้อยก็กางเกงที่ใส่เป็นยีนส์ขาสั้นจุ๊ดจู๋เลย(ขอย้ำว่าสั้นมากๆ)โอ้ว!!...แล้วจะว่าไปเธอก็มีรูปร่างทรวดทรงหน้าตาพอใช้ได้ทีเดียว...
“เข้าใจที่ดิฉันพูดแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ขอบคุณคุณหมอมากครับที่ช่วยแนะนำ...เอ่อคือ--...วันนี้...ที่บอกไปธุระนี่พอจะบอกได้ไหมครับ?”
“ก็ไม่มีอะไรมาก...แค่กลับไปร่วมงานวันเกิดคุณตาค่ะ...ในฐานะหลานสาวคนโตจะทำเฉยไม่ไปไม่ได้...ดิฉันขอตัวนะคะ”
“ดะ...เดี๋ยว!!
“โฮะ?...รู้สึกว่าคุณหมอหนุ่มจบใหม่ท่าทางจะคว้าแห้วไปกินแล้วนะ...เมื่อวานก็ได้ยินข่าวลือมาว่าจะชวนไปดินเนอร์แต่ถูกปฏิเสธเพียงชั่วกระพริบตาเอง”
“..........................................”
(แถมทำตาละห้อยอีกด้วยนะก็เพราะสาวเจ้าเอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่งพลางเดินลิ่วตัวตรงจากไปชนิดไม่หันหลังกลับรวมทั้งไม่ยอมเหลียวมองหรือแวะคุยกับใครเลย)
“ผมหยิกเป็นลอนๆสีน้ำตาลเข้มนี่มันช่างดูเฉียบขาดไม่เบาจริงๆ...แม้แต่งตัวจะไม่ค่อยเหมือนหมอแต่ก็มีคำร่ำลือกันว่าการลงมีดของคุณหมอศรเพทายนั้นทั้งแม่นยำและยอดเยี่ยมชนิดหาตัวจับยากเชียวล่ะ...อายุก็ยังไม่มากด้วย”
“เท่าไหร่ครับ?”
“ราวๆสัก 26 - 27 เท่านั้นเอง”
“ฮ้า!!!
(รุ่นราวคราวเดียวกับบรีนและพี่กรรณนี่นา)
“อะไร?...ยังมีแก่ใจไปสนหญิงอื่นอีก!!!...เรื่องของบรีนจะเอายังไงกันแน่ยะ?”
“.........................................”
“เอาเป็นว่าเรื่องที่พี่จะบอกเมื่อกี้...เคนไปรอถามบรีนเอาเองเถอะเพราะเจ้าตัวจะสามารถเล่าเรื่องราวได้ดีกว่าใคร”
“หมายถึงเรื่องที่เคยช่วยชีวิตผมไว้หรือครับ?”
“ไม่ใช่!!!!...มันเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนายอีกอย่างหนึ่งซึ่งบรีนยังกุมความลับเอาไว้และไม่เคยบอกให้ใครรู้”
.......................................................................................................................................

“สุดยอด!!!...อายุแค่ 26 แต่เป็นถึงหัวหน้าแผนกศัลยกรรม...แล้วสวยป่ะ?”
“ก็...เอ้ยเอ๊าะ!!...นั่นไง!!!...เธออยู่ตรงนั้น”
...บังเอิญสุดๆ!!!!...นึกว่าจะไปไหนต่อไหนซะแล้วแต่ที่แท้กลับอยู่แถวๆนี้เองเมื่อผมกับเจ้าเอ๊าะแวะกินข้าวเย็นที่ร้านใกล้ๆมหาวิทยาลัยทางนอกเมืองหลังจากไปวิ่งออกกำลังกายก็พบหมอสาววัย 26 กำลังยกแก้วเบียร์ดื่มอึกๆๆโดยมีคนอีก 3 คนเป็นชาย 2 หญิงอีก 1 ซึ่งต่างแต่งชุดสูทสีดำล้วนนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย...
“โอ้โห~~...ถึงเธอจะไม่สวยอะไรมากมายแต่ท่าทางคอแข็งไม่เบานะเนี่ย”
“..........................................”
“แล้วนั่นผู้คุ้มกันส่วนตัวหรือเปล่า?”
“ถ้างั้นสงสัยเป็นลูกสาวเจ้าพ่อว่ะเคนและในสูทของ 3 คนนั้นท่าจะมีปืนอยู่แหงๆ”
“พอแค่นี้เถอะนะครับคุณหนู”
“จะเอาเบียร์ฉันไปไหน?...อ๊า~~...ขัดใจจริงเชียว!!!
“คุณหนูดื่มมากเกินไปแล้วนะคะ”
“อีกอย่าง...ถ้าคุณหนูรองเกิดมาเห็นเข้าก็อาจจะไม่พอใจได้ครับ”
“เฮอะ!!...นี่ไปๆมาๆพวกนายก็กลัวยัยโดราเอม่อนมากกว่าฉันงั้นเรอะ?...เอาคืนมา!!!
“.............................................”
“.............................................”
“.............................................”
...ผู้คุ้มกันส่วนตัว(?)ทั้ง 3 คนต่างก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งซึ่งนั่นทำให้เจ้านายสาวกระดกเบียร์สดเข้าปากอย่างสบายใจเฉิบต่อไป...บุคลิกต่างกับตอนบ่ายลิบลับเลย...
“ว่าแต่เจ้าแมวหลงทางเมื่อไหร่จะมาสักที?...ปล่อยให้คนอื่นต้องรอมันไม่ใช่สิ่งดี...ใครก็ได้ไปตามหล่อนทีซิ!!
“ท่าจะไม่ไหวว่ะ”
“นั่นดิ”
...เสื้อผ้ายังเป็นชุดเดิมกับที่ผมเห็นที่โรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากนี้มากนักเพียงแค่ถอดเสื้อกาวส์ออกและเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว...
“มึงว่าเราจะโดนอัดมั้ยวะถ้าคิดไปทักเธอ?”
“อย่าริลองของเลย...หึย~~...จะ...จ้องเขม็งมาทางพวกเราว่ะ!!!...ทำ...ทำไม?”
“กะ...กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะว้อย!!!!...รึจะได้ยินที่พวกเราพูด?”
“ใครจะไปรู้วะ?...ก็เรื่องพรรค์นี้มึงมันไวนักนี่ไอ้เอ๊าะ!!!
“ก็บอกว่ากู!!!...เอ๊ะ?..พวกผมไม่ได้สั่งไอ้นี่”
“คือคุณผู้หญิงโต๊ะนั้นบอกให้เอามาให้พวกพี่ครับ”
(คุณหมอศรเพทาย!!!)
“ว้าว!!...เอาไงดีล่ะเคน?...นี่แสดงว่าเธออยากรู้จักเรานะ”
“คุณทั้ง 2 คะ...คุณหนูของเราขอเชิญไปนั่งด้วยกันค่ะ”
“กรุณาเร็วด้วยนะครับ...ไม่งั้นคุณหนูอาจจะไม่พอใจ”
“........................................”
“........................................”
(อย่างงี้ก็มีด้วยวุ้ย?)
“อ้าวๆๆ...เมียกูโทรตามแล้ว...ขอตัวก่อนนะ”
“เอ๊าะ!!...มึงกล้าทิ้งกูเหรอ?”
“น่าเสียดายจริงๆ...เอ้ามึงก็ดูสิเนี่ย!!!
“ไอ้บ้า!!!!...พี่มึงเองไม่ใช่เหรอไง?”
“ตอนนี้พี่ก็เหมือนเมียกูแล้วล่ะว่ะ”
...มันช่างเป็นเพื่อนที่ดีเลิศประเสริฐศรีจริงจริ๊ง~~...เอาตัวรอดไปเรียบร้อยแล้วนะเอ็ง!!!...
“อืม...นั่นเขาไปไหนซะล่ะ?”
“เอ่อ--...พอดีคนที่บ้านโทรตามกลับครับ”
“หรือไม่ต้องการนั่งร่วมโต๊ะกับฉัน?”
“ไม่ใช่...ไม่ใช่เลยนะครับ”
...อุ!!!...ผู้คุ้มกันทั้ง 3 ที่ย้ายไปนั่งโต๊ะข้างๆกันต่างมองผมเป็นตาเดียวแต่นายสาวกลับโบกมือ...
“ช่างเถอะๆ...ยินดีที่ได้รู้จักนะ...ฉันชื่อเซค”
(เซค?)
“ผม...ชื่อเคนครับและขอบคุณมากที่เลี้ยงเบียร์ผมกับเพื่อน”
(ขนาดจะรีบกลับเจ้าเอ๊าะแม่งยังงกแดกหมดแก้วโดยอ้างว่าไม่อยากให้หมอสาวเสียน้ำใจ)
“จะสั่งอะไรก็ได้ตามสบายเลย...อือ--...พอดีฉันอยากได้เพื่อนคุยแก้เซ็งน่ะ...นายมีเรื่องอะไรสนุกๆก็มาเล่าให้ฟังหน่อยซิ”
“..........................................”
...จู่ๆก็ขอกันแบบนี้แล้วผมจะไปหาเรื่องสนุกที่ไหนมาเล่าล่ะเนี่ย?...
“..........................................”
“..........................................”
...แววตาอันเรียบเฉยสบายๆของหญิงสาวกำลังจับจ้องมาที่ผม...เดี๋ยวก่อน!!...ในเมื่อเจ้าหล่อนเป็นหมอ...
“นี่มันอาจจะไม่ใช่เรื่องสนุกแต่ผมอยากให้คุณหมอช่วยตอบ”
“เชิญพูดออกมาได้ตามสะดวก...โอ๋~~...นี่นายรู้ได้ยังไงกันว่าฉันเป็นหมอ?”
“ก็ป้ายชื่อที่เสื้อและมีชื่อโรงพยาบาลด้วยส่วนข้างๆนั่นก็คือกระเป๋าใส่เครื่องมือแพทย์ไม่ใช่หรือครับ?”
“อ่อ--...ฮะๆๆ...อ่ะ!!...ถามมาสิ”
“คุณหมอคิดว่าคนที่เอ็นข้อมือขาดไปแล้วจะสามารถรักษาจนกลับมาใช้ได้เหมือนเดิมมั้ยครับ?”
“มันก็...แล้วแต่กรณีนะ...ถ้าพามารักษาได้ทันท่วงทีก็จะมีสิทธิ์กลับมาหายเป็นปกติในเปอร์เซ็นต์ที่สูงแต่มันต้องขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา...ฝีมือของแพทย์ผู้รับผิดชอบรวมทั้งการแข่งกับเวลาด้วยโดยถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะกลับมาปกติเต็มร้อยเสมอไป...อายุ...สภาพร่างกายผู้ป่วยคือส่วนหนึ่งของปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง”
“.............................................”
“นายเคยเห็นนักฟุตบอลมั้ย?...ที่มักจะมีข่าวเส้นเอ็นข้อเท้าหรือไม่ก็หัวเข่าฉีกขาดแต่ก็รักษาหายแล้วกลับมาลงสนามได้เหมือนเดิม...นั่นน่ะรักษาแบบคอยประคบประหงมจ่ายเงินหนักๆใช้ยาชั้นดีทั้งนั้น”
“และอย่างถ้า...โดนเข็มเสียบเข้าล่ะครับ?”
“นายจะบอกว่า...ถูกเข็มเสียบที่เอ็นข้อมือ?”
“ครับ”
“แล้วหมอเขาบอกเรอะว่าเส้นเอ็นข้อมือขาด?”
“เปล่า...คือผมเห็นเขาเลือดออกเยอะมาก”
“อะไร!!...เลือดออกเยอะมากก็หมายความว่าเข็มนั่นจะไปถูกเส้นเอ็นซะเมื่อไหร่กันเล่า?”
“?”
“เพราะมันอาจจะไปโดนเส้นเลือดเข้าก็ได้...อย่าเพิ่งด่วนเข้าใจผิด...แต่เข็มเย็บผ้าเล่มแค่นิดเดียวทำไม?”
“ไม่ใช่เข็มเย็บผ้าหรอกครับ”
...ตามที่พี่จุนบอก...เข็มที่เสียบอกนายรุจมีความหนาและหนักกว่าทั่วๆไปซึ่งอาจมันทำมาจากเงินหรือไม่ก็ตะกั่ว...
“เข็มเงิน...ยาวราวๆคืบหนึ่ง?”
“อาจจะเป็นเช่นนั้นครับ”
...คุยถึงตรงนี้ทำไมศัลยแพทย์สาวจึงดูมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีเลยนะ?...
“เอาละ!!!...ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดเพราะฉันไม่ได้เห็นกับตาแต่ที่ฟังๆจากนายเล่า...อาการนายคนนั้นคงไม่เบาทีเดียว...ก็ดีแล้วที่โดนแค่นี้”
(จริงด้วย)
“เดี๋ยวก่อน!!...ฉันคิดว่าเมื่อตอนกลางวันนี้ก็เห็นเธออยู่ที่โรงพยาบาล?”
“ใช่แล้วครับ...เอ่อ--...คือคนรู้จักของผมบอกว่าคุณหมอ...”
“จะชื่อศรเพทายหรือจะชื่อเซคต่างก็เรียกฉันได้ทั้งนั้น...ไม่จำเป็นต้องเรียกคุณหมอเสมอไปหรอกน่า”
“งั้นผมเรียกพี่เซค”
“เอาสิ”
“ว่าแต่นี่คงเป็นชื่อเล่น?”
“...มันก็มีที่มาจากชื่อจริงนั่นแหละ”
“?”
“...เพทายเป็นอัญมณีชนิดหนึ่งซึ่งภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Zircon
“จึงเรียกรวมแบบสั้นๆว่าเซคสินะครับ?”
“โอ้!!!...เก่งมาก”
...แล้วคุณศรเพทายก็ยกนิ้วโป้งให้...จากนั้นผมมีความสงสัยเกี่ยวกับเครื่องประดับที่หญิงสาวห้อยอยู่...
“ที่แขวนอยู่นั่นคืออะไรครับ?”
“หือ?...ก็สร้อยคอน่ะสิถามได้”
“ไม่...ที่เป็นคล้ายๆปลายลูกศร”
“อ๋อเนี่ยเรอะ?...อัญมณีประจำตัวของฉันเอง...มันก็คือเพทาย 1 ในแก้ว 9 ประการหรือที่เรียกอีกอย่างว่านพรัตน์ไง”
“เจียระไนเป็นรูปปลายลูกศรแล้วก็เม็ดโตไม่เบา...ท่าทางจะราคาแพงมาก”
“แพงไม่แพงนี่ไม่ทราบและไม่สันทัดแต่รู้แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ติดตัวมาตั้งแต่เล็กแล้วก็เปรียบเสมือนเครื่องรางที่ช่วยปกปักรักษาส่งเสริมมงคลให้แก่ชีวิตฉันรวมทั้งเป็นที่มาของชื่อ...ศรเพทาย”
“นพรัตน์...”
“เขาจึงได้ผูกเป็นกลอนไว้...เพชรน้ำดีมณีแดงเขียวใสแสงมรกตเหลืองใสสดบุษราคัมแดงแก่ก่ำโกเมนเอกศรีหมอกเมฆนิลกาฬมุกดาหารหมอกมัวแดงสลัวเพทายสังวาลสายไพฑูรย์”
“...แดงสลัวเพทาย”
“จะว่ามันเป็นสิ่งนำโชคของฉันก็ไม่ผิดนัก...อย่างน้อยๆเวลาเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานเพียงแค่มองดูมันก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและใจเย็นขึ้นเยอะ”
“แต่ผมว่าคงไม่ใช่สำหรับตอนนี้”
“อะไร?”
“ก็เวลานี้พี่ดื่มจนเมาและดุพี่ๆที่มาด้วยตั้งหลายครั้ง...ไม่ใจเย็นแล้ว”
“...ปกติไม่ใช่อย่างนี้”
“หรือครับ?”
“จริงๆ...ปกติตอนไม่เมานี่พี่น่ารักน๊า~~...ทั้งสุขุมเยือกเย็นนิสัยก็อ่อนหวานมากด้วยจึงมีหนุ่มๆมาจีบหลายคนแต่ขอโทษที...พี่ปฏิเสธเรียบตั้งแต่เริ่มอ้าปากแล้ว...ฮึๆๆๆ”
(บรรยายสรรพคุณตัวเองให้เพศตรงข้ามฟังพลางหัวเราะร่วนหน้าตาเฉยเลย)
“งั้นขณะนี้พี่ก็รู้ตัวว่าเมา?”
“.........................................”
“และอยากบอกว่าตอนเมากับไม่เมานิสัยจะเปลี่ยนไปเห็นๆ”
“เออสิยะ!!...ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าน้ำเปลี่ยนนิสัยรึเจ้าหนุ่ม?”
...อายุของผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างกับบรีนก็จริงแต่นิสัยใจคอกลับไปคนละทางกันเลย...รึไม่งั้นก็เป็นเพราะว่าผมยังไม่เคยเห็นอีกด้านหนึ่งของตัวเธอที่อยู่ในโรงพยาบาลและห้องผ่าตัด...
“หืม--...หน้าฉันมีอะไรติดอยู่เหรอ?...เห็นมองจริง”
“ผมพี่เซคสวยจังนะครับ”
(มีกลิ่นหอมด้วย)
“ฮึ!!...พูดแบบนี้คิดจะจีบฉันหรือไง?”
“ไม่ใช่นะ!!
“งั้นก็แล้วไป...หึๆ...ถ้านายคิดจะจีบรับรองว่าต้องถูกฉันหักอกภายใน 5 วินาที!!!
“.......................................”
“ผมพี่ก็หยิกเป็นลอนทั้งหัวมาตั้งแต่เล็กๆ...ไม่สิ...อาจจะตั้งแต่เกิดเลยก็ได้มั้ง?”
“สีด้วย?”
“ย้อมเอาต่างหากล่ะ”
...เส้นผมสีน้ำตาลเข้มและหยิกเป็นลอนยาวถึงกลางแผ่นหลัง...ยิ่งเป็นหมอตัวจริงเสียงจริงด้วยแล้วก็เลยกลายเป็นตัวเสริมแต่งให้มีมาดดูดีมากขึ้นไปอีก...
“แต่พี่เป็นหมอแล้วมาดื่มเหล้าเบียร์กับสูบบุหรี่ในที่แบบนี้มัน...”
“ทำไมยะ?...มีกฎหมายมาตราไหนและวรรคไหนห้ามหมอกินเหล้าสูบบุหรี่หึ?...ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลสักหน่อย”
(แป่ว~~)
“หมอก็เป็นคนและมีเลือดมีเนื้อ...ย่อมต้องการผ่อนคลายหรือหาเวลาปล่อยอารมณ์กันบ้างสิ”
(พูดอีกก็ถูกอีก)
“แต่มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไหร่...อีกอย่างพี่ก็ดื่มเยอะมากแล้ว”
“ฉันรู้ลิมิตของตัวเองดีและนี่มันยังเติมเต็มไม่พอกับสิ่งที่เสียไปเลย”
(เติมเต็มอะไรกันหว่า?)
“แล้วตัวนายเล่า!!...มีเรื่องกลุ้มใจอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“หา!!!...พี่รู้ได้ยังไง?”
“ฮึๆๆ...ฉันไม่ใช่จิตแพทย์แต่ถ้าเป็นการสังเกตจากสีหน้าก็พอได้อยู่...จะเล่าให้ฟังบ้างได้ไหมล่ะ?”
“.........................................”
“เผื่อว่าจะช่วยแนะนำอะไรได้ไง...นี่ไม่ใช่ว่าฉันชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านแต่เพราะสังเกตเห็นแววตานายมันดูมีความขุ่นข้องหมองใจคล้ายกับยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกน่ะ”
...แล้วเรา 2 คนต่างก็เงียบไม่คุยอะไรกันไปพักหนึ่ง...จะเล่าออกไปดีมั้ยเนี่ยเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวอีกอย่างผมก็เพิ่งจะรู้จักกับคุณหมอสาวคนนี้ไม่นาน?...
“จะสูบบุหรี่นะ”
“เชิญครับ”
“.........................................”
“ตามใจถ้าจะไม่พูดแต่ก็กรุณาลุกไปจากโต๊ะด้วย...คือเวลานี้ฉันนึกเรื่องจะคุยกับนายไม่ออกแล้ว”
...อันที่จริงผมน่าจะกลับบ้านได้แล้วแต่ในใจก็ยังอยากคุยกับคุณศรเพทายอยู่...เพราะอะไร?...ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้คุยสนุกอะไรมากมายเลยแท้ๆคือมันราวกับมีอะไรบางอย่างในตัวหล่อนที่ดึงดูดความสนใจของผมเอาไว้...
“.........................................”
“.........................................”
“ก็ได้ครับ”
“หึ!!
...ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองกับสาวคนรักให้ศัลยแพทย์หญิงฟังพอคร่าวๆ...
“ตอนเล่าเรื่องเส้นเอ็นข้อมือขาดก็กะแล้วว่าต้องเกี่ยวกับตัวนายเองและเกี่ยวข้องกับความรักที่ฉันไม่ชอบเอามากๆ...แต่เอาน่ะ!!...ยังไงก็พอจะชี้แนะทางสว่างให้ได้”
“เวลานี้ผมสับสนและยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำยังไงต่อไปเมื่อได้รู้ความจริงที่น่าตกใจ”
“อย่างงั้น...เหรอ?...แต่มันก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นชวนให้ลุ้นระทึกและคิดไม่ถึงจริงๆ”
“ผมไม่ได้โกหกแม้สักคำเดียวนะครับ!!
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา--”
“...ขนาดเจอเข้ากับตัวเองผมก็ยังไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นไปได้เลย”
“แล้วสิ่งที่นายยังคิดไม่ตกคืออะไร?”
...คุณศรเพทายถามพลางยกแก้วดื่มเบียร์รวดเดียวหมดหลังสูบบุหรี่หมดไปมวนหนึ่ง...เป็นคอทองแดงตัวจริงโดยแท้เพราะตั้งแต่นั่งคุยกันมาหล่อนแทบจะไม่หยุดกระดกน้ำเมาผ่านลำคอ...
“อื้อ!!...รสชาติเบียร์สดนี่ช่างสุดยอดจริงจริ๊ง~~...ให้มันได้อย่างนี้!!!...อะไรนะ?”
“...........................................”
“เมื่อกี้พูดว่า...เพราะแฟนเคยตั้งท้องกับชายอื่นมาก่อนจะแท้งและก็ไม่ได้บอกนาย...แค่นี้เองเรอะ?”
“ชะ...ใช่ครับ...อย่างน้อยๆเธอก็น่าจะบอกกันมั่ง...ไม่รู้ทำไมยังจะต้องปิดบังอีก?”
“นี่คือเหตุผลที่กำลังกลุ้มใจ?”
“ครับ...ทั้งที่ผมให้ความเชื่อมั่นในตัวเธอและมั่นใจมาตลอดว่าเรา 2 คนจะไม่มีความลับกันอีกต่อไป...แต่...”
“สรุปว่าที่เล่ามาทั้งหมดก็คือแค่เนี้ย?...สาเหตุที่นายเกิดความลังเลและไม่รู้ว่าจะสานต่อชีวิตรักกับผู้หญิงคนนี้ต่อไปดีหรือไม่?...มีแค่เนี้ย?”
“...ครับ
(พูดคำว่าแค่เนี้ยบ่อยจัง?)
“แค่เนี้ยจริงอ่ะ?”
“.........................................”
“ชิชะ!!...ช่างเสียเวลาที่ฟังจริงๆเลยว่ะ”
!!
“ฉันบอกว่าช่างเสียเวลาที่ฟังนายเล่าจริงๆ...ชัดยัง?”
“?”
“ยังจะมาทำหน้าเอ๋อเหรออีกแน่ะ?...ว่านายนั่นแหละ!!...ฉันขอเดาก่อนเลยว่าคนใกล้ตัวจะต้องให้คำแนะนำกับนายมากเกินพอแล้วนะ”
“ครับ...พวกเขาคอยเตือนสติและมักให้ข้อคิดกับผมเสมอ”
“นั่นสิ!!...แล้วยังจะมัวมาเสียเวลาคิดมากกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องทำไมมิทราบ?...มนุษย์เราน่ะอย่างน้อยก็จะต้องมีข้อด้อยสักอย่างที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้แม้ต่อให้เป็นคนที่รักกันมากแค่ไหนโดยฉันหรือนายก็ไม่ถือเป็นข้อยกเว้น”
“.........................................”
“โดยเฉพาะการแท้งลูก...สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งแล้วนับได้ว่ามันเป็นความทรงจำที่เลวร้ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทีเดียว!!!!...แม้เด็กในท้องจะเป็นลูกของคนที่ตัวเองไม่ได้รักแต่เด็กก็คือเด็ก...เขาบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและยังไม่มีมลทินแปดเปื้อนเหมือนผู้ใหญ่อย่างเราๆ”
“พี่เซค...”
“ฉันมีความคิดเห็นว่านายควรจะทำความเข้าใจกับสิ่งซึ่งมีชีวิตและมีจิตใจอันแสนละเอียดอ่อนที่เรียกว่าผู้หญิงซะใหม่”
“?”
“ขอถามและต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้...ถ้าเป็นนายๆจะรู้สึกยังไงหรือที่ตัวเองรู้ว่าได้สูญเสียสิ่งสำคัญอย่างลูกในท้อง...หา?”
“มัน...ต้องเลวร้ายมากๆเลยครับ”
“ถูกต้อง!!!...ในเมื่อเลวร้ายก็ต้องอยากลืมโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และไม่ต้องการรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก...ใช่ไหม?”
“จริงด้วย”
“ดังนั้นนายก็ควรจะเข้าใจความรู้สึกของแฟนนายซะบ้างสิ”
“..........................................”
“เธอผู้นี้อยากเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับนายโดยละทิ้งอดีตที่มีแต่รอยแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจเอาไว้อยู่เบื้องหลัง...รวมทั้งหวังจะฝากชีวิตในปัจจุบันกับอนาคตข้างหน้าไว้ให้นายดูแลด้วย...งั้นทำไมล่ะ?...ทำไมนายยังจะเฝ้าเอาแต่ขุดคุ้ยสิ่งที่ผ่านเลยมาแล้วเพื่อให้มันคอยกัดกร่อนหัวใจของตัวเองจนจมปลักอยู่แต่ในทะเลแห่งความเศร้าโศกและเป็นทุกข์อีก?”
...คำพูดของคุณหมอสาววัย 26 เปรียบเสมือนอสุนีบาตซึ่งได้ฟาดผ่าลงกลางกระหม่อมของผมอย่างรุนแรง...รู้สึกราวกับหัวสมองมันกลวงโล่งว่างเปล่า...
“ถ้าอย่างนั้น...นี่ผมก็กำลังจะทำสิ่งที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง...กำลังจะทำเรื่องโง่เง่าอย่างไม่น่าให้อภัยลงไปแล้วหรือเนี่ย?”
“...มันยังไม่สายเกินแก้ไขหรอก”
“พี่เซคช่วยเตือนสติของผมแท้ๆเลยครับ...ความคิดอันงี่เง่าไร้สาระมันจะทำให้ผมสูญเสียหญิงสาวอันเป็นที่รักยิ่งไป...ทั้งที่...ทั้งที่ตัวผมเคยยอมสละชีวิตเอาร่างกายเข้ารับลูกกระสุนปืนแทนเธอ”
“จริงๆฉันก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญหรือเคยมีประสบการณ์กับตัวในด้านความรักอะไรมาจากไหนมากมายนักหรอกแต่เป็นเพียงหมอคนหนึ่งที่คิดถึงแค่คนไข้และชีวิตในวันๆหนึ่งก็เดินเข้าเดินออกแต่ในโรงพยาบาลกับห้องผ่าตัด...ถึงอย่างนั้นก็อยากจะขอพูดอะไรอีกสักนิด...นายจะเสียเวลาฟังมั้ย?”
“ผมจะฟังด้วยความยินดีอย่างที่สุดครับ”
“ดี!!...นี่ถ้าเป็นบรรดาน้องๆของฉันทั้งผมยาวผมสั้น...ทั้งผมสีดำผมสีทองหรือกระทั่งผมสีเงิน...รับรองว่าได้เบือนหน้าหนีกับเรื่องพรรค์นี้ไปคนละทิศละทางเลยและจะไม่มัวมานั่งบ่นเป็นยัยเพิ้งอย่างฉันแน่...เอ้า!!...เงี่ยหูฟังให้ดีๆเพราะจะพูดแค่ครั้งเดียว”
“.........................................”
“ผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิตนายไว้เมื่อตอนเด็กๆก็ยังเป็นเธอคนเดียวกับที่กำลังคบหาแฟนกันในขณะนี้ด้วย...ถูกใช่มั้ย?”
“ครับ”
“แหม่~~...แล้วเธอคนนี้ก็มียังจิตใจห่วงหาอาทรเฝ้าคิดถึงแต่นายมาตลอดทุกลมหายใจและตั้งปณิธานว่าจะต้องกลับมาพบนายอีกครั้ง...อา--...มันช่างเป็นอะไรที่น่าซาบซึ้งและชวนให้อิจฉาซะเหลือเกิน”
“พี่หมายความว่า...”
“อื้ม!!!...ฉันกำลังจะถามต่อไปนี้ไงว่าในเมื่อนายความจริงทุกอย่างแล้วเรื่องที่นายสมควรจะทำอย่างไม่รีรอก่อนมันจะสายเกินไปคืออะไร?...คิดให้ดีๆแล้วตอบมาซิ”
“.........................................”
“.........................................”
“ใช่แล้วครับ!!!!...สิ่งที่ผมควรจะกระทำก็คือกลับไปหาหญิงอันเป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตคนนั้น...โธ่เอ๊ย~~...ทำไมเรื่องง่ายๆแค่นี้ถึงมัวมาลังเลใจอยู่ได้นะ?”
...นั่นคือบรีนยังจดจำเรื่องราวเมื่อ 14 ปีก่อนได้และเธอก็เฝ้ารอวันที่จะพบกับเด็กชายในความทรงจำครั้งยังอดีตซึ่งนั่นคือตัวผมมาโดยตลอด...เมื่อมีโอกาสปลดปล่อยตัวเองเป็นอิสระหญิงสาวจึงออกตามหาความรักครั้งแรกในชีวิต...
“ฮ่าๆๆๆ...เป็นคำตอบที่ดีมากจริงๆไอ้น้อง!!!...ขอชมเชยๆ”
“เพราะพี่เซคช่วยผมไว้แท้ๆเลยนะครับ”
“ม่ายๆๆ...นายช่วยตัวของนายเองไว้ต่างหากเล่า...โอ้!!...แววตาอันสดใสราวกับดวงจันทราบนท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งเมฆหมอกบดบัง...นี่แสดงว่าไม่มีความลังเลเหลืออยู่อีกแล้วใช่ไหม?"
(ถูกต้องที่สุด!!!!...บัดนี้เรารู้สึกจิตใจปลอดโปร่งและมีความปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก)
“เสียงอะไรดัง?”
“มือถือของพี่ครับ”
“อ้อๆๆ...มี...ข้อความเข้า 1 ฉบับ...ใครส่งฟะ?”
“.........................................”
East...อะไรกันหว่า?”
“ทิศตะวันออก?”
“ไม่ต้องไปสนใจ...โอ้!!...เดี๋ยวขอต่ออีกแก้วแก้ง่วงดีกว่า”
...ตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนเกือบจะ 2 ทุ่มแล้วแต่คุณศรเพทายก็ยังไม่เลิกคบหากับน้ำเมา...
“อีสต์ๆๆ...หวา!!!!
“มีอะไรหรือครับ?”
East...งั้นเหรอ?...ไม่...ฉันนี่ไม่น่าลืมไปได้เล้ย~~...ฮึ่ย!!
...จู่ๆคุณหมอสาวก็พรวดพราดลุกขึ้นพลางมีสีหน้าที่ตื่นตกใจไม่น้อย...ท่าทางก็เหมือนจะมองใครอยู่ด้วย...
“โอ่ย~~...หายเมาเลยฉัน!!!...มารับถึงที่เชียวแฮะ”
“ใครครับ?”
(มองไปทางด้านหน้าก็ไม่มีคนนอกจากเด็กเสริฟ์ของร้าน)
“จากข้อความนี้ถ้าฉันนึกออกก็จะรู้ความหมายทันที...เฮ่~~...พวกนายรีบตามเด็กมาคิดเงินเร็ว!!...เราจะไปกันแล้ว”
“ยังทานอาหารไม่หมดเลยครับ?”
“ก็ห่อกลับสิ!!...และถ้ามัวชักช้านะ...ระวังจะซวยอย่างไม่รู้ตัวเพราะคนที่พวกนายกลัวที่สุดน่ะมาถึงนี่แล้ว!!!
...ผู้คุ้มกันทั้ง 3 พอได้ฟังต่างก็รีบจัดการตามคำสั่งอย่างไม่รอช้า...ว่าแต่คนที่พวกเขากลัวที่สุดเป็นใครกันนะ?...
“ขอบคุณพี่เซคอีกครั้ง...ผมจะไม่มีวันลืมเลยครับ”
“ฮะๆๆ...ฉันไม่ได้ช่วยอะไรนายสักนิด...ไม่ต้อง...ถือเป็นบุญเป็นคุณกันร้อก~~...เพราะยังไงพวกผู้ชายในความคิดของฉัน...ก็ไม่มีวัน...เปลี่ยนแปลง...นั่นคือมันห่วยแตกเหมือนกันทั้งหมด!!!!
“............................................”
“อ๊ะ!!!...เดี๋ยวก่อนๆ...ฉันยังติดใจกับเรื่อง...”
“?”
“พอจะรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นซัดเข็มใส่อดีตสามีของแฟนนาย?”
“คือ...ผมเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้หญิง”
“เด็ก...ผู้หญิง...ตลกน่ะ!!!
“ไม่ตลกแน่นอน...อายุเธอราวๆสัก 13 – 14 ขวบ...มันไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะครับ?...ผมเล่าให้ใครฟังแต่ก็ไม่มีใครยอมเชื่อ”
“...อายุ 13 – 14...ส่วนฉัน 26 ซึ่งถ้าจะว่ากันก็คือเป็นพี่ใหญ่กับน้องเล็ก...แล้วเด็กคนนั้น...เค้ามีลักษณะพิเศษอะไรบ้างไหม?”
“เอ่อ--...ที่เด่นๆเลยคือเธอมีผมสีทองและก็มีสีดำแซมเป็นริ้วๆรอบหัวคล้ายลายบนตัวเสือครับ”
“อื้มๆๆ”
...นัยน์ตาของพี่เซคเบิกโตขึ้นซึ่งดูท่าจะสนอกสนใจเรื่องราวของน้องป้อมไม่ใช่น้อยทีเดียว!?...
“แต่งตัวก็เฉี่ยวไม่เบา...ใส่ถุงน่องและกางเกงขาสั้นข้างยาวข้าง...สวมหมวกฟาง...ที่ตาซ้ายยังมีผ้าก๊อสปิดไว้อีกด้วย”
“โอ้!!...แปลกจริงเลยนะแถมยังบังเอิญมากๆอีกต่างหาก”
“บังเอิญ?”
“อ้า!!!...แบบว่า--...ก็...หายากไงที่จะมีคนท่าทางแปลกๆอย่างนั้น...ที่จริงมันทั้งแปลกและก็ไม่ธรรมดาตั้งแต่ใช้เข็มเงินเป็นอาวุธแล้วละ”
“ชื่อก็ยังประหลาด...เสือน้อย”
“ต๊าย!!...อยากเห็นหน้าเด็กคนนี้อีกสักครั้งจัง...ฮะๆๆๆ”
“แต่ชื่อเล่นจริงๆชื่อป้อม”
“คิกๆๆ...เอาเข้าไป”
“หัวเราะอะไรหรือครับ?”
“อ๋อ!!...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
“หรือพี่ไม่เชื่อผม?”
“ไม่ๆๆๆ...เชื่อสิจ๊ะแถมเชื่อโดยสนิทใจเลยด้วย...แหม~~...ช่างน่าภาคภูมิใจเหลือเกิน”
“ภาคภูมิใจ?”
“อ่า--...ก็ที่เด็กหญิงคนนั้นทำความดีช่วยชีวิตนายไว้ไงเล่า~~...โอ๊ะๆ!!
“ระวังครับคุณหนู!!!
“เดินไหวนะครับ?”
“ไหวซี่~~...เอ๊ะๆๆ?...แล้วพวกนายซื้อเบียร์กระป๋องให้ฉันเรอะเปล่าน่ะ?”
“ปละ...เปล่าค่ะ”
“ฮื่อ~~...ขัดใจจริงเชียว!!!...คืนนี้ฉันได้ฟังเรื่องราวดีๆแล้วเกิดความสุขใจก็เลยอยากจะไปฉลองต่อบนรถจนถึงบ้านบูรพา...หล่อนรีบไปหามาเดี๋ยวนี้นะยะ!!...โอ้!!...โชคดีนะเจ้าหนุ่ม...ขอให้สุขสมหวังในความรักในเร็ววันจ้ะ”
“................................................”
...ถ้าเรื่องดีๆที่พี่เซคพูดถึงก็คือช่วยชี้แนะทางแห่งแสงสว่างให้ผมก็ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ครับ...
“ชีวิตของเรานี่ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้นะที่ได้มีโอกาสรู้จักและตอบแทนต่อผู้มีพระคุณทั้งในอดีตและในปัจจุบัน”
..................................................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น